ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 839 ควบคุม (1)
“โอ้ว! สำเร็จแล้วโว้ย! ฮ่าๆๆๆ!” แอนดี้ชูไม้ชูมือขณะร้องตะโกนอยู่นอกสนามสอบ
ผัวะ
ลู่เซิ่งที่อยู่ด้านหลังฟาดเขาจนตัวเซ
“อย่าโวยวาย นายอยากให้ทั้งโลกรู้รึไงว่านายลอกข้อสอบน่ะ”
แอนดี้พลันตกใจจนหน้าซีด รีบเหลียวมองรอบข้างเพราะกลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน
“เบาหน่อยสิเพื่อน ครั้งนี้ขอบคุณมาก! ถ้ามีอะไรให้ช่วยฉันแอนดี้ไม่มีทางปฏิเสธแน่!”
“นายยังมีแค้นที่ต้องชำระอีกไม่ใช่เหรอไง ยังอยากจะแก้แค้นอยู่ไหม วันๆ เอาแต่เที่ยวเล่น จะแก้แค้นได้ยังไง ลู่เซิ่งคร้านจะสนใจเขา “ตอนบ่ายยังมีการทดสอบพลังแห่งกูลาร์ ถ้าไม่ผ่านล่ะก็…”
“ไม่ต้องห่วงหรอกเพื่อนเอ๋ย ด้วยพลังของคุณ กระดาษข้อสอบเมื่อกี้จะต้องได้เอแน่! เมื่อเป็นแบบนี้ต่อให้คะแนนสอบภาคบ่ายจะย่ำแย่ก็ไม่เป็นไร” แอนดี้เอ่ยอย่างได้ใจ
“ปัญหาคือนั่นมันผลสอบฉันนะ”
“ไม่เป็นไรน่า นั่นมันก็เป็นผลสอบฉันเหมือนกันนี่นา” แอนดี้ตบอกกล่าวอย่างผ่าเผย “ฉันว่าฉันลอกได้เป๊ะๆ เลยล่ะ”
“…”
ทั้งสองเดินไปโรงอาหารด้วยกัน
แอนดี้เป็นคนดังตัวจริงในหมู่นักศึกษาใหม่ ส่วนลู่เซิ่ง ไม่เพียงแค่ทำตัวสงบเสงี่ยม วันๆ ไม่พบเจอใครเท่านั้น รูปร่างหน้าตาสู้แอนดี้ไม่ได้ ทั้งยังแต่งเนื้อแต่งตัวไม่ดีเท่า ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น เพื่อนที่มีจึงเหลือแค่แอนดี้กับเออร์นีที่พยักหน้าทักทายกันเท่านั้น
สองคนนี้คนหนึ่งเฮฮาร่าเริง คนหนึ่งสงบเสงี่ยมเจียมตัว เป็นคนละแบบอย่างสิ้นเชิง สำหรับคนนอกแล้ว ลู่เซิ่งไม่มีทางเที่ยวเล่นกับคนอย่างแอนดี้ได้ เพราะทั้งสองไม่มีความสนใจอะไรที่เป็นจุดร่วมกันเลยด้วยซ้ำ
ทว่าลู่เซิ่งกลับพบอย่างประหลาดใจว่าเรากลับคุยกันถูกคออย่างคาดไม่ถึง ทั้งยังคุยกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ
เมื่อมาถึงโรงอาหาร ก็เห็นเออร์นีกำลังกินข้าวกับนักศึกษาหญิงอีกคนหนึ่งอยู่
“คาฟิสไปไหนแล้วล่ะ” แอนดี้ถามอย่างแปลกใจ พร้อมกับลากเก้าอี้ตัวหนึ่งนั่งลง
ลู่เซิ่งนั่งลงด้านหน้าเขา ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่หยิบเมนูอาหารมาดู
“คุณเห็นไหม” แอนดี้เข้ามากระซิบใกล้ๆ “คาฟิสนั่นเหมือนจะไม่มา หรือว่าจะถูกเออร์นีรีดจนแห้งแล้ว” เขายิ้มอย่างสัปดน
“คิดไปเอง” ลู่เซิ่งกวาดสายตามองเออร์นี มองออกว่าหญิงสาวคนนี้ยังไม่เสียตัว หลังจากพลังยกระดับขึ้น ความสามารถในการสังเกตและพลังสัมผัสต่อกระดูกและกล้ามเนื้อของคนอื่นก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ การสัมผัสคนคนหนึ่งด้วยระยะห่างเท่านี้ย่อมไม่มีปัญหา
เหมือนกับที่เขาสัมผัสแอนดี้ที่อยู่ตรงหน้า
เมื่อคืนหมอนี่นอนกับผู้หญิงมาอย่างน้อยสามคน บนตัวมีกลิ่นตัวกับกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงแตกต่างกันสามกลิ่น
“ฉันขอไปสืบดูหน่อยนะ” แอนดี้กวาดตามองรอบๆ พอเห็นนักศึกษาหญิงที่เพิ่งเข้ามาในโรงอาหารกลุ่มหนึ่ง เขาก็ตาเป็นประกาย รีบลุกขึ้น ทิ้งประโยคหนึ่งไว้ แล้วออกตัวไปทันที
“…”
ลู่เซิ่งสั่งอาหารอย่างเอือมระอา ยื่นใบเมนูส่งให้บริกรที่อยู่ด้านข้าง ที่แห่งนี้เป็นโถงอาหารระดับสูงที่อยู่บนชั้นสามของโรงอาหาร แต่แอนดี้ที่วิ่งไปมากลับทำลายบรรยากาศจนไม่ต่างอะไรกับโรงอาหารทั่วไป
ไม่ถึงห้านาที แอนดี้ก็กลับมานั่งอย่างภาคภูมิใจ
“คุณว่าฉันสืบได้อะไรมา” เขากล่าวด้วยใบหน้ามีเลศนัย
“อะไร”
“ฉันสืบมาได้ว่า เมื่อคืนนี้เจ้าคาฟิสนั่นถูกวางกับดัก” แอนดี้กดเสียงลง “จุ๊ๆๆ ฉันรู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงจากตระกูลซีเฟอลุสไม่ควรเข้าใกล้ ดูสิ ดูๆ ดีนะที่ฉันหนีมาตั้งแต่แรก เมื่อคืนเจ้าคาฟิสนึกว่าคุณหนูใหญ่จะถวายตัวให้เขาแล้ว จึงรีบไปรั้งรอ สุดท้ายเธอก็ไม่มา ดันไปเจอคนโจมตียามวิกาลที่ออกปฏิบัติการตอนกลางคืนคนหนึ่งเล่นงานจนเกือบตาย ดีที่ไม่ถูกฆ่า ถ้าไม่ใช่พวกเออร์นีไปถึงได้ทันเวลา…” แอนดี้ไม่ได้พูดต่อ แต่ลู่เซิ่งฉุกใจได้ทันทีว่า บนโลกนี้จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นได้ยังไง ใครมีตาก็รู้ว่านี่เป็นแผนการของเออร์นีทั้งนั้น
“แล้วคนร้ายคนนั้นล่ะ” ลู่เซิ่งนึกถึงไพ่โจ๊กเกอร์เมื่อคืน จึงถามถึง
“โดนทางมหาวิทยาลัยจับตัวไปขังไว้แล้ว น่าจะไม่ใช่คนของเออร์นี แต่เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเธอแน่นอน ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้มาเพราะเธอให้สัญญาณก็แปลกแล้ว” แอนดี้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เห็นได้ชัดว่าเธอคิดใช้โอกาสนี้กดดันให้คาฟิสแสดงศักยภาพหรือพลังแฝงออกมา สุดท้าย…สุดท้ายไอ้หมอนั่นกลับเกือบโดนฆ่า น่าสงสารจริงๆ”
ลู่เซิ่งหยิบกาน้ำบนโต๊ะขึ้นมารินให้ทั้งสอง
“คอยดูสิ อีกไม่นานหรอกเจ้าคาฟิสได้จบสิ้นแน่” แอนดี้สรุปเป็นครั้งสุดท้าย
ลู่เซิ่งไม่ตอบและไม่ปฏิเสธ
จะว่าไป เขาต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายโดนเล่นงาน แต่สุดท้ายเป็นเพราะคาฟิสนั่นต้องการสาวงามกับทรัพย์สมบัติ แย่งความดีความชอบไปโดยไม่สนใจใคร ตอนนี้ก็เลยโดนหาเรื่อง ถูกทำร้ายจนเกือบตาย ถ้ายังไม่สารภาพอีก เกรงว่าต่อจากนี้อาจมีโอกาสโดนฆ่าทิ้งอีกก็ได้
ตอนนี้ลู่เซิ่งมองออกแล้วว่า มหาวิทยาลัยมิสกาไม่ได้ใส่ใจอะไรกับนักศึกษานัก พวกเขามอบอิสรภาพให้แก่นักศึกษา แต่ก็เท่ากับว่า นักศึกษาจะต้องแบกรับอันตรายที่เกิดจากตัวเลือกของตัวเองเช่นกัน
ความตายของคนส่วนหนึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อมหาวิทยาลัย ที่นี่แตกต่างจากมหาวิทยาลัยแห่งอื่นตรงที่นอกจากผู้ช่วยอาจารย์และตัวอาจารย์เองแล้วจะเจอบุคลากรที่ใส่ใจนักศึกษาได้ยากมาก
ลู่เซิ่งนึกถึงหนังสือต้องห้ามแปลกประหลาดที่อยู่ในห้องสมุดราตรี หนังสือพวกนี้วางอยู่ในตำแหน่งที่สะดุดตาที่สุดอย่างเปิดเผย ก็เพื่อให้คนอื่นไปพลิกเปิดอ่านมัน และอาศัยพลังของพวกมันไม่ใช่หรือ
ทว่ามหาวิทยาลัยกลับไม่สนใจแม้แต่น้อย
หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ลู่เซิ่งกับแอนดี้ก็แยกกันกลับหอไปอาบน้ำพักผ่อน พอตกบ่ายก็มารวมตัวกันที่ห้องเรียนใหญ่ชั้นหนึ่งของตึกเรียนห้า ซึ่งเป็นสถานที่ทดสอบพลังแห่งกูลาร์ภาคบ่าย
ลู่เซิ่งมาถึงห้องเรียนนานแล้ว
พอเขากวาดสายตามอง ก็เห็นแอนดี้ที่กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนโต๊ เจ้าหมอนี่มาถึงก่อนเขาเสียอีก
ลู่เซิ่งหาที่นั่งอย่างไม่อยากเชื่อเล็กน้อย เขายังไม่ลืมรอยมือสองรอยที่แอนดี้ทิ้งไว้บนไหล่ของเขาเมื่อก่อนหน้านี้
ไม่นานนัก ชายชราผมขาวที่สวมแว่นสายตายาวคนหนึ่งก็ถือไม้เท้าเดินเข้ามาในห้องเรียน
เขาหอบข้อสอบที่ปิดผนึกปึกใหญ่ไว้ในมือ
“นั่งที่ได้ เป็นเพราะพวกเราไม่อาจสัมผัสและประเมินอวัยวะที่หกได้โดยตรง ดังนั้นพวกเราจึงได้แต่อนุมานความก้าวหน้าของทุกคนผ่านการคำนวณพลังแห่งกูลาร์ ดังนั้น นั่งที่ได้แล้ว!”
เขาตวาดเสียงทุ้ม ห้องเรียนพลันสงบลง เหมือนกับมีพลังไร้รูปร่างทำให้นักศึกษาพากันหุบปาก
ศาสตราจารย์ขึ้นไปบนแท่นบรรยาย ฉีกผนึกข้อสอบในมือออก จากนั้นก็เริ่มแจกจ่าย
ลู่เซิ่งที่นั่งอยู่ก็ได้รับข้อสอบแผ่นหนึ่งที่ส่งมาอย่างรวดเร็ว
บนกระดาษข้อสอบมีช่องว่างทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าหลายช่อง และมีคำอธิบายคำสั่งเอาไว้ว่า
‘เอานิ้วข้างไหนก็ได้วางลงไป แล้วกระตุ้นพลังแห่งกูลาร์’
ลู่เซิ่งมองดูทั้งกระดาษข้อสอบ มีช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบนี้ทั้งหมดสิบห้าช่อง ทุกช่องมีขนาดเท่าเล็บนิ้ว ช่องว่างที่เว้นว่างระหว่างกันกว้างมาก
เขาหันมองรอบๆ พลังสายตาที่แข็งแกร่งทำให้เขาเห็นสภาพข้อสอบของนักศึกษาคนอื่นๆ
นี่เป็นการทดสอบแบบเปิดหนังสือได้ ไม่มีคำตอบตายตัว เป็นเพียงแค่การประเมินเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่อาจโกงได้
แอนดี้นั่งอยู่หลังลู่เซิ่งด้วยสีหน้าหดหู่ เขาวิ่งมาตรงตำแหน่งนี้ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่เมื่อครู่เขายังนั่งห่างออกไปห้าหกคนแท้ๆ
ลู่เซิ่งขบคิดแล้วกระตุ้นพลังแห่งกูลาร์หนึ่งในร้อยส่วนของร่างกายให้ไหลเวียนอย่างเชื่องช้า ก่อนจะกดลงบนช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าอันแรก
ซู่
ช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าบนข้อสอบถูกย้อมเป็นสีดำอมม่วงอย่างช้าๆ หลังจากเขากดนิ้วลงไป
“อันแรก”
ลู่เซิ่งกดนิ้วลงช่องที่สองต่อ
ไม่ถึงยี่สิบนาที ชายชราก็ปรบมือ
“เหลือเวลาอีกห้านาที อีกเดี๋ยวจะเก็บข้อสอบแล้ว การจัดอันดับครั้งนี้จะติดไว้บนประตูใหญ่ของตึกเรียนสามที่พวกคุณใช้เรียนเป็นประจำ ในฐานะนักศึกษา คุณต้องมีความรู้สึกอยากเอาชนะขั้นพื้นฐานอยู่ด้วย”
ลู่เซิ่งกดช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าทั้งหมดเสร็จอย่างรวดเร็ว สีที่ปรากฏมีมากมายตั้งแต่สีดำอมม่วง สีดำ และสีฟ้าอ่อน
เขาไม่รู้เหมือนกันว่าคำนวณคะแนนอย่างไร
เขาตรวจสอบเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อไม่เหลือช่องว่างอีกแล้ว ก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปส่งข้อสอบที่ด้านหลัง
หมับ
ในตอนที่เดินผ่านด้านข้างแอนดี้ มือข้างหนึ่งก็จับนิ้วเขาไว้ดุจสายฟ้าฟาด แล้วกดนิ้วของเขาลงบนข้อสอบของตัวเอง
“เร็ว! รีบฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครเห็น! เร็วเข้า!” แอนดี้ขยิบตาให้ลู่เซิ่งอย่างบ้าคลั่ง “ช่วยฉันสองช่อง แค่สองช่องเท่านั้น!”
ลู่เซิ่งมองไปที่ชายชรา เห็นอีกฝ่ายกำลังงีบหลับอยู่บนเก้าอี้ คล้ายไม่สนใจเรื่องอื่นอย่างสิ้นเชิง
เขาได้แต่กดนิ้วลงไปในสองช่องบนข้อสอบของแอนดี้ด้วยความจนปัญญา
“ขออีกสองช่อง! จริงๆ นะเพื่อน! พวกเราเป็นเพื่อนนี่! ช่วยฉัน! ช่วยฉันทีเถอะ! ช่วยด้วย!” แอนดี้จับมือของลู่เซิ่งไว้แน่นด้วยสีหน้าน่าเวทนา
‘…’ ลู่เซิ่งมองเขาอย่างหมดคำพูด
พอเห็นว่าหมอนี่ใช้พละกำลังทั้งหมดที่มี ลู่เซิ่งจึงกดนิ้วให้อีกสองช่อง ก่อนจะเตรียมเดินออกไป
“อีกสองช่องสุดท้าย! จริงๆ นะ! สองช่องสุดท้ายจริงๆ!” แอนดี้มองเขาอย่างวิงวอน ยังไม่ยอมปล่อยมือ
“ปล่อย” ลู่เซิ่งเผยสีหน้าเมินเฉย เขารู้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้
“ไม่ปล่อย!”
“ฉันนับถึงสามนะ”
“ไม่! พี่ชาย! คุณลุง! พ่อครับ! ฉันยอมเรียกคุณว่าพ่อเลยเอ๊า! ช่วยฉันที! ฉันจ่ายเงินให้ได้นะ! คุณอยากได้อะไรฉันหาให้คุณได้ทั้งนั้น!” แอนดี้แสดงสีหน้าสิ้นหวัง “อีกสองช่อง! สองช่องเท่านั้น!”
“นายบอกสองช่องมากี่ครั้งแล้ว มีทั้งหมดสิบห้าช่อง ฉันเป็นคนกดไปแล้วครึ่งหนึ่ง ตกลงนายจะสอบรึเปล่า!?” ลู่เซิ่งยั้งความคิดที่อยากจะฟาดชายหนุ่มให้พิการเอาไว้
“ไม่!” แอนดี้อยากพูดอะไรสักอย่าง
“นักศึกษาตรงนั้นน่ะ” เสียงของชายชราดังมา “อืม ถึงฉันจะไม่ได้กีดกันความรักเพศเดียวกัน แต่ตอนนี้ยังสอบอยู่นะ ให้เกียรติสถานที่หน่อยจะได้ไหม”
แอนดี้กับลู่เซิ่งพลันหน้าดำคล้ำ
นักศึกษาคนอื่นแอบหัวเราะ สายตามากกว่าร้อยคู่จับอยู่บนมือของทั้งสองคน
ลู่เซิ่งสะบัดมือออก ก่อนจะเดินหนีด้วยสีหน้าเคร่งจรึม
แอนดี้กดช่องที่เหลือด้วยใบหน้าจนปัญญา ก่อนจะลุกขึ้นตามไปส่งข้อสอบ
แต่เพิ่งจะออกมา สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“หกช่องแรกต้องได้คะแนนสูงแน่! การประเมินพลังแห่งกูลาร์หกด้านต้องเป็นระดับยอดเยี่ยม ที่เหลืออยู่ต่อให้แย่ก็ไม่ถึงกับได้คะแนนต่ำเกินไปน่า! ครั้งนี้ฉันผ่านแน่นอน!” นอกห้องเรียนแอนดี้ยืนหัวเราะหลังลู่เซิ่ง
“ครั้งนี้ถ้าผ่านได้ เป็นเพราะพึ่งพาคุณทั้งนั้นนะเพื่อน! ตอนกลางคืนฉันจะพาสาวสวยสองคนออกไปล่องทะเลสาบ มาด้วยกันสิ มีผู้หญิงคนหนึ่งสนใจตัวคุณด้วยนะ!” แอนดี้ประจบประแจง
“ไม่ว่าง ตอนดึกมันมืดไม่เห็นอะไรสักหน่อย จะไปล่องทะเลสาบทำไมกัน” ลู่เซิ่งหมดคำพูด
“คุณไม่เข้าใจ ก็เพราะไม่มีแสงไฟน่ะสิ เลยล่องทะเลสาบได้…ฮี่ๆๆ” แอนดี้หัวเราะอย่างชั่วช้าลามก
……………………………………….