ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 840 ควบคุม (2)
“อย่าเล่นอะไรพิเรนทร์เกินไปล่ะ เกิดเรือล่มขึ้นมาได้น่าดูแน่” ลู่เซิ่งอดเตือนไม่ได้
“ไม่เป็นไรน่า ฉันเป็นกัปตันเรือเก่านะ ทักษะขับเรือนี่ชั้นหนึ่งเชียวล่ะ! ความจริงถ้ามีแค่น้องสาวคนก่อนก็พอจะถูไถได้อยู่เหมือนกัน แค่อ้อนเป็น แล้วก็ทำเป็นหลายท่า แต่รูปร่างหน้าตาไม่ค่อยเท่าไร ครั้งนี้ฉันได้สาวสวยสุดๆ มาคนหนึ่ง! ทั้งรูปร่างทั้งหน้าตานี่เด็ดสะระตี่เชียว!” แอนดี้ยกนิ้วโป้ง
“เพราะคุณเป็นเพื่อนที่ดี ฉันก็เลยสร้างโอกาสให้ไง ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็ เหอะๆ”
“ไม่สนใจ ไปเที่ยวเล่นคนเดียวเถอะ” ลู่เซิ่งส่ายหน้า “ตอนดึกฉันยังต้องไปเข้าร่วมหลักสูตรพิเศษต่อ แล้วต้องศึกษาทฤษฎีประมวลกฎเกณฑ์ใหม่ที่ค้นเจอในห้องสมุดอีก”
“วันพรุ่งนี้ล่ะ” แอนดี้ยังไม่ยอมแพ้ คิดจะลากลู่เซิ่งลงน้ำให้ได้
“พรุ่งนี้นัดคนอื่นอ่านหนังสือแล้ว ฉันมีธุระเยอะแยะ นายเที่ยวไปคนเดียวเถอะ อย่ามากวนฉันเลย” ลู่เซิ่งโบกมือ
“ก็ได้ๆ…” แอนดี้จนปัญญา ความจริงหลายครั้งเขาก็คิดที่จะตั้งใจเรียนเหมือนลู่เซิ่งเช่นกัน แต่ก็ทนได้ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ก็ยอมแพ้เองทุกที แล้วไหนจะติดเหล้าติดผู้หญิงจนถอนตัวไม่ขึ้นอีก
บางครั้ง เขาก็คิดเหมือนกันว่าหรือนี่จะเป็นชีวิตคน เขาไม่ได้เกิดมาเพื่อเรียน ไม่อย่างนั้นสวรรค์จะส่งแจ๊คผู้ที่ร่ำเรียนได้สุดยอดขนาดนี้มาอยู่ข้างกายเขาทำไมกัน
“ก็ได้ๆ ไว้เจอกันพรุ่งนี้” แอนดี้ตบไหล่ลู่เซิ่ง “คุณพลาดโอกาสพันปียากพบพานแล้ว จริงๆ นะ”
ลู่เซิ่งมองเขาหันหลังผละไปอย่างองอาจผ่าเผยด้วยสายตาเอือมระอา
จากนั้นลู่เซิ่งก็หมุนตัวกลับหอพัก เขาต้องไปเอาหนังสือเรียนมาเพื่อเตรียมเข้าร่วมหลักสูตรพิเศษที่จะเริ่มในอีกประเดี๋ยวนี้
เวลายามบ่าย แสงอาทิตย์อบอุ่น ไม่มีความร้อนแรงของยามเที่ยงวันและความเย็นของยามเช้าแม้แต่น้อย
บนถนนใต้ร่มไม้มีใบไม้มากมายปลิวตามลมตกลงมาในบางครั้ง ทั้งยังเห็นคู่รักหลายคู่นั่งแอบอิงกันบนเก้าอี้ยาวใต้ต้นไม้อยู่เป็นระยะ
ลู่เซิ่งเห็นคู่รักคู่หนึ่งทำตัวโจ๋งครึ้มบนสนามหญ้าด้านหลังเก้าอี้ยาว มือของฝ่ายชายล้วงเข้าไปในอกเสื้อของฝ่ายหญิง ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่
‘ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ถึงฤดูเก็บเกี่ยวอีกครั้ง…’ ลู่เซิ่งทอดถอนใจ ก่อนจะเร่งฝีเท้า
เขาเดินตามถนนสายหลักไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ค่อนข้างลับตาคนโดยไม่รู้ตัว
ที่นี่อยู่ห่างจากอาคารเรียนค่อนข้างไกล คล้ายจะเป็นสวนสาธารณะเล็กๆ ที่เอาไว้พักผ่อนตากลม นอกจากเก้าอี้ที่เห็นได้บางจุด ก็ไม่มีสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นอีก
“ออกมาซะ ฉันจงใจเดินมาถึงนี่แล้ว” ลู่เซิ่งเดินไปข้างต้นไม้ก่อนเอ่ยเสียงกังวาน
รอบข้างเงียบสงัดไปพักหนึ่ง
ไม่นาน เสียงฝีเท้าเบาหวิวก็ดังมาจากด้านหลังลู่เซิ่ง
“คุณเจอฉันได้ยังไง” หญิงสาวผมยาวแดงใส่ชุดสีดำรัดรูปคนหนึ่ง ปรากฏตัวขึ้นบนสนามหญ้าหลังลู่เซิ่งตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
“เมื่อครู่นี้ ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอ” ลู่เซิ่งชี้หูตัวเอง “พอดีว่าหูดีมาตั้งแต่เกิดน่ะ”
เขาหันหลังไป ค่อยเห็นรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงที่โผล่มาชัดเจน
เธอคลุมผ้าสีดำ เผยเพียงดวงตาคู่หนึ่ง ชุดที่สวมคล้ายนินจาเล็กน้อย สะพายดาบสั้นเล่มหนึ่งไว้ด้านหลัง ใช้เชือกมัดรวบปลายผม
“เธอเป็นใคร” ลู่เซิ่งถาม
“นายว่ายังไงล่ะ ตอนรูนตายเขาไม่ได้บอกเหรอว่าพวกเราจะหาตัวนายจนเจอและกำจัดนายทิ้งซะ” ดวงตาสีแดงอ่อนของหญิงสาวฉายแววเย็นเยียบ
“ฉันจำไม่ได้แล้วว่ามันพูดอะไร” ลู่เซิ่งส่ายหน้าเล็กน้อย “ตอนนี้ฉันแค่อยากจะรู้ว่าเธอตามหาฉันเพราะอะไร ถ้าคิดจะลงมือ อย่างนั้นก็ลงมือซะ ฉันรีบอยู่”
หญิงสาวหัวเราะ
“นายจะเรียกฉันว่าแบล็กเชอร์รี่ก็ได้ ก่อนหน้านี้รูนรับภารกิจทางนี้ แต่เขาทำภารกิจล้มเหลว ตอนนี้ฉันก็เลยมาแทนที่เขา ดังนั้นแล้วนายคิดว่าฉันจะทำอะไรล่ะ”
“เธอเป็นคนญี่ปุ่นเหรอ” ลู่เซิ่งโพล่งถาม
“อาฮะ นายเดาถูกแล้ว” แบล็กเชอร์รี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เดาถูกได้ยังไง”
“เสียงเธอมีสำเนียงญี่ปุ่นน่ะสิ” ลู่เซิ่งล้วงนาฬิกาพกจากอกเสื้อออกมาดู “ฉันให้เวลาเธอหนึ่งนาที ตอนเย็นฉันมีธุระ ถ้าเธอให้คำตอบที่ฉันพอใจไม่ได้ ฉันจะแจ้งทางมหา’ลัยทันที”
“คุณอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของพวกเราไหม” แบล็กเชอร์รี่ไม่ถือสา ดวงตาฉายแววยิ้มแย้มจางๆ
“ขอบอกความลับกับคุณสักอย่างแล้วกัน ในมหา’ลัยนี้มีคนของพวกเราอยู่ทุกชั้นปี ถึงขั้นที่ในหมู่อาจารย์ศาตราจารย์ก็มีสมาชิกของพวกเราเหมือนกัน ดังนั้นคุณจะลองดูก็ได้ว่าการแจ้งมหา’ลัยนั้นมีประโยชน์ไหม”
“ฉันก็แค่นักศึกษาธรรมดา แค่อยากจะตั้งใจเรียนอยู่ที่นี่เท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นๆ ฉันไม่รู้ และไม่เข้าใจ ดังนั้น อย่ามากวนฉันจะได้ไหม” ลู่เซิ่งเอ่ยแผ่วเบาอย่างจนใจ
“ความจริงคุณมีเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้น” แบล็กเชอร์รี่ชักดาบสั้นออกจากด้านหลัง “ถ้าไม่เข้าร่วมกับเรา ก็…ตายที่นี่เสีย”
“ไม่ต้องห่วง ที่นี่มีการกางวงแหวนเวทตัดขาดไว้ตั้งแต่แรก ต่อให้จะครึกโครมขนาดไหน มหา’ลัยก็ไม่พบหรอก” แบล็กเชอร์รี่หัวเราะเสียงเย็น
ลู่เซิ่งเงยหน้ามองท้องฟ้า ดวงอาทิตย์ที่เมื่อครู่เป็นสีแดงอ่อน ตอนนี้ปรากฎสีฟ้าเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าเป็นฝีมือของใครสักคน
“อยากจะเห็นใบหน้าใต้หน้ากากของฉันไหม” แบล็กเชอร์รี่ส่งเสียงหัวเราะ
เธอเอื้อมมือไปดึงสายรัดเสื้อแนบเนื้อตรงเอวออก
ฟุ่บ
เสื้อพลันคลายตัวหล่นลงพื้น เผยให้เห็นเสื้อแนบเนื้อด้านใน
ในตัวแบล็กเชอร์รี่มีผ้าผืนเล็กสีดำปิดบังจุดสำคัญสามจุดไว้เท่านั้น
ร่างกายสีขาวโพลนอันล้ำเลิศปรากฏต่อหน้าลู่เซิ่ง ขาเรียวยาว สะโพกงามงอน เอวคอดกิ่ว และทรวงอกใหญ่โต เป็นหุ่นในฝันของชายฉกรรจ์
“ฉันสวยไหม” เสียงเธอเย้ายวนเจือโดยไม่รู้ตัว
“ขอบอกความลับบางอย่างนะ…ใบหน้าของฉัน สวยกว่าอีก”
เธอจับด้านล่างหน้ากากและดึงออกแผ่วเบา
ฮ่า!
ปากใหญ่โตน่ากลัวที่ฉีกถึงใบหูปรากฏกลางอากาศอย่างฉับพลัน
“จงหวาดกลัว จงกรีดร้อง จงกริ่งเกรงเถอะ!”
เธอหัวเราะพร้อมกับมองด้านหน้า ปากสีแดงฉานเต็มไปด้วยฟันแหลมถี่ยิบ ฟันขาวสะท้อนแสงเย็นเยียบภายใต้ดวงอาทิตย์
“…” ลู่เซิ่งอยากจะเก็บใบหน้าอีกสองใบที่งอกออกมาบนคอกลับไป แต่ก็ห้ามแขนสิบกว่าคู่ที่โผล่พรวดออกมาจากด้านหลังไม่ได้อยู่ดี
แบล็กเชอร์รี่ “…”
“ถึงได้บอกไงว่า ฉันเป็นแค่นักเรียนที่รักการเรียนธรรมดา!”
ลู่เซิ่งคำราม เดิมทีเขาแค่อยากจะควบคุมปราณปฐพีของร่างหลักเล็กน้อย เพื่อดูว่าตอนนี้ใช้ด้านนอกได้หรือไม่เท่านั้น ผลสุดท้ายกลับเปลี่ยนร่างโดยไม่ได้ตั้งใจ
คว่าก
ขนาดตัวของลู่เซิ่งสูงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ขณะเสียงเลือดเนื้อเสียดสีและเจริญเติบโตดังอยู่
แบล็กเชอร์รี่เงยหน้าตามการขยายใหญ่ของอีกฝ่ายอย่างตกตะลึง ร่างเล็กของเธอค่อยๆ ถูกบดบังในเงามืดที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
พรุ่บ!
ร่างกายของลู่เซิ่งงอกหนวดสีดำออกมาอย่างแน่นขนัด แล้วโบกสะบัดกลางท้องฟ้าราวกับรากไม้
หนวดน่ากลัวพวกนี้มีปากกับฟันขนาดเล็กๆ งอกอยู่เต็มไปหมด พวกมันกำลังเคี้ยวอะไรบางอย่างขณะถูกโบกไปทั่ว คล้ายต้องการรัดพันและกัดกินอะไรสักอย่าง
แบล็กเชอร์รี่อดถอยหลังอย่างตกตะลึงไม่ได้
“รีบ…รีบหนี! ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้!” ลู่เซิ่งอดตะโกนเตือนไม่ได้
พลังของร่างหลักขยายตัวเร็วเกินไป ทำให้ตอนนี้แค่เพียงกระตุ้นดู พลังก็เหมือนกับลูกโป่งที่เริ่มรั่วลม พร้อมจะระเบิดได้ตลอดเวลา
เนื่องจากยกระดับเร็วเกินไป ทำให้การควบคุมพลังของเขาตามไม่ทัน สุดท้ายพลังหนึ่งในร้อยล้านส่วนก็กระจัดกระจาย
ปราณปฐพีที่อ่อนแอถึงขีดสุดสำหรับร่างหลัก เป็นต้นตอที่ทำให้เขากลายร่าง
อย่างไรนั่นก็เป็นพลังน่ากลัวระดับแปรสัจจะของมารสวรรค์มายาพิศวง
ต่อให้จะเป็นหนึ่งในร้อยล้านส่วน แต่ปริมาณที่น่าหวาดสะพรึงก็กระตุ้นให้เกิดพลังพิเศษมหาศาลสุดจินตนาการของมนุษย์ธรรมดาเหล่านี้อยู่ดี
ปราณปฐพีที่ยิ่งใหญ่ทำให้กายเนื้อของแจ๊คที่เพิ่งโดนแตะกลายพันธุ์ทันที กายเนื้อส่วนใหญ่ปรากฏลักษณะเด่นส่วนหนึ่งของร่างหลักที่เป็นมารสวรรค์
ตอนนี้ลู่เซิ่งใกล้จะควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว ผลของการควบคุมพลังไม่อยู่คือ หากลงมือ หรือโดนพลังภายนอกกระตุ้น ก็จะโต้ตอบกลับโดยสัญชาตญาณ
หากใช้พลังรุนแรงเพียงเล็กน้อย ผลสุดท้ายอาจจะทำให้มหาวิทยาลัยมิสกาถูกทำลาย หรือเยอรมนีหายไปจากแผนที่ได้เลยทีเดียว
นี่ไม่ใช่ความตั้งใจของลู่เซิ่ง ดังนั้นเขาจึงรีบไล่แบล็กเชอร์รี่ให้ออกไป
แบล็กเชอร์รี่หรือหญิงสาวปากฉีกค่อยรู้สึกตัว เธอหน้าซีดขาว มองร่างกายมโหฬารของลู่เซิ่งก่อนจะหันหลังหนีไป
แต่เพิ่งวิ่งออกไปได้ไม่กี่เมตร
“ไม่…ฉันควบคุมเท้าตัวเองไม่ได้! รีบหลบเร็ว!” ลู่เซิ่งก็ตะโกนมาจากด้านหลัง
แบล็กเชอร์รี่หันขวับกลับไปเห็นฝ่าเท้าสีดำขนาดเท่าอ่างอาบน้ำข้างหนึ่งเหยียบลงใส่เธอดุจสายฟ้าฟาด
เปรี้ยง!
เธอขนลุกขนพอง หนังศีรษะชาดิก ขณะกลิ้งตัวไปทางขวาด้วยแรงทั้งหมดที่มี
ความเร็วแบบนี้ไปถึงขีดจำกัดที่คนธรรมดาจะสังเกตได้แล้ว แต่สำหรับลู่เซิ่งถือว่าหลบได้หวุดหวิดเท่านั้น
แบล็กเชอร์รี่เพิ่งจะลุกขึ้น ไม่รอให้ได้หอบหายใจ
“รีบหนีเร็ว! มือฉัน! ฉันมีมือเยอะเกินไป! รีบหลบ!” เสียงของลู่เซิ่งดังขึ้นมาอีกรอบ
เปรี้ยง!
ครานี้แบล็กเชอร์รี่หลบไม่พ้น ถูกแขนที่กวาดมาข้างหนึ่งฟาดใส่เอว ร่างหมุนกลางอากาศ ท่อนบนกับท่อนร่างแทบจะแนบติดกัน อวัยวะภายในตรงช่วงท้องถูกทำลายจนแหลกลาญ
อ่อก!
แบล็กเชอร์รี่ชนต้นไม้หักไปสามต้น กลิ้งบนพื้นอีกหลายตลบ ก่อนจะกระอักเลือดออกมา
เธอหน้าซีด ฟันทั่วปากถูกกระแทกหักไปมากกว่าครึ่ง ฝืนลุกขึ้นจากพื้น
มองดูลู่เซิ่งที่บิดไปมาอยู่กับที่
“ไอ้เวรตะไล!” แบล็กเชอร์รี่สิ้นหวังและโกรธแค้นนัก รู้ดีว่าตัวเองคงอยู่ได้อีกไม่นาน สองมือจึงกุมดาบสั้นพุ่งใส่ลู่เซิ่งด้วยสองตาแดงฉาน
“ฉันควบคุมขาไม่ได้อีกแล้ว! อ๊าก! อย่าเข้ามา! รีบหนีซะ!” ลู่เซิ่งตะโกน
“องค์เทพเอ๋ย! โปรดฟังคำวิงวอนจากสาวกที่ซื่อสัตย์ที่สุดของพระองค์ แสงดาราเหลือง จันทร์กระจ่างยามราตรี เลือดที่ไหลนองในส่วนลึกของผืนดิน จงเดือดพล่าน จงเผาไหม้ จงทำลาย! ดาบแห่งการเผาไหม้! ทำลาย ทำลาย ทำลาย!”
ขณะเธอสวดมนตร์อ้อนวอนเสียงดัง ดาบสั้นในมือก็ส่องแสงสีแดงเข้มในทันใด
เธอกระโดดขึ้นด้วยพลังทั้งหมด ร่างลอยอยู่ในระดับเดียวกับศีรษะลู่เซิ่ง จากนั้นก็เหวี่ยงสองแขนลงอย่างแรง
“ตายเสียเถอะ! เผาทำลาย!”
……………………………………….