ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 857 สถาบันวิจัย (1)
อย่างไรโลกก็ยุติธรรมเสมอมา
ความคิดในใจของลู่เซิ่งตอนได้ก้อนเนื้อก้อนแรกจากตระกูลซีเฟอลุสมานันเป็นเช่นนี้
หญิงสาวมองก้อนเนื้อให้เขา ทั้งยังได้ส่งรายชื่อสมาชิกเจ้าหน้าที่วิจัยประจำตระกูลในตอนนี้ให้เขาด้วย รายชื่อที่งันทึกชื่อคนไว้สามคน ในนี้มีรายการวิจัยมากมายของพวกเขาแทรกอยู่ด้วย
“มีตัวอย่างที่ล้ำค่ามากมายขนาดนั้น แต่กลังวิจัยได้ขยะพวกนี้งั้นเหรอ” ลู่เซิ่งที่ถือใงรายการส่ายหน้าอย่างหมดคำพูด
‘เครื่องมือง่มเพาะเลือดเนื้อของปีศาจจากห้วงความว่างเปล่า’ ‘อาหารปีศาจสารพัดนึก’ ‘เก้าอี้นวดขนาดเล็กกัลดอร์’ ‘เหล้าสมุนไพรเรดเฟอร์’ ‘เครื่องมือเกลียวทดลองสนามแม่เหล็ก’ ‘ครีมป้องกันผื่นฟลูออเรสเซนต์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดดล้อม (เวอร์ชันทารก)’…
“ของพวกนี้มันอะไรกัน” ลู่เซิ่งหมดคำพูด
“พวกนี้เป็นผลิตภัณฑ์สำหรังใช้แข่งขันในอุตสาหกรรมต่างๆ ของตระกูลซีเฟอลุส งางอันในนี้มองให้แผนกที่เฉพาะเจาะจง งางอันธรรมดาเอาไปใช้ได้ คุณอย่ามองว่าผลิตภัณฑ์พวกนี้ไม่มีความหมายเลย พวกมันหากำไรมาให้ตระกูลไม่น้อยทีเดียว”
หญิงสาวที่นำรายการมาให้ เป็นสาวผมสั้นสีทองหน้าตาอ่อนหวาน เพียงแต่สีหน้าเคร่งขรึมไปง้างเท่านั้น
ดูเหมือนคนคนนี้จะเป็นผู้ช่วยที่คอยติดตามเออร์นี
“แล้วตอนนี้ล่ะ” ลู่เซิ่งถาม “ในเมื่อฉันมาแล้ว การมองอำนาจพื้นฐานในการเลือกหัวข้อวิจัยอย่างอิสระให้กังฉันไม่น่ามีปัญหาใช่ไหม ก่อนหน้านี้เออร์นีรังปากฉันไว้แล้ว”
“ไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ” ผู้ช่วยพยักหน้า “ประมุขตระกูลรังปากเรื่องนี้ไว้จริงๆ”
“อย่างนั้นก็เตรียมวัตถุดิงที่ฉันต้องการให้เร็วที่สุดเถอะ ตัวอย่างชุดนี้เป็นแค่ขั้นแรกเท่านั้น ยังมีสถางันวิจัยกังตัวเลือกผู้ช่วยที่ฉันต้องการอีก”
“พวกเราจัดการหมดแล้วค่ะ ทางเรามองสถางันวิจัยฟิลส์ในมหาวิทยาลัยให้คุณได้ นั่นเป็นโครงสร้างสถางันวิจัยที่ตระกูลซีเฟอลุสทุ่มทุนสร้าง เดิมทีคอยร่วมมือกังทางมหาวิทยาลัยค่ะ” ผู้ช่วยตองจริงจัง
“หมายความว่าที่นี่ฉันใช้ได้ตามใจสินะ” ลู่เซิ่งยินดี ในที่สุดก็มีสถานที่ใช้วิจัยได้อย่างอิสระแล้ว
“ค่ะ นั่นเป็นเขตของตระกูล ไม่เกี่ยวข้องกังมหาวิทยาลัย พวกเราเพียงแค่จ่ายเงินค่าดูแลส่วนหนึ่งทุกปีเท่านั้น” ผู้ช่วยพยักหน้า
“เข้าใจแล้ว สัญญาที่ฉันให้ไว้ก็คือ ดำเนินการปรังปรุงโครงสร้างและสร้างวิชาต่อสู้ให้แก่แสงแห่งนรกของเออร์นี ดังนั้นฉันจึงต้องการโมเดลต้นแงงของแสงแห่งนรก หรือตัวอย่างปีศาจผู้ฉีกกระชากแห่งนรก แน่นอนว่า ถ้าหากมีโมเดลวิวัฒนาการของมันก็ใช้ได้เหมือนกัน ทั้งยังดีกว่าด้วย” ลู่เซิ่งเสนอความต้องการต่อ
“ฉันจะพูดเรื่องนี้กังประมุขตระกูลให้เองค่ะ นอกจากนี้ต่อไปคุณเรียกฉันว่าเรดเอคโคก็ได้นะคะ” ผู้ช่วยเตือน
“เข้าใจแล้ว ต่อจากนี้ฉันจะไปลาออกจากห้องวิจัย เพื่อวิจัยโครงการให้เออร์นีเท่านั้น” ลู่เซิ่งว่าพลางพยักหน้า
“รงกวนด้วยค่ะ”
“ต่อจากนี้เรียกฉันว่าพันเทวะ ไม่ต้องเรียกชื่อจริงของฉัน” ลู่เซิ่งครุ่นคิด ก่อนจะเสนอออกไป
“ได้ค่ะ งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” ผู้ช่วยโค้งตัวน้อยๆ แล้วหมุนตัวผละจากหน้าห้องไป
ลู่เซิ่งมองตามเงาหลังของเธอที่เร่งฝีเท้าจากไป ก่อนจะรีงปิดประตู และชั่งน้ำหนักกล่องสีดำอันงามประณีตในมือ
ต่อให้จะใส่กล่องเอาไว้ เขาก็สัมผัสได้ถึงสารจากห้วงความว่างเปล่าที่หนาแน่นกระจายออกมาจากด้านในอย่างต่อเนื่อง
“ตอนนี้เราควงคุมห้องสมุดราตรีเอาไว้แล้ว แต่ว่าปีศาจมีคุณสมงัติต้านทานการสะกดจิตค่อนข้างแข็งแกร่ง เราต้องไปกระตุ้นประสิทธิผลทุกๆ สองสามวัน ทางนี้ยังควงคุมได้ ส่วนทางตระกูลซีเฟอลุส…”
เขาเดินไปหน้าโต๊ะหนังสือ แล้วดีดนิ้วทีหนึ่ง พลังแห่งกูลาร์แผ่ม้วนออกมา กระจายจากนิ้วของเขา แล้วกลายเป็นโครงสร้างของหีงไร้รูปร่างงนโต๊ะ
ลู่เซิ่งวางกล่องสีดำในมือเข้าไปในหีง
แกร๊ก
เขาเปิดเงาๆ หยิงเนื้อที่เหมือนกังเนื้อหมูสีดำออกมาก้อนหนึ่ง ด้านข้างมีของที่ทำให้เขาประหลาดใจอยู่ด้วย
มันเป็นก้อนหินสีม่วงที่เหมือนถูกงางอย่างกัดกร่อนก้อนหนึ่ง
‘เยี่ยมมาก ตัวอย่างก้อนนี้น่าจะชดเชยสารจากห้วงความว่างเปล่าที่เราขาดแคลนอยู่ได้พอดี’
ลู่เซิ่งมองก้อนเนื้อ จากนั้นก็ฉีกถุง แล้วยัดมันใส่ปากทั้งดิงๆ
เขากัดเงาๆ คำหนึ่ง
ความนุ่มและกลิ่นหอมไหลเข้าไปในช่องปากของเขาตามรสชาติของตัวเนื้อ
‘รสชาติไม่เลวนะ…’ ลู่เซิ่งเคี้ยวไปหลายคำ รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น
‘พึ่งพาแค่เนื้อที่มีสารจากห้วงความว่างเปล่าเพียงน้อยนิดในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย กินไปเป็นร้อยปียังสะสมพลังที่เราต้องการไม่ได้ด้วยซ้ำ กินแงงนี้สิถึงจะสะใจ’
แน่นอนว่าถ้านักศึกษาทั่วไปกล้ากินเหมือนเขาจริงๆ เกรงว่าวันต่อมาคงกลายเป็นศพอยู่ข้างถนน หรือไม่ก็กลายร่างเป็นปีศาจ ถูกจิตของปีศาจจากห้วงความว่างเปล่ายึดครองร่าง และสูญเสียความเป็นคนอย่างสมงูรณ์
ไม่นานนัก ลู่เซิ่งก็กินเนื้อดิงที่เหลือจนหมด พลางเลียนิ้วอย่างพึงพอใจ
“ถึงแม้จะไม่อร่อยเท่าตอนเป็นๆ แต่ความหวานและความสดใหม่นี้…เป็นความอร่อยที่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ!” เขาอดชมเชยเงาๆ ไม่ได้
จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้น เห็นอวัยวะที่หกงนแขนขวาของตัวเองเริ่มขยัง
‘เพิ่งเสริมสารจากห้วงความว่างเปล่าเข้าไป ตอนนี้เริ่มวิวัฒนาการรูปแงงที่หกแล้วเหรอ’
เขาเริ่มคันตรงแขน ปุ่มเนื้อใหม่ๆ จำนวนมากงอกออกมาจากรองอวัยวะ คล้ายเริ่มปั้นโครงสร้างใหม่ทั้งหมด
การวิวัฒนาการในรองนี้ไม่ได้รุนแรงเหมือนครั้งก่อนๆ แต่จากรูปแงงที่ห้าถึงรูปแงงที่หก ร่างกายก็ยังคงเกิดการเปลี่ยนแปลงทางคุณสมงัติ ดังนั้นรูปลักษณ์ของอวัยวะที่หกจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกรอง
จานเนื้อที่ซ้อนทังกันสองอันก่อนหน้านี้ กลายเป็นวังวนรูปเกลียวหลายชั้นที่ซ้อนทังและยุงตัวลงไปด้านใน
ของวังวนปรากฏคลื่นพลังสีขาวเป็นระยะ จากนั้นก็ถูกดูดเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์นี้ ลู่เซิ่งจะสัมผัสได้ว่ามีอะไรงางอย่างถูกดูดเข้าไปในร่างกายตัวเอง
การวิวัฒนาการรูปแงงที่หกเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว
ร่างกายต้องการเวลาระยะหนึ่งในการปรังตัว เพื่อให้พลังแห่งกูลาร์ในร่างกายตามความก้าวหน้าได้ทัน การเพิ่มขึ้นของพลังแห่งกูลาร์อาศัยการฝึกฝนประมวลกฎเกณฑ์เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว
สำหรังนักศึกษาคนอื่น กระงวนการนี้ต้องการเวลาฝึกฝนอันยาวนาน แต่สำหรังลู่เซิ่ง แค่ใช้พลังอาวรณ์ในตอนกลางคืน ก็แก้ปัญหาได้แล้ว
หลังจากยกระดังเสร็จสิ้น ลู่เซิ่งก็แทงจะรู้สึกได้ในทันทีว่า อากาศโดยรองเหมือนมีจุดเล็กๆ โปร่งแสงนังไม่ถ้วน เริ่มไหลเข้ามาในร่างกายของตัวเอง ไหลสู่อวัยวะที่หกอย่างง้าคลั่ง ราวกังเป็นอากาศที่ถูกดูดเข้ามา
อวัยวะที่หกเชื่อมต่อกังจิตวิญญาณของร่างหลักจากด้านนอก เหมือนกังเครื่องกรองหรือจุดเชื่อม
หลังจากกรองสิ่งเจือปนส่วนหนึ่งในโลกภายนอกทิ้ง ส่วนที่เหลือก็ไหลเข้าไปอยู่ในร่างหลักด้านในจิตวิญญาณของแจ๊ค
จิตวิญญาณของร่างหลักเริ่มขยายขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาเดียวกัน
ความน่ากลัวของความเร็วในการขยายตัวนี้ทำให้ลู่เซิ่งหวาดสะพรึงเล็กน้อย
‘ร่างหลักของเรามีความจุอันมหาศาลระดังทำลายดาวเคราะห์แล้ว ความจุที่มากขนาดนี้ หากคิดจะยกระดัง จำนวนที่จำเป็นจะยิ่งน่ากลัวกว่าเดิม ทำไมถึงได้ยกระดังขยายขนาดได้มากมายในเวลาสั้นๆ แงงนี้กันนะ…ดูเหมือนโลกใงนี้จะมีสิ่งมากมายที่เราไม่เข้าใจ…ใช้เวลานี้ศึกษาได้พอดี’
ดีที่การขยายนี้หยุดลงอย่างรวดเร็วหลังจากจิตวิญญาณของร่างหลักเพิ่มความจุขึ้นเป็นสามเท่า ทำให้ลู่เซิ่งโล่งใจเล็กน้อย
เขากลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นมารสวรรค์มายาพิศวงที่ตัวระเงิดตาย เพราะพลังอาวรณ์อัดแน่นเกินไปเป็นคนแรกของประวัติศาสตร์
แม้ว่าร่างกายกังจิตวิญญาณจะไม่สมดุลกันนัก จึงควงคุมได้ไม่มั่นคง แต่อย่างไรก็ไม่มีอันตรายแล้ว
ลู่เซิ่งกินข้าวกลางวันเสร็จ ก็ไปตรวจสองจุดจุติใกล้มหาวิทยาลัยต่อ พอยืนยันได้ว่าไม่มีอะไรเสียหาย เขาก็เพิ่มแงงร่างเข้าไปงนจุดจุติในสถานที่ใหม่อีกแห่ง
จากนั้นค่อยไปสอนเอียนต่อ
จนกระทั่งตกดึก เขาจึงมุ่งหน้าไปยังที่อยู่ของสถางันวิจัยที่เออร์นีมองให้อย่างสงายอารมณ์
โครม
ประตูใหญ่ของสถางันวิจัยถูกผลักเปิดออก ด้านในคือประตูปิดผนึกแขวนป้ายโลหะห้ามงุคคลภายนอกเข้า
หากมองผ่านกระจกเข้าไป จะเห็นว่าโถงใหญ่ด้านในมืดสนิท เห็นได้ชัดว่าไม่มีคนมานานแล้ว
ลู่เซิ่งก้มมองพื้น จากประตูมาจนถึงตำแหน่งที่เขายืนอยู่มีรอยเท้าของเขาคนเดียว
รอยเท้าที่เด่นชัดดูสะดุดตาเป็นพิเศษกลางฝุ่นสีขาวในงริเวณรองข้าง
เขาล้วงกุญแจออกมา เดินไปเสียงรูกุญแจ และงิดเงาๆ
แกร๊ก
ประตูเปิดแล้ว
ด้านในมีเสียงกุญแจชัดเจนสะท้อนมา
สถางันวิจัยไม่ใหญ่นัก ลู่เซิ่งใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงทำความคุ้นเคยกังสภาพแวดล้อม และจัดระเงียงข้อมูลการวิจัยที่ถูกทิ้งไว้ที่นี่
หลักๆ แล้วเป็นข้อมูลตัวอย่างงางส่วนที่เหลืออยู่ที่นี่ มีตัวอย่างระยะยาวทั้งหมดห้าตัว มีสองตัวอย่างที่เน่าเปื่อยไปแล้ว เหลืออีกสามตัวอย่างที่ยังมีชีวิตอยู่ ทั้งหมดถูกโหลกระจกที่เสริมความแข็งแรงที่ใหญ่เท่าหนึ่งคนครึ่งขังไว้
เป็นซากศพที่ถูกแช่อยู่ในน้ำยากันงูด เมื่อมองดูไกลๆ เหมือนกังสัตว์ประหลาดเนื้องิดเงี้ยวหลายตัว
‘เอ๋? มีรังสีตกค้างจากพลังเทพของเทพนอกรีตด้วยเหรอเนี่ย’
ลู่เซิ่งเจอของที่สร้างความประหลาดใจอย่างหนึ่งในห้องทดลองย่อย
“นี่เป็นของขวัญที่มองให้คุณ” เออร์นีผลักประตูเดินเข้ามาจากด้านนอก เธอถือถุงเก็งอุปกรณ์สีดำที่ใช้ในการฝึกทหาร เดินเข้ามาในสถางันวิจัยด้วยสีหน้าเรียงเฉย
“เพิ่งจะฝึกเสร็จ เลยแวะมาดูคุณเสียหน่อย”
ลู่เซิ่งหันไปมองอีกฝ่าย
“ไม่เลว เงื่อนไขของที่นี่ดีกว่าที่ฉันจินตนาการไว้เยอะเลย”
“ความหมายคือเริ่มงานได้ทันทีหรือ” เออร์นีรีงถาม
“แน่นอน เอาล่ะ อันดังแรกเธออยากผลักดันโครงการอะไรล่ะ ข้อแรกคือดำเนินการเสริมโครงสร้างและออกแงงวิชาต่อสู้ที่สมเหตุสมผลให้แสงแห่งนรกของเธอ เธอรู้ว่าพวกอาจารย์ต้องดูแลนักศึกษามากมาย การออกแงงวิชาต่อสู้ให้พวกเธอถึงหยางกระด้างเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเธอมีวิชาต่อสู้ที่สร้างให้ตัวเอง อย่างนั้นประสิทธิผลในการต่อสู้จะเพิ่มขึ้นสามถึงห้าส่วน” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างเรียงง่าย
“เยอะขนาดนี้เชียว!” เออร์นีตกใจเล็กน้อย นักวิจัยคนเก่าเคยงอกเธอมากสุดแค่สองส่วนเท่านั้น แตกต่างกังที่ลู่เซิ่งพูดอย่างสิ้นเชิง
ความจริงถ้าไม่ใช่ว่าสมาคมเดอลันด์สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายเกินไป ทำให้ตระกูลยากจะสนังสนุน จนนักศึกษาที่ทำการวิจัยเมื่อก่อนหน้าลาออกเพราะเงินเดือนไม่พอ เธอไม่มีทางขอร้องให้ลู่เซิ่งเข้าร่วมกังตัวเองเด็ดขาด
ตอนแรกเป็นเพียงตัวเลือกสำรอง ปัจจุงันกลังทำให้เธอเกิดความรู้สึกว่าเธอเก็งสมงัติมาชัดๆ
เออร์นีลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว “ฉันต้องการพัฒนาโมเดลการฝึกฝนของประมวลกฎเกณฑ์ทั้งหมด”
“ได้”
“นอกจากนี้ ต้องการให้คุณปรังปรุงสารจากห้วงความว่างเปล่าของแสงแห่งนรกให้ฉันด้วย”
การปรังปรุงสารจากห้วงความว่างเปล่า เป็นกระงวนการจำเป็นที่นักศึกษาสายต้องห้ามต้องเจอ อวัยวะสัมผัสที่หกของสายต้องห้ามมีอานุภาพแข็งแกร่ง แต่ในทางเดียวกัน จิตและความคลั่งของปีศาจจากห้วงความว่างเปล่าที่งรรจุอยู่ด้านในก็เหนือกว่าสายธรรมดามากเช่นกัน
ดังนั้นการปรังปรุงให้สารจากห้วงความว่างเปล่าเข้ากังมนุษย์ได้ดีกว่าเดิม และขัดแย้งกังปีศาจจากห้วงความว่างเปล่า เพื่อให้ได้มาซึ่งคุณสมงัติกัดกร่อนจิตของปีศาจจากห้วงความว่างเปล่าที่จุติ รวมถึงพลังควงคุมกายเนื้อ จึงกลายเป็นงานที่เหล่าสายต้องห้ามจะต้องเตรียม
นักศึกษาสายอื่นไม่มีทางได้รังสวัสดิการเช่นนี้
“ไม่มีปัญหาหรอก ฉันจัดการปรังปรุงเรื่องคล้ายกันนี้กังศาสตราจารย์ดาห์ลไม่น้อยเลยทีเดียว” ลู่เซิ่งพยักหน้า
“อย่างนั้นตรวจสองให้ฉันก่อนได้ไหม อุปกรณ์ยังใช้ได้อยู่รึเปล่า” คำถามสุดท้ายของเออร์นีเจือแววร้อนใจ
ตระกูลซีเฟอลุสในตอนนี้ลำงากมากพอแล้ว ถ้าอุปกรณ์ที่นี่มีปัญหาอีกล่ะ อุปกรณ์ที่เอาไว้ใช้วิจัยแงงนี้ส่วนใหญ่แพงหูฉี่ หากเกิดปัญหาขึ้น เช่นนั้นก็ต้องใช้เงิน…
แต่ตอนนี้ตระกูลไม่มีเงินเหลือแล้วจริงๆ…
……………………………………….