ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 872 ศึกใหญ่ (2)
“ไม่ใช่สิ…แล้วทำไมสัตว์ประหลาดตัวอื่นถึงขยับไม่ได้ แต่มีแค่พวกเราที่ขยับได้ล่ะ” เออร์นีเลียริมฝีปากพลางเอ่ยถาม
ทุกคนถึงค่อยค้นพบความผิดปกติ พลังของพวกเขาสู้มหาปุโรหิตอย่างมนุษย์หัวเหยี่ยวไม่ได้ แต่ตอนนี้มหาปุโรหิตกลับถูกพันธนาการ ส่วนพวกที่อ่อนแอกว่าอย่างพวกเขากลับเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
“หรือว่าจะเป็นญาติของพวกเราจริงๆ…” แอนดี้ว่าพลางฝืนยิ้ม
“…” แฮปปี้ไม่ได้ยิ้มด้วย หากมองไปด้านหลังเขาอย่างงุนงง “ครั้งนี้…เกรงว่าเจ้าจะพูดถูกแล้ว”
“เอ่อ…” พวกแอนดี้รีบหันไปมองทางสถาบันวิจัย
ฟ้าว!
ด้านในสถาบันวิจัยที่เมื่อครู่ไร้การบุบสลาย ตอนนี้ปลดปล่อยแสงสีแดงเจิดจ้าออกมาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ
เหมือนกับด้านในมีอักขระวงแหวนอะไรสักอย่างกำลังเกิดปฏิกิริยาอย่างรุนแรง คลื่นพลังงานเบาบางสายหนึ่งแผ่กระจายออกมาจากสถาบันวิจัย
เพล้ง!
ทันใดนั้นกระจกทั้งหมดในสถาบันวิจัยก็แตกกระจายออกอย่างฉับพลัน
ตูม!
วัตถุขนาดยักษ์สูงกว่าสามเมตรพุ่งทะลุรั้วออกมา
มันคือยักษ์ร่างสูงใหญ่สีดำสนิท ที่หว่างคิ้วมีลวดลายงูมีปีกกำลังลุกไหม้ติดอยู่
หัวล้านโล้น กล้ามเนื้อล่ำสันกำยำถึงขีดสุด ถือขวานศึกขนาดยักษ์สองเล่ม รูปทรงของขวานยักษ์แปลกประหลาด หัวขวานมีขนาดเท่าครึ่งคน
“พละกำลังจงเจริญ! ในที่สุด…ในที่สุดก็ได้รับการตอบรับแล้ว…นายแห่งข้าเอ๋ย…พวกเราจะเผยแพร่เกียรติของท่านไปทั่วแผ่นดิน!”
ยักษ์ไม่มองพวกแอนดี้ หากแต่เงยหน้ามองท้องฟ้าไกลออกไป
ตรงนั้นปรากฏวังวนมิติสีม่วงมากมาย ปีศาจจากห้วงความว่างเปล่าจำนวนเหลือคณานับทะลักออกมาจากในวังวนอย่างบ้าคลั่ง
“โอ้โห! เนื้อเยอะขนาดนี้เชียว!” ยักษ์สีดำตกตะลึง ก่อนถูมือสองข้างเข้ากับหัวขวาน แล้วส่งเสียงร้องเสียดหู
“พี่น้องเอ๋ย! เอามันเลย! ครั้งนี้ได้อิ่มหนำแน่!” วินาทีถัดมามันก็โบกขวานยักษ์พลางคำราม จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่ปีศาจจากห้วงความว่างเปล่าที่แทบไร้สิ้นสุด
“มัน…บ้าไปแล้วเหรอ” พวกแฮปปี้มองเจ้าตัวนี้อย่างตกตะลึง
แต่ไม่นานพวกเขาก็เข้าใจ
ฟ้าวๆๆๆ!
แสงสีแดงจากค่ายกลหลายสายสว่างขึ้นบนทุกสถานที่ในเขตมหาวิทยาลัย
เสาแสงสีแดงพุ่งขึ้นท้องฟ้า เหมือนกับเสาหินแน่นขนัด
แทบจะเป็นในเวลาเดียวกัน ยักษ์ร่างสูงใหญ่ที่เหมือนกับยักษ์สีดำก็พรั่งพรูออกมาจากในค่ายกล เสื้อผ้าของพวกมันขาดวิ่น บ้างก็ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง บ้างก็ใส่รองเท้าข้างเดียว ยังมีพวกที่น้ำลายสอ และยิ้มอย่างโง่งมอยู่ด้วย
แต่ส่วนใหญ่สายตาสาดประกายสีเขียว เหมือนกับไม่ได้กินอะไรมาหลายร้อยปีอย่างไรอย่างนั้น
ปีศาจจากห้วงความว่างเปล่าหลายสิบตัวที่อยู่ด้านหน้าสุดไม่ทันตั้งตัวและยังไม่ทันได้ใช้อาวุธ ก็ถูกยักษ์หลายตัวพุ่งเข้าใส่อ้าปากขย้ำก่อน
อ๊าก!
ปีศาจสิงโตสองหัวตัวหนึ่งกระพือปีกคิดเผ่นหนี ร่างด้านหลังของมันถูกยักษ์สีดำฝูงหนึ่งจับไว้ และกัดขย้ำอย่างบ้าคลั่ง
มันที่สิ้นหวังได้แต่เงยหน้าขอความช่วยเหลือจากกรวยสามเหลี่ยมที่มีแขนงอกเต็มไปหมด ซึ่งเป็นเทพองค์หลักเหนือฟากฟ้า
แต่มันไม่โชคดี วินาทีถัดมา มันก็ถูกลากเข้าไปในกระแสของยักษ์สีดำ ไม่นานแม้แต่กระดูกก็ถูกเคี้ยวจนหมด เหลือเพียงขนเต็มพื้น…
ปีศาจช้างสีม่วงที่ทั่วตัวเต็มไปด้วยหนามแหลมทั้งสิบกว่าตัวแผดเสียงคำราม พลางพุ่งเข้าหายักษ์สีดำที่โถมตัวมา
จากนั้นพวกมันก็แทงหนามกระดูกแหลมใส่ร่างของพวกยักษ์สีดำด้วยพละกำลังมหาศาล
แต่ว่าพลังของยักษ์สีดำแข็งแกร่งเกินไป ช้างยักษ์กำจัดพวกมันได้ไม่กี่ตัว ก็ถูกกองทัพที่เหมือนกับมหาสมุทรต่อจากนั้นกลบฝัง
แปร๋น...
สิ่งที่เห็นเป็นครั้งสุดท้าย เหลือเพียงงวงช้างหลายงวงที่ชูขึ้นฟ้าเท่านั้น
“โอ้โห…” แอนดี้มองฝูงยักษ์สีดำที่พุ่งเข้าไปอย่างดุร้าย รู้สึกว่าสมองทำงานไม่ทันบ้างแล้ว
อันดับแรก ยักษ์พวกนี้ไม่กินพวกเขา อันดับรองลงมา พลังของพวกมันแข็งแกร่งปานนี้เชียวหรือ!?
“นี่มันมนุษย์ต่างดาวจากดาวดวงไหนกันแน่…” เขามองยักษ์สีดำที่ท้องเพิ่งถูกแทงเป็นรูเลือดหลายรู ยัดลำไส้ที่ไหลออกมากลับไป ไม่นานบาดแผลก็สมานตัว
สมานตัวงั้นเหรอ
แอนดี้รู้สึกว่าตัวเองต้องเห็นภาพลวงตาอย่างแน่นอน
บนโลกนี้เอาเผ่าพันธุ์วิปริตแบบนี้มาจากไหน พละกำลังแข็งแกร่ง ความเร็วว่องไว การป้องกันทนทาน พลังฟื้นฟูแปลกประหลาด
“พวกเรากลับไปหาอธิการบดีก่อน!” เวลานี้แฮปปี้ได้สติกลับมา “ถ้าพวกเจ้าต้องการตามหาแจ๊ค ในสถาบันวิจัยไม่มีคน และไม่มีคลื่นพลังของสิ่งมีชีวิตใดๆ ไม่ต้องเข้าไปหรอก”
เออร์นีมองสถาบันวิจัยที่กลายเป็นซากปรักหักพังก็พยักหน้าเล็กน้อย เธอไม่เชื่อว่าแจ๊คตายแล้ว คนแบบนั้นไม่มีทางตายง่ายๆ แบบนี้แน่นอน
“พวกเราไปเถอะ! ฉันจะพาพวกเธอไปเอง!” แฮปปี้รีบกล่าว
“แต่ว่าไอ้มนุษย์หัวเหยี่ยวเมื่อกี้…” ไคโดยังคิดจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็เหลือบตาเห็นมนุษย์หัวเหยี่ยวที่เหลือแต่ขนบนพื้นด้านข้าง มันคงไม่รอดแล้ว
ใกล้ๆ มียักษ์สีดำตัวเมียนั่งอยู่หลายตัว เห็นดวงตาพวกมันเรืองแสงสีเขียวขณะมองมาทางนี้ น้ำลายไหลจากมุมปาก ดูก็รู้ว่าตอนนี้พวกมันหิวโหยขนาดไหน
ถึงจะไม่ทราบว่าทำไมพวกมันไม่โจมตีพวกเขา แต่ตอนนี้ควรจะฉวยโอกาสรีบผละไปหาทางอธิการบดีก่อนดีกว่า
เผื่อยักษ์พวกนี้คลั่งขึ้นมา ยังมีที่ให้หลบหนีได้
“แต่…ยังหาแจ๊คไม่เจอเลย…พวกคุณไปก่อนเถอะ! ฉันจะลองหาดู! ยังไงตอนนี้ก็ปลอดภัยแล้ว!” แอนดี้กลับหยุดคิด ก่อนกล่าวพลางส่ายหน้า
“นายบ้าไปแล้วเหรอไง” แฮปปี้มองการกระทำของแอนดี้อย่างไม่เข้าใจ
พวกเออร์นีก็มองเขาอย่างสับสนเช่นกัน ตอนนี้ในเมื่อไม่เจอแจ๊ค อยู่ต่อไปก็เสียเวลาเปล่าๆ ทำไมเขาถึงไม่ยอมกลับไปด้วยกันล่ะ
“กลับไปเถอะ พวกคุณ…” แอนดี้โบกมือ
ถึงแฮปปี้จะไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่ก็เคารพความตั้งใจของเขา
เธอลุกขึ้น โซ่อักขระสีแดงที่มีเยอะกว่าแอนดี้มาก กระจายออกมาจากตัวม้วนเอาคนที่เหลือเข้าไป
“ฉันไปกับนายด้วย!” ทันใดนั้นเออร์นีก็กระโดดออกมา
“เออร์นี!”
พวกไคโดไม่ทันตั้งตัว แม้แต่แฮปปี้ก็ตอบสนองไม่ทัน แสงสีแดงกะพริบแวบ ทุกคนลอยขึ้นไปทางตึกเรียนหนึ่งแล้ว
แฮปปี้ในตอนนี้บาดเจ็บสาหัส ต่อให้สัมผัสได้ ก็ไม่มีเรี่ยวแรงวกกลับมาแล้ว ทุกคนได้แต่มองแอนดี้กับเออร์นีที่ค่อยๆ หดเล็กลงและออกห่างไปอยู่เหนือท้องฟ้าเท่านั้น
…
ลู่เซิ่งยืนอยู่บนแท่นเลือดเนื้อ มือหนึ่งยกตัวยูซาลอยขึ้น ก้อนกลมสีเทาก้อนหนึ่งฝังบนไหล่ขวา กะพริบแสงสีเทา เป็นแกนหลักแห่งความโกลาหล
พลังอาวรณ์จำนวนมากกำลังทะลักเข้าไปในตัวเขาอย่างบ้าคลั่ง
แม้ความเร็วระดับนี้จะสู้ตอนเขาเข้าไปในแกนหลักเมื่อตอนนั้นไม่ได้ แต่เวลาเพียงน้อยนิดเท่านั้น ก็ดูดซับพลังอาวรณ์มาแล้วถึงแปดร้อยล้านเก้าร้อยล้านหน่วย หนำซ้ำการทะลักของพลังอาวรณ์ต่อจากนั้นยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุดลงแม้แต่น้อย
เห็นได้ชัดว่าในสมบัติชิ้นนี้บรรจุพลังอาวรณ์ไม่รู้ตั้งกี่ปี
ทว่าในเวลานี้เอง ทุกอย่างกลับเป็นใจให้
เมื่อครู่เขาใช้ค่ายกล กระตุ้นโลกรูปจิตของมายาพิศวงให้มีชีวิต ทำให้มันเชื่อมต่อกับเขตค่ายกลรอบมหาวิทยาลัยแห่งนี้
ภายหลังก็ปล่อยผู้อยู่อาศัยดั้งเดิมที่ถูกพันธนาการไว้ในโลกรูปจิตมานานออกมา
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เขาสงสัยเล็กน้อยก็คือ จำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เข้าไป คนด้านในไม่ได้ตัวดำขนาดนี้นี่นา
นอกจากนี้ แม้เขาจะเดาออกว่าคนพวกนี้หิวกระหายเป็นอย่างยิ่ง แต่นึกไม่ถึงว่าจะหิวโหยขนาดนี้…
เขาจำได้แท้ๆ ว่า ครั้งก่อนที่เข้าไป คนกลุ่มนี้ยังมีเปลือกไม้ให้กิน ไม่ถึงกับหิวขนาดนี้…เพื่อสนองความต้องการของพวกเขา เขายังได้ปลูกต้นไม้หลายแสนต้นเพิ่มไปด้วย
ด้วยความฉงน เขาจึงใช้พลังเทพเชื่อมต่อกับโลกรูปจิต หลับตามองเข้าไปด้านใน
พอเห็น เขาก็ละสายตากลับมา พร้อมกับหนังหน้ากระตุกสั่นริกๆ
ในโลกรูปจิตอย่าว่าแต่เปลือกไม้ ต่อให้เป็นเนินหญ้าก็ถูกเคี้ยวเป็นหลุมเป็นบ่อ ยักษ์สีดำนับไม่ถ้วนต่อสู้กันเพื่อให้ได้เข้าไปในค่ายกลข้ามมิติก่อน รอบๆ มีคนกลุ่มใหญ่หมอบเลียเลือดที่ไหลออกมาอยู่บนพื้น…
สภาพอเนจอนาถถึงขีดสุด
ลู่เซิ่งมองยักษ์สีดำที่อยู่บนถนนไกลออกไป ทุกๆ ระยะทางหนึ่ง พวกเขาจะนั่งลงอุจจาระ จากนั้นก็รีบกินเข้าไป
ผ่านไปอีกสักพักก็ถ่ายออกมาแล้วกินอีก ใช้วิธีการนี้ ดูดซับอินทรียวัตถุกับสารอาหารทั้งหมดในอุจจาระในระดับสูงสุด ไม่ปล่อยให้เสียของแม้แต่นิดเดียว
“นายท่าน! ได้ยินมาว่าก้อนหินที่วาดเป็นเนื้อสามารถกินได้ เหตุใดข้ากินไปตั้งเยอะก็ยังหิวอยู่ดี…”
“นายข้า ท่านได้โปรดมอบอาหารให้สักหน่อยเถอะ…ข้ากินเส้นผมมาสามปีแล้ว สามปีแล้วนะ…”
“นายข้า…ไหนว่ากินลมแล้วจะไม่มีวันแก่…เหตุใดข้าถึงใกล้จะตายแล้ว…” ยักษ์ตนหนึ่งที่หิวจนตาเหลือกล้มลงข้างทางอย่างไร้เรี่ยวแรง
“…”
ลู่เซิ่งไร้คำพูดโต้ตอบ
เวลาในโลกรูปจิตแตกต่างกับเวลาในโลกที่เขาจุติ โดยพื้นฐานแล้วจะแตกต่างกันมาก ดังนั้นพอไม่ได้ระวัง ด้านในจึงกลายเป็นสภาพอนาถแบบนี้ไป
สิ่งที่น่าเวทนาที่สุดก็คือ การแสวงหาพลังและการคืนชีพที่เกินขีดจำกัด ทำให้สิ่งมีชีวิตในโลกรูปจิตส่วนใหญ่รับคุณลักษณะเด่นของกายอมตะพันเทวะของเขาไปบางส่วน ต่อให้ไม่กินอะไรก็ไม่มีทางตาย จุดเด่นของโลกรูปจิตจะทำให้พวกเขาอยู่ในวัฏจักรชีวิตตลอดกาล
หลังหิวโหยจนตายจะกลับมาเกิดใหม่ หรือไม่ก็ฟื้นคืนชีพกลับมา
ตอนที่ก้าวสู่มายาพิศวง หลังจากลู่เซิ่งบรรลุวิญญาณแห่งวัฏจักร สิ่งมีชีวิตในโลกรูปจิตจะไม่มีทางตายเอง
หากแต่วัฏจักรจะคงอยู่ต่อไปชั่วนิรันดร์ อย่างมากก็อยู่ในสภาพหิวโซตลอดเวลาเท่านั้น
“วางใจเถอะ…ทุกอย่างเรียบร้อยดี…ข้าจะให้อาหารพวกเจ้า…อาหารที่ไร้สิ้นสุด…” ลู่เซิ่งข่มความรำคาญในใจ พร้อมกับกระจายเสียงทุ้มต่ำออกไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเขาก็ชักจิตออกมา แล้วเงยหน้ามองเทวรูปที่ค่อยๆ ลดต่ำลงมาจากฟ้า รวมถึงลาทาสซาน ราชันเทพโลหิต เทพนอกรีตร่างพีระมิดขนาดยักษ์ที่อยู่ใกล้กันด้วย
“สัญลักษณ์แห่งราชัน…แกนหลักแห่งความโกลาหล…จงมอบมา…” เสียงสั่นไหวมุดเข้าหูของเขา
“เจ้าหมายถึงไอ้นี่หรือ” ลู่เซิ่งลูบก้อนกลมสีเทาบนไหล่
“เป็นแค่ร่างแยก แต่กล้ามาวางท่าต่อหน้าข้าหรือ”
เขาบีบคอยกร่างยูซาอยู่
ยูซายังไม่ตาย เพียงแต่แสดงสีหน้าท้อแท้ สองแขนสองขาถูกขยี้เป็นผุยผง อวัยวะภายในทั้งหมดถูกหนวดที่เหมือนเถาวัลย์นับไม่ถ้วนพันไว้ ถึงขั้นแม้แต่ไขสมองก็มีหนวดเล็กๆ จำนวนมากเกาะอยู่เช่นกัน
“บนร่างข้ามีตราประทับพลังเทพทั้งหมดสิบสามชนิด เจ้าลองเดาดูว่ามีของเจ้าไหม” ลู่เซิ่งแสยะยิ้ม
“ถ้าตอบผิด ข้าจะฆ่าเจ้า ถ้าตอบถูก...ข้าจะพิจารณามอบของให้เจ้า”
……………………………………….