ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 812 การทดลองเบื้องต้น (2)
เจสันถือปืนด้วยความระมัดระวังขณะเดินอยู่ในป่า
“นายว่ารอบๆ มันเงียบเกินไปไหม” เขาถามลู่เซิ่งที่อยู่ด้านหลังเบาๆ
“ใช่ เงียบไปหน่อย แต่ในป่าเดิมทีก็เงียบอยู่แล้ว ตอนนี้เป็นช่วงบ่ายที่ร้อนที่สุดพอดีด้วย” ลู่เซิ่งตอบ
“งั้นเหรอ” เจสันตอบอย่างสงสัย “จริงสิ เหมือนเมื่อกี้ฉันจะได้ยินเสียงปืนนะ นายได้ยินไหม”
ลู่เซิ่งส่ายหน้า เขากลัวว่าถ้าบอกไปแล้วจะทำให้เจสันตกใจ
“ไม่ รอบๆ ไม่มีเสียงอะไรเลย”
“หามาถึงนี่แล้วยังไม่เจอเบาะแสอะไรอีก พวกเรากลับไปรวมตัวกับคนอื่นก่อนดีกว่าไหม” เจสันแนะนำ
“กลับไปเหรอ” ลู่เซิ่งส่ายหน้า “ตอนนี้เร็วเกินไปที่จะกลับ พวกเราหาดูอีกสักหน่อยเถอะ ไม่แน่อาจจะเจอเบาะแสอะไรสักอย่างจริงๆ ก็ได้ อย่าลืมสิว่าคดีจะแบ่งเงินตามความดีความชอบ”
พอได้ยินคำว่าเงิน เจสันก็หวั่นไหวทันที
เขาแตกต่างกับแจ๊คซึ่งเป็นร่างสิงของลู่เซิ่งตรงที่แจ๊คได้รับการช่วยเหลือจากผู้เป็นแม่ตลอดเวลา แม้เขาจะดื้อด้าน ไม่อยากได้เงินของทางนั้น แต่อย่างน้อยก็ใช้ชีวิตมีกินอยู่ตัวคนเดียวได้
แต่เจสันยังมีแม่ที่นอนป่วยติดเตียง เขาต้องเงินเดือนทุกเดือนไปใช้ซื้อยาและรักษาแม่
และเหลือให้ตัวเองใช้นิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น
นี่ทำให้เขาจะเข้าร่วมกับภารกิจที่อันตรายเกือบทุกครั้ง ขอแค่มีเงินก็พอ
ฟ้าว…
อยู่ๆ ก็มีเสียงลมพัดมาแผ่วเบา
“นายได้ยินเสียงอะไรไหม” เจสันโพล่งถาม
ลู่เซิ่งขมวดคิ้ว ขณะกำลังจะตอบ
กรรซ์!
ทันใดนั้นก็มีเงาดำสายหนึ่งโถมเข้าใส่เขาจากด้านหลัง
ลู่เซิ่งเกร็งกล้ามเนื้อหลัง ออกแรงสองขาที่พัฒนาไปถึงขีดจำกัดตีลังกาไปด้านข้าง หลบพ้นเงาดำด้านหลังไปอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด
“เฮ้ย!” เจสันที่อยู่ด้านหน้าเขาหันกลับไปเห็นหน้าตาของเงาดำเข้าพอดี
มันคือหมีดำตัวเขื่องสูงเกือบสองเมตรห้าสิบ อ้าปากขนาดเท่าอ่างเลือด น่าจะขย้ำเอวชายฉกรรจ์ขาดได้ในคำเดียว
“รีบหนีเร็ว!” ลู่เซิ่งตะโกนเตือนสติเจสัน ก่อนจะยิงปืนใส่หมีดำหลายนัด
ปังๆๆ!
แต่กระสุนที่ยิงโดนหลังของหมีดำถูกดีดออกมาโดยอัตโนมัติ เหลือเพียงรูเลือดเล็กๆ เท่านั้น
“เหลว…เหลวไหลทั้งเพ…” เจสันรู้สึกว่าเลือดทั่วร่างกำลังสั่นไหว
“รีบหนีเร็ว!” เสียงตะโกนของลู่เซิ่งดังมาอีกรอบ
หมีดำตัวนั้นวิ่งไล่ตามลู่เซิ่งไปในป่าลึก
ตูม!
ฝ่ามือหมีดำฟาดใส่ต้นไม้ต้นใหญ่ด้านข้างลู่เซิ่งอย่างแรง ทำให้เศษไม้ปลิวว่อน
ลู่เซิ่งข่มกลั้นความปรารถนาที่อยากโต้ตอบ เขาไม่ต้องการเปิดเผยพลังของตัวเองต่อหน้าเจสัน
แจ๊คกับเจสันเป็นเพื่อนกัน และเป็นสหายที่อยู่ด้วยกันทั้งเช้าทั้งเย็น เกิดการเปลี่ยนแปลงของเขาถูกค้นพบ ก็ยากที่จะปกปิดเจสันไว้ได้
เพื่อนสนิทที่อยู่ข้างกายเปลี่ยนแปลงไปมากมายขนาดนี้ในเวลาสั้นๆ ดูอย่างไรก็ไม่ปกติ
ดังนั้นลู่เซิ่งจึงเตรียมจะใช้เวลาทำให้เจสันค่อยๆ ปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ตอนนี้เขาจึงไม่อยากจะเปิดเผยพลังที่แท้จริง
กรรซ์!
หมีดำเคลื่อนไหวเร็วขึ้นเรื่อยๆ มันกระโดดขึ้นตะปบสองอุ้งมือไปทางด้านซ้าย
ลู่เซิ่งเพิ่งกลิ้งตัวหลบพ้น ขณะกำลังจะลุกขึ้น ก็สัมผัสได้ว่ามีเงาดำผืนหนึ่งพุ่งมา
เขารีบก้มหน้าย่อตัวและกลิ้งมุดออกไปจากด้านข้างตัวหมีดำ หลบการโจมตีนี้ได้อย่างหวุดหวิด
ถูกไล่ล่าโจมตีติดต่อกัน เขาเองก็รู้สึกอึดอัด ตอนนี้กำลังรอให้เจสันออกห่างไปก่อน จากนั้นค่อยมาสู้ตัดสินกับหมีดำ
หลังจากหลบการพุ่งโจมตีของหมีดำได้สองสามรอบ ลู่เซิ่งก็เห็นว่าเงาหลังของเจสันค่อยจางหายไปจากป่าแล้ว
เขารู้สึกโล่งอก
“เอาล่ะ…ครั้งนี้…เราจะต้อง…”
“แจ๊ค! ฉันยันไว้เอง นายรีบหนีเร็ว!” มีเสียงตะโกนดังมาอย่างฉับพลัน เจสันที่เพิ่งหนีไปดันกลับมาอีก!
เขาอุ้มท่อนซุงที่เหลาปลายจนแหลมท่อนหนึ่งมาจากไหนก็ไม่ทราบ ร้องตะโกนและพุ่งตัวใส่หมีดำด้วยใบหน้าอาบเลือด
อ๊ากก!
ลู่เซิ่งหยุดแรงที่เพิ่งส่งออกมาจนหน้าแดงก่ำ
“แจ๊ค! รีบหนีเร็ว!”
เจสันพุ่งใส่หมีดำอย่างไม่เกรงกลัวความตาย ลู่เซิ่งเห็นดังนั้นก็พลันปวดตับ
“โง่เง่า…ก็มนุษย์นี่นะ…” หมีดำพ่นไอร้อนออกมา สายตาเหมือนกับมองคนโง่
เปรี้ยง!
มันปัดท่อนซุงออก พละกำลังมหาศาลกระแทกเจสันที่อยู่ปลายอีกด้านให้กระเด็นออกไป พลิกกลิ้งบนพื้นหญ้าหลายตลบ ลุกไม่ขึ้นอยู่ชั่วขณะ
“นายรีบหนีไปเร็ว!” ลู่เซิ่งตะโกนใส่เจสัน
“ไม่…! ฉันจะคุ้มกันให้! นาย…รีบหนีเถอะ!” เจสันลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ลู่เซิ่งเห็นดังนั้นก็ปวดกบาล
เขาจะรอให้เจ้านี่รีบหนีไป จะได้ใช้พลังที่แท้จริงกำจัดหมีดำทิ้งเพื่อหาเบาะแสของเทพนอกรีตแท้ๆ
แต่เจ้าหมอนี่กลับติดหนึบไม่ยอมไปไหนราวกับตังเม
“ฉัน…ฉันยัง…ทนไหว!” เจสันลุกและอุ้มท่อนซุงขึ้นอีกรอบ
กรรซ์!
หมีดำกระโจนใส่ลู่เซิ่งอีกครั้ง
ลู่เซิ่งกลิ้งตัวหลบพ้นพอดี เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าหมีดำจะเตะก้อนหินสีขาวขนาดเท่าหัวคนใส่ทรวงอกของเขา
เปรี้ยง
ร่างลู่เซิ่งลอยตีลังกาออกไปหลายตลบ ก่อนจะกลิ้งไปบนพื้นอีกหลายรอบ
“เจสัน! รีบไปสิวะ! ถ้ายังไม่ไปอีก เราทั้งคู่ได้ตายตรงนี้แน่!” เขาลุกขึ้นตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
“ไม่! ฉันไม่ไป! ถ้าจะไปนายก็ไปก่อนเถอะ!” เจสันดื้อด้านอย่างหาได้ยาก ทั้งๆ ที่ฟันในปากถูกกระแทกจนหายไปสองซี่แล้วแท้ๆ
ลู่เซิ่งพลันเลือดขึ้นหน้า ไอ้หมอนี่มันจะเรื่องมากเกินไปแล้ว!
กรรซ์!
หมีดำโถมตัวเข้าหาลู่เซิ่งอย่างบ้าคลั่ง
ลู่เซิ่งถือโอกาสหมุนตัวหนีเข้าไปในป่าลึกกว่าเดิม
หมีดำไล่ตามเขาไม่ยอมลดละ สองตาเปล่งแสงสีแดงเข้มรางๆ
หลังจากวิ่งตะบึงอยู่หลายนาที ลู่เซิ่งก็เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหมีดำที่ติดตามอยู่ด้านหลังมาโดยตลอดก็คำรามตลอดเวลา
ไม่นาน เจสันที่อยู่ในป่ารกชัฏด้านหลังก็หายไป
ในป่าด้านหน้าค่อยๆ ปรากฏลำธารสายหนึ่ง ลู่เซิ่งวิ่งเลียบขึ้นไปตามลำธาร
ต้นลำธารคือบึงน้ำสีเขียวมรกต บึงน้ำเย็นเยียบ มีความเย็นจางๆ ลอยออกมาตลอดเวลา
น้ำตกสายหนึ่งไหลมาจากหน้าผาด้านบน กลายเป็นม่านสีขาว
ตูม!
พอลู่เซิ่งเหยียบลงบนหญ้าเหนือบึงน้ำ ก็หยุดชะงักอย่างฉับพลัน
‘เอาที่นี่ก็แล้วกัน’ เขากวาดตามองรอบๆ ไม่มีใครอยู่สักคน
ดีมาก
ลู่เซิ่งหันไปมองด้านหลังก่อนจะฉีกยิ้ม
กรรซ์!
หมีดำพุ่งออกมาจากป่ารก สิ่งที่รอมันอยู่คือเสียงสั่นสะเทือนที่ดังจนแก้วหูแทบแตก
ลู่เซิ่งร้องคำราม กล้ามเนื้อทั่วร่างพองขยาย เสื้อผ้าฉีกขาด เส้นเอ็นและเส้นเลือดมากมายปูดขึ้นบนมือและแขน ไอความร้อนจำนวนมากกระจายไปรอบๆ โดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง
ร่างของเขาขยายขึ้นหลายเท่าในชั่วพริบตา แล้วหยิบหินยักษ์ก้อนหนึ่งจากด้านข้างขึ้นมาวิ่งพุ่งเข้าใส่หมีดำ
หมีดำยังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกลู่เซิ่งยกหินทุ่มใส่ ร่างกระเด็นออกไปชนใส่ต้นไม้หลายต้นด้านหลัง
ตูม!
เลือดพุ่งออกมาจากตา หู จมูก ปากของมัน กระดูกบนตัวหักไปกี่ท่อนก็ไม่ทราบ
เปรี้ยงๆ!
ใบไม้มากมายถูกกระแทกจนร่วงเกรียวกราวดุจสายฝน
ลู่เซิ่งปีนขึ้นบนตัวหมีดำ
“พูดซะ ฉันรู้ว่าแกฟังฉันรู้เรื่อง” เขาจับคอของหมีดำด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วยกตัวมันขึ้น
กรรซ์!
หมีดำร้องคำรามลั่นหมายจะยกอุ้งมือขึ้นโต้ตอบ
ลู่เซิ่งคลายมือแล้วถองข้อศอกไปด้านหน้าดุจสายฟ้าฟาด
เปรี้ยง!
เหมือนกับลูกตุ้มเหล็กฟาดใส่ยอดไม้ หลังจากเกิดเสียงทึบหนัก ร่างของหมีดำขดงอเป็นกุ้ง พร้อมกับกระอักน้ำลายกับน้ำย่อยออกมาบนพื้น
“การโจมตีต่อไป ฉันจะทำให้หูแกวิวัฒนาการย้อนกลับซะ” ลู่เซิ่งยกสองมือขึ้น เส้นเลือดไต่ขึ้นเต็มกล้ามเนื้อแขนราวกับตัวริ้น
กรรซ์!
หมีดำคำรามอีกครั้งอย่างไม่ยินยอม
ลู่เซิ่งกระทุ้งสองแขนไปด้านหน้าดุจสายฟ้าฟาด
ตูมๆ!
เกิดเสียงทึบหนักสองรอบ หูทั้งสองข้างของหมีดำถูกฉีกออกมา
มันอุดหูตัวเองอย่างเจ็บปวดพร้อมกับโซเซถอยหลัง
“ยังไม่พูดอีกหรือ” ลู่เซิ่งโยนหูหมีในมือทิ้ง
“ต่อจากนี้ฉันจะทำให้อวัยวะแต่ละอย่างบนตัวแกวิวัฒนาการย้อนกลับ ให้แกกลับไปสู่ยุคดึกดำบรรพ์และสัมผัสความโกลาหลแรกเริ่ม…”
ลู่เซิ่งวาดสองแขนเป็นกระบวนท่าเริ่มต้นของวิชาหมัดทำลายล้างในพริบตา
“นี่เป็นสิ่งที่ฉันเพิ่งบรรลุมา เป็นวิชาหมัดที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งทำให้ชีวิตกลับสู่ร่างเดิมหรือไปถึงต้นกำเนิดได้”
กรรซ์!
หมีดำแทบจะเสียสติ มันหมุนตัวหลบหนีเข้าไปด้านใน
“การโจมตีนี้จะทำให้แขนสองข้างของแกวิวัฒนาการย้อนกลับ” ลู่เซิ่งถลึงตา พุ่งร่างออกไปราวสายฟ้าแลบ
ฟ้าวๆ!
ประกายเย็นเยียบสองสายพาดไขว้กันพุ่งออกไป
กรรซ์!
หมีดำเงยหน้าคำราม ส่งเสียงร้องโหยหวนที่ดังที่สุดในชีวิต
เลือดจำนวนมากฉีดพุ่งออกมาจากแขนที่หักของมันเหมือนกับหมอกเลือด
“แกควรจะรู้สึกเป็นเกียรตินะ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันหลอมรวมอิทธิฤทธิ์นี้เข้ากับทุกอย่างของตัวเองหลังจากบรรลุประกายแห่งจุดเริ่มต้น” ลู่เซิ่งเดินไปหาหมีดำที่ล้มเป็นอัมพาตบนพื้น
“นี่คือวิถีของฉัน ความเข้าใจของฉัน เป็นแสงที่ฉันสร้างขึ้นจากรากฐานทั้งหมด”
เขากำขนบนศีรษะของหมีดำไว้
“คิดดีแล้วหรือยัง หรือจะแสร้งเป็นหมีดำต่อไป แล้วถูกทำให้วิวัฒนาการย้อนกลับสู่ความโกลาหลแรกสุด” ลู่เซิ่งสบตาหมีดำ
“ตัดสินใจซะ”
นัยน์ตาของหมีดำฉายความหวาดหวั่นพรั่นพรึง
“ไม่…ฉันพูดไม่ได้…พูดไม่ได้!” ในที่สุดมันก็พูดภาษามนุษย์สำเนียงฟังยาก ใบหน้าฉายแววหวาดกลัวที่สุดแสนบิดเบี้ยว
“อะไรพูดไม่ได้หรือ หรือว่าบนโลกใบนี้จะมีเรื่องที่น่ากลัวกว่าการถูกทำให้วิวัฒนาการย้อนกลับไปเป็นพารามีเซียมอีก” ลู่เซิ่งถามอย่างสงสัย
“แกไม่เข้าใจ…มัน…มันคือ…มันคือน้ำ…” ตูม!
ร่างของหมีดำพลันระเบิด
เลือดปริมาณมหาศาลพุ่งออกมาจากในร่างของมัน พริบตานี้ร่างกายของหมีดำเหมือนกับลูกโป่งที่มีรูกระจายเต็มไปหมด เลือดทั้งหมดในตัวระเบิดออกมาในเวลาแค่เสี้ยววินาที
ลู่เซิ่งหลบไม่ทัน ถูกเลือดกระเซ็นใส่เต็มหน้า
พรึ่บ…
เลือดย้อมผืนหญ้าและลำต้นของต้นไม้รอบข้างเป็นสีแดงฉาน
กลิ่นสนิมเหล็กเข้มข้นกระจายอยู่ในอากาศ เหม็นจนทำให้คนอยากอาเจียน
ลู่เซิ่งคลายมือที่จับหนังศีรษะของหมีดำและลุกขึ้นช้าๆ
‘กระทั่งชื่อก็พูดไม่ได้หรือ’ จิตวิญญาณร่างหลักของเขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกคุกคาม
‘นานเหลือเกิน…นานเหลือเกินที่ไม่มีอะไรทำให้เราสัมผัสความรู้สึกเช่นนี้ได้’
นับตั้งแต่เขาปรับปรุงอิทธิฤทธิ์กายอมตะพันเทวะ ต่อให้เจอตัวตนระดับมายาพิศวงที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง ก็ไม่เกิดความรู้สึกอันตรายถึงชีวิตอีกต่อไป
ทว่าตอนนี้ เขากลับเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาจริงๆ
“ไม่ว่าแกจะเป็นใคร ต่อหน้าประกายแห่งจุดเริ่มต้นของฉัน ทุกอย่างก็ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว” ลู่เซิ่งมองศพหมีดำเป็นครั้งสุดท้าย สัญลักษณ์ลี้ลับที่พร่ามัวไม่ชัดเจนอันหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนนั้น
สัญลักษณ์นั้นคืองูที่ขดตัวอยู่รอบดวงตาประหลาดข้างหนึ่ง
……………………………………….