ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 817 เทพนอกรีต (1)
ลู่เซิ่งกลับไปถึงคฤหาสน์ในเขตชานเมือง กินข้าวเย็นอย่างเงียบๆ ร่วมกับคนอื่น จากนั้นก็เดินเล่นในสวนดอกไม้ที่วัชพืชขึ้นเต็มไปหมดเป็นเพื่อนกับไคลี จี ภายใต้อาทิตย์อัสดง
ทั้งสองอยู่ด้วยกันตามลำพัง คนที่เหลืออยู่ห่างออกไป ไม่มีใครเข้ามารบกวน
ไกลออกไปมีหญิงรับใช้เตรียมพร้อมเข้ามาเสิร์ฟเครื่องดื่มและเหล้าตลอดเวลา
“รู้สึกยังไงบ้าง” ไคลี จีถามยิ้มๆ
กับบุตรชายคนนี้ที่เธอให้กำเนิดกับสามีคนก่อนและทั้งยังเป็นสายเลือดแท้จริง เธอจึงเป็นห่วงเป็นใยเสมอ
ถึงแม้จะเอาใจใส่ลูกชายลูกสาวของสามีคนปัจจุบันด้วย แต่อย่างไรก็ไม่เท่ากัน
“ก็ดีครับ” ลู่เซิ่งพยักหน้า “ผมคิดจะไปเรียนเพิ่มเติม สมัครสอบสำหรับผู้ใหญ่ ถ้าหากราบรื่น ผมอยากจะเข้าไปเรียนเสริมในมหาวิทยาลัย”
คำพูดนี้ของเขาเกริ่นถึงมหาวิทยาลัยมิสกาที่กำลังจะพูด
ไค ลีจีชะงักเล็กน้อย แจ๊คอายุสามสิบปีแล้ว อายุปูนนี้แล้วยังจะกลับไปเรียนเพิ่มที่มหาวิทยาลัยอีกหรือ
“ลูกแน่ใจแล้วเหรอ แล้วงานของลูกล่ะ”
“ผมว่าผมจัดการได้ ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย อย่างไรมหาวิทยาลัยในตอนนี้ขอแค่คะแนนดีก็ใช้ได้ ต่อให้ไม่ไปเรียนก็ไม่มีปัญหาอะไรไม่ใช่เหรอครับ” ลู่เซิ่งเอ่ยเสียงทุ้ม
“ที่พูดมันก็ถูกอยู่หรอก...” ไคลี จี ส่ายหน้า “ช่างเถอะ เรื่องของลูก ลูกตัดสินใจเอง อยากให้แม่ช่วยไหม”
“ไม่ครับ”
บทสนทนาอันเรียบง่ายของทั้งสองจบลงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นความเงียบงันกระอักอ่วนที่ยากจะอธิบายอีกครั้ง
ไคลี จี เดินอยู่ด้านข้าง ก้าวอย่างเชื่องช้า มองออกว่าจังหวะการใช้ชีวิตของเธอเนิบนาบยิ่ง ธุรกิจและครอบครัวมั่นคงดีแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ใจร้อนและหน้าเลือดเหมือนในอดีตอีก
ส่วนจังหวะก้าวของลู่เซิ่งเหมือนรักษาระยะห่างไว้ใกล้เคียงกันทุกครั้งเหมือนกับไม้บรรทัด
ผ่านไปครู่ใหญ่ ไคลี จี ค่อยเอ่ยปากแช่มช้า
“แม่ไม่อยากจะห่างเหินกับลูก ลูกรัก ลูกเป็นสายเลือดคนเดียวของแม่ แตกต่างกับพวกเซลีน่า ลูกก็รู้ว่ามันไม่เหมือนกัน”
ลู่เซิ่งสัมผัสได้ถึงความนัยของคำพูดนี้ แต่นี่เป็นสัมผัสของแจ๊คไม่ใช่ของเขา
แจ๊คคือเขา แต่เขาไม่ใช่แจ๊ค
“ผมรู้ แม่ต้องพักแล้ว” เขานิ่งไปก่อนจะตอบ
“ก็ใช่ จริงอยู่ที่แม่เหนื่อยก็บ้างแล้ว ไปทำเรื่องที่ตัวเองอยากทำเถอะ แม่จะคอยสนับสนุนอยู่ด้านหลังลูกเสมอ จงอย่าลืมว่าด้านหลังลูกจะมีแม่อยู่เสมอ” คำพูดที่เรียบง่ายทรงพลังของไคลี จี แสดงความแน่วแน่และเด็ดเดี่ยวตามนิสัยของเธอ
ลู่เซิ่งมองเธอถูกสาวใช้ประคองเดินไปยังตึกเก่าๆ ที่อยู่ไม่ไกลออกไป นั่นเป็นเขตพักผ่อนสำหรับพวกผู้หญิง
ลมสายัณห์หนาวเย็นอยู่บ้าง เขาไอสองสามครั้ง รู้สึกคอแห้งเล็กน้อย
วินาทีนี้เขานึกถึงลูกชายของตัวเอง
ลู่หนิง…ตอนนี้ไปอยู่ไหน พบเจออะไรบ้าง เขาไม่รู้เลย
นอกจากรู้ว่าลูกชายยังมีชีวิตอยู่ ลู่เซิ่งก็ไม่รู้อะไรอีก
จากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินไปยังตึกที่ตัวเองพักอยู่
ตอนดึก เขาควรยกระดับพลังของร่างกายร่างนี้อีกครั้ง หรือควรบอกว่า ปลดปล่อยพลังดั้งเดิมของเขาออกมามากกว่าเดิม
ซู่…
อยู่ๆ พงหญ้าไกลออกไปก็มีเสียงซู่ๆ ดังแผ่วเบา
ลู่เซิ่งชะงักฝีเท้า ตามองไปยังทิศทางนั้น
“ใคร!?” ร่างกายของเขาเข้าสู่ช่วงระวังภัยทันที ความรู้สึกคุกคามที่มาจากสัญชาตญาณทำให้ตัวของเขาเกร็งเขม็ง
ในพงหญ้าไม่มีใครตอบ ไม่นานกลิ่นอายคุกคามนั้นก็สลายหายไป
ลู่เซิ่งเพ่งสัมผัส แต่ก็ไม่พบอะไรอีก
เขายืนอยู่ที่เดิมสักพัก พอไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวใดๆ ค่อยถอนใจ แล้วเร่งฝีเท้าเดินไปยังที่ของตัวเอง
วันต่อมา
ยามเช้าตรู่ เพิ่งจะตี 5 กว่า เขาก็ตื่นแล้ว หลังจากอาบน้ำ และกินอาหารยุโรปแบบบริการตัวเองในห้องอาหารด้านล่างเสร็จ ก็มาถึงลานจอดรถด้านข้างคฤหาสน์
ก่อนจะเจอกับบรองค์ที่เพิ่งเดินออกจากโรงจอดรถ
ชายหนุ่มหล่อเหลาคนนี้กำลังควงสาวสวยผมทอง ตาเขียว และมีรูปร่างเย้ายวนคนหนึ่ง ใบหน้าเป็นสีแดงซ่านหลังจากทำเรื่องหรรษา ทั้งสองเดินกระซิบกระหนุงกระหนิง บางครั้งก็ส่งเสียงหัวเราะคิกคักเบาๆ
“เฮ้ แจ๊ค ดูเหมือนเมื่อคืนคุณจะนอนมาเต็มอิ่มเลยนี่ วันนี้ไปเที่ยวเล่นกับพวกเราดีไหม ผมว่าอันนาคงไม่รังเกียจหรอกหากจะมีคนไปกับเธออีกสักสองสามคน” บรองค์ร้องเรียกลู่เซิ่งพลางยิ้มแฉ่ง
“ไม่ล่ะ พวกนายตามสบายเถอะ ฉันมีเรื่องอื่นต้องทำ ขอบใจที่ชวน” ลู่เซิ่งไม่สนใจเรื่องแบบนี้ คนที่แบ่งผู้หญิงของตัวเองให้กับคนอื่นได้ พึ่งพาไม่ได้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
นี่ทำให้เขารู้สึกแย่กับบรองค์ยิ่งกว่าเดิม
“ก็ได้ เหมือนว่าจะเป็นสุภาพบุรุษทีเดียวนี่” บรองค์เบ้ปาก ก่อนจะควงสาวงามเดินผ่านด้านข้างลู่เซิ่งไปโดยไม่สนใจ
ทั้งสองไปได้ไม่นานเท่าไร ลู่เซิ่งก็เข้าไปในลานจอดรถ ขณะกำลังจะตามหาคนขับรถที่เฝ้าอยู่แถวนี้มาช่วยพาเขามุ่งหน้าเข้าเมืองอยู่นั้น
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอดังมาจากรถโบราณสีขาวคันหนึ่ง
เขาเดินไปเข้าหา มองผ่านกระจกรถโบราณเข้าไปด้านใน เจอหญิงสาวงดงามผมสีดำที่สองตาบวมเป่งคนหนึ่งฟุบอยู่บนพวงมาลัย ดูเหมือนจะร้องไห้มาได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว
เขาจำหญิงสาวคนนี้ได้ ดูเหมือนจะชื่อเอวาเจอลีน เป็นเพื่อนสนิทของเซลีน่า แต่ตอนนี้เธอดูโศกเศร้ามาก
ลู่เซิ่งเห็นกล่องเครื่องประดับใบหนึ่งอยู่ข้างฝ่ามือเธอ บนนั้นมีกระดาษที่วาดรูปคิวปิดเสียบอยู่ เขียนคำพูดอ่อนหวานชวนขนลุกขนพอง โดยมีชื่อบรองค์เขียนอยู่ในตอนท้าย
ดูเหมือนจะเป็นแมวน้อยที่ถูกทิ้ง แต่นี่ไม่เกี่ยวกับเขา
ลู่เซิ่งส่ายหน้า แล้วหมุนตัวเดินไปยังบ้านหลังเล็กที่ใช้เฝ้าลานจอดรถ รอบนอกโรงจอดรถมีบ้านที่คนเฝ้ารถพักอาศัยอยู่ พวกเขาไม่เพียงรับหน้าที่เฝ้ารถเท่านั้น ขณะเดียวกันยังสามารถจ่ายเงินขอให้พวกเขาขับรถพาตัวเองไปที่อื่นได้ด้วย
ตอนนี้เขาคิดจะหาคนมาช่วยขับรถพาเขาเข้าไปในเมือง
เพิ่งจะหมุนตัวไป ลู่เซิ่งก็ได้ยินเสียงดังจากด้านหลัง
ปิ๊น ปิ๊น
เสียงแตรของรถโบราณดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เขาหันกลับมาเห็นอีวาเจอลีนที่อยู่ในรถเงยหน้ามองตนด้วยสองตาบวมเป่งตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ
หน้าดวงเล็กใบนั้นบริสุทธิ์งดงามมาก เอวคอดกิ่ว ขาเรียวยาว ตรงกับรสนิยมของเขาพอดี เสียแต่ว่าหน้าอกหน้าใจน้อยนิดไปบ้าง กระนั้นดูเหมือนหญิงสาวคนนี้อายุยังไม่มากนัก ประมาณสิบเก้าปี อนาคตยังทำอะไรได้อีกมากมาย
“ยัยหนู มีเรื่องอะไรหรือ” ลู่เซิ่งถามเสียงอ่อนโยน
“ใครเป็นยัยหนูยะ! แจ๊ค! ฉันรู้จักนาย! นายคือพี่ชายของไอ้ชั่วบรองค์! เป็นไอ้โง่คนนั้น! ไอ้โง่ที่ไม่ยอมรับสืบทอดมรดกแต่ไปเป็นตำรวจคนนั้น! รู้ไหมว่าพวกมันนินทานายว่ายังไง โง่งั่ง!นายมันไอ้งั่ง!? นายนึกว่าตัวเองสูงส่งมากหรือไง แล้วนายจะเอาป้าไคลีที่ขยันพากเพียรพยายามมาโดยตลอดไปไว้ตรงไหน?! หล่อนอดทนมาโดยตลอด รอคอยให้นายกลับใจ บรองค์คอยจ้องมรดกพวกนั้นตาเป็นมัน มันจ้องมานานแล้ว! รอให้นายเอ่ยปากว่าไม่เอา! นายมันสวะ! คนโง่! ไอ้งั่งที่ไม่ยอมรับเงิน!”
อีวาเจอลีนสบถด่าอย่างเมามันราวกับกำลังระบาย ผุดคำศัพท์สุดสกปรกเท่าที่ตัวเองจะนึกจินตนาการออกใส่ลู่เซิ่ง
“นายมันคนเนรคุณ ป้าไคลีคอยช่วยเหลือลับหลังนายตั้งมากมาย! นายนึกว่าตัวเองอยู่ในสถานีตำรวจเล็กๆ ที่ลอนดอนได้อย่างมั่นคงหรือไง นายรู้ไหมว่าป้าไคลีจ่ายเงินเท่าไรให้นายเข้ารับตำแหน่ง นายไม่รู้สินะ นายไม่รู้อะไรเลยล่ะสิ นายมันไร้เดียงสาอย่างกับคนปัญญาอ่อน! เข้าใจคำว่าปัญญาอ่อนไหม คือไม่รู้อะไรสักอย่าง! ทุกอย่าง…”
โครม!
ลู่เซิ่งลากอีวาเจอลีนออกมาจากรถ จากนั้นก็ชกท้องของเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย
หญิงสาวอายุสิบเก้าปีที่เพิ่งถูกจับเหวี่ยงออกไป พลันน้ำหูน้ำตาไหล
“ใช่แล้ว ฉันมันไม่รู้อะไรเลย แต่ตอนนี้ยังรู้ว่าเธอกำลังถูกฉันต่อยอยู่” ลู่เซิ่งยกตัวหญิงสาวขึ้นมา คุณสมบัติร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาทำให้ยกเธอลอยอยู่ด้านหน้าตัวเองได้เหมือนราวแขนเสื้อ
“ยัยหนู เรื่องที่เธอพูดไม่ได้มีความหมายสำหรับฉันเลย หล่อนเป็นแม่ฉัน ดังนั้นเรื่องเหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่หล่อนควรทำ เหมือนกับที่ฉันเป็นลูกของหล่อน ถ้าหล่อนเจอปัญหา ฉันก็จะทำเรื่องที่ฉันควรทำเหมือนกัน นี่คือพันธะและหน้าที่ระหว่างผู้ใหญ่อย่างพวกเรา”
ลู่เซิ่งเขย่าตัวหญิงสาวในมือไปมา
“พันธะบ้าบอ ไอ้สัปปะรังเคบรองค์ ฉันอุตส่าห์คิดจะมอบทุกอย่างให้แกแล้ว แต่แก…กลับไม่ชอบหน้าอกของฉัน!…ฮือๆๆ…” หญิงสาวจิตใจพังทลาย ถือโอกาสเกาะแขนของลู่เซิ่งพลางร่ำไห้
“ฉันจะฆ่าแก! ฆ่าแก! กรี๊ดดด!” เธอพลันกรีดร้อง
ลู่เซิ่งเอือมระอา เสียงโวยวายหนวกหูไม่เพียงส่งผลอย่างรุนแรงต่ออารมณ์ของเขาเท่านั้น ยังจะดึงดูดให้คนในคฤหาสน์ที่กำลังหลับอยู่มาด้วย ถ้าคนไม่รู้เรื่องเห็นภาพในตอนนี้ คงจะนึกว่าเขาทำอะไรสักอย่างกับหญิงสาวคนนี้
“จะว่าไปนิสัยเธอมันก็น่ารังเกียจจริงๆ นั่นแหละ มิน่าบรองค์ถึงไม่เอา” ลู่เซิ่งโยนคนไปบนเบาะนั่งคนขับ
“ฉันต้องการคนขับรถพอดี ไปส่งฉันในเมือง ขับรถซะยัยหนู”
“ยัยหนูบ้านแม่นายสิ ฉันอายุสิบเก้าปีแล้ว ตั้งท้องเด็กได้แล้วนะยะ! ถ้ายังเรียกฉันยัยหนูอีกล่ะก็ ฉันจะ…” เปรี้ยง!
“อ่อก! พระเจ้าช่วย! ท้องฉัน…!” อีวาเจอลีนถูกลู่เซิ่งชกท้องน้อยอีกครั้ง ตัวงอเป็นกุ้งบนเบาะคนขับ
“มีประโยคหนึ่งที่ฉันเคยได้ยินจากประเทศเก่าแก่แห่งหนึ่ง การตบคือจูบ การด่าคือรัก เธอดูซะ ตอนนี้ฉันจูบเธอไปสองครั้งแล้ว ถ้าเธอยังไม่ขับรถให้ฉันอีก ฉันจะจูบเยอะกว่านี้ ให้เธอได้สัมผัสว่าความรักที่สูญเสียไปงดงามขนาดไหน” ลู่เซิ่งนั่งลงเบาะหลังอย่างเกียจคร้าน
“ไปสักที ยัยหนูของฉัน”
อีวาเจอลีนไม่กล้าพูดอะไรอีก เธอหวาดกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอผู้ชายแบบนี้ เทียบกับสุภาพบุรุษที่สุภาพมีมารยาทเหล่านั้น ผู้ชายแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกถึงความอันตราย ความหวาดกลัว และความตื่นเต้นที่สัมผัสไม่ได้
บรืน
รถโบราณถูกสตาร์ท ควันโขมงลอยขึ้นจากด้านหลัง ก่อนจะค่อยๆ พาทั้งสองไปด้านนอกลานจอดรถ
ลู่เซิ่งมองดูทักษะการขับรถที่คล่องแคล่วของหญิงสาว พยักหน้าอย่างพอใจ เขาจะให้ยัยหนูนี่ได้เห็นความโหดร้ายของสังคมเพื่อเป็นค่าตอบแทนที่มาหยามเขาเอง
รถแล่นผ่านบ้านเฝ้ายามสีดำทะมึน ในบ้านว่างเปล่าไร้ผู้คน แสดงให้เห็นว่าคนรับใช้ที่ทำหน้าที่เฝ้าลานจอดรถไม่อยู่ แอบอู้งานไปเสียแล้ว นี่ทำให้ลู่เซิ่งรู้สึกโชคดีที่ตนหาคนขับดีๆ อีกคนได้
เขาไม่อยากจะขับรถรุ่นเก่าคันนี้เลย
……………………………………….