ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 874 ฝูงเทพ (2)
ใบหน้านี้ก็คือศาสตราจารย์วาเลียนที่เคยสอนลู่เซิ่งมาก่อน
“ศาสตราจารย์วาเลียน! ทำไมถึงเป็นคุณไปได้ล่ะ!?” แอนดี้กับเออร์นีที่ซ่อนอยู่ไม่ไกลออกไปอดร้องอุทานไม่ได้
“ทำไมถึงเป็นข้าไม่ได้ล่ะ” วาเลียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกแมลงตัวน้อยน่าสงสารที่แสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อ สิ่งที่ข้าชอบมองที่สุดก็คือสีหน้าแบบนี้ของพวกเจ้านี่แหละ” เขาหัวเราะดังขึ้น
“นี่ทำให้ข้าพอใจนัก ถึงจะอยู่ในห้วงความว่างเปล่ามาหลายปี แต่ก็ไม่เคยสนุกเท่าตอนนี้เลย”
“ก็เหมือนกับที่พวกเจ้าคาดคิดไม่ถึงว่า เพื่อนของเจ้า แจ๊คผู้เป็นสหายของตัวเอง จะเป็นสัตว์ประหลาดที่อยู่ด้านหน้า…” วาเลียนชี้ลู่เซิ่งที่อยู่ใกล้ๆ
เออร์นีกับแอนดี้ต่างก็งุนงง ก่อนหน้านี้พวกเขาเพียงแค่รู้สึกว่าลู่เซิ่งเหมือนแจ๊คมากก็เท่านั้น พอวาเลียนบอก แล้วเทียบคำพูดกับน้ำเสียงเมื่อก่อนหน้านี้อีกที ก็แน่ใจยิ่งกว่าเดิมว่าลู่เซิ่งคือแจ๊ค
ลู่เซิ่งหันไปมองทั้งสอง
“พวกเจ้ามาได้อย่างไร”
“มาช่วยคุณไง!” แอนดี้ว่าพลางเลียริมฝีปาก
“…” ลู่เซิ่งมองสัตว์ประหลาดจากห้วงความว่างเปล่าฝูงหนึ่งที่แอบตามมาด้านหลังอีกฝ่าย รอบตัวมีแต่สัตว์ประหลาด ดูเหมือนพวกมันต้องการจะล้อมเขาไว้
ถ้าจะมาช่วยเขาจริงๆ เกรงว่าคนที่เดิมทีไม่เป็นไร ต้องมาตายเพราะพวกเขาแน่
“แจ๊ค…! คุณ!” เออร์นีรับสภาพในตอนนี้ของลู่เซิ่งไม่ได้เล็กน้อย อ้าปากอยากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไว้
“ตอนนี้ คุณยังเป็นคนเดิมไหม”
“ข้าเป็นแบบนี้มาโดยตลอด…แจ๊คเป็นเพียงสถานะเปลือกนอกของข้าเท่านั้น” ลู่เซิ่งตอบอย่างไม่สนใจ
“และนี่คือสถานะจริงของข้า…” เขามองเออร์นี อยู่ๆ ก็ชี้นิ้ว
คลื่นกระแทกน่ากลัวไร้รูปร่างสายหนึ่งพุ่งผ่านข้างแก้มเออร์นีไป
ตูม!
เสียงระเบิดกึกก้องชนิดทำให้แก้วหูแทบแตกดังขึ้นด้านหลังทั้งสอง
ปีศาจจากห้วงความว่างเปล่าจำนวนมากที่ซ่อนอยู่หลังพวกเขาถูกกระแสอากาศจากการระเบิดมุดเข้าปากและจมูก จากนั้นก็โดนฉีกร่างจากด้านใน ยังไม่ทันส่งเสียงโหยหวนก็ตัวระเบิดออกโดยสิ้นเชิง
เศษเนื้อสีม่วงกระจายเต็มพื้น
“โอ้โห!” แอนดี้หนังศีรษะชายิบ แต่บนใบหน้ากลับผุดความตื่นเต้นอย่างหาได้ยาก เขาเชื่อว่าสัตว์ประหลาดในตัวเขาทำได้พอๆ กัน ทั้งยังทำได้สบายกว่าด้วย
“ร้ายกาจจริงๆ! เจ้าอีกา ถึงแม้จะด้อยกว่าท่านั้นของแกไปหน่อย แต่ก็เจ๋งแจ๋วเหมือนกันนะ! จะว่าไป แกกับเขา ใครร้ายกาจกว่ากันล่ะ”
“…”
“เจ้าอีกา?”
“…”
“ตอบหน่อยซี่ เจ้าอีกา” แอนดี้นึกสงสัย “นี่เจ้าอีกา”
“เฮ้ย! อย่าพูด! มันยังไม่เจอข้า!” เสียงเบาๆ เสียงหนึ่งดังมาจากในร่าง
“…” รอยยิ้มบนใบหน้าแอนดี้ค่อยๆ สลายหายไป
“เรื่องนี้ไม่ถูกนะ…” เขามองลู่เซิ่งอย่างหมดคำพูด
ลู่เซิ่งมองเขาเช่นกัน จากนั้นใบหน้าดุร้ายที่มีตาหกข้างก็ยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร
เอ่อ…
แอนดี้เนื้อตัวเย็นเฉียบ ขนลุกขนพองไปทั่วร่าง
“พวกเจ้าไปยืนไกลๆ หน่อย” ลู่เซิ่งโบกมือ กระแสอากาศสายหนึ่งพลันห่อหุ้มทั้งสอง แล้วพัดพวกเขาออกไป
พอหันกลับมา ลู่เซิ่งค่อยมองศาสตราจารย์วาเลียนอีกครั้ง
“เป็นอย่างไร คิดจะกลับสู่อ้อมกอดของห้วงความว่างเปล่ากับข้าหรือไม่” วาเลียนกางสองแขน เผยรอยยิ้มเมตตา “โลกใบนี้ใกล้จะตกสู่ความโกลาหลแล้ว ระเบียบไม่คงอยู่อีก ทุกอย่างจะรวมเข้ากับห้วงความว่างเปล่าเป็นหนึ่งเดียว…”
เปรี้ยง!
ชั่วพริบตานั้นดั่งเคลื่อนย้ายในพริบตา ลู่เซิ่งทะลุพลังเทพป้องกันล่องหนหลายชั้น ไปปรากฏด้านหน้าวาเลียน แขนสิบกว่าคู่ของเขาจับร่างของศาสตราจารย์แล้วออกแรงฉีก พละกำลังอันน่ากลัวระเบิดออกมา
แคว่ก
ร่างวาเลียนระเบิดกลายเป็นหมอกเลือดกระเซ็นไปทั่ว
“ไม่มีความหมาย…โลกใบนี้ได้เดินสู่จุดจบแล้ว…” เสียงของวาเลียนกระเพื่อมออกมาจากในก้อนเนื้อนับไม่ถ้วน
ฟ้าว!
ลำแสงสีม่วงที่เหมือนคริสตัลถูกยิงออกมาจากในแท่นบูชาใต้เท้า
ลำแสงพุ่งขึ้นท้องฟ้า
กลางอวกาศ
กลางความว่างเปล่ารอบดาวเคราะห์เริ่มปรากฏคลื่นไร้รูปร่างหลายสาย เงาดำที่มโหฬารถึงขีดสุดจำนวนมากค่อยๆ ยื่นคมเขี้ยวออกมาจากในคลื่น ดวงตาละโมบหลายคู่ จ้องมองดาวเคราะห์สีฟ้าผ่านคลื่นกระเพื่อม
ลำแสงสีม่วงพุ่งออกจากดาวเคราะห์ เข้าไปอยู่ในคลื่นขมุกขมัวกลางความว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว
คลื่นกระเพื่อมเร็วขึ้นเรื่อยๆ
สัตว์ประหลาดสีดำอมม่วงที่มีขนาดใหญ่ถึงหลายหมื่นเมตรจนเหมือนป้อมปราการของจริง ค่อยๆ แหวกว่ายออกมาจากในคลื่น
นั่นคือสัตว์ประหลาดยักษ์ที่เหมือนกับปลาวาฬตัวหนึ่ง บนตัวมันมีดวงตาเพียงข้างเดียว ในดวงตามีเค้าโครงสีโลหะหลายกลุ่มกำลังหมุนวนอย่างช้าๆ
“เห็นหรือยัง…นี่…ก็คือร่างจริงของข้า…” เสียงของวาเลียนสะท้อนออกมาจากปากปลาวาฬ
คลื่นเสียงที่กระจายด้วยพลังจิตชนิดนี้ ไม่ใช่คลื่นเสียงที่แท้จริง เพียงแต่เป็นการสั่นสะเทือนจากพลังจิตเท่านั้น
มันข้ามผ่านระยะห่างอันไกลแสนไกล ส่งถึงสมองของลู่เซิ่งโดยตรง
“อย่างนั้นหรือ” ลู่เซิ่งลอยตัวขึ้น ดวงตาสาดแสงสีทองเจิดจ้า “มีพลังแค่นี้แต่คิดจะแย่งแกนหลัก เจ้าประเมินตัวเองสูงไปรึเปล่า”
เขาค่อยๆ กางแขนหลายคู่ออก
สายลมนับไม่ถ้วน พายุอนุภาคจักรวาลนับไม่ถ้วนเริ่มรวมตัวเป็นรูปเป็นร่างด้านหน้าดาวเคราะห์ แล้วกลายเป็นวังวนสีดำมหึมาสุดเปรียบปานอย่างรวดเร็ว
ฟ้าว!
ทันใดนั้นก็มีเงาดำที่มโหฬารกลุ่มหนึ่งพุ่งออกจากวังวน แล้วกระโจนเข้าใส่ปลาวาฬ
ปลาวาฬถูกเงาดำกระแทกใส่โดยไม่ทันตั้งตัว วัตถุมหึมาสองชนิดพลันกลิ้งกลางอวกาศ
กลางอวกาศอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต
เงาดำปรากฏร่างออกมาอย่างรวดเร็ว เป็นกระเรียนยักษ์ร่างสีดำสนิทตัวหนึ่ง
มันเงยหน้าส่งเสียงกู่ร้องก้องกังวาน แล้วก้มหน้าจิกจะงอยปากใส่ปลาวาฬอย่างแรง ไอสีดำนับไม่ถ้วนกับพายุอนุภาคเกาะบนปีกช่วยลดแรงต้าน และเพิ่มระดับพลังให้กับมัน
ลู่เซิ่งวูบไหวร่างหลายครั้งมาถึงอวกาศ มองดูสองสัตว์ประหลาดที่กำลังฆ่ากัน ยังมองผลแพ้ชนะไม่ออกในเวลาสั้นๆ ปลาวาฬตัวนั้นร้ายกาจมาก พละกำลังเหนือกว่าพันเทวะไม่น้อย โดยทฤษฎีแล้วพันเทวะไม่สามารถขยายร่างได้ แต่ขนาดในตอนนี้เป็นสภาพที่จับตัวกันในระดับสูงสุด พลังที่ใช้ได้จึงแข็งแกร่งที่สุด
เวลานี้เขาสัมผัสได้ว่า ร่างหลักของตนกำลังดูดซับสารจากห้วงความว่างเปล่าในร่างแจ๊คด้วยความเร็วสูง กำลังดูดซับระดับพลังของโลกใบนี้ ความรู้สึกนี้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขาผละออกจากมหาวิทยาลัยมาถึงอวกาศ
โลกใบนี้…เหมือนกับกำลังตอบรับเขาอยู่…
สารจากห้วงความว่างเปล่าของเขาควบคุมการไหลเวียน และธรรมชาติของปราณปฐพีก็เป็นชนิดไหลเวียนเช่นกัน ดังนั้นจึงเข้ากันได้อย่างไร้อุปสรรค เขามองดูกระเรียนสีดำกับปลาวาฬที่สู้กันอย่างสูสีกัน ขณะกำลังจะเข้าไปจัดการปลาวาฬ
อยู่ๆ ลู่เซิ่งก็เคลื่อนร่างไปทางซ้าย ลำแสงสีดำสายหนึ่งพุ่งผ่านตำแหน่งที่เขาอยู่เมื่อครู่ดังฟ้าว
“มาอีกแล้วเหรอ!?” ลู่เซิ่งหงุดหงิดบ้างแล้ว เทพนอกรีตเหล่านี้ไม่จบไม่สิ้นหรือไง!
เขามองไปด้านหน้า
สัตว์ประหลาดยักษ์สีดำสนิทหลายตัวโผล่หัวออกมาจากในคลื่นหลายกลุ่มท่ามกลางความว่างเปล่า ขนาดของพวกมันใกล้เคียงกับปลาวาฬเมื่อครู่
“กลืนกิน…ฆ่ามันซะ…”
“วิญญาณ…วิญญาณอันโอชะ…”
“วันสิ้นโลก...วันสิ้นโลก...การทำลายจะทำให้กำเนิดใหม่…”
ร่างจริงของเทพนอกรีตที่น่ากลัวซึ่งมีลักษณะพิลึกหลายตัวค่อยๆ มุดออกมาจากคลื่น
พายุพลังจิตไร้รูปร่างหลายสายเริ่มกระเพื่อมและหมุนวนกลางอวกาศ เกิดเป็นแรงกดดันวิญญาณยิ่งใหญ่ กดทับลู่เซิ่งไว้
ถ้าเป็นตัวตนที่อ่อนแอกว่าหนึ่งระดับ แค่อยู่ในพายุชนิดนี้วินาทีเดียว ก็จะกลายเป็นคนสติไม่สมประกอบในทันที
ท่ามกลางการโจมตีมากมาย มีการโจมตีหนึ่งถูกยิงมาจากดาราจักรที่อยู่ไกลแสนไกล นั่นคือแสงสีแดงอันประหลาดชั่วร้าย
กลางดาราจักรเหมือนกับมีสัตว์ประหลาดที่ตัวใหญ่กว่าเทพนอกรีตทั้งหมดในบริเวณโดยรอบจ้องมองมาทางนี้
แรงกดดันน่ากลัวไม่ด้อยไปกว่าอนธการที่กดทับร่างลู่เซิ่งอยู่ ทำให้ความว่างเปล่ารอบๆ ตัวเขามีจุดแสงสีแดงอมม่วงเล็กๆ กระเด็นออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง
นั่นคือเศษชิ้นส่วนที่เบ่งบานระหว่างการโจมตีและป้องกันด้วยสนามพลัง
“ถึงได้บอกไงเล่าว่า…ปัญหามาแล้ว…” ลู่เซิ่งมองเหตุการณ์นี้อย่างจนปัญญา เขาเพิ่งเลื่อนเป็นอนธการ ก็มีตัวประหลาดระดับเดียวกันมากมายขนาดนี้มาหาเรื่องเขาแล้ว…นี่มันอลังการยิ่งกว่าโลกมารสวรรค์เสียอีก!
“เอา…แกนหลักมา…” เสียงยิ่งใหญ่กระเพื่อมมาจากกลางดาราจักรไกลออกไป
“คิดจะให้ข้ามอบให้ก็ย่อมได้…” ลู่เซิ่งหัวเราะ
“แต่…ชนะข้าให้ได้ก่อนค่อยว่ากันอีกที!”
เกิดเสียงระเบิดดังครืน เขาหายไปในพริบตา กลายเป็นเส้นสีแดงเข้มเส้นหนึ่งพุ่งเข้าไปกลางฝูงเทพนอกรีต
ขนาดตัวของเขาไม่ใหญ่ เทียบกับร่างจริงของเทพนอกรีตขนาดหลายหมื่นเมตร ได้แต่ถือว่าเป็นมดหรือไม่ก็เศษธุลีเท่านั้น
แต่เพิ่งจะพุ่งเข้าไปในฝูงเทพนอกรีต หนวดสีดำนับไม่ถ้วนก็ห่อหุ้มเขาไว้เหมือนมหาสมุทร
ไม่มีจุดตาย ไม่มีช่องว่าง รอบทิศมีแต่หนวด พิษประหลาดเริ่มกัดกร่อนร่างของเขา จิตอันโกลาหลที่แข็งแกร่งกำลังกระแทกจิตใจของเขา พละกำลังของหนวดอันน่ากลัวกำลังไล่ล่าเกี่ยวรัดร่างของเขา
เทพนอกรีตพวกนี้อาจจะเคยชินกับร่างกายที่กลายพันธุ์มานานแล้ว พวกมันปลดปล่อยอาคมที่มีผลแปลกประหลาดออกมามากมาย
แต่ว่าอาคมที่มีสีสันต่างๆ พวกนี้ไล่ตามลู่เซิ่งไม่ทัน แขนสิบกว่าคู่ของเขาถือดาบดำ แล้วพุ่งลงไปฟันใส่ด้านล่าง
พรวด!
หนวดนับไม่ถ้วนถูกฟันเปิด ผิวของเทพนอกรีตที่มีรูปร่างเหมือนหมีตัวหนึ่งถูกเฉือนเป็นบาดแผลเล็กๆ เดิมทีบาดแผลนี้ใช้เวลาแค่พริบตาก็สามารถฟื้นฟูได้ด้วยความสามารถฟื้นตัวของเขา
แต่ว่าบาดแผลนี้เพิ่งปรากฏ ก็เริ่มขยายตัวด้วยความเร็วสูง บาดแผลยาวสิบกว่าเมตรเส้นหนึ่ง ขยายจนยาวหลายร้อยเมตรหลายพันเมตร สุดท้ายก็ไปถึงมากกว่าหมื่นเมตรโดยใช้เวลาไม่กี่วินาที!
พรวด!
เลือดสีดำจำนวนมากทะลักออกมาจากด้านในบาดแผล
อ๊าก!
เทพนอกรีตองค์นั้นโหยหวนอย่างเจ็บปวด ร่างกายของมันฉีกออกจากหนึ่งเป็นสอง
ต่อให้เป็นอนธการ ก็มีการแบ่งขั้นความแข็งแกร่งเช่นกัน
ลู่เซิ่งพุ่งวูบวาบไปมา ฟันร่างจริงของเทพนอกรีตสิบกว่าตัวติดต่อกัน เขาใส่พลังทั้งหมดเข้าไปในทุกการฟาดฟัน
ความรู้สึกปลอดโปร่งที่ไม่เคยมีมาก่อนนี้ ทำให้เส้นประสาทในสมองของเขาตื่นตัวถึงขีดสุด
“มาเลย มาให้หมด! ทำให้ข้าตื่นเต้นกว่านี้สิ! ฮ่าๆๆๆ!” เขาแสดงสีหน้าคลุ้มคลั่ง คมดาบบนมือฟันผิวร่างของเทพนอกรีตหลายตนอย่างบ้าคลั่ง
หนวดนับไม่ถ้วนกับอาคมเทพพุ่งใส่หลังของเขา กลับตามความเร็วของเขาไม่ทัน ถึงแม้จะมีบางอาคมที่โดนเขา แต่ด้วยความสามารถต้านทานพลังงานอันน่ากลัวของลู่เซิ่ง นอกจากการโจมตีทางจิตใจและวิญญาณที่มีผลน้อยนิดแล้ว ความสามารถอื่นๆ ล้วนเปล่าประโยชน์
ร่างหลักของเขาสมบูรณ์แบบจนไร้ช่องโหว่จากการเข่นฆ่าและเรียนรู้หลายครั้งหลายคราว นอกจากจะฟันโดนอย่างจังนั้น ความสามารถใดๆ ก็ไม่อาจโจมตีลู่เซิ่งในตอนนี้ได้ทั้งสิ้น
……………………………………….