ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 822 เข้าเรียน (4)
ตูม!
วงแหวนแสงสีทองสว่างไสวระเบิดเหนือดาวเงาพริบตา
บุรุษร่างสูงใหญ่ที่สวมเสื้อคลุมสีทองลอยอยู่กลางวงแสง
เขากอดอก ใบหน้าถูกปกคลุมอยู่ในไอหมอกสีทอง มองไม่เห็นหน้าตา ต่อให้หยวนชิงลี่จะอยู่ที่นี่ หากแต่พอเห็นคนผู้นี้ ก็คงไม่อาจจดจำสัญลักษณ์พิเศษทางจิตวิญญาณของอีกฝ่ายได้ในเวลาอันสั้น
หมอกสีทองกลุ่มนี้ถึงขั้นมีผลขวางกั้นไม่ให้ผู้ยิ่งใหญ่มายาพิศวงค้นเจอจิตวิญญาณได้
บุรุษลอยอยู่เหนือฟ้าขณะก้มมองด้านล่าง วงแสงสีทองหลายกลุ่มขยายออกจากร่างของเขาไปยังพื้นที่โดยรอบ
“เจอสมบัติลับของลู่เซิ่งหรือยัง”
เสียงของเขากระเพื่อมออกมาตามวงแสง
บนพื้นที่ขนาดใหญ่ของดาวเงาพริบตา สัตว์ประหลาดที่มีหัวเป็นงูตัวเป็นคนจำนวนเหลือคณานับ สวมเกราะหนัก ถืออาวุธและโล่ แลบลิ้นอย่างละโมบขณะค้นหาสถานที่ทุกหนแห่งที่น่าจะเก็บซ่อนสมบัติได้
ใต้ดิน สัตว์ประหลาดที่มีแขนลักษณะเป็นปล้องสีดำจำนวนนับไม่ถ้วน ใช้สองแขนขุดดินอย่างบ้าคลั่ง เพื่อตามหาฐานทัพที่น่าจะซ่อนอยู่ใต้ดิน
เวลานี้เมื่อแสงสีทองกลางท้องฟ้าส่งเสียงออกมา มนุษย์งูกับมนุษย์แมลงก็เงยหน้าขึ้น ส่งเสียงซิกแซ่ก เบาๆ นั่นคือคลื่นเสียงประหลาดที่คนธรรมดาไม่ได้ยิน
“ยังไม่เจออีก...ไอ้พวกสวะ!” ครั้นบุรุษกลางแสงสีทองได้ยิน สีหน้าก็เย็นเยียบลง
“นึกไม่ถึงว่าเจ้าก็มาเหมือนกัน…” เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังบุรุษแสงสีทองอย่างฉับพลัน
ท้องฟ้ามืดมัวลงในทันใด จากนั้นแสงสายฟ้าสีม่วงสายหนึ่งก็ผ่าลงมาอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น รวมตัวกันกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ท่อนล่างเป็นอัสนีบาต ท่อนบนเป็นมนุษย์
ใบหน้ากับจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ซ่อนอยู่ในหมอกสายฟ้าที่เข้มข้นเช่นกัน ต่อให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่มายาพิศวงก็ไม่อาจหาเจอ
แต่ยอดฝีมือทั้งสองเพียงแค่สบตากัน ก็จดจำได้แทบจะทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
พวกเขารู้จักกันดีเกินไป ความจริงผู้เข้มแข็งระดับนี้ในสามสำนักใหญ่มีแค่ไม่กี่คน แค่ทายเล่นๆ ก็ยังทายถูก
สาเหตุที่ซ่อนตัวเอง ก็เป็นเพราะต้องซ่อนสถานะ
“เจ้าก็มาเหมือนกันไม่ใช่หรือ” บุรุษแสงสีทองแค่นเสียง “น่าขัน ในเมื่อตัวเองยักยอก เช่นนั้นก็อย่าโทษพวกเราสอดมือ สมบัติฟ้าดิน ใครมีความสามารถก็ได้ไปครอง”
“เช่นนั้นก็มาลองดู” บุรุษแสงสายฟ้าแค่นเสียงเย็นชา จากนั้นก็ผายมือลงด้านล่าง
ฉับพลันนั้นแสงสายฟ้ามากมายก็ผ่าลงไปยังพื้นดินด้านล่างอย่างเต็มกำลัง
ดาวเงาพริบตาถูกปกคลุมไปมากกว่าครึ่งแทบในทันที บุรุษยิงสายฟ้ามากกว่าครึ่งของตัวเขาออกไป
ดาวเงาพริบตาเหมือนกับมีตาข่ายสายฟ้าชั้นหนึ่งสว่างขึ้นกลางอวกาศ จากนั้นตาข่ายสายฟ้าก็ดับลง หมอกดำจำนวนมากกระจายออกมาต่อ แทบจะปกคลุมดาวเคราะห์ทั้งดวงไว้ด้านใน
ชั่วพริบตานี้ การติดต่อบนดาวเคราะห์ทั้งดวงกับโลกภายนอกขาดสะบั้นลงทั้งหมด
หยวนชิงลี่ที่อยู่ในตำหนักซึ่งอยู่ห่างออกมาสีหน้าพลันเปลี่ยนแปลง ขณะกำลังจะยื่นมือออกไปตรวจสอบสถานะ จิตวิญญาณของนางก็เคลื่อนไหว พอสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้บนดาวเงาพริบตา และเห็นหมอกดำเข้มข้นที่คุ้นเคย นางก็วางนิ้วที่ยกขึ้นลง
นิ่งไปสักพัก หยวนชิงลี่ก็ถอนใจ ได้แต่แสร้งทำเป็นไม่เห็น ฟังทุกคนที่อยู่เบื้องล่างโต้เถียงกันต่อไป
..
ใต้ดินของดาวเงาพริบตา
ทุกคนของสมาคมวิจัยความประหลาดลี้ลับรวมตัวกันในถ้ำทรงรีที่เล็กแคบแห่งหนึ่ง
ทัวหลันปาเฮ่อกับบันไซกำลังตั้งใจตรวจสอบอุปกรณ์สุดรักที่เพิ่งชิงออกมาอยู่ตรงมุมหนึ่ง ทางหลี่ซุ่นซีมีคราบเลือดติดอยู่ที่มุมปาก เอนพิงอยู่บนผนังถ้ำ
อริยะเจ้าทงเซิงกำลังกางสิ่งที่เหมือนกับแผนที่เข้ากับผนัง
“พระราชวังดาวล่มสลายแล้ว คนจากภายนอกพวกนี้บุกเข้าไปในทันที เป็นอย่างที่พี่ใหญ่หลี่ว่าไว้ไม่มีผิด เป้าหมายของพวกมันคือคลังสมบัติของนายท่าน! ไอ้โจรบัดซบพวกนี้!” บันไซทุบหมัดกับผนังถ้ำอย่างมีน้ำโห
“พวกท่านว่านายท่านจะกลับมาไหม” ทัวหลันปาเฮ่อถามแผ่วเบา นางไม่ชอบชีวิตเช่นนี้เลย ต้องระหกระเหินร่อนเร่ ใช้ชีวิตอยู่บนเส้นด้าย ชีวิตอย่างนี้ทำให้นางนึกย้อนถึงชีวิตก่อนที่จะได้เจอลู่เซิ่งขึ้นมาชั่วขณะ
นี่ทำให้นางรู้สึกไม่ดียิ่ง
“ลูกพี่จะต้องกลับมาแน่นอน!” บันไซกล่าวอย่างแน่วแน่ “เขาไม่มีทางตายง่ายๆ แบบนี้แน่”
อริยะเจ้าทงเซิงถอนใจ
“ตอนนี้พวกเราขาดการติดต่อกับศูนย์ใหญ่ของสำนักนทีครามโดยสมบูรณ์…ทุกคนยังจะทำอะไรได้ พวกเราต้องหาทางออก ไม่อย่างนั้นหากอยู่ที่นี่ต่อไป ได้ตายกันหมดแน่”
“ถูกต้อง คนพวกนั้นอำมหิตนัก แสดงว่าไม่อยากให้ใครเห็นการเคลื่อนไหวของพวกมัน” หลี่ซุ่นซีถอนใจพร้อมกับเอ่ยเสียงทุ้ม
ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เขาใช้หยกปีศาจหยั่งรู้อันตรายล่วงหน้า พวกเขาคงหนีไม่รอดสักคนเดียว
แต่เขาก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนเช่นกัน
แม้จะเป็นเพราะตัวแปรที่ร่องรอยของผู้ยิ่งใหญ่มายาพิศวงก่อขึ้นจะมีมากเกินไป จึงทำนายได้ง่ายดายยิ่ง แต่พวกเขาก็แข็งแกร่งเกินไปจริงๆ การทำนายการเคลื่อนไหวของพวกเขา สร้างภาระอย่างสาหัสให้แก่หลี่ซุ่นซี
เป็นเพราะผลกระทบของผู้ยิ่งใหญ่มายาพิศวงมีมากมายมหาศาล ดังนั้นหากอยากจะทำนายรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นเพราะพวกเขา พลังงานที่ต้องผลาญจะเป็นเหมือนกับถูกหลุมดำสูบพลังฝึกปรือในตัวหลี่ซุ่นซีไปจนหมดสิ้น
ถ้าไม่ใช่ทงเซิงที่อยู่ด้วยเห็นท่าไม่ดี เกรงว่าหลี่ซุ่นซีคงถูกสูบพลังจนหมดอย่างสมบูรณ์แล้ว
การทำนายแนวโน้มใหญ่กับทิศทางใหญ่นั้นง่ายดายนัก แต่หากจะทำนายรายละเอียด…ความยากจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าหนึ่งเท่า
“ไม่ว่าอย่างไร พวกเราก็จำเป็นต้องรักษาแกนค่ายกลจุติที่นายท่านทิ้งไว้ให้ได้ ด้านในนั้นคือสัญญาณที่นายท่านใช้กลับมา ขอแค่นายท่านกลับไปถึงกระแสมิติเวลา และเข้าใกล้เล็กน้อย ต่อให้มีโลกสิบกว่าใบกั้นอยู่ ก็สามารถสัมผัสสัญญาณได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าเกิดว่าแกนค่ายกลถูกทำลาย ต่อให้นายท่านไม่เป็นอะไร ก็กลับมาไม่ได้อยู่ดี…” ดวงตาของบันไซฉายแววแน่วแน่
“ถูกต้อง พวกเราจะปล่อยให้คนพวกนั้นรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด เกิดพวกเขาพบว่านายท่านอาจกลับมาได้ล่ะก็…” หลี่ซุ่นซีผุดสีหน้าเคร่งขรึม แต่ยังไม่ทันขาดคำ สองตาของเขาก็สาดแสงสีขาวขึ้น
“แย่แล้ว! รีบหนีเร็ว!” เขาผุดตัวขึ้น แล้วลากบันไซวิ่งลึกเข้าไปในถ้ำ
ทงเซิงคว้าตัวทัวหลันปาเฮ่อ เหินร่างตามทั้งสองคนไปในเวลาเดียวกัน
เปรี้ยง!
ทันใดนั้นผนังถ้ำระเบิดเป็นรู เศษหินเศษดินจำนวนมากกระจัดกระจายเพราะระเบิดอันรุนแรง หมอกสีดำกลุ่มหนึ่งทะลักเข้าไปในอุโมงค์อย่างรวดเร็ว กลายเป็นนักรบมนุษย์แมลงแข็งแกร่งที่สวมเกราะไว้ทั้งตัว
“เจอตัวแล้ว…กากเดนของสมาคมวิจัย พวกมันจะต้องเอาสมบัติลับของลู่เซิ่งหนีไปแล้วแน่…ไล่ตามไป ฆ่าพวกมัน แล้วจับวิญญาณของพวกมันเอาไว้!” ผู้นำมนุษย์แมลงที่แข็งแกร่งสูงใหญ่ที่สุดตนหนึ่งคำรามเสียงทุ้มต่ำ
ซิกๆๆ…
มนุษย์แมลงทั้งหมดโถมตัวไปยังทิศทางของพวกหลี่ซุ่นซีอย่างบ้าคลั่ง
ตอนนี้ไฟสงครามกระจายไปทั่วทุกพื้นที่บนดาวเงาพริบตา มนุษย์งูและมนุษย์แมลงนับไม่ถ้วนต่างก็เข่นฆ่าอย่างเหิมเกริมในนครใหญ่หลายแห่งเพื่อค้นหาสมบัติลับ
เมื่อเครื่องตรวจจับชนิดพิเศษที่พวกมันพกพามาค้นพบจุดที่มีความผิดปกติใดๆ พวกมันจะพุ่งเข้าไปจัดการทันที
ดาวเงาพริบตาหลุดพ้นจากการคุ้มครองของสำนักนทีครามอย่างสิ้นเชิง เกือบจะกลายเป็นนรกภายในเวลาแค่หนึ่งวัน
นักรบและผู้บำเพ็ญเพียรที่สวามิภักดิ์กับลู่เซิ่งจำนวนนับไม่ถ้วนในพระราชวังดาวขัดขืนอย่างบ้าคลั่ง แต่พอวงแสงสีทองกลางท้องฟ้าขยายตัว การขัดขืนของพวกเขาถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย
คนบาดเจ็บล้มตายนับหลายล้านคนทำให้เกิดภูเขาศพทะเลเลือดมากมาย
เทือกเขาที่พระราชวังดาวตั้งอยู่แทบถูกเลือดย้อมเป็นสีแดงฉาน เลือดรวมกลุ่มกัน ยังไม่ทันจับตัว ก็กลายเป็นที่ราบธารโลหิตไหลเข้าใกล้
วิญญาณนับไม่ถ้วนเพิ่งผุดขึ้น ยังไม่ทันขยายใหญ่ ก็ถูกบุรุษที่มีร่างเป็นสายฟ้าโบกมือรวบรวม กลายเป็นก้อนวิญญาณสีเทาขนาดยักษ์ ลอยค้างอยู่เหนือท้องฟ้าบนดาวเงาพริบตา
ก้อนดวงวิญญาณจำนวนมากถูกค่ายกลอักขระเทพที่เหี้ยมหาญเปลี่ยนแปลง กระจายสนามพลังที่ยิ่งใหญ่และแปลกประหลาดออกมา ตรวจสอบพื้นผิวในรัศมีหลายสิบล้านหมี่
ดาวเงาพริบตากลายเป็นนรกบนดิน
…
โครม
ลู่เซิ่งที่ผลักประตูเข้าไปขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาเหมือนกับสัมผัสได้ว่ามีเรื่องไม่ดีบางอย่างกำลังเกิดขึ้น เมื่ออยู่ในขอบเขตระดับเดียวกับเขา ร่างหลักจะมีความสามารถสัมผัสที่เหนือมนุษย์จนไม่อาจทำความเข้าใจได้บางส่วน
การสัมผัสนี้มีผลเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี
ทำให้เขาเกิดลางสังหรณ์แบบนี้ได้ ย่อมต้องไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยแน่นอน
แต่ตอนนี้เขาอยู่ต่างโลก พิจารณาสภาพแวดล้อมอย่างละเอียด หลังจากจุติมายังโลกใบนี้ เขาก็ยังไม่ค้นพบการคุกคามใดๆ ต่อร่างหลักของตัวเอง
“ยินดีต้อนรับ สหายที่รัก” น้ำเสียงที่เป็นมิตรทำให้เขาตื่นจากภวังค์
“สวัสดีครับ ท่านผู้อาวุโส” ลู่เซิ่งพยักหน้าและมองชายชราตรงหน้า
คนที่อยู่ด้านหน้าเขา เป็นหญิงงามผมดำคนหนึ่ง แต่เสียงของเธอแก่ชรายิ่ง เป็นเสียงที่เหมือนวัยไม้ใกล้ฝั่ง
“คุณฉลาดมาก ความสามารถในการสังเกตน่าตกใจยิ่ง คุณรู้ได้อย่างไรว่าฉันคือคนแก่ ไม่ใช่เพราะเสียงมีปัญหาหรือ นอกจากนี้ขอเตือนคุณไว้สักประโยค นี่เป็นเนื้อหาการทดสอบที่คุณกำลังเจออยู่ เนื้อหาการทดสอบของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องนึกถึงสิ่งที่คนอื่นบอกคุณ”
ลู่เซิ่งมองรอบห้อง หน้ากากสีขาวหลายใบแขวนอยู่เต็มผนัง หน้ากากพวกนี้บ้างก็เป็นสัตว์ป่า บ้างก็เป็นมนุษย์ แต่ส่วนใหญ่เป็นหน้ากากไม่มีปากและจมูก มีแต่ดวงตาเท่านั้น
ตำแหน่งที่ดวงตามากกว่าร้อยคู่จ้องมอง เป็นจุดที่ลู่เซิ่งนั่งอยู่พอดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น คงจะรู้สึกอึดอัด ได้รับแรงกดดันอย่างมหาศาล
แต่นี่ไม่มีความหมายสำหรับเขา
“วิธีแยกแยะอายุของคุณโดยคร่าวๆ ความจริงง่ายมากครับ” ลู่เซิ่งยิ้ม “นั่นก็คือการหายใจของคุณ ดวงตาของคุณ ชีพจรของคุณ และสิ่งอื่นๆ ซึ่งไม่เหมือนกับหญิงสาว” เขาไม่ได้บอกอย่างละเอียด แต่หญิงชรากลับเข้าใจในทันที
ลู่เซิ่งใช้อัตราการหายใจ การเต้นของหัวใจ และสัญญาณเล็กๆ น้อยๆ บนเปลือกนอกของอีกฝ่าย จนทราบว่าหญิงสาวที่อยู่ด้านหน้า เป็นหญิงชราที่แก่มากแล้ว
“พลังสังเกตเยี่ยมยอดมาก ดีเลย คุณผ่านการทดสอบแรกแล้ว พ่อหนุ่ม” หญิงชราปรบมือเบาๆ “ต่อจากนี้เป็นการสอบข้อเขียน หวังว่าคุณจะทำผลงานได้ดีอย่างในตอนนี้ได้ต่อไปนะ”
“ผมมั่นใจในเรื่องนี้ครับ” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างจริงจัง
“คุณแตกต่างกับคนส่วนใหญ่ พวกเขาไม่ได้รู้จักอะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย แต่ฉันมองออกว่า คุณมาที่นี่เพราะตามหาพลังบางอย่าง…” หญิงชราเอ่ยเสียงทุ้ม “ความจริงมีคนอย่างคุณมามากมาย แต่มีน้อยคนที่เดินไปถึงตอนสุดท้ายได้”
“พลังอะไรเหรอครับ” ลู่เซิ่งรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที ขอแค่เจอระบบพลังงานของโลกใบนี้ เขาจะดำเนินการลอกคราบทางพลังได้อย่างรวดเร็ว นี่ก็คือวิธีการฝึกฝนของเขา ซึ่งแตกต่างจากคนอื่นๆ
“อีกไม่นานคุณก็จะได้รู้เอง…เอาล่ะ ตอนนี้ ได้โปรดออกไปก่อน” หญิงชราเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ลู่เซิ่งนิ่งไป ก่อนจะค่อยๆ ถอยออกไป
รอจนลู่เซิ่งออกไปแล้ว
หญิงชราก็ถอนใจ
“มีเมล็ดพันธุ์ที่ดีมาอีกหนึ่งแล้ว แม้จะอายุมากไปบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไร พวกเรายังพอแก้ไขได้ ภารกิจต่อต้านเทพนอกรีตต้องการคนรุ่นใหม่ๆ ถึงจะดำเนินต่อไปได้”
“ถูกแล้ว คุณภาพของเมล็ดพันธุ์ในครั้งนี้สูงมาก...ต่อจากนี้ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะสอบผ่านหรือไม่ พลังแห่งกูลาร์ไม่ค่อยเสถียร ถ้าไม่มีพลังจิตที่แข็งแกร่ง ก็มองพวกเขาเป็นเพียงนักเรียนธรรมดาก็พอ” หน้ากากใบหนึ่งในความมืดเอ่ยปากกล่าวช้าๆ
“ถูกต้อง…หวังว่าจะมีหลายคนที่ผ่านนะ…” หญิงชราเอ่ย “เวลาของพวกเราเหลือไม่มากแล้ว…”
พวกเขาคอยควบคุมพลังประหลาดต่อสู้กับเทพนอกรีตมานานเหลือเกิน นานจนพวกเขาถึงขั้นลืมอายุของตัวเองไปแล้ว
เหล่าคนแก่ชราในมหาวิทยาลัยแห่งนี้แทบทุกคนต่างเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น
……………………………………….