ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 813 เบอร์ลิน (1)
พรึ่บ
ลู่เซิ่งเหยียบสัญลักษณ์จนแหลกละเอียด เนื้อส่วนนั้นบนศพของหมีถูกเหยียบจนเละ มองไม่เห็นสิ่งใดทั้งสิ้น
เขายกมือขึ้นดูเวลา นาฬิกาข้อมือบอกว่าเป็นเวลาบ่ายสามกว่าแล้ว
ลู่เซิ่งเหลียวมองรอบๆ ก่อนจะป้ายเลือดในแอ่งเลือดขึ้นมาถูกับหน้าตัวเอง จากนั้นก็วิ่งย้อนกลับไปทางขามาด้วยท่าทางแตกตื่นหวาดกลัว
หลังวิ่งไปได้สองสามนาที เขาก็เห็นเจสันที่กำลังประคองต้นไม้และหอบหายใจอย่างยากลำบากอยู่
“สวรรค์ ขอบคุณพระเจ้าที่นายยังรอดอยู่!” พอเจสันเห็นลู่เซิ่ง สีหน้าก็พลันผ่อนคลาย ร่างเกือบจะล้มทรุดลงกับพื้น
“ฉันกำลังล่อไอ้หมีตัวนั่นวิ่งไปรอบๆ อยู่ๆ ก็มีเงาสีดำกลุ่มหนึ่งพุ่งมาสู้กับหมีดำตัวนั้น นายได้ยินเสียงร้องเมื่อกี้ไหม” ลู่เซิ่งรีบเข้าไปประคองเขา
“เออ ได้ยินแล้ว…” เจสันผุดสีหน้าหวาดกลัว
“พอแล้ว ไว้ค่อยคุยกัน พวกเรารีบกลับกันเถอะ!” ลู่เซิ่งเช็ดเลือดบนหน้าออก เผยให้เห็นสีหน้าซีดขาว ทำท่าโงนเงนไปมาคล้ายพร้อมจะสลบได้ทุกเวลา
ทั้งสองมุ่งหน้ากลับ ก็พบเห็นศพมากมายที่กองระเกะระกะอยู่ในป่า
“เกิตส์! แม้แต่เกิตส์ก็…!?” เจสันเห็นศพของเกิตส์ที่นอนอยู่ในพุ่มไม้ไกลๆ ก็ตกใจหน้าถอดสี
ลู่เซิ่งรีบพุ่งเข้าไป ทั้งสองคนนั่งลงตรวจสอบศพครั้งแล้วครั้งเล่า พอเจอบัตรตำรวจบนศพเกิตส์ พวกเขาค่อยแน่ใจจริงๆ
จ่าตำรวจคนหนึ่ง หรือจ่าตำรวจแห่งสถานีตำรวจกรุงลอนดอนตายในการตรวจสอบคดีที่เร้นลับคลุมเครือแบบนี้…
“รีบแจ้งสถานีทันที! คนตายไปตั้งขนาดนี้ พวกเราต้องรีบออกจากที่นี่เพื่อกลับไปแจ้งสำนักงานใหญ่แล้ว” เจสันจิตใจพลุ่งพล่าน
“ไม่ต้องพูดแล้ว รีบไปเถอะ!” ลู่เซิ่งลากเจสันออกจากป่ารกชัฏ
ทั้งสองวิ่งออกจากป่า ท้องฟ้าด้านนอกมืดค่ำบ้างแล้ว เส้นทางใกล้ชายป่ามีรถบรรทุกขนสินค้าผ่านมาพอดี
“หยุดรถๆ!” เจสันวิ่งเข้าไปและหยิบกระบองตำรวจออกมาโบก
“เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ พวกเราหน่วยสืบสวนกำลังสืบคดี ตอนนี้จงไปส่งพวกเราที่สถานีตำรวจลอนดอน!”
รถบรรทุกค่อยๆ หยุดลง คนขับบนนั้นมองลู่เซิ่งกับเจสันด้วยอาการอ้าปากตาค้าง พอเห็นเลือดบนตัวพวกเขา คนขับก็ตัวสั่น ไม่กล้าขัดขืน พาทั้งสองไปยังเขตเมืองทันที
พอกลับไปถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มหนึ่งที่มีอาวุธปืนในมือ ถึงกับไปตายในป่าจนเหลือกลับมาแค่สองคน
จ่าเกิตส์ที่เป็นคนนำกลุ่มถึงขั้นตายในหน้าที่ ฆาตกรคือหมีดำที่กลายพันธุ์!
แม้สถานีตำรวจจะพยายามปิดข่าวนี้อย่างเต็มที่ แต่ก็ยังหลุดรอดออกไปอย่างเหนือความคาดหมายอยู่ดี
สำนักงานตำรวจประจำเมืองหลวงของลอนดอนตอบสนองทันที ผู้กำกับของสถานีตำรวจย่อยถูกส่งไปถามไถ่สถานการณ์ ลู่เซิ่งกับเจสันที่เป็นผู้เกี่ยวข้องได้รับคำถามจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสำนักงานตำรวจประจำเมืองหลวง
ประสบการณ์กับสิ่งที่ได้พบเจอในป่าถูกตำรวจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงพวกนี้ถามทวนวนไปมานับครั้งไม่ถ้วน
จากนั้นจเรตำรวจก็รับช่วงต่อ โดยร่วมมือกับหน่วยจู่โจมของราชสำนักแห่งสหราชอาณาจักรเริ่มปฏิบัติการอย่างเป็นทางการ
ลู่เซิ่งกับเจสันได้พักผ่อน ครั้งนี้พวกเขาโชคดีรอดมาได้ ทั้งยังฆ่าหมีดำตัวนั้นได้ ถือว่าทำผลงานใหญ่หลวง
แม้จะฆ่าหมีดำตาย แต่สำหรับลู่เซิ่ง นั่นคือการกระทำของสัตว์ประหลาดอีกตัวหนึ่ง
ทว่าเพื่อสร้างความสบายใจให้แก่ผู้คน สำนักงานใหญ่ต้องการบุคคลความคิดด้านบวกตัวจริงมาชี้นำความเห็นของสาธารณชน ดังนั้นพวกเขาจึงผลักความดีความชอบให้ลู่เซิ่ง ทางเจสันเลยพลอยได้รับบารมีไปด้วย
คดีนี้ถูกส่งให้หน่วยปฏิบัติการพิเศษของราชสำนักที่อยู่ในระดับสูงกว่าจัดการต่อ
ลู่เซิ่งกับเจสันได้รับเงินรางวัลมาก้อนใหญ่ จากนั้นก็ถูกสั่งให้พักรักษาตัวดีๆ และมอบช่วงหยุดงานให้พวกเขาอย่างน้อยสองเดือน
…
ปัง
ลูกสนุกเกอร์สีดำถูกแทงเบาๆ ก่อนจะกลิ้งไปลงหลุมที่มุมโต๊ะอย่างแม่นยำ
ลู่เซิ่งตั้งไม้คิวขึ้น คำนวณมุมอีกครั้ง ก่อนจะก้มตัวลงเตรียมแทงไม้ที่สอง
“เบื้องบนเหมือนมีข่าวแล้ว นายอาจจะได้เลื่อนขั้น” เจสันที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างมีลับลมคมนัย
“งั้นเหรอ นายไปได้ข่าวมาจากไหน” ลู่เซิ่งไม่สนใจแม้แต่น้อย
“ได้ยินจากพวกคนฝ่ายพลเรือน นายก็รู้ว่าวันๆ พวกเขาไม่ทำอะไรนอกจากรับผิดชอบเรื่องพวกนี้” เจสันเบ้ปาก พอนึกถึงประสบการณ์ในป่าเมื่อครั้งก่อน เขาก็ตัวสั่นขึ้นมา จนถึงตอนนี้ยังอกสั่นขวัญแขวนไม่หาย
“ครั้งนั้นถ้าไม่ใช่เพราะนาย ฉันคงไม่รอดแล้ว ตอนนี้คงจะตัวเย็นเป็นศพ นายคิดดู แม้แต่เกิตส์ที่ได้ชื่อว่ากล้าหาญมาโดยตลอดก็ยังเสียท่า แต่นายฆ่าหมีดำได้ ถ้าเบื้องบนไม่เลื่อนระดับนายสิแปลก ต่างตรงที่นายจะได้รับการเลื่อนขั้นไปอยู่ระดับไหนเท่านั้นเอง”
เขาลูบคาง
“ช่วงนี้กำลังมีการปรับระบบทั่วประเทศพอดี อาจจะไม่ยึดติดกับกฎก็ได้…”
“คิดมากไปทำไม” ลู่เซิ่งดับฝันกลางวันของเขา ก่อนจะแทงลูกสนุกเกอร์ลูกหนึ่งลงหลุมได้อย่างง่ายดาย
เจสันพูดอย่างตื่นเต้น “นายคิดดูสิ เหนือพวกเราคือจ่า จากนั้นเป็นสารวัตร เหนือไปอีกเป็นรองผู้กำกับ…ตำแหน่งพวกนี้ใช้ผลงานไต่เต้าขึ้นไปได้ นายก็อายุสามสิบแล้วนะ แถมยังเป็นตำรวจเก่า มีประสบการณ์เพียงพอ ครั้งนี้ถ้าหาใครสักคนมาเป็นตัวอย่าง ไม่เลื่อนระดับให้นายแล้วจะเลื่อนให้ใครล่ะ ”
“พอได้แล้วน่า ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว จริงสิ ในช่วงหยุดสองเดือนนี้นายคิดจะทำอะไร” ลู่เซิ่งถาม
สองวันที่ผ่านมาเขารอให้ปราณปฐพีหล่อเลี้ยงและฟื้นฟูร่างกายมาโดยตลอด อีกประมาณห้าเดือนถึงจะดำเนินการยกระดับครั้งใหญ่ครั้งต่อไปได้
การยกระดับครั้งที่สองนี้สมควรทะลวงขีดจำกัดได้แล้ว
หมีดำในป่าเมื่อครั้งที่แล้วทำให้เขารู้สึกถึงภาวะวิกฤติ พลังเหนือธรรมชาตินี้ไม่อาจป้องกันได้ในสถานการณ์ที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่แอบแฝงซ่อนเร้นอยู่
“เวลาหยุดงานสองเดือน…พวกเราออกไปเที่ยวผ่อนคลายกันดีไหม อย่างไรก็ยังไม่ได้แต่งงาน จะทำอะไรก็ได้” เจสันเสนอ
“ไม่สนใจตำรวจสาวของนายแล้วหรือไง” ลู่เซิ่งเอือมระอา
“เอ่อ…”
เห็นลู่เซิ่งสีหน้าคับข้องใจ จากนั้นลู่เซิ่งก็แทงลูกสนุกเกอร์ลงหลุมเป็นครั้งสุดท้าย แล้ววางไม้คิวลง ก่อนจะเดินไปหยิบหนังสือพิมพ์ชุดหนึ่งขึ้นมาปัดๆ
‘เดอะ ไทม์ ต่างประเทศ’
ปกคือภาพศพหมีดำที่ถูกฆ่าตาย แม้จะเบลอภาพไว้ กอปรกับภาพเป็นสีขาวดำและแตก ดังนั้นจึงดูไม่น่ากลัว ทว่าข้อมูลที่เขียนไว้อย่างอลังการบนคำอธิบายกลับทำให้คนต้องตะลึง
‘ราชาหมีดำที่สูงแปดเมตรและใหญ่ห้าเมตร ถูกนายตำรวจที่ฉลาดเฉลียวและกล้าหาญฆ่าอย่างเหี้ยมหาญ! ภายใต้ปืนของตำรวจแห่งเมืองหลวงผู้พิทักษ์สันติราษฎร ไม่ว่าเป็นคนหรือหมี ก็ต้องได้รับการลงทัณฑ์จากกฎหมาย’
ลู่เซิ่งมุมปากกระตุก
สูงแปดเมตร…หมีดำที่สูงสองเมตรกว่าถูกขยายขึ้นสี่เท่า
สื่อพวกนี้กล้าเขียนจริงๆ
จากนั้นก็เป็นบันทึกการสัมภาษณ์ของเจสันกับเขา บอกว่าเพื่อความปลอดภัยของวีรบุรุษสองคนนี้ จึงใช้ชื่อปลอม และไม่ขอเปิดเผยรูปร่างหน้าตา
“เจสัน นายไปสัมภาษณ์ตอนไหน” ลู่เซิ่งหันไปถาม
“สัมภาษณ์อะไร ไม่มีนี่ ฉันรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลมาโดยตลอด สัมภาษณ์อะไรกัน” เจสันกล่าวอย่างหมดคำพูด
“โอเค” ลู่เซิ่งส่ายหน้า
เขาเข้าใจเพิ่มขึ้นคร่าวๆ จากที่หมีดำตัวนั้นว่า ในที่ลับจะต้องมีมือมืดกำลังแอบทำการเคลื่อนไหวลับๆ อยู่
หมีดำฆ่าคน ถ้าไม่ใช่เพราะความจำเป็น ก็ต้องเป็นเพราะต้องการป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าใกล้ที่ไหนสักที่
ยังมีคำว่า น้ำ ที่มันพูดเป็นครั้งสุดท้าย นั่นหมายถึงอะไรกัน และดวงตาที่งูขดตัวล้อมไว้ดวงนั้นมีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่
ลู่เซิ่งตัดสินใจว่าจากนี้จะไปหาแอนดรูว์เพื่อดูว่ามีเบาะแสข้อมูลอะไรหรือไม่
เขาพลิกหนังสือพิมพ์ไปเรื่อยๆ ก็พลันสะดุดกับพาดหัวข่าวบนหน้าที่สาม
‘ค้นพบเขาวงกตใต้ดินในกรุงเบอร์ลิน มีสัญลักษณ์ลึกลับสลักอยู่บนกำแพง’
ภาพขาวดำภาพหนึ่งปรากฏในกรอบมุมขวาล่างของหน้าที่สามอย่างชัดเจน
‘นี่มัน…!?’ ลู่เซิ่งผุดสีหน้าเคร่งขรึม จดจำสัญลักษณ์นี้ได้ทันที
งูขดตัวเป็นวง ตรงกลางคือดวงตาแนวตั้งที่แปลกประหลาด
‘ตอนแรกไม่คิดจะไปที่นั่น แต่ตอนนี้ดูเหมือน...ต้องไปสักครั้งจริงๆ’ ลู่เซิ่งผุดสีหน้าราบเรียบ แต่ในใจเขาเริ่มขุ่นมัวขึ้นมาบ้างแล้ว
‘ในเมื่อร่างกายนี้ของเรามีสัญลักษณ์ประหลาดนั่นมาตั้งแต่ต้น ก็เป็นไปได้มากว่านี้จะซ่อนข้อมูลลี้ลับไว้ไม่น้อย แม้สัญลักษณ์ในตัวเราจะเป็นดวงตากับเหยี่ยว ส่วนนี่คือดวงตากับงู แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ดูจากลักษณะและรูปแบบ อาจจะทำความเข้าใจสัญลักษณ์ในตัวเราจากงูกับดวงตานี้ได้’
ลู่เซิ่งสังหรณ์ใจว่า เป็นไปได้ไม่น้อยที่บนตัวของเขาจะมีความลับยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่
คนธรรมดาคนหนึ่งในเมืองเก้าประสานซ่อนสัญลักษณ์ลึกลับระดับนี้ได้ ถ้าหากไม่ใช่มีคนวางแผนไว้แต่ต้น ก็ไม่มีทางปรากฏสภาพการณ์เช่นนี้เด็ดขาด
เขาหวนนึกถึงสถานการณ์ตอนอยู่ในดาวปรภพอย่างละเอียด ตลอดทางที่ผ่านมา แม้ประการหนึ่งจะเป็นเพราะพรสวรรค์กับคุณสมบัติอันล้ำเลิศของเขาแสดงผล แต่บางครั้งบางคราวก็รู้สึกว่า มีสิ่งของและพลังที่อธิบายไม่ได้กำลังส่งผลต่อพัฒนาการของเขาอยู่
‘ราบรื่นเกินไป…ถึงเราจะมั่นใจว่าคนธรรมดาเทียบกับคุณสมบัติกับสติปัญญาของเราไม่ได้ แต่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ยังพัฒนาเติบโตถึงระดับนี้ได้อย่างราบรื่น จะมากจะน้อยก็ต้องมีโชคช่วยด้วยส่วนหนึ่ง’
ถ้าหากลู่เซิ่งคนเดิมไม่ถูกเราแย่งชิงร่าง จากนี้จะมีพัฒนาการอย่างไรกัน
ลู่เซิ่งพลันนึกถึงข้อนี้
บางทีเขาอาจจะใช้ชีวิตเป็นคุณชายบ้านรวยอย่างสงบสุข จากนั้นสัญลักษณ์ในตัวก็ระเบิดหรือถูกกระตุ้น แล้วเพิ่มความแข็งแกร่งให้เขาอ้อมๆ พร้อมกับทำให้เขาไปถึงจุดสูงสุดของดาวปรภพทีละก้าว
ลู่เซิ่งเข้าใจผลของสัญลักษณ์นี้ดี เพิ่มความแข็งแกร่ง ลดทอนความเจ็บปวด เพิ่มระดับความตื่นตัวเมื่อเห็นเลือด ทั้งยังเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่พลังคืนชีพและการป้องกันของกายเนื้อต่อพลังงานได้ด้วย
นี่เป็นการสร้างนักรบที่บ้าคลั่งชัดๆ
นับตั้งแต่เขาค้นพบสัญลักษณ์บนตัว ก็เริ่มศึกษาผลของมันอย่างละเอียด
เขาเห็นวิธีการทำงานของสัญลักษณ์นี้บนตัวหมีดำในครั้งก่อน หลายวันมานี้ได้ศึกษาผลของมันเล็กน้อย
ความสามารถของงูกับดวงตาคล้ายกับเหยี่ยวและดวงตา พอใส่เลือดลมเข้าไปก็จะป้อนพลังชั่วร้ายชนิดพิเศษกลับมา
พลังสายนี้เพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่กายเนื้อทุกด้านได้ไม่ด้อยกว่าเลือดลมบริสุทธิ์เลย
‘ใกล้จะถึงวันชุมนุมของไคลี่ จีพอดี…ควรไปเบอร์ลินสักหน่อย’ ลู่เซิ่งตัดสินใจขณะจ้องภาพบนหนังสือพิมพ์
…
สามวันต่อมา…
ลู่เซิ่งนั่งอยู่ริมสระว่ายน้ำ มองดูเซลีนาที่กำลังว่ายน้ำอยู่ไม่ไกล และบรองค์ที่กำลังหัวเราะต่อกระซิกกับคนอื่นริมสระน้ำ
เขาไม่มีความเห็นใดๆ ต่อพี่น้องต่างพ่อคู่นี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอีกฝ่ายจืดจางเป็นอย่างยิ่ง
ติดที่หน้าของไคลี จีผู้เป็นแม่ สามคนยังพอจะทักทายกันในชีวิตประจำวัน แต่ความจริงไม่ต่างอะไรกับคนแปลกหน้า
พอได้รับคำเชิญ เขาก็มาจากลอนดอน ทุกปีแจ๊คจะเข้าร่วมเทศกาลนี้ อย่างไรไม่ว่าอยู่ไหนเขาก็ยกระดับตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง จึงไม่สนใจว่าจะต้องไปอยู่ที่ไหน
……………………………………….