ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 838 ความยุ่งยาก (2)
“รุ่นพี่? งั้นคุณรู้ไหมนี่มันว่าเกิดอะไรขึ้น” ลู่เซิ่งรู้แต่แรกแล้วว่าอีกฝ่ายอยู่ที่นี่ จึงไม่แปลกใจอะไร
“รู้สิ” นักศึกษาสาวพยักหน้า “มีใครสักคนเข้าไปแล้วน่ะ ห้องสมุดราตรีเข้าได้ครั้งละคนเท่านั้น และปกติต้องรอหนึ่งชั่วโมงถึงจะเปิดอีกครั้ง”
“หือ? มีกฎแบบนี้ด้วยหรือครับ” ลู่เซิ่งเลิกคิ้ว
“อยู่แค่ปีแรกก็กล้าเข้าห้องสมุดราตรีแล้ว ดูเหมือนคุณจะกล้าหาญมากเลยนะ” นักศึกษาสาวหัวเราะ ก่อนจะยื่นมือออกมา “ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อเอเทอเวย์ คณะประวัติศาสตร์ปีสอง”
ลู่เซิ่งยื่นมือไปจับมือกับอีกฝ่าย
“แจ๊ค”
“ฉันควรเรียกคุณว่าคุณลุงไหม” เอเทอเวย์ถามยิ้มๆ
“ตามใจเถอะ” ลู่เซิ่งหัวเราะ “ในเมื่อที่นี่ไม่เปิด อย่างนั้นพวกเราต้องรอตรงนี้เหรอ”
“ใช่ ได้แต่รอ” เอเทอเวย์พยักหน้า “ยังไงก็อยู่ว่างๆ มาคุยกันสักหน่อยดีไหม คุณคิดยังไงถึงมาเรียนตอนอายุปูนนี้ล่ะ”
“บางทีอาจเป็นเพราะได้สติกะทันหันก็ได้ ความจริงฉันเป็นตำรวจ” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างราบเรียบ “คุณก็รู้ โลกเราทุกวันนี้น่ะ อาชีพอย่างเราๆ เจอคดีที่สับสนไม่เข้าใจเยอะแยะไปหมด”
“ใช่…ฉันเข้าใจดีเลยล่ะ เหมือนกับคดีที่เกิดขึ้นในบาวาเรียเมื่อห้าปีก่อน ตำรวจสิบกว่านายหายตัวไปในหมอก เบื้องบนเลยปิดข่าวไว้อย่างน่าหัวเราะ น่าสมเพชจริงๆ” เอเทอเวย์กล่าวยิ้มเยาะ
ทั้งสองคุยกันง่ายๆ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
มีเสียงแกร๊กดังขึ้น โซ่บนประตูใหญ่ปลดออกด้วยตัวเอง
“เข้าไปได้แล้วล่ะ” เอเทอเวย์เตือน
“เชิญคุณก่อนเลย” ลู่เซิ่งบุ้ยใบ้
เอเทอเวย์ไม่ปฏิเสธ ผลักประตูเดินเข้าไป ไม่นานประตูก็ปิดและลงกลอน โซ่เส้นใหญ่มากมายค่อยๆ ซ้อนรวมกันราวกับมีชีวิต ล่ามประตูไว้โดยอัตโนมัติ
ไม่ทันถึงหนึ่งชั่วโมงดี เอเทอเวย์ก็เดินออกมา เปลี่ยนให้ลู่เซิ่งเข้าไป
ทั้งสองไม่เห็นนักศึกษาที่เข้าไปก่อนหน้า ลู่เซิ่งไม่อยากถาม เอเทอเวย์ก็ไม่คิดจะพูดถึงเหมือนกัน
ทั้งสองรู้ดีว่าคนที่เข้าไปก่อนหน้านี้อาจจะเกิดเรื่องแล้ว แต่ในเมื่อกล้ามาห้องสมุดราตรี ก็ต้องเตรียมใจที่จะเจออันตรายเอาไว้ด้วย
ความเสี่ยงเป็นสิ่งที่ต้องจ่ายค่าตอบแทน
สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของลู่เซิ่งในครั้งนี้ก็คือ คลังหนังสือของห้องสมุดราตรีครบครันกว่าห้องสมุดทิวามาก และอันตรายกว่ามากด้วยเช่นกัน หนังสือจำนวนไม่น้อยเก็บความรู้ต้องห้ามอันตรายเอาไว้มากมาย
ถึงขั้นมีหนังสือที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ส่วนตัวหลายชุดถูกวางอยู่บนตำแหน่งที่สะดุดตาที่สุดอย่างเปิดเผย
เขาเจอประมวลกฎเกณฑ์ประหลาดที่ัอันตรายกว่าประมวลกฎเกณฑ์ที่เจอก่อนหน้าถึงขีดสุดในห้องอ่านประมวลกฎเกณฑ์ขั้นสูง มันบรรยายไว้ว่า มีอัตราวิวัฒนาการสูงถึงแปดส่วน หรือหมายความว่า หากฝึกฝนประมวลกฎเกณฑ์ที่อยู่ที่นี่ อวัยวะสัมผัสที่หกถึงขั้นมีอัตราสำเร็จแปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่จะวิวัฒนาการเลยทีเดียว
ลู่เซิ่งดูดซับเนื้อหาประมวลกฎเกณฑ์ของที่นี่เหมือนคนหิวกระหาย ครั้งนี้ไม่มีตาเฒ่าเฝ้าประตูออกมารบกวน หลังผ่านไปหนึ่งชั่วโมง หนังสือทั้งหมดในมือเขาก็ว่างเปล่า ไม่เห็นอะไรสักอย่างเดียว
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ ลู่เซิ่งก็จดจำเนื้อหาประมวลกฎเกณฑ์ขั้นสูงได้เกือบสองชุด ประมวลกฎเกณฑ์ที่อันตรายแบบนี้ยังมีอีกมากมายในห้องสมุดราตรี
ขณะศึกษาค้นคว้าตามปกติ เวลาก็ค่อยๆ ไหลผ่านไป
พริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งเดือนกว่า
ลู่เซิ่งพบประโยชน์ข้อหนึ่งอย่างเหนือความคาดหมาย นั่นคือเวลาหนึ่งชั่วโมงของห้องสมุดทิวาและห้องสมุดราตรีเอามาบวกรวมกันได้
พูดอีกอย่างก็คือ ตอนกลางวันเขาสามารถไปได้ชั่วโมงหนึ่ง ตอนกลางคืนก็สามารถไปได้อีกชั่วโมงหนึ่ง
ส่วนห้องสมุดห้วงฝันที่อาจารย์สวมกระโปรงแดงคนนั้นพูดถึง เขายังไม่เคยลองมาก่อน แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ ก็พอใจมากแล้ว
ในเวลาหนึ่งเดือนกว่า ในที่สุดร่างหลักของเขาก็เสถียร ร่างกายฟื้นฟูหายดี สามารถยกระดับได้ทุกเวลา
ตอนนี้ เขาเริ่มสนิทกับเอเทอเวย์ ทั้งสองจะเจอกันหน้าประตูห้องสมุดทุกสองสามวัน
เอเทอเวย์บอกว่า คาบเรียนเฉพาะทางตั้งแต่ปีสองขึ้นไปจะต้องออกไปเรียนนอกมหาวิทยาลัย ทำให้มีนักศึกษาชั้นปีสูงๆ อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยไม่มากนัก ส่วนมากจึงเหลือแต่นักศึกษาใหม่ปีหนึ่งเท่านั้น
ลู่เซิ่งก็เห็นนักศึกษาชั้นปีสูงเดินเพ่นพ่านอยู่ในมหาวิทยาลัยไม่กี่คนจริงๆ
อีกด้านหนึ่ง เออร์นีกับคาฟิสสนิทกันมากกว่าเดิม มักจะมีคนเห็นทั้งสองกินข้าวด้วยกัน เดินเล่นด้วยกัน และพูดคุยกันอยู่เสมอ
แอนดี้ยิ่งยุ่งกว่าเดิม พอการฝึกทหารจบลง เขาก็เถลไถลมากขึ้น ขอแค่เป็นตอนที่ไม่มีคาบเรียน เขาต้องนัดกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า
ทุกๆ วันลู่เซิ่งเห็นเขาเลือดลมพร่องอย่างหนัก กลับหอพักด้วยสีหน้าที่ซีดขาวเพราะการอดนอน ลู่เซิ่งยังเคยช่วยเช็กชื่อเข้าเรียนแทนเขาอยู่หลายครั้งด้วย
เป็นเพราะเวลานั้นแอนดี้ลุกไม่ขึ้นจริงๆ ได้แต่หลับเป็นตายอยู่บนเตียง
นี่ทำให้การบ้านทั้งหมดของแอนดี้ในช่วงนี้แทบจะ ‘อ้างอิง’ จากของลู่เซิ่งทั้งสิ้น
ตอนแรกลู่เซิ่งนึกว่าชีวิตจะดำเนินไปตามครรลองเช่นนี้ ปล่อยให้เขาร่ำเรียนและยกระดับตัวเองอย่างสงบสุข
แต่พักได้ไม่นาน ก็เกิดเรื่องอีกครั้ง
…
ด้านในห้องของลู่เซิ่ง
แอนดี้ใช้สมุดการบ้านขวางลู่เซิ่งที่กำลังจะปิดประตูอย่างหน้าไม่อาย
“นี่ แจ๊ค พวกเราเป็นเพื่อนกันนี่นา มาช่วยฉันหน่อย ช่วยอธิบายโจทย์ข้อนี้ให้ฉันหน่อยเถอะนะ”
ลู่เซิ่งมองสมุดการบ้านในมือของเขา
“โจทย์นี้ง่ายจะตาย นายทำไม่เป็นหรือไง”
“กฎที่สามของมิติเวลาสามารถอนุมานบทสรุปนี้ออกมาได้ จากนั้นใช้สูตรมูนน์ที่อาจารย์เคยสอนคำนวณข้อมูลพวกนี้ สุดท้ายก็จะได้…”
เขาแก้ไขโจทย์โดยใช้คำพูดไม่กี่คำ
“แล้วข้อนี้ล่ะ” แอนดี้รีบหาโจทย์อีกโจทย์ที่ตนเปลืองสมองคิดมาเนิ่นนานออกมาอีก
“ข้อนี้ง่ายกว่าอีก นายใส่สูตรเออร์วินเข้าไปก่อน จากนั้นก็อย่างนี้ อย่างนี้ แล้วก็อย่างนี้” ลู่เซิ่งรับปากกามาขีดเขียนบนสมุดของเขาสามที ก็แก้โจทย์ได้แล้ว
“ยังมีอีกข้อ ข้อนี้ยากสุด ฉันถามมาหลายคนแล้ว แต่ยังแก้ไม่ได้เลย”
ลู่เซิ่งเบ้ปากพลางส่ายหน้า
“ข้อนี้วกวนอยู่หน่อย แต่ความจริงง่ายกว่าข้อก่อนๆ อีก” เขารับปากกามาเขียนสูตรคำนวณอีกรอบ จากนั้นก็โยนสมุดกลับไปให้แอนดี้
“เอาล่ะ ฉันจะพักแล้ว ตอนนี้ห้าทุ่มแล้ว พรุ่งนี้ยังเรียนเช้ากับมีสอบอีก นายรีบกลับไปเถอะ” เขาทำท่าผลักแอนดี้เพื่อปิดประตู
“อย่า! อย่าทำงี้สิ! เพื่อนเกลอ! เพื่อนสุดที่รัก! พรุ่งนี้จะสอบแล้ว เวลานี้มีแต่คุณที่อยู่ใกล้สุด ฉันรู้ดี รู้ว่าคุณไม่มีทางทิ้งเพื่อนที่ดีที่สุดไปแน่!” แอนดี้รีบเอ่ยเสียงดัง
“นายคิดทำอะไรกันแน่” ลู่เซิ่งชะงักอย่างระอาใจ เจ้าหมอนี่ใช้ขาขัดช่องประตูไว้ ไม่ยอมให้เขาปิดประตู
“ฟังให้ดีนะเพื่อน ฉันเจอปัญหาเข้าอีกแล้วน่ะสิ ดังนั้นนี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ฉันตั้งใจเรียนไม่ได้ นี่ไม่ใช่ความผิดของฉันนะ!” แอนดี้กดเสียงลงต่ำแล้วพูดอย่างมีลับลมคมใน “พวกเราเข้าไปคุยกันเถอะ”
เขาเบียดเข้ามาผ่านช่องประตู ในที่สุดก็เข้ามาในห้องลู่เซิ่งได้สำเร็จ
“คนอย่างนายนี่นะ!” ลู่เซิ่งจนปัญญา เจ้าหมอนี่ตื๊อติดอย่างกับตังเม ไล่อย่างไรก็ไม่ยอมไป
“ก็เพราะนายเอาแต่เที่ยวน่ะสิ ยังจะเจอปัญหาอะไรได้อีก” เขานั่งพลางพูดอย่างเกียจคร้าน
แอนดี้ยกนิ้วชี้ขึ้นจรดกับริมฝีปาก
ชู่ว…
เขาเหลียวมองรอบข้าง
“ช่วงนี้ฉันรู้สึกว่ารวบรวมสมาธิไม่ได้เลย ตอนกลับหอพักดึกๆ มักจะสัมผัสได้ว่ามีคนคอยตามฉันอยู่ แต่ตอนที่ฉันหันไปมอง ก็ไม่เห็นมีอะไรเลย”
“แล้วไงล่ะ เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย”
“ก็ได้ๆ นี่ไม่เกี่ยวกับคุณหรอก ฉันไม่พูดเรื่องนี้ก็ได้ เล่าเรื่องที่คุณสนใจก็แล้วกัน เออร์นีกับคาฟิสนั่น ยังจำได้ใช่ไหม ก่อนหน้านี้คุณเคยถามเรื่องของพวกเขากับฉันครั้งหนึ่ง” แอนดี้เอ่ยอย่างมีเลศนัย
“อือ จำได้ ฉันเคยถาม แล้วยังไง”
“คืนนี้พวกเขาเขียนจดหมายนัดกันไปสระน้ำ คงจะได้กันจริงๆ แล้วล่ะ ไอ้หนูนั่น ถ้าหากได้ตัวคุณหนูอย่างเออร์นีไปครองจริง ต่อให้สวดภาวนาพระเจ้ามาทั้งชีวิตก็ยังไม่พอด้วยซ้ำ” แอนดี้เอ่ยด้วยใบหน้าอิจฉาริษยา
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ” ลู่เซิ่งถามกลับ
“คุณสนใจเออร์นีอยู่ไม่ใช่เหรอไง ไม่งั้นจะถามเรื่องของเธอไปทำไมล่ะ จะไปแอบดูด้วยกันไหม” แอนดี้ถามอย่างกระตือรือร้น
“พรุ่งนี้ฉันมีสอบ ตอนบ่ายยังต้องไปร่วมหลักสูตรพิเศษที่หอนาฬิกาอีก ไม่มีว่างและไม่สนใจ” ลู่เซิ่งกล่าวพลางส่ายหน้า
“หลักสูตรพิเศษงั้นเหรอ?! ทั้งชั้นเรียนมีโควต้าแค่สองชื่อเองนะ หนึ่งในนั้นคือคุณเหรอเนี่ย!?” แอนดี้เกือบจะทะลึ่งลุกพรวด “เห็นว่ามีแต่คนที่คุณสมบัติได้รับการแนะนำเท่านั้น ถ้าไม่ใช่มีเบื้องหลัง ก็ต้องโดดเด่นสุดๆ…อาจจะแค่ด้อยกว่าชุมนุมแลกเปลี่ยนในคฤหาสน์ที่จะเริ่มในเดือนหน้าของชั้นปีสูงๆ นิดเดียวเท่านั้น! คุณถึงกับ…”
แอนดี้รู้สึกว่าชีวิตมอบบทเรียนให้เขาอย่างหนัก และบทเรียนนี้ก็อัดเข้ากับท้องของเขาอย่างจัง
เขามองเพื่อนสนิทที่กินข้าวด้วยกันทุกวันตรงหน้า ความฝาดขมในใจแทบไม่อาจบรรยายเป็นคำพูด
“ยอดเยี่ยม…ยอดเยี่ยม…ฟังดูไม่เลวมาก แต่น่าเสียดายนิดหน่อย ถ้าได้เข้าร่วมชุมนุมแลกเปลี่ยนในคฤหาสน์ นั่นถึงเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของจริง เห็นว่านักศึกษาที่เคยเข้าร่วมชุมนุมแลกเปลี่ยนในคฤหาสน์จะมีโอกาสได้รับอำนาจพิเศษที่ยากจินตนาการหลายอย่าง และหากเรียนจบแล้ว อย่างน้อยก็ถึงขั้นได้รับตำแหน่งสำคัญในมหาวิทยาลัย ถ้าไปที่อื่นก็จะเลื่อนลำดับเป็นข้าราชการชั้นสูง
“นั่นคือเรื่องปีสองปีสาม” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างไม่นำพา “พอที ถ้าไม่มีเรื่องอะไร ฉันจะนอนแล้ว นายรีบกลับไปห้องตัวเองซะ”
แอนดี้รีบยกมือ
“โอเคๆ นี่แนะเพื่อนยาก ฉันรู้จักนิสัยคุณดี ดูตาฉันนี้ ดูสายตาฉัน การสอบของวันพรุ่งนี้”
“ไปตั้งใจทบทวนซะ พรุ่งนี้ไม่ใช่แค่การสอบของมหาวิทยาลัยเท่านั้น ยังมีการทดสอบพลังแห่งกูลาร์ด้วย” ลู่เซิ่งเตือน “ถ้านายยังไปไม่ถึงระดับที่หนึ่งของประมวลกฎเกณฑ์ขั้นต้น อาจจะถูกไล่ออกก็ได้”
“…” แอนดี้ตะลึง
เขายืนนิ่งอยู่กับที่อยู่ห้าวินาที
“เพื่อนยาก!” เขาพลันคว้าไหล่ลู่เซิ่ง
“ฉันรักคุณนะ!” เขาพลันทำท่าจะจูบลู่เซิ่ง “ขอลอกข้อสอบหน่อยเหอะ!”
“น่าเสียดาย ฉันไม่รักนาย” ลู่เซิ่งแทงเข่าใส่ท้องของเขา จากนั้นก็โยนแอนดี้ที่ล้มลงกับพื้นออกไปด้านนอก
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้” ลู่เซิ่งว่า ก่อนจะพลิกมือลงกลอน
แอนดี้คร่ำครวญอย่างไม่ยอมแพ้อยู่นอกประตูสักพัก สุดท้ายก็ยอมกลับไป
ลู่เซิ่งถอดเสื้อ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อกำยำล่ำสันสมส่วน เขาทิ้งเสื้อผ้าบนเตียง ขณะที่กำลังจะไปอาบน้ำ
ตอนส่องกระจก หางตาเขาพลันเหลือบเห็นไพ่ใบหนึ่งวางอยู่บนขอบหน้าต่าง
เขาหยิบขึ้นมาดูหน้าไพ่
“โจ๊คเกอร์หรือ”
ตัวตลกสีขาวดำบนไพ่ทรงตัวอยู่บนลูกบอล ใบหน้าฉายแววเยาะเย้ยแปลกประหลาด
ตูม
อยู่ๆ ไพ่ก็ระเบิดกลายเป็นควันสีดำพุ่งใส่หน้าเขา
ลู่เซิ่งเอียงศีรษะหลบหมอกดำ ปล่อยให้มันระเบิดพุ่งไปด้านหลัง
จากนั้นเขาก็ตรวจสอบบานหน้าต่างอย่างละเอียด แต่ก็ไม่พบร่องรอยใดๆ เห็นได้ชัดว่าไพ่ใบนี้ถูกทิ้งไว้หลังจากเขาออกจากห้องไปในวันนี้
ลู่เซิ่งปิดหน้าต่าง เห็นบนไหล่ของตัวเองปรากฏรอยมือสีเทาสองรอยตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
‘นี่มัน…แอนดี้หรือ’ เขานึกขึ้นได้ว่าตำแหน่งที่แอนดี้จับสองไหล่ของตัวเองคือสองจุดนี้พอดี
‘เจ้าหมอนี่เหมือนจะเจอปัญหาเข้าจริงๆ แล้ว’
……………………………………….