ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 826 อวัยวะ (2)
ลู่เซิ่งออกจากป้อมเตี้ยโดยใช้ประตูทางด้านหลัง เหมือนว่าเขาจะออกมาช้าไปหน่อย ด้านนอกป้อมเตี้ยมีคนยี่สิบกว่าคนเท่านั้นมารวมตัวกันอยู่ในลานทางขวามือแล้ว
หัวหน้าหอพักเม็นเดิลส์โซนนั่งอยู่บนม้านั่งหิน กำลังพูดคุยกับหญิงสาวผมทองมัดเปียคนหนึ่ง
หลังจากลู่เซิ่งออกมา ก็เห็นพวกแอนดี้ยืนอยู่ทางนี้ เขาจึงเดินมาสมทบกับทุกคน
เวลานี้เขายังสัมผัสได้ถึงพลังที่แปลกประหลาดและอ่อนแอสายนั้นจากแขนได้อยู่ พลังงานเกิดขึ้นในก้อนเนื้ออย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
ลู่เซิ่งสัมผัสได้ว่า ก้อนเนื้อกำลังสูบสารหล่อเลี้ยงสำรองในตัวของเขา เหมือนกับอวัยวะใหม่ที่งอกออกมาเพิ่ม กำลังใช้สารหล่อเลี้ยงเหล่านี้ในการให้กำเนิดพลังงานชนิดพิเศษที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน
“สำเร็จแล้วเหรอ ดูราบรื่นดีนี่” แอนดี้โบกมือให้เขา “เออร์นียังไม่ออกมาอีกหรือ”
“เออร์นีหรือ”
“ผู้หญิงที่คุณเห็นเมื่อวานไง” แอนดี้อธิบาย
“ไม่เจอนะ” ลู่เซิ่งส่ายหน้า
“จะว่าไปคุณปลุกอวัยวะไหนตื่นขึ้นมาล่ะ หัตถ์แห่งควินน์? เกราะโลหะ? หรือว่าคำอัญเชิญปีศาจไฟ” แอนดี้พูดชื่อที่ลู่เซิ่งไม่เข้าใจออกมามากมาย
“อีกเดี๋ยวก็รู้แล้ว” เขาไม่อยากจะเปิดเผยความลับของตัวเอง จึงแสร้งทำเป็นมีลับลมคมใน
แอนดี้จุ๊ปากพลางโบกมือ
“ถึงจะยังไม่ได้ตรวจสอบ แต่ฉันอยากปลุกหัตถ์แห่งควินน์ ลูกพี่ลูกน้องของฉันเคยปลุกสิ่งนี้ได้ สามารถควบคุมประมวลกฎหมายได้เกือบสมบูรณ์ อย่างไรก็ใช้ได้ถนัดมือที่สุดนี่นะ ฉันเดาว่าเออร์นีน่าจะได้แสงแห่งนรกเหมือนครอบครัว ขอบอกคุณไว้เลยว่าไอ้นั่นมันมีอานุภาพไม่ธรรมดา หากยิงออกไปก็จะทำให้สาวกเทพนอกรีตเกือบตายได้เลยทีเดียว ก่อนหน้านี้ฉันโชคดีได้เห็นวิทยานิพนธ์เรียนจบของตระกูลของเธอ ศพที่ถูกทำลายจนกลายเป็นเนื้อบด แม้แต่กระดูกก็โดนทุบจนแหลกลาญหลายสิบศพ พวกเขากลับบอกว่านั่นคือรูปจำลองมนุษย์ จุ๊ๆ…”
แอนดี้พูดได้สักพัก เออร์นีก็เดินออกมาจากประตูหลังป้อมเตี้ย ก้อนเนื้อบนแขนของเธอมองเห็นได้อย่างชัดเจน เป็นก้อนเนื้อที่เหมือนกับของลู่เซิ่ง แต่ด้านบนมีลวดลายเป็นเกลียวสีม่วงหลายกลุ่ม ในนี้ยังมีจุดสีเงินหลายจุดแทรกอยู่ด้วย
“แสงแห่งนรกจริงๆ ด้วย สิ่งนี้น่ะมองออกได้ง่ายที่สุด” แอนดี้ยิ้มให้ลู่เซิ่งขณะทำท่าเป็นอย่างที่คิดไว้
คนมากันเกือบครบแล้ว เหลืออีกห้าหกคนที่ยังไม่มา แต่เม็นเดิลส์โซนลุกขึ้นปรบมือ ดึงดูดความสนใจของทุกคนไว้
“ดีใจมากที่ได้เจอทุกคนอีกครั้ง และได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยมากมายขนาดนี้” เขายังคงมีสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนเก่า แต่สายตาอ่อนโยนกว่าเดิมมาก
“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกคุณจะก้าวเข้าสู่โลกที่ไม่เคยจินตนาการมาก่อนอย่างเป็นทางการ หลังได้รับพลังที่ไม่อาจคาดถึง พวกคุณจะแบกรับหน้าที่ต่อสู้กับการคุกคามที่ซุกซ่อนอยู่ในความมืด”
“หัวหน้าหอพัก ผมก็แค่มาหาความรู้เฉพาะทางเท่านั้นเอง…ผมคิดว่าผมกับน้องชายไม่ได้เตรียมมาทำการต่อสู้อะไรอย่างที่คุณว่า…พวกเราเป็นแค่นักศึกษาธรรมดาเท่านั้น…” ชายผมหยักศกที่ตัดผมสั้นเตียนและสวมแว่นตาคนหนึ่งลุกขึ้นยืนอย่างขลาดกลัว
ชายผมหยักศกอีกคนที่อยู่ด้านข้างเขาก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน
เม็นเดิลส์โซนมองคนทั้งสองพร้อมกับยิ้ม
“เชื่อฉันเถอะ ไม่มีใครบังคับให้พวกคุณทำอะไรหรอก ในเวลาส่วนใหญ่พวกคุณจะทำการเลือกด้วยตัวเองเพราะสิ่งที่พวกคุณเห็นจะไม่เหมือนกัน…โลกนี้ยุติธรรมเสมอมา”
จากนั้นเขาก็ไม่สนใจทั้งสองอีก
“เอาล่ะ ตอนนี้ให้พวกเรามาแบ่งกันว่าในอวัยวะสัมผัสที่หกของทุกคนจะได้รับอวัยวะอะไรไปบ้างตามปกติแล้ว อวัยวะที่ปลูกถ่ายสำเร็จจะแบ่งได้เป็นสามชนิด ได้แก่ สายทั่วไป สายพิเศษ และสายต้องห้าม จากอวัยวะหลายชนิดที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดในหมู่คนธรรมดา โดยใช้ข้อมูลเชิงสถิติที่พวกเราคิดขึ้น…”
เม็นเดิลส์โซนยิ้มแย้ม ขณะมองไปยังยี่สิบกว่าคนที่อยู่โดยรอบ
“ไหน ขอฉันดูหน่อย มีสายต้องห้ามไหม” เขาปรบมือเบาๆ ในฝ่ามือเหมือนมีพลังสัญลักษณ์ประหลาดบางชนิดกะพริบขึ้น
ในกลุ่มยี่สิบกว่าคน หญิงสาวอินเดียนแดงที่มีผิวสีน้ำผึ้งคนหนึ่งตัวสั่นเทา ก้อนเนื้อบนแขนส่องแสงสีม่วงอย่างไม่อาจควบคุมได้
“สายต้องห้ามหนึ่ง ไปยืนทางโน้น” เม็นเดิลส์โซนชี้นิ้ว หญิงสาวอินเดียนแดงเดินไปอยู่ทางขวาของทุกคนโดยไม่รู้ตัว
ลู่เซิ่งมองเธอ สามารถเห็นผ่านผิวพรรณกึ่งโปร่งแสงเข้าไปในก้อนเนื้อบนแขนข้างนั้นได้ว่า เหมือนเป็นอนุภาคสีขาวที่เล็กเหมือนกับไข่แมลงจำนวนมากซุกซ่อนอยู่
“ต่อจากนี้เป็นสายพิเศษ มายืนทางซ้ายมือ” เม็นเดิลส์โซนปรบมืออีกครั้ง
พลังงานไร้รูปร่างสายหนึ่งกระจายออกท่ามกลางฝูงชนโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง
ไม่นานนัก คนสี่คนก็ทยอยเดินออกมายืนตรงที่ว่างทางซ้ายมือ ในนี้มีเออร์นีรวมอยู่ด้วย
หญิงสาวคนนี้ผุดสีหน้าเรียบเฉย เหมือนไม่ตกใจแม้แต่น้อยว่าตัวเองอยู่ในสายพิเศษ
“อืม คำอัญเชิญปีศาจไฟ เถาวัลย์พิเศษสอง แสงแห่งนรกหนึ่ง” เม็นเดิลส์โซนพยักหน้า
“ต่อจากนี้เป็นสายทั่วไป สายส่วนใหญ่ของคนทั่วไปหลักๆ แล้วจะมีเสริมสัมผัสและสายลมแห่งการประสาน พวกเสริมความแข็งแกร่งการสัมผัสออกมาก่อน”
สิ้นเสียง นักศึกษาที่ผุดสีหน้าท้อแท้สี่คนก็เดินออกมา
แสดงให้เห็นว่าความฝันที่จะเป็นสุดยอดวีรุบุรุษของพวกเขาจบสิ้นแล้ว นอกจากจะมีสัมผัสแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดา พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรจากคนทั่วไปอีก
ในมหาวิทยาลัย หากนักศึกษาที่มีความสามารถเสริมการสัมผัสคิดจะอยู่ในมหาวิทยาลัยต่อ ก็ได้แต่ทำงานด้านเอกสารเท่านั้น
“คนที่ไม่ใช่สายลมแห่งการประสานให้ออกมา” เม็นเดิลส์โซนพูดเป็นครั้งสุดท้าย
“…”
ภายใต้อาคมของเขา คนที่เหลืออยู่ไม่ขยับสักคน รวมถึงแอนดี้ผู้ลึกลับด้วย ทุกคนต่างยืนนิ่งกับที่
“โอ้…ไม่…!” แอนดี้ก้มหน้าลง เขาเข้าใจดีว่ากระบวนการแยกประเภทของเม็นเดิลส์โซน เป็นกระบวนการทดสอบความสามารถ
และตอนนี้ ผลการทดสอบก็ออกมาแล้ว นั่นก็คือ ความสามารถที่เขาได้จากการปลูกถ่ายอวัยวะ เป็นเพียงสายลมแห่งการประสานระดับพื้นฐานสุดเหมือนคนส่วนใหญ่เท่านั้น
สายลมแห่งการประสาน เป็นชื่อที่ฟังดูดีมาก เหมือนค่อนข้างโอ้อวด แต่คนที่รู้ต่างก็ทราบดีว่าความสามารถนี้ทำให้สามารถพ่นกระแสอากาศที่เล็กถึงขีดสุดออกมาจากรูขุมขนได้
ขนาดของกระแสอากาศที่พ่นออกมาได้ ก็คือระดับที่เป่าแมลงตัวเล็กๆ ปลิวเท่านั้น
ความจริงความสามารถนี้ไร้ประโยชน์ยิ่งกว่าเสริมสัมผัสเสียอีก
อย่างไรหากฝึกเสริมสัมผัสก็ยังเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนได้ ทว่าคนที่ได้สายลมแห่งการประสานก็ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา
หลังจากลู่เซิ่งได้ยินคำอธิบายของแอนดี้ กลับไม่ได้ท้อแท้อะไร หรือควรบอกว่าเดิมทีเขาไม่ได้หวังกับความสามารถของอวัยวะที่หกครอบครองอยู่แล้ว
“หมายความว่า…ต่อจากนี้พวกเราจะได้แต่ทำงานเอกสารธรรมดา…เอ้อ ไม่สิ เทียบกับเสริมสัมผัสแล้ว พวกเรายังแรงดีกว่าหน่อย สามารถเป็นกรรมกรได้…” แอนดี้ก้มหน้าล้อเล่นอย่างกระอักกระอ่วน
แต่ไม่ว่าใครก็มองออกว่าเขากำลังผิดหวังอยู่
ลู่เซิ่งผุดสีหน้าราบเรียบ มองไปยังหญิงสาวเออร์นีอีกครั้ง อีกฝ่ายค้นพบสายตาของเขาแล้ว ตอนนี้มองกลับมาเช่นกัน พอเห็นลู่เซิ่งที่ยืนอยู่ในกลุ่มคนที่ได้สายลมแห่งการประสาน สายตาเธอก็ฉายแววผิดหวัง
“เอาล่ะ คนที่ได้เสริมสัมผัสกับสายลมแห่งการประสานให้ตามฉันมา แม้ว่าอวัยวะที่หกของพวกคุณจะอ่อนแอมาก ไม่มีประโยชน์อะไรเลย แต่ถ้าฝึกฝนร่างกายและฝึกฝนความสามารถควบคุมให้ดี บางทีอาจจะมีความหวังด้านอื่นก็เป็นได้”
เม็นเดิลส์โซนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ พวกคุณควรจะรับการฝึกทหาร ซึ่งเป็นกระบวนการที่นักศึกษาใหม่ต้องเจอสักที!”
“ส่วนคนอื่น อีกไม่นานจะมีอาจารย์อย่างเป็นทางการกับผู้ช่วยอาจารย์มาคุยด้วย รออยู่เงียบๆ ก็พอ”
ยี่สิบนาทีต่อมา
บนลานฝึกขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสนามหญ้าสีเขียวอ่อนที่อยู่ในส่วนลึกของมหาวิทยาลัยมิสกา
เม็นเดิลส์โซนพาพวกแอนดี้ ลู่เซิ่ง และนักศึกษาหอพักคนที่เหลือ ไปยืนอยู่บนสนามหญ้า
แอนดี้อยู่ใกล้กับลู่เซิ่ง กำลังคุยกระซิบกับนักศึกษาสาวสวยผมสีน้ำตาลผิวขาวคนหนึ่ง
นักศึกษาสาวคนนี้ชื่อลูซี เป็นคนที่เขาเพิ่งตีสนิท ฐานะที่บ้านพอมีเงินอยู่บ้าง แต่ไม่นับว่าร่ำรวย บรรพบุรุษมีสายเลือดขุนนางระดับหนึ่ง แต่ตัวเธอกลับแตกต่างจากคุณหนูที่มาจากตระกูลขุนนางเหล่านั้น ตรงที่ร่าเริงกระตือรือร้นกว่า
เวลานี้บนลานฝึกสีเขียวมีคนสองร้อยกว่าคน คนกลุ่มนี้มีเจ็ดส่วนได้สายลมแห่งการประสาน ที่เหลือได้เสริมสัมผัส
สายพิเศษกับสายต้องห้ามที่มีศักยภาพจะถูกจัดให้ได้รับการศึกษาแบบหัวกะทิ
ลู่เซิ่งยืนอยู่ด้านข้างอย่างเบื่อหน่าย รอคอยมหาวิทยาลัยดำเนินการขั้นต่อไปอย่างเงียบๆ ตอนนี้เขาได้สัมผัสกับพลังสายหลักบนโลกใบนี้ในขั้นต้นแล้ว ขอแค่สัมผัสกับระบบความรู้ได้อย่างเป็นระบบ เขาก็จะเรียนรู้ได้เองอย่างราบรื่น
กล่าวตามจริง พูดถึงความสามารถในการเรียนเอง เขาก็ไม่น้อยหน้าใครในโลกมารสวรรค์เช่นกัน
เม็นเดิลส์โซนยืนพูดปลุกใจอยู่ด้านหน้ากลุ่มคน แต่เห็นได้ชัดว่าชายชาวเยอรมันตามแบบฉบับผู้นี้ไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้ สุดท้ายจึงเปลี่ยนคน
ผู้หญิงที่มีชื่อว่าโทเลย์เดินออกมา เธอสวมชุดแนบเนื้อสีดำสนิท บนไหล่คล้ายจะมีอินทรธนูสีทองเข้มของกองทัพจากประเทศใดสักประเทศติดอยู่ด้วย
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะรับหน้าที่เป็นหัวหน้าครูฝึกในการฝึกทหารของพวกคุณ และหลังจากฝึกทหารแล้ว ฉันจะรับหน้าที่เป็นครูสอนออกกำลังในยามปกติให้พวกคุณด้วย ในขณะเดียวกัน ฉันจะสอนกฎของพลังเสริมสัมผัสกับสายลมแห่งการประสานให้กับพวกคุณทุกคนเพิ่มเติม จงอย่าดูถูกความสามารถอ่อนแอบนตัวพวกคุณ สำหรับฉันแล้ว ไม่ว่าความสามารถอะไร ขอแค่ใช้ได้ดี ก็ก่อให้เกิดประโยชน์ที่สำคัญได้ทั้งสิ้น”
จากนั้นเธอก็พูดอะไรสักอย่างต่อ แต่ความสนใจของลู่เซิ่งจับอยู่บนหนังสือโลหะสีดำสนิทสองเล่มที่หญิงงามผมสีดำยาวคนนี้ถืออยู่
ตามที่เม็นเดิลส์โซนแนะนำ ของสิ่งนี้ก็คือประมวลกฎเกณฑ์ของพลังเสริมสัมผัสและสายลมแห่งการประสาน
“ความจริงประมวลกฎเกณฑ์ ก็คือผลรวมของวิธีการและประสบการณ์มากมาย ที่พวกคนรุ่นก่อนสรุปจากวิธีการที่ตัวเองใช้ฝึกฝนความสามารถของอวัยวะนั่นเอง” โทเลย์ยืนอยู่ด้านหน้าสุดบนสนามหญ้า เดินไปเดินมาไปพลาง อธิบายเสียงกังวานไปพลาง
“โดยทฤษฎีแล้ว ยิ่งร่างกายของคุณแข็งแกร่งเท่าไร ก็จะควบคุมพลังแห่งกูลาร์ในร่างได้ช่ำชองเท่านั้น ความสามารถของอวัยวะที่ใช้ได้ก็จะแข็งแกร่งตามไปด้วยเช่นกัน ดังนั้น จากพื้นฐานนี้เอง เหล่านักศึกษาทั้งหลายของมหาวิทยาลัยมิสกาจึงสรุปเป็นประมวลกฎเกณฑ์แห่งความโกลาหล เพื่อใช้ฝึกฝนความสามารถของอวัยวะทั้งหมด ประสิทธิผลเองก็แข็งแกร่งถึงขีดสุด ถ้าพวกคุณโชคดี สามารถเสริมความแข็งแกร่งผ่านการฝึกฝนในประมลกฎเกณฑ์ขั้นต้นได้ อย่างนั้นการพัฒนาในภายหลังอาจจะสัมผัสกับประมวลกฎเกณฑ์แห่งความโกลาหล อันเป็นสุดยอดประมวลกฎเกณฑ์ได้เช่นกัน อย่างไรเงื่อนไขระดับพื้นฐานมากมายที่ของสิ่งนั้นวางไว้ก็สูงเกินไป แต่การฝึกฝนประมวลกฎเกณฑ์ อย่างสูงที่สุดสามารถทำให้ความสามารถยกระดับได้ขั้นหนึ่ง ขอแค่พวกคุณพยายาม อนาคตก็ยังมีโอกาสอยู่อีก! เอาล่ะ ตอนนี้ พวกเรามาดูประมวลกฎเกณฑ์ขั้นต้นของพลังเสริมสัมผัสก่อน...”
ลู่เซิ่งยืนอยู่ในกลุ่มคน ตั้งใจฟังโทเลย์บรรยายเนื้อหาประมวลกฎเกณฑ์อย่างละเอียด ต่อจากพลังเสริมสัมผัส ก็คือสายลมแห่งการประสาน
เนื้อหาของประมวลกฎเกณฑ์กับวิธีการฝึกฝนแปลกใหม่อย่างยิ่ง ประมวลกฎเกณฑ์ขั้นต้นแบ่งสายลมแห่งการประสานออกเป็นสิบระดับ
นักศึกษาที่มีพรสวรรค์ทั่วไป หลังจากฝึกฝนประมวลกฎเกณฑ์ทั้งเล่มสำเร็จแล้ว จะทำให้อวัยวะเกิดการวิวัฒนาการ ยกระดับความสามารถพื้นฐานขึ้น เวลานี้ปกติแล้วต้องใช้เวลาถึงสามปี ส่วนอวัยวะหลังการวิวัฒนาการจะถูกเรียกว่าร่างวิวัฒนาการที่หนึ่ง
หลังจากโทเลย์บรรยายประมวลกฎเกณฑ์ขั้นต้นเรียบร้อยแล้ว ไม่นานก็แจกประมวลกฎเกณฑ์ให้คนละชุดเพื่อใช้เป็นบทเรียน
ลู่เซิ่งที่ได้ประมวลกฎเกณฑ์มาโล่งใจเล็กน้อย รอมาตั้งหลายวัน ในที่สุดเขาก็มีโอกาสได้ยกระดับตัวเองแล้ว
เส้นทางการพัฒนาบนโลกใบนี้ได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว และสิ่งที่เขาต้องทำคือการเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
ลู่เซิ่งที่ยืนอยู่บนลานฝึกก้มหน้าอ่านประมวลกฎเกณฑ์ที่เป็นปกโลหะสีดำในมือ ก้อนเนื้อบนแขนขวาของเขายังคงสร้างพลังงานที่เล็กละเอียดและแปลกประหลาดอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
ร่างหลักของเขาบอกเขาโดยสัญชาตญาณว่า แม้พลังงานสายนี้จะอ่อนแอถึงขีดสุด แต่คุณสมบัติของมันกลับเป็นพลังงานระดับเดียวกันกับอัคคีอนธการอันเป็นปฐมพลังของร่างหลัก
‘ดูเหมือนเราจะมาถูกที่แล้ว…’ ลู่เซิ่งสัมผัสพลังงานเล็กๆ บนแขน พร้อมกับก้มหน้าเลียริมฝีปากที่แห้งผาก ในที่สุดมุมปากก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
……………………………………….