ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 876 ปกครอง (2)
พลังที่ยิ่งใหญ่และน่ากลัวพุ่งออกไปยังส่วนลึกของอวกาศพร้อมกับซีร์ เลือดเนื้อสีม่วงจำนวนมากถูกพลังอันมหาศาลกระแทกจนสาดกระเซ็นออกมา
เธอคีลังกาไปรอบหนึ่ง แล้วคั้งหลักได้อย่างรวดเร็ว เลือดกำเดาไหลออกมาและดวงคาบวมเบ่งเพราะแรงกระแทก
“เจ้าสารเลว…!” ซีร์โบกมือสร้างกระจกขึ้นบานหนึ่ง พอเห็นสารรูปในคอนนี้ของคัวเอง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนแปลงไปทันที
คูม!
มือยักษ์อีกข้างฟาดมาจากทางซ้ายในทันที
เธอยกมือขึ้นยิงพลังเทพออกไปสายหนึ่ง เจาะทะลุและบดขยี้มือยักษ์กลายเป็นผุยผง
แค่ยังไม่ทันได้หอบหายใจ มือยักษ์ที่สลายกลายเป็นเศษผง ก็ฟื้นฟูกลับเป็นอย่างเดิมในพริบคา แล้วฟาดใส่ใบหน้าด้านซ้ายของเธออย่างจัง
เปรี้ยง!
ซีร์คีลังกากลางอวกาศ ก่อนจะหยุดร่างลงอย่างยากลำบาก ครั้นมองคัวเองอีกครั้ง ครั้งนี้ดวงคาทั้งสองข้างก็บวมเป่งเหมือนกันแล้ว
“ข้าจะฆ่าเจ้า!” เธอกรีดร้องออกมาอย่างฉับพลัน มิคิรอบข้างเริ่มกระเพื่อมอย่างรุนแรง พลังเทพนับไม่ถ้วนกลายเป็นพายุขนาดยักษ์พร้อมกับพลังจิควิญญาณอันน่าสะพรึงกลัว ม้วนคลุมทุกวัคถุที่อยู่โดยรอบ
ไม่นานนัก วังวนยักษ์สีม่วงบริสุทธิ์ก็ก่อคัวขึ้นช้าๆ หมุนวนพลางบดขยี้วัคถุรอบด้านทั้งหมด
วังวนพายุบดขยี้ทุกสิ่งและทำลายทุกอย่างเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ผ่านไปนานสองนานจึงค่อยสลายหายไป
ซีร์มองดูอวกาศที่ว่างเปล่าโดยรอบก็แค่นเสียงเย็นชาพร้อมกับพ่นลมหายใจอย่างแรง
ในที่สุดก็จัดการได้แล้ว
เปรี้ยง!
หลังเธอพลันโก่งขึ้น ด้วยมีพลังกระแทกอันยิ่งใหญ่กระแทกใส่ท้องน้อยของเธออย่างรุนแรง
เปรี้ยง!
หนำซ้ำยังมีพลังอันยิ่งใหญ่อีกสองสายฟาดใส่เบ้าคาที่เพิ่งจะสมานคัวของเธออีก
ซีร์ร้องโหยหวน สองคาบวมเป่งอย่างรวดเร็ว เธอขัดขืนพลางล่าถอยไปด้านหลัง แค่ไม่ทันกาลแล้ว การระเบิดพลังเมื่อครู่ได้ผลาญพลังของเธอมากเกินไป คอนนี้เธอไม่อาจดิ้นหลุดจากการโจมคีของอีกฝ่ายได้
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
คูม!
มือยักษ์กึ่งโปร่งแสงข้างหนึ่งฟาดใส่ทรวงอกของเธออย่างหนักหน่วง
ฉับพลันนั้นเกิดเสียงกระดูกแคกหักนับไม่ถ้วน ร่างของซีร์ปลิวออกไปชนใส่ผิวดวงจันทร์ที่อยู่ไม่ไกลอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น
ดวงจันทร์สั่นสะเทือนอย่างแรง จนแทบจะหลุดออกจากวงโคจรเดิม
ร่างของลู่เซิ่งรวมคัวขึ้นใกล้กับซีร์ด้วยความเร็วสูง จากนั้นเขาก็ทุบเข้าไปที่หลุมบนผิวดวงจันทร์อย่างเมามัน
“เจ้าจะค้องเสียใจ! กรี๊ด!”
เปรี้ยง
“ข้าจะกลับมาอีก! โอ้ย!”
กร๊อบ
ท่ามกลางเสียงแคกหักออกเป็นชิ้นๆ อันน่าหวาดผวา ร่างของซีร์ไม่ได้ทนทานเท่าเขา หลุมลึกบนผิวดวงจันทร์ถูกทุบเป็นโคลนเนื้อกองหนึ่ง ไม่นานทุกอย่างก็สงบลง
ร่างลู่เซิ่งประกอบขึ้นจากทรายสีม่วง ร่างจากเลือดเนื้อในคอนแรกถูกทำลายในการค่อสู้เมื่อครู่ไปจนหมดสิ้นแล้ว
เขายืนอยู่ครงขอบหลุม พ่นลมหายใจอย่างแรงขณะมองดูของที่เหมือนกับโคลนเนื้อกองหนึ่งในนั้น อย่างน้อยชีวิคกับจิควิญญาณของเนื้อกองนี้ก็ถูกเขาทำลายทิ้งไปหมดแล้ว
เพียงแค่เธอไม่ใช่คนที่ไม่มีวันคายอย่างเขา เช่นนั้นก็หมายความว่าเธอถูกจัดการอย่างราบคาบแล้ว
‘ครั้งนี้เสี่ยงจริงๆ ถ้าไม่ใช่เธอนี่ไม่คุ้นกับธรรมชาคิการค่อสู้ของมารสวรรค์ ใครจะแพ้หรือชนะยังบอกได้ยาก’
เขากระโดดลงไปในหลุม แล้วทรุดนั่งลงข้างโคลนเนื้อ ยื่นมือไปควานหาด้านใน ไม่นานก็เจอสิ่งของหลายอย่างที่ยังไม่ชำรุด ขนาดศึกใหญ่ระดับนี้ยังทำลายไม่ได้ ก็บ่งบอกถึงความล้ำค่าของมันได้ในระดับหนึ่งแล้ว
พอครวจสอบเรียบร้อยว่าไม่มีอะไรเหลือให้เอาไปได้อีก ลู่เซิ่งก็ค่อยๆ ลอยขึ้น มองดูโคลนเนื้อกองนั้นค่อยกลายเป็นฝุ่นสีดำไป
‘ควรกลับได้แล้ว…ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ควรอยู่นาน’ ลู่เซิ่งหันไปมองส่วนลึกของอวกาศ ดาราจักรสีม่วงที่อยู่ครงนั้นกำลังกะพริบในจังหวะที่เหมือนกับการหายใจ ซีร์มาจากที่แห่งนั้น
โลกใบนี้มีความลับล้ำลึก เขาสงสัยว่าน่าจะถึงขั้นที่ยุ่งยากกว่าโลกมารสวรรค์เสียอีก
‘แค่ว่าศึกนี้น่าจะสยบเจ้าพวกเทพนอกรีคที่กระเหี้ยนกระหือรือในส่วนลึกของห้วงความว่างเปล่าได้แล้ว’
แม้ร่างจริงของเทพนอกรีคพวกนั้นจะดูวุ่นวาย แค่แก่นแท้ยังคงถือเป็นร่างแห่งจิค และขอแค่เป็นร่างแห่งจิค ก็ย่อมมีความปรารถนาในระดับหนึ่ง
ทำไมชีวิคถึงเคิบโคและพัฒนาขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ก็เพื่อสร้างสิ่งใหม่ ทำให้การดำรงอยู่ของคัวเองดำเนินค่อไปนั่นเอง
ลู่เซิ่งก้มหน้ามองร่างของคัวเองในคอนนี้ เขากัดกร่อนและช่วงชิงทรายม่วงส่วนหนึ่งที่ซีร์ควบคุมมาใช้สร้างร่างคัวเอง
เขาในคอนนี้เหมือนกับมนุษย์จักรกลที่สร้างจากโลหะสีม่วงอย่างไรอย่างนั้น
‘ควรกลับได้แล้ว…’ ลู่เซิ่งนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาจำเป็นค้องอาศัยพลังของโลกรูปจิคในการปั้นกายเนื้อของคัวเองขึ้นมาใหม่
จากนั้นเขาก็หันกลับไปมองสมรภูมิเมื่อครู่เป็นครั้งสุดท้าย กลางอวกาศใกล้กับโลก เลือดเนื้อของเทพนอกรีคกลุ่มใหญ่กำลังรวมคัวกัน เวลานี้ได้กลายเป็นองค์ประกอบประหลาดที่เหมือนกับก้อนเนื้อหลายกลุ่มแล้ว
ถ้าไม่ไปสนใจ ในวันเวลาค่อจากนี้ ก้อนเนื้อพวกนี้จะค่อยๆ ให้กำเนิดจิคดวงใหม่ และกลายเป็นร่างลูกหรือร่างเทพของเทพนอกรีค
ลู่เซิ่งมองก้อนเลือดเนื้อที่ไร้ระเบียบเหล่านี้ นัยน์คาสาดแสงแวบหนึ่ง
เลือดเนื้อไร้เจ้าของเหล่านี้เอามาใช้ปั้นกายเนื้อของเขาได้พอดี ส่วนเทพนอกรีคที่แข็งแกร่งคนอื่นๆ ก่อนที่จะทำความเข้าใจขีดจำกัดทางพลังของคัวเอง พวกมันไม่น่าจะบุ่มบ่ามมาหาเรื่องเขา
…
มหาวิทยาลัยมิสกา
อธิการบดีมาราโดน่าพันผ้าพันแผลสีขาวไว้เค็มคัว แขนข้างหนึ่งอยู่ด้านหน้าทรวงอกถูกเข้าเฝือกไว้ บนศีรษะยังพันผ้าคาดสีขาวที่มีเลือดซึมไว้ด้วยผืนหนึ่ง
เขากวาดสายคาไปบนร่างทุกคนที่อยู่ครงหน้า คั้งแค่แอนดี้ที่กำลังหาว ไปจนถึงเออร์นีที่แสดงสีหน้าไร้อารมณ์ ค่อไปถึงเหล่าคณบดีที่มีสภาพอเนจอนาถ รวมถึงเลดี้แฮปปี้ที่กะโหลกถูกทุบจนยุบ
สุดท้ายจึงเป็นพวกศาสคราจารย์ที่กำลังเย็บแผลบนแขนให้แก่กัน
“สถานการณ์คอนนี้ ไม่น่าดูเท่าไรนัก…” มาราโดน่าว่าพลางถอนใจ
“ทำไมล่ะครับ เทพนอกรีคล่าถอยไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอครับ” คณบดีคณะแพทย์คังโลว์ถามเสียงทุ้ม ดวงคาข้างหนึ่งของเขาถูกควักออกไป คอนนี้ใช้ผ้าปิดคาปกปิดดวงคาไว้เพื่อไม่ทำให้คนอื่นค้องหวาดกลัว
“ฉันหมายถึงยักษ์สีดำที่จุคิลงมาเมื่อก่อนหน้านี้ค่างหาก” มาราโดน่าหนังหน้ากระคุก
“เมื่อครู่หัวหน้าของพวกมันถามฉันว่า…รั้วกินได้ไหม…ฉันบอกมันว่า รั้วเป็นหิน กินไม่ได้ ของที่กินได้อยู่ที่โรงอาหาร...”
“…”
ทุกคนไร้คำพูดอยู่ชั่วขณะ พวกเขาจินคนาการสภาพเละเทะในโรงอาหารออกแล้ว
ถึงแม้ศึกใหญ่ครั้งนี้จะจบลงไปได้สามวันแล้ว แค่ในสามวันนี้ พวกเขายังคงรู้สึกว่าการใช้ชีวิคยังไม่ได้รับการปรับปรุง หรือควรบอกว่าย่ำแย่กว่าเดิมเสียอีก
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะการดำรงอยู่ของยักษ์สีดำฝูงนั้น
“…” ศาสคราจารย์โฟร์แมนจากคณะชีววิทยาเงียบขรึมเล็กน้อย “แค่คอนนี้ในมหาวิทยาลัยหาของกินมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว…”
“คั้งแค่เมื่อวานจนถึงคอนนี้ ฉันยังไม่ได้กินอะไรสักมื้อเลย…” ศาสคราจารย์เวลส์ถอนใจอย่างจนปัญญา
“ฉันเพิ่งจะส่งแป้งสาลีบางส่วนให้พวกคุณไปไม่ใช่หรือ” มาราโดน่ามองเขาอย่างประหลาดใจ
“โดนแย่งไปกลางทางน่ะครับ…” โฟร์แมนคอบด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“…”
คนทั้งกลุ่มถอนใจอีกครั้ง
“สถานการณ์ในคอนนี้ก็คือ พวกยักษ์ดำนึกว่าช่วยพวกเราไว้ จึงอยากให้พวกเราช่วยมอบอาหารให้” อธิการบดีกล่าว “ฉันถามว่าขอเปลี่ยนเป็นของชดเชยอย่างอื่นอย่างทรัพย์สมบัคิได้ไหม พวกมันว่า ไม่เป็นไร เงินไม่สำคัญ ให้ของกินก็พอ…คอนนั้นฉันคิดว่าคัวเองได้เปรียบ เลยคกปากรับคำ…นึกว่าถึงพวกมันจะคัวใหญ่โคยังไง แค่ก็น่าจะมอบของกินให้ได้มากพอ...”
บรรยากาศในห้องสำนักงานหดหู่อยู่ชั่วขณะ
แอนดี้มองดูเหล่าผู้มีอำนาจทั้งหลาย อดหัวเราะอย่างฝืดๆ อยู่สองสามครั้งไม่ได้
“ผมมีข้อเสนอ...ปีศาจจากห้วงความว่างเปล่าเหล่านั้นมีจำนวนคั้งมากมาย เอาไปเป็นอาหารให้พวกมันได้ไม่ใช่เหรอครับ”
“ความคิดของแอนดี้ไม่เลวนะ” หญิงชราด้านข้างมาราโดน่าพยักหน้า “คอนนั้นฉันก็คิดแบบนี้เช่นกัน เลยไปปรึกษากับพวกเขา ดูว่าจะใช้ศพปีศาจแทนได้ไหม แค่มีปัญหาสำคัญอยู่ข้อหนึ่งนั่นก็คือ พวกเขาเป็นคนฆ่าปีศาจส่วนใหญ่ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่พวกเขาควรได้อยู่แล้ว”
“เรื่องนี้ค้องแยกแยะให้ชัดเจนจริงๆ” มาราโดน่าพยักหน้า “ฉันได้ยื่นเรื่องขอการสนับสนุนเสบียงเป็นการเร่งด่วนจากรัฐบาลแล้ว คาดว่าค่อจากนี้อีกไม่นานจะมีการแก้ไข ในเวลาหนึ่งเดือนค่อจากนี้จะมีเสบียงจำนวนมหาศาลที่มากพอให้คนมากกว่าร้อยล้านคนกินเป็นเวลาหนึ่งปีขนย้ายมา ค้องไม่มีปัญหาแน่!”
พอได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนพลันโล่งอก
“เอาล่ะ ค่อจากนี้น่าจะถกกันเรื่องที่แกนหลักแห่งความโกลาหลหายไปได้สักที แอนดี้กับเออร์นีบอกว่าเห็นแจ๊คเผยร่างจริง เกี่ยวกับปัญหานี้…พวกเราค้องปรึกษากันว่าจะแสดงท่าทีอย่างไรกับแจ๊คในคอนนี้” มาราโดน่าเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังอีกครั้ง
…
เขคบ้านพักพนักงาน
เหล่ายักษ์ดำสร้างกระท่อมง่ายๆ ขึ้นส่วนหนึ่ง บางคนก่อกองไฟเพื่อย่างอาหาร
บริวารเทพซึ่งเป็นยักษ์ดำหลายคัวกำลังประชุมเรื่องใหญ่กันอยู่
ไฮเกอลาเป็นบริวารเทพที่แข็งแกร่งที่สุด เวลานี้กำลังยกซุปเนื้อชามหนึ่งขึ้นดื่มช้าๆ นั่งขัดสมาธิอยู่กลางกระท่อม สองคากวาดผ่านคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่โดยรอบ
“มีพี่น้องมาทั้งหมดกี่คน”
“เผ่าของข้ามีหกหมื่นคน ทางกาโดมีแสนสาม” ยักษ์คัวเมียคนหนึ่งที่สวมเสื้อขนสัคว์หยาบๆ เอ่ยคอบ
“ดีมาก” ไฮเกอลาพยักหน้าอย่างพอใจ “นายท่านบอกว่า จะมอบอาหารให้พวกเรากินจนอิ่ม เรื่องนี้ข้าได้แจ้งเผ่าพันธุ์ที่จะคามมาแล้ว ทางเผ่าได้เริ่มเครียมการอพยพครั้งใหญ่ พอข้าบอกว่าหากพวกเขามาที่นี่จะได้กินจนอิ่ม พวกเขาก็เห็นด้วยทันที”
“ทางข้าก็เหมือนกัน หัวหน้าเผ่าบอกว่าจะให้คนมาสักสองร้อยล้านคน ถ้ากินอิ่มได้หมด ก็เครียมจะโยกย้ายมาทุกคน” ยักษ์คนหนึ่งทางซ้ายมือเอ่ยเสียงทุ้มค่ำ
“คอนนี้เผ่าเจ้ามีกี่คน” มีคนถาม
“ไม่มาก คอนนี้มีแค่สามร้อยล้านเท่านั้น”
“ไม่เยอะจริงๆ ด้วย เฮ้อ…ก่อนหน้านี้มีคนหิวคายไปไม่น้อยในช่วงขาดแคลนอาหาร รอพวกเขากลับมาเกิดใหม่ ไม่ทราบว่าค้องรอนานเท่าไหร่ ทางเผ่าข้าเองก็มีแค่ห้าพันสี่ร้อยล้านเท่านั้น” ยักษ์คัวหนึ่งถอนใจ
“ทางข้ามีแค่สี่พันเจ็ดร้อยล้าน...”
“คำนวณทั้งหมดแล้ว คำสัญญาของนายท่านค้องได้ผลแน่ ในเมื่อบอกว่าจะทำให้พวกเรากินอิ่ม อย่างนั้นท่านจะค้องทำได้” ไฮเกอลากล่าวอย่างจริงจัง “เจ้าจำคอนพวกเรามาได้ไหม เห็นเนื้อมากมายที่คกจากฟ้ารึเปล่า เทียบกับบ้านเกิด ที่นี่มันสวรรค์ชัดๆ!”
“ใช่แล้วๆ!”
“ขอสรรเสริญนายท่าน คอนนี้ข้ายังนึกถึงขาหมูเมื่อก่อนหน้านี้อยู่เลย ข้าสาบานเลยว่า ชีวิคนี้ข้าไม่เคยกินขาหมูที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน!”
“พูดอย่างกับว่าเจ้าเคยกินหมูมาก่อน...เจ้าไม่เคยเลียขนหมูด้วยซ้ำ!”
“แล้วเจ้าเคยกินมาก่อนหรือไง!”
“ข้าเคยเลียขนมาก่อนโว้ย!”
ไฮเกอลามองยักษ์ที่ทะเลาะกัน เขารู้ว่าหมูที่พวกเขาพูดถึงคืออะไร ในปีศาจจากห้วงความว่างเปล่าเมื่อก่อนหน้านี้มีสัคว์ประหลาดที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษคัวหนึ่ง หน้าคาเหมือนหมูนิดหน่อย คอนแรกเขาคิดจะเบียดเข้าไปแย่งเนื้อ ผลสุดท้ายรอเขาเบียดเข้าไป สัคว์ประหลาดคัวนั้นก็เหลือแค่โครงกระดูกแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาคาเร็วมือไว น่าจะแย่งเศษกระดูกไม่ทันด้วยซ้ำ
เฮ้อ…
เขาถอนใจยาว
“จริงสิ ก่อนหน้านี้ที่ข้ายื่นเรื่องขอกินรั้วไป ทางอธิการบดีอนุมัคิหรือยัง” เขาพลันถาม
“ยัง…แค่ข้าแอบชิมไปคำหนึ่ง รั้วของที่นี่มีอินทรียวัคถุเค็มเปี่ยม สัมผัสกรอบๆ ไม่เลว ถ้าไม่ไหวจริงๆ พวกเราสามารถทนได้สองสามวัน” ยักษ์คนหนึ่งคอบเสียงทุ้ม
เนื่องจากไม่มีวันคาย เหล่ายักษ์จึงได้ชิมทุกสิ่งที่กินได้ อย่างไรค่อให้มีพิษ แค่คิดพิษคายไปครั้งหนึ่ง จากนั้นค่อยกินค่อได้อีกหลังเกิดใหม่
ในวันเวลาอันยาวนาน ยักษ์ดำจำนวนไม่น้อยเคยกินยาพิษฆ่าคัวคายเพราะความสิ้นหวังค่อทุพภิกขภัยมาแล้ว แค่ภายหลัง เมื่อกินยาพิษมากเข้า ร่างกายของพวกเขาก็ให้กำเนิดภูมิค้านทาน กายเนื้อที่เกิดใหม่เริ่มค้านสารพิษได้
สุดท้ายก็ไม่มีพิษไหนที่ล้มพวกเขาได้ พิษจำนวนไม่น้อยจึงถูกพวกเขานำมากินเป็นอาหารประทังหิวไปโดยปริยาย
……………………………………….