ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 890 ศึกที่สอง (2)
ฉัวะๆๆๆ!
เงากระบี่กึ่งโปร่งแสงนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาอย่างฉับพลัน เริงระบำรอบตัวลู่เซิ่งอย่างต่อเนื่อง
ไม่นานเงากระบี่ก็รวมตัวเป็นสัตว์ประหลาดโลหะขนาดยักษ์ตัวหนึ่ง พร้อมขย้ำเข้าใส่ลู่เซิ่ง
สัตว์ประหลาดยาวหลายพันหมี่ ทั่วร่างเหมือนประกอบขึ้นจากกระบี่ยาวนับไม่ถ้วน ใบหน้าเหี้ยมเกรียมแหลมคม เหมือนกิเลนในตำนาน
“คนที่อยากจะฆ่าข้ามีมากมายนัก อาศัยความสามารถแค่นี้ของเจ้าน่ะหรือ” แทนที่จะโกรธเคือง ลู่เซิ่งกลับยิ้มออกมา ยกมือเสกดาบดำเล่มหนึ่งแล้วฟันใส่กิเลนเงากระบี่
เขานึกไม่ถึงว่าเจ้าสำนักวิญญาณไตรอริยะจะเป็นมือกระบี่ที่ฝึกบำเพ็ญเพียร กระบี่เน้นความแหลมคมเป็นหลัก ฟันฝ่าหนทางไร้อุปสรรค หากแต่หักง่ายเกินไป
กระบี่บรรลุความแหลมคมแล้ว แต่ตัวลู่เซิ่งได้เปรียบด้านพลัง หากฆ่ากันซึ่งหน้าแล้ว เขาไม่กลัวผู้ใดทั้งสิ้น!
เขาไม่สนใจสิ่งใดอีก เข้าสู้กับหลี่ซิวลาซึ่งหน้าทันที
ทั้งสองอยู่ห่างกันไม่เกินพันหมี่ อีกฝ่ายฟันดาบ อีกฝ่ายฟันกระบี่ เข้าปะทะกันโดยไม่มีใครกลัวใคร
เคร้ง!
ดาบของลู่เซิ่งฟันใส่ร่างหลี่ซิวลา ถึงกับเกิดสะเก็ดไฟร้อนแรงกลุ่มใหญ่ เหลือรอยถากๆ ไว้เท่านั้น
กระบี่ของหลี่ซิวลาฟันใส่ผิวลู่เซิ่ง แม้จะเกิดแผลอย่างไม่หยุดยั้ง แต่พริบตาเดียวแผลเหล่านี้ก็สมานตัว ไม่เหลือบาดแผลอยู่อีก
ทั้งสองเห็นดังนั้นก็ตกใจ
หนังหนาเสียจริง!
พลังฟื้นฟูแข็งแกร่งมาก!
ต่างฝ่ายต่างสลัดความคิดในใจทิ้ง ลู่เซิ่งถือโอกาสทุ่มเททุกอย่าง ในเมื่อต่างฝ่ายต่างสู้ระยะประชิดกัน เช่นนั้นก็มาตัดสินชัยชนะ กำหนดความเป็นความตายอย่างอย่างตรงไปตรงมาก็แล้วกัน!
หลังจากเขาแอบกระจายหนวดไปรอบๆ แล้ว ก็เข้าไปปะทะกับหลี่ซิวลาอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจสิ่งใดอีก
ครั้งนี้ง่ายดายกว่าสำนักแปลงวิญญาณโข
ดาวหลักของสำนักวิญญาณไตรอริยะอดทนอยู่ไม่ไกลจากทั้งสองได้ไม่เกินสามวินาที ก็ถูกปราณดาบกับเงาดาบที่น่าสะพรึงฉีกกระชากเป็นชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน
พวกของขลังเรือเหาะเพิ่งเผ่นหนีออกมา เดิมหลี่ซิวลาคิดจะลงมือช่วยผลักออกไปไกลๆ แต่ลู่เซิ่งเห็นเข้า จึงเข้าไปฟันใส่จนตายเรียบ และฉวยโอกาสฟันใส่ร่างหลักของหลี่ซิวลาอีกสองดาบ
ครั้งนี้หลี่ซิวลาโกรธเกรี้ยวจริงๆ แล้ว แสดงให้เห็นชัดว่า ในหมู่ผู้บำเพ็ญที่กำลังหลบหนีเหล่านี้อาจมีใครสักคนที่มีความสัมพันธ์กับเขาล้ำลึกสุดขีด
ถึงขั้นอาจจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข
แต่ไม่นานนัก ก็มีเศษแสงสีเหลืองที่เร็วอย่างน่าประหลาดพุ่งออกมาจากในดาวเคราะห์ หลบหนีด้วยความเร็วสูง
“คิดหนีอีกหรือ!” ลู่เซิ่งหัวเราะลั่น ไล่ตามไปฟันใส่นับร้อยดาบโดยไม่สนใจกระบี่ที่หลี่ซิวลาแทงใส่แผ่นหลัง แล้วเขาก็ไม่ลืมฟาดหนวดก้อนหนึ่งเข้าใส่ด้วย
เปรี้ยงๆๆ!
แสงสีเหลืองหลายก้อนระเบิดกระจาย สิ่งที่ตามมาคือเสียงแผดคำรามและความโกรธาอันบ้าคลั่งของหลี่ซิวลา
“ข้าเหมือนจะเห็นหลานชายหลานสาวของหลี่ซิวลาถูกฟันตาย…” จันทราม่วงเอ่ยเสียงแผ่วด้วยสีหน้าพิลึก
เจิ้งเจวี๋ยซวินหมดคำพูดเช่นกัน
ครั้งก่อนยังกล่าวได้ว่าคู่ควรแก่การชื่นชม ครั้งนี้กลับผิดปกติแล้ว
“อ๊ากกกก! ข้าจะฆ่าเจ้า! ราชากระบี่เก้ากงจักร ฆ่า!”
เป็นอย่างที่คาด หลี่ซิวลาคลั่งแล้ว
เขาถือกระบี่ ทั่วร่างปรากฏจานมายาพิศวงขนาดยักษ์ประกอบขึ้นจากคมกระบี่นับไม่ถ้วน แสงกระบี่สีทองหลายสายพุ่งออกมาจากด้านหลัง ทุกๆ สายมีพลังทำลายล้างแปดส่วนของพลังที่แท้จริงของเขา!
ประกายกระบี่หลายพันหลายหมื่นสายกลายเป็นน้ำตก กลบฝังลู่เซิ่งในพริบตา
“โง่เง่า!” เสียงหัวเราะของลู่เซิ่งสั่นกระเพื่อมมาจากในประกายกระบี่ “เจ้านึกว่าฟันมั่วซั่วด้วยความโมโหแล้วจะชนะได้หรือ! แม้แต่ควบคุมอารมณ์ก็ยังทำไม่ได้ เจ้ายังมีหน้ามาคุ้มครองสำนักและเรียกตัวเองว่าเจ้าสำนักอีก ตายไปแค่ไม่กี่คนก็รับไม่ได้แล้วหรือ น่าขัน!”
แม้ประกายกระบี่จากการระเบิดโทสะจะแข็งแกร่ง แต่ก็มีช่องโหว่เยอะตามไปด้วยเช่นกัน ในสายตาของปรมาจารย์มรรคายุทธ์อย่างลู่เซิ่ง นั่นไม่มีความอันตรายแม้แต่น้อย กลับรับมือได้ง่ายดายยิ่งกว่าเดิม
ร่างหลักเขาวาดดาบหลายครั้ง ประกายดาบแบ่งเป็นเงาสีดำมากกว่าพันสาย เข้าปะทะกับน้ำตกประกายกระบี่นับไม่ถ้วน แล้วกระแทกเบี่ยงประกายกระบี่ไปอย่างง่ายดาย ตัวเขาพุ่งสวนเข้าหาหลี่ซิวลาด้วยความเร็วสูง
“ดูข้าทะลวงธารกระบี่ของเจ้าเสีย!”
ลู่เซิ่งใช้พลังทั้งหมด จานมายาพิศวงปรากฏขึ้นเบื้องหลัง สัญลักษณ์เก้าสายเปล่งแสงออกมา
เขาจับดาบดำด้วยสองมือ แล้วฟันออกไป
ฉัวะ!
ควันมหาศาลระเบิดออกมากลายเป็นเปลวเพลิงสีดำอมม่วง หลอมรวมเข้ากับประกายดาบ แล้วฟันใส่ทรวงอกของหลี่ซิวลาอย่างหนักหน่วง
เขาตัวเล็กกว่าลู่เซิ่งมากอยู่แล้ว ตอนนี้ถูกประกายดาบฟันใส่ เหมือนกับถูกท่วมกลบ ไม่ต่างจากลู่เซิ่งเมื่อก่อนหน้านี้
ฉัวะๆๆ! สะเก็ดไฟนับไม่ถ้วนระเบิดจากร่างเขา ประกายดาบหนักอึ้งกดทับทรวงอกของเขา
หลี่ซิวลาคว้าสองมือจะจับประกายดาบ แต่เพิ่งเข้าใกล้ ฝ่ามือก็ลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงสีดำอมม่วง ความเจ็บปวดราวเผาไหม้จิตวิญญาณบังเกิดขึ้นในใจ
“อ่อนแอ! อ่อนแอเหลือเกิน! เทียบกับเจ้าสำนักแปลงวายุเจ้ามันสวะจริงๆ!” ลู่เซิ่งหัวเราะร่าพร้อมกับฟันเพิ่มไปอีกครั้ง
ประกายดาบสองสายกระแทกหลี่ซิวลาพุ่งออกไปชนใส่ดาวเคราะห์อีกดวง
เกิดเสียงดังครืนครัน ดาวเคราะห์พลันระเบิด แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนแตงโมถูกทุบ
หลี่ซิวลาร่างอาบเลือด ทรวงอกเหลือรอยดาบลึกสายหนึ่ง ร่างกระบี่ที่สำเร็จความอมตะของเขาได้รับความเสียหาย
นี่อยู่เหนือความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง ร่างกระบี่อมตะป้องกันอิทธิฤทธิ์วิชานอกรีตได้ทุกอย่าง อีกทั้งร่างหลักยังแข็งแกร่งสุดเปรียบปาน แข็งแกร่งกว่าอาวุธเทพขั้นสูงสุดยอดหลายร้อยเท่า
ถ้าหากลู่เซิ่งเป็นอนธการประเภทอิทธิฤทธิ์อาคม เขาสามารถข่มอีกฝ่ายและตัดสินผลแพ้ชนะโดยไร้ความเสียหายได้
ทว่าสิ่งที่เขานึกไม่ถึงก็คือ ลู่เซิ่งเลือกจานมายาพิศวงทั้งหมดเป็นพลัง พึงทราบว่าเขามีอักขระพลังสองอันเท่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่าจะเจอตัวประหลาดที่มุ่งเส้นทางกายเนื้อโดยสิ้นเชิงแบบนี้
หรือมันจะไม่กลัวถูกอธนการที่ถนัดอิทธิฤทธิ์กำจัดง่ายดาย เพราะไร้การพลิกแพลง!?
เพียงแต่เขาพลันนึกได้ว่าลู่เซิ่งมีคุณสมบัติเป็นมารสวรรค์มายาพิศวง ก็รู้สึกขยะแขยงเกินจะทานทนเหมือนกินแมลงวัน
มีกายเนื้อและพลังที่แข็งแกร่งที่สุด ทั้งยังมีคุณสมบัติอมตะของมารสวรรค์มายาพิศวง คนผู้นี้คือสัตว์โบราณที่มีแต่ความป่าเถื่อนชัดๆ!
“เห็นพลังของข้าหรือยัง…” ลู่เซิ่งลอยอยู่กลางความว่างเปล่า ถือดาบชี้ลงล่าง เขาโค้งใหญ่โตเหมือนมารร้ายด้านหลังส่ายไปมาตามศีรษะของเขาเบาๆ
“จงรับความจริงเสียเถอะ เจ้าในตอนนี้อ่อนแอเหลือเกิน” ลู่เซิ่งมองหลี่ซิวลาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและกลิ่นอายตกฮวบลงไม่ต่ำกว่าครึ่ง
กลางอวกาศที่อยู่รอบๆ ยังคงมีประกายกระบี่สีทองก่อนหน้านี้หลงเหลืออยู่ แต่ประกายกระบี่เหล่านี้เริงระบำวนเวียนรอบตัวเขาเท่านั้น เมื่อไม่มีพลังคอยสนับสนุนมากพอ แม้แต่สนามพลังป้องกันของเขาก็ไม่อาจทำลายได้
ความจริงเมื่อครู่นี้ลู่เซิ่งนึกว่าตัวเองต้องตายแล้ว แต่สุดท้ายพบว่าพลังน้ำตกประกายกระบี่ไม่อาจสู้พลังของร่างหลักได้ แค่นี้ยังพอว่า แต่ด้านในยังไม่มีการเพิ่มอาคมอิทธิฤทธิ์ใดๆ เข้าไปอีก
ตอนนั้นเขาพลันยินดี เขาคือดาวข่มเจ้าหลี่ซิวลาผู้นี้!
ดังนั้นเขาจึงเข้าไปฟันมั่วๆ ยกหนึ่งอย่างเมามัน สะกดเจ้าสำนักหลี่ผู้นี้ได้อย่างง่ายดาย
ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายจัดงานเลี้ยงหงเหมิน คุยโวโอ้อวด ตอนนี้ถูกฟันลอยเคว้งกลางอวกาศเหมือนสุนัข ขยับเขยื้อนไม่ได้ ไม่หลงเหลือบุคลิกเมื่อครู่อีกต่อไป
หลังลู่เซิ่งเยาะเย้ยไปรอบหนึ่ง พอเห็นหลี่ซิวลาไม่มีการตอบสนอง ก็รู้สึกหมดสนุก
“ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าแพ้ เช่นนั้นก็ทำตามกฎ สำนักวิญญาณไตรอริยะของเจ้า…”
“ช้าก่อน!”
มีเสียงหนึ่งตัดบทลู่เซิ่ง
กลางนภาดาวไกลออกไปก้อนเมฆสีขาวสายหนึ่งกะพริบขึ้นบินมาหยุดอยู่ห่างจากสมรภูมิหมื่นหมี่ แล้วรวมตัวเป็นชายชราผมหงอกสวมเสื้อคลุมลายเมฆสีขาว
สองตาของชายชราสาดประกายสีทองตลอดเวลา ราวกับดวงอาทิตย์เล็กๆ เจิดจ้าแยงตา
“หลี่ซิวลาคนเดียวเป็นตัวแทนสำนักวิญญาณไตรอริยะไม่ได้” ชายชราถือกระบี่ยาวสีขาวที่เหมือนกับไม้เท้า มองดูหลี่ซิวลาที่นอนพะงาบๆ ด้วยแววตาผิดหวัง
หลี่ซิวลาคิดจะลุกขึ้น แต่เพิ่งขยับตัว ร่างกายก็พลันเปล่งแสงเพลิงเล็กๆ นับไม่ถ้วน แสงเพลิงสีม่วงกะพริบในดวงตาของเขา แสดงให้เห็นว่าบาดเจ็บลึกถึงภายในแล้ว
“เจ้าเป็นใครอีก” ลู่เซิ่งหันไปมองชายชรา
“ข้า” ชายชราก้มหน้า “ชายชราธรรมดาที่เร้นกายคนหนึ่ง ใช้ชีวิตอยู่ในสำนักวิญญาณไตรอริยะมาชั่วชีวิต นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายยังต้องออกมาอุทิศตัวอีกครั้ง…ดูเหมือนตาเฒ่าอย่างข้าต้องเหน็ดเหนื่อยจนร่างพังเสียก่อน คนบางคนถึงจะพอใจ”
“อ้อ หมายความว่าเจ้าแกร่งมากน่ะสิ” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างประหลาดใจ “แข็งแกร่งกว่าหลี่ซิวลาอีกหรือ”
“พอใช้ได้…ในฐานะอาจารย์ ต้องขอบคุณที่ท่านชี้แนะศิษย์ไม่เอาอ่าวของข้า…” ชายชราค่อยๆ ชี้กระบี่เฉียงไปทางลู่เซิ่ง
“ต่อจากนี้ ขอข้าลองดูหน่อย ว่าผู้ปกครองมารสวรรค์ยุคนี้อยู่ในระดับไหน...”
“วาจาใหญ่โตไร้ยางอาย!” ลู่เซิ่งแค่นหัวเราะ ก่อนจะฟันแนวขวางใส่ชายชรา
ดาบของเขาเร็วอย่างน่าประหลาด ฟันรอยดาบออกไปในเสี้ยววินาที ประกายดาบหายวับกระโดดข้ามมิติไปปรากฏขึ้นที่ความว่างเปล่าด้านหลังชายชรา
“พลังไม่เลว มิน่าถึงได้เอาชนะศิษย์ข้าได้ แต่…มีแค่พลังเท่านั้นที่ไม่เลว”
ชายชราเบี่ยงตัวหลบ เหมือนกับคาดการณ์ล่วงหน้าแล้วว่าประกายดาบจะปรากฏขึ้นด้านหลัง จึงย้ายตำแหน่งก่อนครึ่งวินาที
ฟ้าว!
ประกายดาบโผล่แวบ ก่อนฟันใส่ความว่างเปล่า
“ใช้ได้นี่!” ลู่เซิ่งเริ่มสนใจ ฟันดาบใส่ชายชราอีกครั้ง
“ท้อขาว” ในตอนที่เขาฟันดาบนั่นเอง ชายชราก็เสือกกระบี่ขาวในมือออกมา
เกิดเสียงสวบดังมาเบาๆ
ลู่เซิ่งหยุดนิ่ง ทรวงอกฉีกเป็นรูเลือดขนาดใหญ่โดยอัตโนมัติ
รูเลือดที่ยาวมากกว่าพันหมี่แทบจะฟันทรวงอกของเขาออกเป็นสองส่วน
“ดูให้ดี กระบี่ ใช้อย่างนี้” ชายชรายกมือขึ้นแล้วแทงกระบี่ครั้งที่สอง “ไพรดำ”
คมกระบี่ไร้รูปร่างข้ามระยะห่างฟันใส่แขนขวาของลู่เซิ่งในพริบตา
เกิดเสียงดังสวบ แขนขวาของลู่เซิ่งขาดออกจากร่าง
“ทรายเหลืองทั่วนภา” ชายชราแทงกระบี่ที่สาม คมกระบี่ปรากฏแสงสีขาวเลือนรางเหมือนผู้บำเพ็ญเพียรระดับต่ำสุดโคจรกำลังภายในใส่ตัวกระบี่เป็นครั้งแรก
ลู่เซิ่งตัวแข็งทื่อ ในที่สุดกลางหว่างคิ้วก็ปรากฏรอยเลือดสีแดงเข้มหลายจุด
“ข้า…ข้า…” เขาคิดจะพูดอะไรสักอย่าง ทว่าเวลานี้ไม่มีแรงเหลือพอที่จะส่งเสียงออกมาแล้ว
ตูม!
ร่างลู่เซิ่งระเบิดอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น กลายเป็นเศษควันดำและกองเลือดนับไม่ถ้วน
“มารสวรรค์เป็นอมตะ ยังต้องมีขั้นตอนสุดท้าย ผนึก” ชายชรายกมืออีกรอบด้วยสีหน้าราบเรียบ
“เจ้ามาจัดการเสีย ซิวลา เจ้าที่ควบคุมผนึกอริยะของสำนัก น่าจะยังไม่ลืมวิธีผนึกมารสวรรค์กระมัง” ชายชรามองหลี่ซิวลาที่อยู่ไกลออกไปด้วยสีหน้าราบเรียบ
“แน่นอนขอรับ” หลี่ซิวลาคลานลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล สะกดอัคคีอนธการสีดำอมม่วงในตัวไว้ชั่วคราว
“แต่…ลู่เซิ่งนั่น…ไม่น่าจะตายง่ายดายเช่นนี้ พลังของมันไม่มีทาง…”
“ไม่ต้องห่วง การสะกดด้วยปราณกระบี่ของข้า สามารถฆ่ามันได้สามสิบครั้งต่อวินาที ต่อให้จะเป็นอนธการมารสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่ข้าเคยเจอ ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองวินาทีต่อหนึ่งการคืนชีพ มารสวรรค์ที่เพิ่งเลื่อนระดับไม่น่ากลัวหรอก”
ชายชราหรี่ตาเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงความภาคภูมิใจ
“สามสิบครั้ง!” หลี่ซิวลาม่านตาหดตัว เขาจำได้ว่าตอนอาจารย์เพิ่งถอยหลังเร้นกาย ทำได้เพียงโคจรปราณกระบี่สิบห้าครั้งต่อวินาทีเท่านี้ ตอนนี้ถึงกับ…ถึงกับ!
ขอบเขตนี้…ได้หลุดจากบรรดาบรรพจารย์ที่รับสืบทอดสำนักวิญญาณไตรอริยะทั้งหมดไปแล้ว เป็นระดับที่สร้างพรรคกระบี่ได้อีกพรรคหนึ่งเลยทีเดียว
……………………………………….