ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 856 สัญญา (2)
เออร์นีไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน ความรู้สึกราวกับถูกคนฉีกชุดชั้นใน แล้วบังคับให้ตัวเองยืนล่อนจ้อนต่อหน้าอีกฝ่าย
ความรู้สึกนี้…ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเอง…น่าสมเพชมาก!
โสเภณีจำเป็นต้องขายร่างกายตัวเองเพื่อดำรงชีวิต พวกเธอทำเพื่อตัวเอง แต่เธอล่ะ เป็นเครื่องมือที่ใช้สร้างความยิ่งใหญ่แก่ตระกูลเท่านั้น
ขณะขบคิดไม่หยุดนั้น หน้าผากของเออร์นีก็เปล่งแสงสีฟ้าวาบ
“ฉันดูออกว่าเธอสับสน เด็กน่าสงสาร...” ลู่เซิ่งแอบเก็บนาฬิกาพกเข้าไปในแขนเสื้อ
แสงสีฟ้านั้นไม่ใช่แสงนรกอันเป็นความสามารถของตัวเออร์นี แต่เหมือนเป็นของบางอย่างที่มีผลต่อเธอมากกว่า
เขาไม่แน่ใจว่าการใช้วิชาจิตโน้มนำคนที่ไม่รู้ประวัติความเป็นมา จะก่อให้เกิดผลกระทบอะไรขึ้น
ดังนั้นจึงได้แต่กระทำอย่างรัดกุม
“ฉัน…” เออร์นียกมือกุมศีรษะ ผุดสีหน้าเจ็บปวด เธอย่อตัวนั่งลง น้ำตาไหลอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว
“ฉันเพียงแค่…ไม่อยากให้แม่ผิดหวัง…ไม่อยาก…”
“เป็นเด็กกตัญญูจริงๆ” ลู่เซิ่งเอื้อมมือไปลูบผมของเธอแผ่วเบา “แต่เธอเคยคิดไหมว่า แม่เธออยากให้เธอขายตัวเอง จนกระทั่งมอบร่างกายและทุกอย่างของตัวเองให้แก่ตระกูลจริงๆ หรือ”
“ฉัน…” เออร์นีเถียงไม่ออก
“ดังนั้น จงปลดปล่อยตัวเอง…อย่าบังคับใจตัวเองเลย ความล้มเหลวไม่น่ากลัวหรอก สิ่งที่น่ากลัวคือความพ่ายแพ้ต่างหาก” ลู่เซิ่งตอบด้วยรอยยิ้ม
“คิดให้ดีเถอะ” เขาชักมือกลับ แล้วเดินผ่านเออร์นีไปอย่างช้าๆ
เป็นเด็กที่น่าสนใจ ความลับที่ซ่อนอยู่ในตัวเธอ รวมถึงความขัดแย้งกับความเจ็บปวดที่เกาะเกี่ยวบนตัวเธอ ทำให้ลู่เซิ่งเห็นวิญญาณอันบริสุทธิ์ของเด็กผู้หญิง
เธอกำลังสับสน เลื่อนลอยมาโดยตลอด
ลู่เซิ่งเดินไปถึงใต้หอพัก พลันได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งร้อนดังมาจากด้านหลัง
ลู่เซิ่งหันกลับไปดู เห็นเออร์นีเร่งรุดตามมา
“แจ๊ค มีเวลาไหมคะ ฉันขอเลี้ยงเหล้าสักแก้ว” หญิงสาวคนนี้เผยสีหน้าหดหู่ ขอบตาบวมแดง ดูเจ็บปวดดิ้นรนกว่าเดิม
“ฉันรู้ว่าคุณตามหาเนื้อของปีศาจขั้นสูงจากห้วงความว่างเปล่าเพื่อทำการทดลองส่วนตัว ถ้าคุณมาเป็นเพื่อนฉัน ฉันรับปากว่าจะส่งตัวอย่างที่เก็บไว้ในตระกูลให้คุณ” เออร์นีกล่าวจริงจังเสียงเบา
ลู่เซิ่งที่เตรียมจะปฏิเสธ กลืนคำพูดที่มาถึงมุมปากกลับไป
เขาอดยิ้มขึ้นไม่ได้เมื่อเห็นความแน่วแน่ที่ซุกซ่อนไว้ภายใต้ความอ่อนโยน
“ได้”
…
ร้านเหล้าสามสิบเก้า
ที่นี่เป็นร้านเหล้าแปลกพิสดารที่อยู่นอกมหาวิทยาลัย
ด้านในตกแต่งด้วยรูปแบบโบราณ เก้าอี้บาร์ไม้ โต๊ะไม้ ทั้งหมดมีลวดลายวงปีของต้นไม้ ร้านเหล้ามีเจ้าของคนเดียว และบริกรสองคน
กิจการไม่ค่อยคึกคัก เหล้ามีรสชาติทั่วไป การบริการทั่วไป ตั้งอยู่ในที่ห่างไกลผู้คน ไม่โดดเด่นแม้แต่น้อย
แต่เออร์นีชอบความสงบและจำนวนคนที่น้อยของที่นี่
เธอพาลู่เซิ่งเข้ามานั่งลงตรงมุมหนึ่ง ให้บริกรย้ายม่านบังลมมากั้นรอบๆ จนกลายเป็นที่ว่างเล็กๆ ซึ่งแยกตัวออกมา
“พูดตามตรง สมาคมเดอลันด์ใกล้จะแย่แล้ว” เออร์นีเพิ่งจะนั่งลง ก็เอ่ยกับลู่เซิ่งด้วยความจริงจังและเศร้าหมองทันที
“เธออยากจะพูดอะไร” ลู่เซิ่งย้อนถาม สมาคมเดอลันด์จะแย่หรือไม่ย่อมไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
“แต่คุณบอกว่าตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ ฉันไม่เคยใช้ชีวิตเพื่อตัวเองสักวัน” เออร์นีผุดสีหน้าเศร้าโศก
“แล้วอย่างไร”
“ดังนั้น ฉันเลยอยากให้คุณช่วยฉัน ฉันไม่อยากรักษาสมาคมเดอลันด์ไว้อีกแล้ว ฉันอยากจะตั้งทีมเล็กๆ ทีมหัวกะทิเล็กๆ เป็นองค์กรที่มีคนไม่กี่คน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดขององค์กรนี้ ฉันจะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ไม่ต้องห่วง เรื่องแค่นี้ตระกูลซีเฟอลุสไม่มีปัญหาหรอก” เออร์นีว่าต่อไป
“ฉันรู้ว่าคุณกำลังตามหาตัวอย่างของปีศาจขั้นสูง จากห้วงความว่างเปล่า แต่คุณก็ควรจะรู้ว่า ระดับของคุณกับห้องทดลองที่คุณอยู่ไม่มีทางอนุญาตให้คุณแตะต้องปีศาจที่ระดับสูงเกินไป”
ลู่เซิ่งจำเป็นต้องพยักหน้า
เป็นอย่างที่ว่าจริงๆ ปีศาจขั้นสูงสุดที่เขาเคยกินเป็นปีศาจจากห้วงความว่างเปล่าที่อยู่ในระดับรูปแบบที่ห้า แต่ว่าสำหรับเขาแล้ว เนื้อชนิดนี้มีประโยชน์น้อยมาก
สาเหตุที่ตอนนี้เขาติดอยู่ที่ขอบของการวิวัฒนาการของรูปแบบที่หก เป็นเพราะขาดสารในเนื้อของปีศาจจากห้วงความว่างเปล่าในระดับสูงกว่า
“และถ้าคุณอยากจะได้ปีศาจจากห้วงความว่างเปล่าในระดับที่สูงกว่านี้ อย่างน้อยต้องทำงานอย่างแข็งขันในมหาวิทยาลัยหลายสิบหรือมากกว่าร้อยปี ไต่เต้าถึงระดับศาสตราจารย์ และระดับคณบดี” เออร์นีบอกอย่างตรงไปตรงมา
“แต่ฉันไม่เหมือนกัน ตระกูลซีเฟอลุสของฉันมีประวัติศาสตร์ยาวนานยิ่งกว่ามหาวิทยาลัยมิสกาเสียอีก ตระกูลของฉันเป็นหนึ่งในตระกูลที่เก่าแก่ที่สุดของยุโรป สมบัติกับความลับของตระกูลย่อมอยู่เหนือจินตนาการของคุณแน่นอน อย่าว่าแต่ตัวอย่างปีศาจขั้นสูงทั่วไปจากห้วงความว่างเปล่า เลือดเนื้อจากบุตรแห่งเทพนอกรีต ตระกูลพวกเราก็มีเก็บไว้เช่นกัน”
“หือ?!” ลู่เซิ่งตาเป็นประกาย
บุตรแห่งเทพนอกรีต!
หากแบ่งตามระดับมาตรฐาน ตอนนี้เขาอยู่ในรูปแบบที่ห้า ถัดจากนี้จะเป็นรูปแบบที่หก ที่เจ็ด ร่างสมบูรณ์สุดยอด สุดท้ายจึงจะเป็นระดับบุตรแห่งเทพนอกรีต
หรือก็หมายความว่าเทียบได้กับตัวตนแข็งแกร่งที่ก้าวข้ามเขาไปสี่ระดับ!
ถ้าหาเลือดเนื้อแบบนี้มาได้ ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเขาจะไม่ขาดสารจากห้วงความว่างเปล่าอีกแล้ว
“เป็นยังไง จะช่วยฉันไหม!” เออร์นีเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
ลู่เซิ่งนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มขึ้น
“แล้วเธอจะให้ฉันช่วยอะไรล่ะ เธอเองก็รู้ว่าฉันเป็นแค่คนธรรมดา ที่มีความสามารถสายลมแห่งการประสาน เทียบกับสายต้องห้ามอย่างพวกเธอแล้ว เอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ด้วยซ้ำ”
เออร์นีเงียบลง
“ความจริง สิ่งที่ฉันได้พบเจอมาแตกต่างกับที่คุณคิด” อารมณ์ของเธอหม่นหมองอยู่บ้าง แล้วเริ่มเล่าเรื่องราวของตน
เดิมที ตอนที่เธอยังเด็กกว่านี้ บนตัวเคยมีความลับที่ยิ่งใหญ่ ความลับนี้ดึงดูดสาวกเทพนอกรีตจำนวนมากมาลอบสังหารเธอด้วยสารพัดวิธี เธอในตอนนั้นอ่อนแอ ขี้ขลาด และหวาดกลัว
ครอบครัวในตระกูลเอาตัวมากันไว้ด้านหน้า ช่วยบดบังลมฝนให้
ประเดี๋ยวเธอก็ถูกคนชั่วจับตัวไป ยังดีที่ครอบครัวทุ่มเทชีวิตช่วยเธอกลับมา
ประเดี๋ยวเธอก็ถูกวางยา ตอนที่ใกล้ตาย ครอบครัวต้องตามหายาแก้พิษอย่างเต็มกำลัง
อีกประเดี๋ยวเธอถูกหน้าไม้ยิงใส่ ได้รับบาดเจ็บจนเกือบตาย ครอบครัวพยายามทุกวิถีทาง จนหายาวิเศษช่วยเธอกลับมาได้
ครั้งแล้วครั้งเล่า รอบแล้วรอบเล่า เธอถูกจับตัว ถูกลอบสังหาร ได้รับบาดเจ็บ และโดนยาพิษ เผชิญกับทางตันมามากมาย
เป็นคนในครอบครัวที่พาเธอฝ่าฟันอุปสรรคมาหลายต่อหลายครั้ง
หลังจากเวลาที่ผ่านไป ครอบครัวก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักเพราะเธอครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุดก็เริ่มต้านทานไม่ไหว ค่อยๆ ถดถอยลง
เนื่องจากภัยพิบัติในหลายครั้งหลายคราว ก่อนหน้านี้คนในครอบครัวเหล่านั้นที่ตายก็ตายไป ที่หายสาบสูญก็หายสาบสูญไป ทำให้สายเลือดบริสุทธิ์ในตระกูลเหลือแค่เออร์นีคนเดียว ภาระหน้าที่ประมุขตระกูลจึงตกเป็นของเธอโดยปริยาย
“แล้วอย่างไร” ลู่เซิ่งถามอีก
“ตอนนี้ฉันควบคุมความลับในร่างกายได้แล้ว ดังนั้นการลอบโจมตีจึงลดน้อยลงเรื่อยๆ ดาวห้าแฉกแห่งตระกูล หรือคนในครอบครัวห้าคนที่คอยคุ้มครองฉัน ก็แยกย้ายไปหลบซ่อนพักผ่อน พวกเขาสู้เพื่อฉันมามากมายเหลือเกิน ฉันไม่อยากจะเพิ่มภาระให้พวกเขาอีกแล้ว จึงอยากจะสร้างขุมกำลังของตัวเอง ฉันอยากปกป้องตัวเอง! ไม่อยากรบกวนคนอื่นอีกแล้ว!”
เออร์นีฮึกเหิม
“ดังนั้น ฉันก็เลยมาที่นี่ ฉันอยากจะปกป้องตัวเอง ฉันจะสร้างขุมกำลัง และพยายามเรียนเอาความรู้ทั้งหมดที่ทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้น” เธอสงบสติอารมณ์ลง
“แล้วฉันจะช่วยอะไรได้ล่ะ” สิ่งดีๆ มาส่งถึงหน้าประตู ทั้งยังเป็นสิ่งที่ตนต้องการอย่างเร่งด่วน ลู่เซิ่งย่อมไม่ปฏิเสธ
“คุณเป็นอัจฉริยะด้านการวิจัย ต่อให้อยู่ในสถานที่ที่มีสัตว์ประหลาดเพ่นพ่านไปทั่วอย่างมหาวิทยาลัยมิสกา คุณก็ยังเป็นอัจฉริยะอันดับแรกๆ ฉันอยากให้คุณช่วยหาคำตอบว่าต้องทำอย่างไรถึงจะเอาชนะพลังเทพของเทพนอกรีตได้!” เออร์นีเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
“พลังเทพของเทพนอกรีตเหรอ”
“ใช่ ความจริงพลังแห่งกูลาร์ที่พวกเราฝึกฝนมีเพียงความสามารถต้านทานการปนเปื้อนจากห้วงความว่างเปล่าเท่านั้น แต่ยามเมื่อเผชิญกับพลังแห่งห้วงความว่างเปล่า หรือพลังแห่งเทพนอกรีตจริงๆ ก็ยังสู้ไม่ไหวอยู่ดี หรือต่อให้เป็นพลังของอวัยวะสัมผัสที่หก ความจริงตัวมันก็คือการแบ่งภาคของพลังแห่งเทพนอกรีตนั่นเองค่ะ” เออร์นีอธิบาย
“แต่ว่าธรรมชาติของพลังแห่งกูลาร์กับพลังของอวัยวะอยู่คนละระดับกับพลังเทพของเทพนอกรีต ไม่ว่าจะมีพลังแห่งกูลาร์กับพลังอวัยวะมากมายขนาดไหน ก็ยังไม่ใช่คู่มือของพลังเทพของเทพนอกรีตอยู่ดี พวกมันไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน เหมือนกับต่อให้มีน้ำเยอะเท่าไรก็ไม่อาจท่วมปลาให้ตายได้นั่นแหละค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างประหลาดใจ
“ค่ะ พวกเราเคยทดลองมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว” เออร์นีพยักหน้า “นั่นคือพลังแห่งเทพ เป็นพลังที่คนธรรมดาไม่อาขสู้ได้ ต่อให้เป็นดาวห้าแฉกของครอบครัวฉัน ก็ต้องพึ่งพาพลังเทพอีกสาย ถึงจะปกป้องฉันไม่ให้ถูกทำร้ายได้ แต่ฉันไม่อยากยอมรับ! ฉันอยากจะพิสูจน์ว่าพลังเทพไม่ใช่สิ่งที่เอาชนะไม่ได้!”
“แน่วแน่ไม่เลวนะ” ลู่เซิ่งพยักหน้าอย่างชื่นชม เออร์นีในตอนนี้จึงเป็นคนประเภทที่เขาชมเชย
“ปีศาจขั้นสูงจากห้วงความว่างเปล่าในคลังสมบัติของครอบครัวฉัน แค่ตัวที่อยู่ในรูปแบบที่ห้าขึ้นไปก็มีมากกว่าพันแล้ว จะต้องตอบสนองการทดลองของคุณได้แน่ นอกจากนี้ทุกๆ อาทิตย์ฉันจะจ่ายเงินเดือนให้คุณสองหมื่นมาร์ค อะไรที่ให้ได้ ฉันจะให้ทั้งหมด เป็นยังไงบ้างคะ คุณยอมเข้าร่วมกับฉันหรือยัง”
เออร์นีมองลู่เซิ่งอย่างจริงจัง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเชิญชวนคนด้วยท่าทีเช่นนี้
ลู่เซิ่งเข้าใจดีว่า เป็นไปได้มากว่าศัตรูที่เออร์นีเผชิญจะเป็นเหล่าเทพนอกรีต ตระกูลของเธออาศัยเทพเจ้าอีกสายหนึ่งถึงค่อยปกป้องเธอได้ แต่ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลเช่นกัน
ดังนั้นเธอจึงต้องการสร้างความยิ่งใหญ่ให้แก่ตระกูลอย่างบ้าคลั่ง เพื่อพลิกฟื้นทุกสิ่ง
แต่การต่อสู้กับเทพด้วยพลังของมนุษย์เป็นเรื่องเพ้อฝัน ดังนั้นเธอจึงมาที่นี่ มาที่มหาวิทยาลัยมิสกาที่ว่ากันว่าคอยรักษากฎระเบียบทั้งหมดให้มั่นคงได้
เธออยากจะหาไพ่ตายที่ใช้สู้กับพลังของเทพนอกรีตจากที่นี่
“น่าสนใจ…” ลู่เซิ่งเลียริมฝีปาก “สู้กับเทพด้วยพลังมนุษย์หรือ เป็นความแน่วแน่ที่เยี่ยมมาก ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันขอเอาด้วย”
เขายอมรับว่าตัวเองหวั่นไหวแล้ว ตระกูลซีเฟอลุสมีตัวอย่างปีศาจจากห้วงความว่างเปล่าที่อยู่ในรูปแบบที่ห้าขึ้นไปอีกมากมาย สำหรับเขาในตอนนี้แล้ว นี่เป็นความยั่วยวนที่ยากจินตนาการ
ถึงขั้นยังมีเลือดเนื้อจากบุตรแห่งเทพนอกรีตอีก ต่อให้เขาจะอยู่ในห้องทดลองนานขนาดไหน หากไม่กลายเป็นแกนหลักระดับสูง ก็ไม่มีทางได้สัมผัสกับเลือดเนื้อระดับนี้อย่างเด็ดขาด
“ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” เออร์นียื่นมือออกมา
ลู่เซิ่งยื่นมือออกไปเช่นกัน
มือใหญ่และมือเล็กของทั้งสองจับกันอย่างมั่นคง
“ฉันก็เหมือนกัน”
……………………………………….