ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 815 เบาะแส (1)
“ปืนเหรอ” ลู่เซิ่งกวาดตามองคนกลุ่มนี้ พวกเขาไม่รู้ว่าตนฆ่าหมีดำอย่างไร อาจเป็นเพราะพวกเขานึกว่าตัวเองโชคดีเลยฆ่าหมีดำได้ หรือไม่ก็พวกเขาคิดว่าคนที่ฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนั่นไม่ใช่เขา
คนแค่นี้กล้าจับกลุ่มมาขวางเขาหรือ
“ฉันมีคำถามข้อหนึ่ง” ลู่เซิ่งพลันเอ่ยปาก
“แกอยากพูดอะไรล่ะ” ชายที่เป็นผู้นำหัวเราะ
“ฉันอยากถามว่าพวกแกรู้ไหมว่าหมีดำตายยังไง” ลู่เซิ่งแสดงสีหน้ารอคำตอบ
พวกชายที่พันผ้างุนงง จากนั้นก็สบตากัน ไม่รู้จะทำอย่างไรอยู่ชั่วขณะ
“จัดการ!”
จากนั้นชายพันผ้าพันแผลคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาฟันศอกใส่ลำคอด้านขวาของลู่เซิ่ง
ฉัวะ!
ศอกฟันใส่เป้าหมายอย่างแม่นยำ
ลู่เซิ่งก้มลงมองแขนข้างลำตัว พลันยื่นมือไปจับอีกฝ่ายแล้วเหวี่ยงไปด้านซ้าย
ชายพันผ้าพันแผลสองคนชนกัน
เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่งแล้วแทงเข่าใส่
ฉัวะ!
ชายพันผ้าพันแผลคนหนึ่งถือมีดพุ่งเข้ามาอย่างดุร้ายทันที จึงถูกเข่าของเขาแทงใส่อก กระดูกทรวงอกส่งเสียงหักดังกร๊อบ
ลู่เซิงหยิบมีดบนมือเขาออกมาแล้วฟันไปเบาๆ
เกิดเสียงฉัวะๆ ชายพันผ้าพันแผลสองคนกุมไหล่พร้อมกับถอยร่นไป
“ทำลายวิญญาณ!” ชายพันผ้าพันแผลที่เป็นผู้นำส่งเสียงตวาด ไอสีเทาหลายสายพลิกตลบออกมาจากทั่วร่างพุ่งใส่ลู่เซิ่ง
เขาเหมือนจะถนัดทักษะสังหารที่ใช้แขนกับศอก หลังจากเข้าใกล้ก็โจมตีสามครั้งในวินาทีเดียว
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!
มีเสียงดังขึ้นเบาๆ สามครั้ง ลู่เซิ่งเงยหน้าเล็กน้อย หลบการโจมตีทั้งสามครั้งได้อย่างสบายๆ แม้ชายคนนั้นจะอยู่ในระยะเผาขน แต่แขนและศอกก็ยังคงไม่มีผลอะไรต่อเขาแม้แต่น้อย
“พายุสังหาร!” ชายพันผ้าพันแผลยกเข่าขวาขึ้น ประกายสีเงินดีดออกมาจากปลายเท้า ถึงกับติดตั้งมีดไว้ใต้ฝ่าเท้า
มีดแทงใส่ท้องน้อยของลู่เซิ่งอย่างดุดันราวสายฟ้าฟาด
การโจมตีนี้อยู่เหนือความคาดหมาย ความเร็วเองก็เหนือกว่าการลงมือก่อนหน้านี้หลายเท่า กว่าลู่เซิ่งจะพบ ก็สายไปเสียแล้ว
ปลายมีดมีสีดำอมม่วงน้อยแสดงให้เห็นว่าชุบพิษมา คมมีดฟันใส่หินก้อนเล็กๆ ก้อนหนึ่งที่ตกอยู่บนพื้น พลันแยกก้อนหินจากหนึ่งเป็นสอง
ความคมเหนือจินตนาการทีเดียว
“ตายซะ!” มุมปากชายพันผ้าพันแผลแสดงความชั่วร้าย เขาเร่งความเร็วถีบเท้าใส่ลู่เซิ่ง
เขาเคยใช้กระบวนท่าพายุสังหารนี้ลอบสังหารคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาไม่รู้กี่คนแล้ว ตอนแรกให้บริวารคนอื่นลงมือก่อนเพื่อทำให้คู่ต่อสู้ชินกับความเร็วของพวกเขา
จากนั้นตนเองก็ลงมือด้วยความเร็วเท่ากันเพื่อสร้างความเคยชิน จนทำให้อีกฝ่ายนึกว่าตนมีความเร็วเท่านี้
หลังจากอีกฝ่ายรับมือ เขาค่อยระเบิดพลังทั้งหมดและใช้ความเร็วสุดยอดลอบสังหาร
ความเร็วของท่าเท้าพายุสังหารแทบจะเป็นสี่ถึงห้าเท่าของชายพันผ้าพันแผลคนอื่น ความแตกต่างใหญ่หลวงแบบนี้ ต่อให้เป็นสัตว์ประหลาดที่เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นอย่างวิปริตเหล่านั้นก็ตอบสนองไม่ทัน ถูกเขาสังหารมาไม่น้อย
ยาพิษบนปลายมีดเป็นพิษกล่อมประสาทอันน่าสะพรึงที่ฆ่าช้างได้สิบกว่าตัว หนึ่งกรัมก็มีราคาหลายแสนปอนด์แล้ว
ขอแค่แทงให้มีรูได้นิดเดียวก็พอ!
ชายพันผ้าพันแผลยิ้มอย่างชั่วร้าย
ฉึก!
ในที่สุดปลายมีดก็แทงโดนช่องท้องของลู่เซิ่ง ตัวมีดจมลึกเข้าไปในผิวหนังและกล้ามเนื้อ พิษซึมเข้าไปเป็นจำนวนมาก
พิษเหลวสีดำอมม่วงนับไม่ถ้วนทะลวงเข้าไปในเซลล์กล้ามเนื้อและเลือดของลู่เซิ่งเหมือนกับหนามแหลม จากนั้นก็ผสมกับเซลล์เม็ดเลือดแดง แล้วก็ละลายแผ่ขยายไปอย่างบ้าคลั่ง
เซลล์เม็ดเลือดแดงจำนวนมากถูกกัดกร่อนให้อ่อนแอลง ปลดปล่อยพิษใหม่จำนวนมากออกมา จากนั้นก็ขยายตัวไปกัดกร่อนเซลล์เม็ดเลือดแดงเซลล์ใหม่ๆ พิษกระจายตัวไปถึงเซลล์สีแดงที่อยู่ไกลออกไปเหมือนกับน้ำหมึก
หนึ่งอึดใจต่อมา
พวกเซลล์เม็ดเลือดแดงที่อยู่รอบๆ ก็ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนกับฝูงฉลามที่ค้นพบเหยื่อ ปากฟันเลื่อยจำนวนไม่เท่ากันค่อยๆ งอกออกมารอบตัวและล้อมรอบพิษอย่างตะกละ
พิษเพิ่งขยายตัวออกมา กำลังจะพุ่งไปยังระบบประสาท ก็ค้นพบว่าเซลล์เม็ดเลือดแดงที่อยู่โดยรอบเกิดความผิดปกติเล็กน้อย เซลล์สีแดงฉานที่มีปากเล็กกับฟันเลื่อยงอกขึ้นเต็มไปหมดพุ่งใส่พิษที่เพิ่งจะกระจายตัวอย่างบ้าคลั่งเหมือนหมาป่าหิวโหย
พิษยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้อง ก็ถูกเซลล์เม็ดเลือดแดงจำนวนหลายสิบล้านตัวกัดกินจนหมดสิ้น
เซลล์เม็ดเลือดแดงที่เพิ่งจะวิวัฒนาการปากเล็กๆ อยู่รอบนอกซึ่งยังไม่ได้ลิ้มลองความอร่อยว่ายเข้ามา พอพบว่าไม่เหลืออะไรแล้วก็พลันโมโห แล้วเข้าสู้กับเหล่าเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ได้กินพิษเข้าไป
เซลล์ที่วิวัฒนาการสู้กันสักพัก สุดท้ายเซลล์เม็ดเลือดแดงกลายพันธุ์ที่หลงเหลืออยู่นึกออกว่าไม่มีของกินเหลือแล้ว จึงได้แต่เก็บปากบนตัวอย่างจนปัญญา และกลายร่างเป็นเซลล์เม็ดเลือดแดงทั่วไป ไหลเวียนในเส้นเลือดพร้อมกับขนส่งออกซิเจนต่อ
มุมมองขยายใหญ่ด้วยความเร็วสูง
ลู่เซิ่งชักมีดออกจากเอว
“ฮ่าๆๆ! โดนพิษพายุแค้นของฉันเข้าไปแล้ว แกต้องตายแน่นอน!” ชายพันผ้าพันแผลรีบถอยหลังห่างออกไปสองสามเมตร แล้วยืนมองลู่เซิ่งพร้อมกับยิ้มเยาะ
ลู่เซิ่งยื่นมือไปลูบบาดแผลเล็กๆ บนเอว ตรงนั้นเหลือรอยมีดเล็กๆ เพียงสายเดียว รอยแผลเมื่อครู่สมานตัวดีแล้ว
“สัมผัสความร้อนได้ไหม ร่างค่อยๆ ไม่มีแรงแล้วล่ะสิ หายใจติดขัดรึเปล่า พายุแค้นทำให้ประสาทสัมผัสทุกส่วนของแกชาด้าน สุดท้ายก็หายใจไม่ออก แล้วก็…”
ฉึก
มือขวาของลู่เซิ่งแทงเข้าไปในอกของชายพันผ้าพันแผลราวกับงูพิษ ด้วยเพราะพละกำลังกระดูกและเลือดเนื้อจึงระเบิดกลายเป็นโคลนเละๆ กลุ่มหนึ่ง
ฟู่…
ลู่เซิ่งชักมืองออกมา เขาที่มีปราณปฐพีคอยหล่อเลี้ยงไม่กลัวพิษ ยังไม่เอ่ยถึงว่าตอนนี้ร่างกายของเขาได้รับการเสริมความแข็งแกร่งทุกด้าน คุณสมบัติวิวัฒนาการและวิวัฒนาการย้อนกลับซึ่งเขาหลอมรวมเข้ากับวิชาหมัดเป็นจุดเด่นที่ใช้ยกระดับความต้านทานโดยเฉพาะ
การหลอมรวมของประกายแห่งจุดเริ่มต้นสามารถวิวัฒนาการย้อนกลับสิ่งที่เขาต้องการได้ ส่วนคุณสมบัติหล่อเลี้ยงและวิวัฒนาการของปราณปฐพีก็ยกระดับความสามารถปรับตัวของร่างกายของเขาได้อย่างใหญ่หลวง
“แก…แก!?” หน้าอกของชายพันผ้าพันแผลปรากฏรูสีแดงฉานขึ้น เขาโซเซถอยหลังไปหลายก้าว ผุดสีหน้าไม่อยากเชื่อ
“พิษ…ของฉัน…” เขาเบิกตากว้าง ล้มลงกับพื้นและหมดลมหายใจโดยที่ตายตาไม่หลับ
“ตายช้าๆ อีกหน่อยจะได้ไหม รอฉันถามเบาะแสก่อนค่อยตายสิ” ลู่เซิ่งมองคนที่เหลือด้วยสีหน้าจนปัญญา
“ฆ่า!”
คนที่เหลือไม่ได้ถอยหนีสักคน สัญลักษณ์สีแดงเข้มบนข้างคอของพวกเขาพากันส่องสว่าง เป็นดวงตาและงู
คนเจ็ดแปดคนพากันพุ่งเข้ามาเหมือนกับเสียสติไปแล้ว
ลู่เซิ่งยืนนิ่งอยู่กับที่ สองมือเหมือนกับดาบแหลม ทุกครั้งที่ลงมือสามารถแทงใส่หน้าอกของคนใดคนหนึ่งได้อย่างแม่นยำ
ทำเหมือนเดิมติดต่อกันหลายครั้ง ไม่ถึงห้าวินาที ทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างถูกทะลวงหน้าอกเป็นรูล้มลงกับพื้น
“น่าเสียดาย…” ลู่เซิ่งส่ายหน้าขณะผุดสีหน้าเสียดาย
เขาย่อตัวลงค้นศพคนเหล่านี้
กรี๊ด
ไกลออกไปมีคนเดินถนนเห็นศพข้างทางจึงส่งเสียงกรีดร้องและวิ่งหนีไปไกล
ลู่เซิ่งขมวดคิ้วน้อย ขณะกำลังจะลุกขึ้นก็พลันเห็นศพบนพื้นกลายเป็นสีดำ แยกส่วน และกระจัดกระจายเป็นควันสีดำโปรยปรายออกไป
“เจาะผิวหนังของฉันได้ ต้องยอมรับว่าพวกแกทำสำเร็จแล้ว” ลู่เซิ่งส่ายหน้า ลุกขึ้นปัดมือและดูเวลา เป็นเวลาบ่ายสองกว่า
เขาเดินไปอีกสองสามร้อยเมตรตามคำบอกของเซลีน่า ก็เห็นโรงพักม้าแห่งหนึ่งตรงหัวโค้งอย่างที่คิดไว้
เขาจ่ายเงินเพื่อเช่าม้าสีเหลืองตัวหนี่ง ก่อนจะขี่มันไปยังเขตเมืองของเบอร์ลิน
เขาพกเงินมาร์คมาไม่เยอะ เพียงแค่แลกตอนที่แจ๊คมาที่นี่เมื่อครั้งก่อนเท่านั้น แต่ค้นเงินเจอหลายพันมาร์คจากศพคนพวกนั้น จึงเอามาใช้ได้
เบอร์ลินในศตวรรษที่สิบเก้าเต็มไปด้วยหมอกควันสีดำหนา สิ่งก่อสร้างสีขาวที่เชื่อมต่อกันเป็นผืนใหญ่ดูน่าเกรงขามและเงียบสงัดใต้ท้องฟ้าที่มีแต่เมฆสีดำ
ไม่ว่ามองไปทางใดก็จะเห็นโครงสร้างทรงซุ้มโค้งและสิ่งก่อสร้างในลักษณะเสากลมได้เต็มไปหมด กอปรกับวัตถุดิบสิ่งก่อสร้างที่ทำจากก้อนหินขาว เบอร์ลินจึงมีความเคร่งขรึมมากกว่าลอนดอน และฟุ้งเฟ้อน้อยกว่า
มีสุภาพบุรุษสวมหมวกทรงสูงและเสื้อผ้าที่ดูดี สุภาพสตรีที่สวมเดรสยาวและถือพัด รถม้า รถไอน้ำ และรถเทียมวัวอยูทั่วทุกมุมถนน มีกลิ่นอายยุคใหม่กับยุคกลางผสมผสานกันอยู่
ลู่เซิ่งหลบแอ่งน้ำที่เหลืออยู่หลังจากฝนตกบนถนนอย่างระวังตัว พร้อมกับกวาดตามองป้ายโฆษณามากมายที่ร้านค้าทางขวามือวางเอาไว้
หลังจากเดินไปตามถนนได้ระยะหนึ่ง เขาก็โบกรถเทียมวัวคันหนึ่ง
“ไปที่นี่” ลู่เซิ่งหยิบแผนที่ง่ายๆ ที่ตนเองคัดลอกไว้แล้ว ออกมาจากอกเสื้อ
“ที่นี่หรือ” คนขับฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง พูดภาษาเยอรมันสำเนียงแปร่งหู
“ที่นี่ ถนนนี้” ลู่เซิ่งใช้ภาษาเยอรมันอธิบายเป็นคำๆ ภาษาเยอรมันของเขามาจากพื้นฐานเดิมของแจ๊ค ไม่นับว่าคล่อง แต่ก็ใช้สนทนาพื้นฐานได้
“ทราบแล้ว”
ทั้งสองตกลงราคากัน จากนั้นรถเทียมวัวก็เคลื่อนไปยังตำแหน่งบนแผนที่
ไม่ไกลออกไปมีคนหลายคนต่อปากต่อคำกัน เหมือนจะตีกันได้ตลอดเวลา ในฝูงชนที่แห่มาดูเรื่องสนุกรอบๆ ผู้ชายหลายคนที่สวมหมวกไหมพรมกันหนาว มองมาที่ทิศทางของลู่เซิ่งโดยไม่ได้นัดกันไว้ ดวงตากลายเป็นสีแดงแวบหนึ่ง จากนั้นก็ก้มหน้ารีบร้อนจากไป
…
ชั้นใต้ดินของกรุงเบอร์ลิน
ส่วนลึกของท่อน้ำมากมาย ผนังด้านหนึ่งถูกเจาะเป็นอุโมงค์หลายอุโมงค์ ในอุโมงค์มืดมิดและล้ำลึก
นี่เป็นอุโมงค์ยักษ์ที่ยื่นไปยังส่วนลึกของชั้นใต้ดินที่เพิ่งค้นพบ
ปากอุโมงค์มีเส้นแบ่งเขตกั้นไว้ ไม่ให้คนทั่วไปเข้ามา
ในทางน้ำใต้ดินเงียบสงัด เหมือนกับเงียบงันเช่นนี้มาโดยตลอด
ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าไร ก็มีเสียงซ่าๆ ดังมาจากส่วนลึก หนูตาแดงหลายตัวคลานไต่มายังด้านในนี้ตามมุมกำแพง
หนูเข้าไปใกล้ปากอุโมงค์อย่างรวดเร็ว แล้วมุดเข้าไป
คลานไปด้านล่างตามอุโมงค์ บนผนังในอุโมงค์ที่มืดมิดและโค้งงอเป็นผนังที่ถูกขัดจนเรียบ มีสัญลักษณ์อักขระบิดเบี้ยวและแปลกประหลาดสลักไว้เต็มไปหมด
รอบอักขระและสัญลักษณ์พวกนี้จะมีสัญลักษณ์งูกับดวงตาเป็นเครื่องหมายอยู่ด้วย
หนูมุดลงไปด้านล่างจนถึงสถานที่ที่อยู่ห่างจากพื้นดินกว่าร้อยเมตร
ที่นี่มืดมิดไร้แสง ไม่มีอะไรสักอย่างเดียว มีเพียงความเงียบสงัดเท่านั้น
ดวงตาที่เปล่งแสงสีแดงของหนูวูบไหวในความมืดอย่างต่อเนื่อง พวกมันเริ่มส่งเสียงจิ๊ดๆๆ
“หือ…งั้นเหรอ เจ้าคนที่ฆ่าหมีดำทำลายการเซ่นสรวงมาแล้วเหรอ” ดวงตาที่เหมือนกับโคมไฟคู่หนึ่งเปิดขึ้นในความมืด
ดวงตาคู่นั้นใหญ่โต เหมือนกับอ่างน้ำ
พอดวงตาเปิดขึ้น เทียนที่อยู่รอบๆ ก็ติดไฟ เชิงเทียนที่ฝังบนผนังลุกไหม้ขึ้นเองและปล่อยแสงเรืองๆ สีเหลืองสลัวออกมา
เจ้าของดวงตาคือสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์เท่าอ่างอาบน้ำที่ลำตัวเป็นเส้นยาว
มันเหมือนกับลำไส้ใหญ่ที่มีดวงตาและปากงอกขึ้นมา บนตัวเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นเหมือนผ้าสีเทายับๆ ลำตัวยาวไปถึงที่ใดในความมืดก็ไม่รู้
“ที่นี่เป็นถิ่นของฉัน การบวงสรวงใกล้จะเสร็จแล้ว…มาต้อนรับแขกสักหน่อยเถอะ…” สัตว์ประหลาดแลบลิ้นสีดำเรียวยาวออกมาเลียริมฝีปาก
……………………………………….