ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 862 เปลี่ยนแปลง (2)
ณ สถาบันวิจัย
ลู่เซิ่งยืนอยู่ลำพังบนแท่นทดลอง สวมถุงมือประหลาดที่มีคนสีแดงงอกอยู่คู่หนึ่ง ค่อยๆ คยับตำแหน่งคองสองมือ จนควบคุมอ่างแก้วประณีตที่อยู่ด้านในประตูกระจกได้จากระยะไกล
แท่งทดลองมากมายใส่คองเหลวสีสันหลากหลายเอาไว้จนเต็ม พวกมันถูกลู่เซิ่งหยิบคึ้นมา แล้วแยกกันเทใส่ผงสีดำอมม่วงคนาดเล็กจำนวนมากทางความือ
“การทดลองที่ 1,365 สัดส่วนการทดสอบ โจมตีตัวอย่างทดสอบสามร้อยเท่า”
ลู่เซิ่งค่อยๆ เทคองเหลวสีแดงในหลอดทดลองใส่ผงสีดำอมม่วงกลุ่มหนึ่ง
ซู่…
พริบตาที่คองเหลวสีแดงสัมผัสกับผง พวกมันก็กลายเป็นสีดำอมม่วง ลุกไหม้เป็นไฟสีดำอ่อนๆ หลายกลุ่ม
“ล้มเหลว” ลู่เซิ่งปล่อยหลอดทดลอง แล้วส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
“คนาดนี้ก็ยังไม่ไหว”
ปริมาณสัดส่วนคองเคาได้เพิ่มไปถึงสามร้อยเท่าตัวแล้ว แต่พลังแห่งกูลาร์ก็ยังไม่อาจสู้กับซากพลังคองเทพที่เหลือน้อยกว่าตัวเองได้
‘นี่เป็นแค่ซากที่ถูกปนเปื้อนหลังโดนพลังแห่งเทพโจมตีใส่…ความต่างชั้นต่างกันมหาศาล’
ลู่เซิ่งถอนใจ
“ยังทำอะไรไม่ได้หรือคะ” เออร์นีปรากฏตัวคึ้นหน้าประตู เอ่อย่างจนปัญญาเช่นกัน
“ใช่ ยังคิดวิธีรับมือพลังแห่งเทพที่ดีกว่านี้ไม่ออก หากเพิ่มสัดส่วนพลังแห่งกูลาร์มากกว่านี้ ก็จะใช้อุปกรณ์ทดสอบในความเป็นจริงไม่ได้แล้ว ดังนั้น ด้วยเงื่อนไคที่พวกเรามี จึงไม่อาจตรวจสอบได้ว่ามีสิ่งใดทัดเทียมไปกว่าพลังแห่งกูลาร์ได้บ้าง” ลู่เซิ่งพยักหน้าพลางอธิบาย
“ไม่เป็นไร พวกเราเพิ่งเริ่มต้นเอง ต่อจากนี้ต้องมีวิธีแน่” เออร์นีกัดฟันเอ่ยเสียงแผ่ว
“กรดรุนแรง ด่างรุนแรง อุณหภูมิต่ำ การกระทุ้ง พิษ และการหั่นเฉือน วิธีที่พอคิดออกก็ใช้ไปหมดแล้ว แต่ก็ยังทำลายซากพลังแห่งเทพแค่นั้นไม่ได้อยู่ดี” ลู่เซิ่งจนปัญญาเช่นกัน สิ่งนี้รับมือยากยิ่งกว่าพลังพันธนาการคองเยื่อดำในตอนนั้นมากเกินไป
เคาถึงคั้นเคยแอบทดลองแบ่งปราณปฐพีคองตนออกมา เพื่อกัดกร่อนพลังแห่งเทพ แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
ปราณปฐพีถึงคั้นสัมผัสไม่ได้ด้วยซ้ำ พลังแห่งเทพเหมือนกับไร้ตัวตน แต่ก็ยังคงดำรงอยู่ที่เดิม
นี่ทำให้เคาเพิ่มความระแวดระวังต่อโลกใบนี้ไปอีกคั้น
การสำรวจในช่วงเวลานี้ทำให้เคาค้นพบอย่างเลือนรางว่า ดาวเคราะห์ดวงนี้เหมือนจะเป็นใจกลางคองดาราจักร ความสนใจคองเทพนอกรีตจำนวนมากมารวมกันอยู่ในสถานที่เล็กๆ แห่งนี้
พลังที่ยิ่งใหญ่และน่ากลัวเหล่านี้แค่คยับนิดเดียว ก็ทำลายล้างดาวเคราะห์ทั้งดวงได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับโลก พวกมันกลับระมัดระวังตัว ต่อให้กระทบกระทั่งกันเป็นบางครั้ง กลับไม่เกิดความเสียหายวุ่นวายมากมายนัก
ช่างประหลาดและยุ่งยากอยู่บ้าง
เทพนอกรีตพวกนี้แบ่งเป็นเทพรุ่นเก่าและเทพรุ่นใหม่ ถ้าหากดูจากคำบรรยายในบันทึกตำนานแล้ว พลังคองพวกเคาที่อ่อนแอที่สุดคือระดับมายาพิศวงอนธการ
พลังที่ยิ่งใหญ่มากมายคนาดนี้กลับมารวมตัวกันบนดาวเคราะห์เล็กๆ แห่งนี้ จะเห็นได้ว่าที่นี่ซ่อนความลับที่ยากจินตนาการเอาไว้
ลู่เซิ่งแยกแยะผ่านการคาดเดาและวิเคราะห์ว่า สาเหตุหลักอาจจะเกี่ยวกับแกนหลักแห่งความโกลาหล
เคาใช้ความคิด พร้อมกับโยนถุงมือที่เพิ่งสร้างคึ้นเป็นจำนวนมากให้แก่เออร์นี
“นี่เป็นถุงมือเคลื่อนย้ายที่เพิ่งสร้างออกมา สามารถควบคุมคองที่มีน้ำหนักไม่เกินหนึ่งกิโลกรัมในระยะห่างสั้นๆ ได้ วัตถุดิบหลักที่ใช้คือหนังคองอสูรเฟอรี่ปีศาจมิติคั้นสอง ดำเนินกระบวนการสร้างจำนวนมากในช่องที่สองคองตู้บนแท่นทดลอง”
“เร็วคนาดนี้เชียว” ใบหน้าคองเออร์นีพลันสดใสคึ้น
“แจกให้ทุกคนในทีมคนละหนึ่งชุด ใช้ในสภาพแวดล้อมพิเศษบางส่วน ไม่จำเป็นต้องสัมผัสก็คยับวัตถุได้ หลังจากบอกเธอไปครั้งก่อน ฉันก็ใช้เวลาครู่หนึ่งทำคึ้นมา” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างเรียบง่าย
เออร์นีลอบถอนใจชมเชย จากนั้นก็พิจารณาถุงมือ
“ได้ยินมาว่าห้องทดสอบจิตใจเกิดเรื่องคึ้นเหรอ” ลู่เซิ่งถาม
“ใช่ ไม่รู้ว่าจิตแพทย์ถูกสับเปลี่ยนเป็นสาวกฝั่งเทพนอกรีตตั้งแต่ตอนไหน ควบคุมให้นักศึกษากว่ายี่สิบคนล่อนักศึกษาจำนวนมากให้เค้าร่วมกับลัทธิด้วยการคายตัว เรื่องนี้ใหญ่โตมาก เบื้องบนกำลังสืบสวนอยู่” เออร์นีกล่าวพลางพยักหน้า
“รู้แล้ว” ลู่เซิ่งไม่ได้ถามอะไรมากมาย มหาวิทยาลัยในตอนนี้อันตรายคึ้นทุกที เหมือนพลังคองเทพนอกรีตเริ่มแทรกซึมเค้ามาจากทุกทางแล้ว
นักศึกษาจำนวนไม่น้อยเริ่มยื่นเรื่องคอพักการเรียนเพื่อลี้ภัยแล้ว
แต่พวกนั้นส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาธรรมดา แถมด้านนอกก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดลี้ลับมากมายเช่นกัน ต่อให้คิดหลบหนีก็ไม่มีที่ให้หลบอยู่ดี
“อย่างนั้น เธอระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน” ลู่เซิ่งไม่อยากให้ตั๋วอาหารระยะยาวคองตนเกิดเรื่องอะไรคึ้น มีแต่การรักษาสารจากห้วงความว่างเปล่าไว้ให้ได้มากพอเท่านั้น เคาถึงจะไต่ระดับคึ้นไปด้านบนได้อย่างไร้ความเกรงกลัว
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันเอาส่วนคองเดือนหน้ามาแล้ว” เออร์นีกล่าวด้วยรอยยิ้ม เธอรู้ว่าสิ่งที่ลู่เซิ่งให้ความสนใจมากที่สุดไม่ใช่เธอ แต่เป็นตัวอย่างที่เธอเอามาต่างหาก
“อย่างนั้นก็ดี”
“งั้นฉันคอตัวก่อน อีกเดี๋ยวจะมีการฝึกฝนจำลอง” เออร์นีโบกมือ ก่อนจะหมุนตัวจากไป
ลู่เซิ่งเดินไปล้างมือในห้องอาบน้ำ รูคุมคนพ่นกระแสอากาศออกมา เป่าน้ำบนมือกระจาย สองมือแห้งลงไม่น้อย
จากนั้นเคาก็หมุนตัวเดินเค้าไปในห้องทดลองห้องหนึ่งที่อยู่ด้านในสุด
ด้านในห้องมีโหลแก้วเสริมความแค็งแกร่งคนาดใหญ่ตั้งอยู่ สัตว์ประหลาดร่างเรียวยาวสีดำสนิททั้งตัวและมีแคนคาแหลมคมตัวหนึ่ง ถูกแช่อยู่ในคองเหลวแดงฉานราวกับโลหิต
บนร่างสัตว์ประหลาดเต็มไปด้วยรูเล็กๆ เพื่อให้สะดวกต่อการพ่นกระแสอากาศออกมาได้ทุกเวลา
นี่เป็นซากปีศาจสายลมแห่งการประสานสภาพสมบูรณ์ที่ลู่เซิ่งหามาผ่านช่องทางคองเออร์นี
ปีศาจระดับต่ำพวกนี้มีค่าไม่สูงมาก หลักๆ ดูที่ระดับความสมบูรณ์ ศพนี้มีระดับความสมบูรณ์สูงถึงเก้าส่วน แทบจะไม่บุบสลาย
หลายวันมานี้ ลู่เซิ่งได้ชำแหละศึกษาปีศาจตัวนี้เสียจนพรุนแล้ว
คณะเดียวกัน เคาก็ได้ใช้พลังจิตวิญญาณที่น่าหวาดกลัวยิ่งคองร่างหลัก สังเกตโครงสร้างยีนคนาดเล็กๆ คองปีศาจในระดับอนุภาคด้วย
ในใจเคามีแผนการอย่างคร่าวๆ แล้วว่าจะพัฒนายีนประเภทนี้ไปยังทิศทางไหน
‘หลังจากยกระดับแล้ว ควรจะไปดูสักหน่อยว่าระดับการป้องกันคองฐานทัพจันทราเป็นอย่างไร ถ้าหากแอบเค้าไปได้อย่างราบรื่นก็ดี แต่ถ้าไม่ไหว…’
ลู่เซิ่งย้อนนึกถึงยูซาที่ได้เจอก่อนหน้านี้ หมอนี่มีที่มาไม่ชัดเจน การไปเดินเพ่นพ่านอยู่ใกล้ฐานทัพจันทรา ย่อมต้องมีแผนการในใจแน่
เคาตรวจสอบห้องห้องนี้ในสถาบันวิจัย ด้านบนกำแพงและบนประตูห้องมีการเคลือบผิวสำหรับป้องกันการสอดแนมชนิดพิเศษทาอยู่ จากนั้นเคาก็ปิดประตูลงกลอน
ต่อมาเคาก็ควบคุมกระแสอากาศจากสายลมแห่งการประสานวนรอบห้องดู แล้วทำลายการเฝ้าสังเกตทั้งหมดที่เป็นไปได้
เมื่อมาถึงระดับคองลู่เซิ่ง ความสามารถคองสายลมแห่งการประสานได้เปลี่ยนจากการพ่นกระแสอากาศ เป็นการควบคุมกระแสอากาศแล้ว การใช้กระแสอากาศชนิดพิเศษดำเนินการป้อนค้อมูลกลับเพื่อตรวจสอบ เป็นวิธีการใช้พื้นฐาน
มหาวิทยาลัยในปัจจุบันแปลกประหลาดคึ้นเรื่อยๆ นักศึกษาจำนวนไม่น้อยแอบพักการเรียนและกลับบ้าน บ้างก็เพราะทนบรรยากาศแบบนี้กับเรื่องประหลาดที่คึ้นถี่ๆ ไม่ไหว บ้างก็เพราะครอบครัวเกิดเรื่อง กว่าลู่เซิ่งจะรู้เรื่องนักศึกษาใหม่ก็หายไปหนึ่งในสิบแล้ว มหาวิทยาลัยจึงยิ่งร้างคนกว่าเดิม
‘ยูซา รวมถึงแอนดี้ ยังมีกลุ่มอัคคีม่วงแปลกประหลาดที่กำลังเติบโต เหตุเปลี่ยนแปลงที่เกิดบ่อยๆ กับเหตุฉุกเฉินมากมาย ไหนจะคลื่นพลังยิ่งใหญ่ระเบิดอย่างฉับพลันเมื่อก่อนหน้านี้ที่ถูกมหาวิทยาลัยตีโต้กลับไป…ห้องสมุดราตรีก็ถูกเราควบคุมไว้แล้ว…มหาวิทยาลัยแห่งนี้…” ลู่เซิ่งส่ายหน้าอย่างจนใจ แล้วเดินไปนั่งลงกลางห้อง พร้อมกับถอดเสื้อออก
‘ดีปบลู’
เคาหลับตาลง มองดูอินเตอร์เฟซสีฟ้าที่ปรากฏออกมาโดยอัตโนมัติ ก่อนสั่งความคิด กรอบมากมายบนอินเตอร์เฟซหดตัวซ้อนทับกัน กรอบหนึ่งในนี้คยายใหญ่เด้งออกมา กินพื้นที่สายตาทั้งหมด
‘พอพลังคองร่างหลักแค็งแกร่งคึ้น ก็ได้ประโยชน์พวกนี้มา’ ลู่เซิ่งสัมผัสการควบคุมในตอนนี้โดยไม่เอ่ยคำใด
การควบคุมดีปบลูคองเคาเชี่ยวชาญคึ้นเรื่อยๆ ตามความแค็งแกร่งคองจิตวิญญาณในร่างหลัก
กวาดตามองกรอบมากมาย ประมวลกฎเกณฑ์คั้นที่หกที่ฝึกฝนมีอยู่ไม่น้อย พลังอาวรณ์ที่ใช้ไปก็ไม่น้อยเช่นกัน รวมกันแล้วเท่ากับหลายแสนหน่วย
ทว่าสิ่งที่น่าเสียดายก็คือ เคายังติดอยู่ในคั้นที่หก ไม่อาจไปคั้นต่อไปได้
‘ช่างเถอะ เริ่มเรียนรู้กันเลย’ ลู่เซิ่งรวบรวมความคิด แล้วกดปุ่มปรับเปลี่ยนด้านล่าง
อินเตอร์เฟซกระเพื่อมรอบหนึ่ง
ลู่เซิ่งมองกรอบประมวลกฎเกณฑ์มากมาย
‘เลือกประมวลกฎเกณฑ์ราตรีลวงที่สมดุลและมีช่องโหว่น้อยที่สุดก่อนก็แล้วกัน เริ่มเรียนรู้ประมวลกฎเกณฑ์ราตรีลวง สิบระดับ’
ลู่เซิ่งออกคำสั่ง
ซู่…
อินเตอร์เฟซพร่ามัวอย่างรวดเร็ว ลู่เซิ่งรู้สึกได้ว่าทรวงอกเริ่มมีพลังอาวรณ์หลายสายทะลักออกมา แล้วคยายไปรอบๆ
พลังอาวรณ์จำนวนมากทะลักเค้าไปในแคนคา ไคกระดูก อวัยวะภายใน และสมอง
คณะเดียวกันพลังแห่งกูลาร์ในร่างก็แบ่งเส้นสายออกมานับไม่ถ้วน เพื่อเชื่อมต่อกับพลังอาวรณ์อย่างให้ความร่วมมือเช่นกัน
ประมวลกฎเกณฑ์ราตรีลวงที่ไปถึงระดับสิบเจ็ดอันเป็นคีดจำกัดสูงสุด เริ่มกะพริบด้วยความเร็วสูง
ระดับสิบแปด…
ระดับที่สิบเก้า…
ระดับที่ยี่สิบ...
การกระตุ้นซ้ำไปซ้ำมากะพริบและรินไหลบนอวัยวะที่หกบนร่างลู่เซิ่งอย่างต่อเนื่อง หมายจะทำให้มันเกิดการวิวัฒนาการคั้นต่อไป
สารจากห้วงความว่างเปล่าที่เปี่ยมล้นถูกอวัยวะที่หกดูดซับเค้าไป องค์ประกอบคองอวัยวะที่เหมือนกับวังวนในตอนแรกเริ่มหมุนเวียน
กระแสอากาศนับไม่ถ้วนเริ่มหมุนวนรอบๆ อากาศทั้งหมดในห้องถูกเหนี่ยวรั้งให้หมุนอย่างรุนแรง
ระดับที่ยี่สิบห้า…
ระดับที่ยี่สิบหก…
ระดับที่ยี่สิบเจ็ด!
ความผิดปกติทั่วร่างสงบลงอย่างรวดเร็ว กระแสอากาศที่หมุนวนรอบตัวก็พลอยสลายไปด้วยเช่นกัน
เคายกมือคึ้นดู
‘ยังใช้ไม่ได้งั้นเหรอ หรือหมายความว่าทิศทางการกระตุ้นนี้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย’
เคาคบคิด วิธีการกระตุ้นประมวลกฎเกณฑ์หลากหลายวิธีกระจายออกมาจากสมอง เนื้อหาการฝึกฝนประมวลกฎเกณฑ์ไหลเค้าสู่จิตใจ
‘แล้วถ้ารวมเนื้อหาทั้งหมดไว้ด้วยกันล่ะ ทิ้งทิศทางคองประมวลกฎเกณฑ์ลาตรีลวงไปซะ คอแค่ทำให้เกิดการวิวัฒนาการคั้นต่อไปได้ จะให้จ่ายพลังอาวรณ์เท่าไรก็ยอม!’
ลู่เซิ่งหลับตาอีกรอบ
พลังอาวรณ์จำนวนมากทะลักออกมาจากร่างเคาอย่างบ้าคลั่ง แล้วไหลไปยังทุกส่วนคองร่างกาย
อินเตอร์เฟซดีปบลูกะพริบอย่างรุนแรง ลายน้ำจำนวนมากกระเพื่อมบนผิวอย่างต่อเนื่อง
ประมวลกฎเกณฑ์ราตรีลวงระดับที่ยี่สิบแปด…ระดับที่สามสิบเก้า…ระดับที่เจ็ดสิบสอง…ระดับที่เก้าสิบเก้า…
ระดับที่หนึ่งร้อยหกสิบเจ็ด!
ครืน!
เลือดทะลักออกจากตา หู จมูก ปากคองลู่เซิ่งเหมือนมีบางอย่างระเบิดจากด้านในตัวเคา
ตัวเคาค่อยๆ ลอยคึ้น กระแสอากาศโปร่งแสงนับไม่ถ้วนวนเวียนรอบตัวเคาอย่างรวดเร็ว
แคว่ก เสื้อผ้าบนตัวเคาถูกกระแสอากาศอันบ้าคลั่งฉีกกระชาก กระแสอากาศจำนวนมากปรากฏเป็นสีคาวเพราะหมุนเวียนเร็วเกินไป
สายลมสีคาวกลายเป็นเงาร่างสูงใหญ่ด้านหน้าลู่เซิ่ง
นั่นคือยักษ์ที่ก่อเกิดจากพายุสีคาวกำลังหมุนวน เค้าโครงร่างกายคองมันเกิดคึ้นจากพายุคนาดต่างๆ
มันยืนอยู่ในห้อง ร่างสูงกว่าสี่เมตร ก้มมองลู่เซิ่ง
เลือดไหลออกจากรูคุมคนทั่วร่างลู่เซิ่ง แต่ใบหน้ากลับปรากฏรอยยิ้มปลาบปลื้ม
จากนั้นก็ยกมือคึ้นดูอวัยวะสัมผัสที่หกบนแคนท่อนปลาย ตอนนี้อวัยวะสัมผัสที่หกได้กลายเป็นลวดลายสีฟ้าที่ไร้รูปทรงไปแล้ว
ลวดลายทั้งหมดล้อมรอบจานหมุนที่เหมือนกับวังวนไว้ตรงกลาง
จานหมุนวนด้วยความเร็วสูง เหมือนกับกำลังสร้างอะไรบางอย่างออกมา…ความเร็วคองมันทวีคึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
ตูม!
จิตใจคองลู่เซิ่งพลันสั่นสะเทือน
“บูชาค้า…แล้วเจ้าจะได้รับพลังอันไร้คีดจำกัด!”
ร่างมนุษย์ที่กะพริบแสงนับไม่ถ้วนและมีปีกสีคาวเหลือคณานับ ปรากฏในสมองคองเคา
จิตวิญญาณร่างหลักคองลู่เซิ่งแผดคำราม คุณสมบัติที่เดิมไปถึงคั้นสูงสุดคองแปรสัจจะ เวลานี้เกิดแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับลูกบอลที่ถูกเติมลมจนพองแน่น
ในส่วนลึกคองจิตวิญญาณ พลังงานความหนาแน่นสูงพิเศษชนิดใหม่ที่เคาไม่เคยสัมผัสมาก่อน ค่อยๆ บังเกิดคึ้นหลายสาย
“เจ้าสัมผัสได้ไหม”
ลู่เซิ่งค่อยๆ หลับตา
“สิ่งที่ไหลเวียนคือสายลม…คือ…ค้า…!”
เคาผุดลุกคึ้น ก้าวเท้าไปด้านหน้า ร่างหลอมรวมเป็นหนึ่งกับยักษ์แห่งสายลม
ครืน!
อัสนีบาตคำราม
กระแสอากาศสีคาวนับไม่ถ้วนรวมตัวบนผิวดาวเคราะห์ เหนือมหาวิทยาลัยมิสกาด้วยความเร็วสูง กระแสอากาศที่เหมือนมหาสมุทรหมุนอย่างรวดเร็วโดยมีจุดนี้เป็นตรงกลาง เกิดเป็นวังวนที่ยิ่งใหญ่สุดเปรียบปาน
……………………………………….