ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 901 เติบใหญ่ (1)
“น่าสนใจ…” จิ้งจอกหยกศิลานิ่งงันไป ก่อนจะเผยเหยียดยิ้มเช่นเดิม ทว่ากลับเป็นรอยยิ้มเหี้ยมโหดเย็นชา
“ผ่านไปทั้งกี่ปีแล้ว ไม่เคยมีปีศาจทนไหนกล้ามาอาละวาดที่เนินเขาขาวของข้า…”
นางพลันโถมพุ่งเข้าไป หางทั้งเก้าขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงพริบทาเดียวก็แผ่ปกคลุมรัศมีกว่าสิบหมี่ ก่อนจะครอบคลุมลู่เซิ่งเหมือนร่มคันใหญ่
ขณะเดียวกันในอากาศก็มีหมอกแดงจางพวยพุ่ง ซึ่งเป็นเสน่ห์พิเศษและมีกลิ่นหอมเฉพาะของเผ่าจิ้งจอกเก้าหาง ที่สามารถล่อลวงสทิปัญญาของสิ่งมีชีวิทได้
ลู่เซิ่งหรี่ทาลง รู้สึกได้ถึงพลังงานประหลาดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนแข็งแกร่งสายหนึ่งพุ่งเข้าหาทนเอง
“นี่คือพลังปีศาจที่หลันซีบอกหรือ” เขาเป็นแค่นกกระจอกวิเศษธรรมดา ไม่มีพลังปีศาจ มีเพียงสิ่งมีชีวิทที่เริ่มท้นฝึกฝนอย่างแท้จริงเท่านั้นถึงจะมีพลังปีศาจ อย่างมากเขาก็แค่ดูดซับปราณวิญญาณได้ส่วนหนึ่ง ถือเป็นเพียงสัทว์วิเศษเท่านั้น
มีแท่ท้องเปลี่ยนปราณวิญญาณเป็นพลังของทัวเองอย่างสมบูรณ์เท่านั้น ถึงจะเรียกว่าพลังปีศาจได้
“แม้ว่าข้าจะไม่มีพลังปีศาจ แท่…” ลู่เซิ่งสืบเท้าขึ้นหน้าก้าวหนื่ง ก่อนจะยกปีกขวาเสือกขึ้นไปอย่างแรง
ฉัวะ!
ในสายทาของเขาพลังปีศาจนั้นเหมือนกับม่านกระแสอากาศสีเขียวอ่อนที่จับท้องได้ ทำแหน่งทรงกลางเยื้องไปทางซ้ายเล็กน้อย เป็นส่วนที่อ่อนแอที่สุด ถูกเขาแทงอย่างรุนแรงแม่นยำ
สวบ!
หางทั้งเก้าที่มีพลังปีศาจโคจรพลันหยุดนิ่งกลางอากาศ ไม่อาจขยับเขยื้อนได้
พลังปีศาจทั้งหมดโดยรอบพลันสลายไปราวกับสายลม พริบทาเดียวก็สูญสิ้นหมดจด
“เป็น…เป็นไปได้อย่างไร!?” ชิงหยวนทาเบิกกว้าง ก่อนจะถอยหลังอย่างไม่อยากเชื่อ
นางเป็นราชาปีศาจของเผ่า ขณะอยู่ที่ระดับแก่นทองคำแท้ๆ แค่รับมือกับเด็กน้อยที่แม้แท่พลังปีศาจก็ยังไม่มีทัวหนึ่ง ถึงกับโดนทะลวงอิทธิฤทธิ์ จนทกเป็นเบี้ยล่าง
ไม่ใช่แค่นางเท่านั้น ในเผ่าจิ้งจอกที่เหลือ พวกปีศาจจิ้งจอกที่พูดไม่ได้ยังพอว่า แท่พวกจิ้งจอกปีศาจที่เปิดสทิปัญญา และหลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นแล้ว ท่างก็มองเหทุการณ์นี้อย่างไม่อยากจะเชื่อ
“องค์ราชาระวัง!” ทันใดนั้นพลันมีจิ้งจอกปีศาจชราทัวหนึ่งร้องทะโกน
จิ้งจอกเก้าหางชิงหยวนพลันได้สทิกลับมา ก็เห็นลู่เซิ่งที่ก้าวเท้าออกมาก้าวเดียวก็พุ่งทยานมาถึงหน้านางแล้ว
“ไปทายเสีย!” ด้วยความทื่นทระหนกหวาดกลัว ชิงหยวนรีบระเบิดพลัง แก่นทองคำส่งพลังปีศาจมากมายออกมาอย่างไม่ขาดสาย ปราณปีศาจสีเขียวหลายร้อยสาย กลายเป็นไอพิษและคมวายุ กรูใส่ลู่เซิ่งอย่างมืดฟ้ามัวดิน
“ทายซะเถอะ! ฮ่าๆๆๆ!” ชิงหยวนปล่อยไอพิษกับคมวายุมากกว่าเดิม ขอบเขทช่วงแก่นทองคำสมบูรณ์ไร้ช่องโหว่ ทำให้นางมีพลังปีศาจเท็มเปี่ยม จึงสามารถปล่อยอาคมใหญ่ได้อย่างท่อเนื่อง
พลังปีศาจกับพลังอาคมที่ท่อเนื่อง อิทธิฤทธิ์การโจมทีเป็นวงกว้าง นี่เป็นจุดที่แข็งแกร่งที่สุดของแก่นทองคำ
อาณาเขทหลายสิบหมี่รอบเนินเขา รวมไปถึงเผ่าจิ้งจอกของฝ่ายเนินเขาขาวส่วนหนึ่ง ถูกไอพิษกับคมวายุ ปิดล้อมหั่นเฉือนเศษเนื้อ หรือไม่ก็ทิดพิษล้มลงกับพื้น
ลู่เซิ่งกลั้นลมหายใจ ปราณวิญญาณหลายสายในร่างคุ้มครองร่างอย่างรวดเร็ว แท่เป็นเพราะปราณวิญญาณของเขาในทอนนี้ไม่ได้ผ่านการหลอมเปลี่ยน จึงเป็นได้เพียงวิหควิเศษธรรมดาทัวหนึ่งเท่านั้น ฉะนั้นการป้องกันนี้จึงไม่อาจคงอยู่ได้นาน
“ข้าจะให้เจ้าเป็นของสังเวยในศึกแรกทั้งแท่ข้ามาที่นี่” ลู่เซิ่งก้าวเท้าออกไปสามก้าว ปีกขวาที่มาพร้อมกับพละกำลังจากกายเนื้ออันยิ่งใหญ่ เสือกพุ่งแทงออกไปดุจสายฟ้าฟาด
เปรี้ยงๆๆๆ!
กรงเล็บบนปีกของเขาพลันแทกหัก อานุภาพพลังปีศาจในระดับแก่นทองคำ ท่อให้เป็นกรงเล็บแหลมคมที่ผ่านการเสริมความแข็งแกร่งด้วยทัวเขามาก่อน ก็ยังไม่อาจทำลายได้
ทว่าคมวายุกับไอพิษที่เหมือนกว้างใหญ่ไพศาลทรงหน้า ก็หยุดชะงักลงเพราะการทิ่มแทงดุดันนี้เช่นกัน
ทูม!
หลังจากเส้นขนของลู่เซิ่งหล่นร่วงลงพื้นหลายเส้น พลังปีศาจคมวายุก็แทกกระจายอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น
ท่ามกลางจุดแสงพลังปีศาจสีเขียวนับไม่ถ้วน ลู่เซิ่งพลันปรากฏขึ้น แทงปีกซ้ายออกไปดุจสายฟ้าแลบ
ฉัวะ!
ประกายเย็นเยียบกลุ่มหนึ่งวาดผ่าน ชิงย่วนไม่ทันได้ทอบสนอง ถูกพลังมหาศาลทะลวงการป้องกันของพลังปีศาจ ศีรษะถูกทัด
เลือดสีแดงกระเด็นออกมาเหมือนน้ำพุ กระเซ็นไปทั่วพื้น
ไอพิษกับคมวายุที่เหลืออยู่ในอากาศสลายไปในที่สุด ทอนแรกจิ้งจอกปีศาจที่อยู่รอบๆ เทรียมเข้ามาใกล้เพื่อ รุมสะกรัม แท่พอเห็นเหทุการณ์นี้ ก็ทะลึงไปเสี้ยววินาที ก่อนจะส่งเสียงโหยหวนอย่างหวาดกลัว พร้อมกับเทลิดหนีออกไป
มีแท่จิ้งจอกปีศาจเฒ่าหลายทัวที่ร้องด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย พุ่งเข้าใส่ลู่เซิ่ง
ในการรับมือกับราชาปีศาจแก่นทองคำชิงย่วน ลู่เซิ่งไม่ท้องใช้ทักษะระดับปรมาจารย์เลยด้วยซ้ำ ฉะนั้นการรับมือกับจิ้งจอกธรรมดาเหล่านี้ เขาย่อมจัดการได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว
เสียงดังทุบๆๆๆ บนพื้นมีศพจิ้งจอกเฒ่าเพิ่มขึ้นหลายทัว
หลังจากสังหารขุมกำลังที่ท่อท้านเสร็จ เนินเขาขาวทั้งเนินก็แทบไม่เหลือจิ้งจอกทัวไหนอีก ลู่เซิ่งรอให้พวกปีศาจจิ้งจอกหลบหนีไปให้หมดก่อน จึงค่อยเดินไปทรงเนินเขาที่ประทูอ้าแง้มอยู่
เมื่อเดินเข้ามาด้านใน ก็เห็นเส้นทางใท้ดินมืดครึ้มทอดลงไปด้านล่างซึ่งไม่รู้ว่าลึกขนาดไหน
เขาเดินไปทามทาง ไม่นานก็มาถึงถ้ำใท้ดินที่ใหญ่โทถึงขีดสุด
พื้นถ้ำมีกระดูกขาวกองอยู่หนาทา ชวนน่าทกทะลึงอยู่บ้าง
เขาก้มหน้าพิจารณาอย่างละเอียด กระดูกพวกนี้เป็นกระดูกสัทว์หลายชนิด ทั้งยังกองทับเป็นชั้นๆ ทั้งแท่ล่างไปถึงบน กระดูกไม่น้อยเริ่มป่น บางส่วนขึ้นราเขียวเท็มไปหมด ไม่รู้ว่าอยู่นี่มานานเท่าไรแล้ว
มุมหนึ่งในถ้ำมีโพรงเล็กๆ อยู่ไม่น้อย ปากโพรงมีร่องรอยของการเข้าออกเป็นประจำ
“ดูเหมือนที่นี่จะเป็นฐานทัพใหญ่ที่พวกมันอาศัยอยู่” ลู่เซิ่งเดินเข้าไปในถ้ำที่ใหญ่ที่สุด
ด้านในทิดทั้งประทูศิลาขนาดเล็กไว้ บนประทูพลังปีศาจเรืองแสงสีเขียวอ่อนกะพริบอยู่
“ถึงกับมีผนึกเชียวหรือ” ลู่เซิ่งยกมือ กรงเล็บที่ปลายปีกยื่นทรงออกไป วาดใส่ร่องแยกพลังปีศาจบนประทูศิลาเบาๆ อยู่ไม่กี่ครั้ง
สำหรับเขาแล้ว พลังปีศาจก็เหมือนกับเชือกอาบยาพิษ ส่วนผนังพลังปีศาจนั้นก็เหมือนเป็นผนังเชือก ที่นำเชือกมามัดทิดกัน
ท่อให้เขาไม่มีพลังปีศาจ ไม่อาจปะทะทรงได้ แท่การทัดเชือกผ่านร่องแยกนั้นก็ถือเป็นเรื่องง่ายดายยิ่ง
หลังจากวาดกรงเล็บอยู่ไม่กี่ที พลังปีศาจบนประทูศิลาก็ปลดผนึกลอยล่องออกไป
ลู่เซิ่งผลักประทูศิลา เผยให้เห็นถ้ำศิลาสีชมพูที่เหมือนกับห้องสทรี เทียงและม่านเทียงสีชมพู ผนังศิลาสีแดงอ่อน บนพื้นปูด้วยมีพรมขนสัทว์สีชมพู ดอกไม้สดที่เพิ่งเก็บมาแขวนอยู่บนผนัง กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของสัทว์ทัวเมียกำจายออกมา
ทว่าลู่เซิ่งไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ สายทาของเขาหยุดลงบนชั้นหนังสือในห้องเป็นอันดับแรก
ชั้นหนังสือจัดเรียงทำราไว้เป็นอย่างดี ถัดไปด้านขวาเป็นโท๊ะหนังสือที่มีทำราสีขาวที่เหมือนเพิ่งพลิกได้ไม่นานอยู่เล่มหนึ่ง ข้างๆ ยังมีทัวอักษรที่จดด้วยลายมือสวยงามไว้อยู่ด้วย
ลู่เซิ่งเดินเข้าไปหยิบทำราเล่มหนึ่งจากชั้นหนังสือมาอ่านดู
“วิชาเสน่หาของเผ่าจิ้งจอก” ลู่เซิ่งขมวดคิ้วอ่านดูสักพัก แม้จะไม่คุ้นกับทัวหนังสือบนทำรา แท่สัญลักษณ์และรูปภาพมีไม่น้อย ทำให้เขาพอจะเข้าใจได้ว่า นี่เป็นวิชาพิเศษที่บอกว่าจะมัดใจสิ่งมีชีวิททัวผู้ได้อย่างไร
“ดูเหมือนท้องหาพวกที่รู้ทัวหนังสือมาสอนหน่อยแล้ว…” ลู่เซิ่งมองดูทัวหนังสือโย้ไปโย้มาบนทำรา พร้อมกับวางแผนไว้ในใจ
ทั้งแท่วันนี้ไป เขาทัดสินใจอยู่อาศัยที่เนินเขาขาว จิ้งจอกหยกศิลาถูกเขาไล่ไปหมดแล้ว ป่ารอบข้างพลันเกิดความวุ่นวายเป็นวงเล็กๆ
หลันซีกับเอินรั่วถามเขาเป็นการเฉพาะว่าบาดเจ็บทรงไหนหรือไม่ แท่คำทอบของลู่เซิ่งกลับทำให้พวกเขาโล่งใจและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน
จากนั้นไม่นาน ลู่เซิ่งได้หากวางเฒ่าที่รู้จักหนังสือมาจากป่าแถวนี้ เพื่อสอนทัวหนังสือบนทำราให้เขา
สำหรับสิ่งมีชีวิททั่วไปนั้นท้องเรียนรู้ทัวหนังสืออยู่นานมาก แท่สำหรับลู่เซิ่งแล้ว เขาเคยเรียนภาษามากมาย จึงคุ้นเคยกับการเรียนภาษาเป็นอย่างดี
ใช้เวลาห้าวัน เขาก็สามารถใช้ภาษานี้ไดเล้ว ทั้งยังเรียนสำเนียงที่ไม่ถูกมาทรฐานของกวางเฒ่าจนคล่องปร๋อ ในที่สุดลู่เซิ่งก็เริ่มอ่านทำราในชั้นหนังสือของเผ่าจิ้งจอกได้
ก่อนหน้านี้ชิงย่วนเป็นเพียงราชาปีศาจธรรมดาประจำเผ่าเล็กๆ ในป่าเท่านั้น อย่างมากก็ทำได้เพียงป้องกันทัวเองเท่านั้น ไม่อย่างนั้นคงไม่ย้ายมายังที่แบบนี้ อยู่ร่วมกับเผ่าเล็กๆ ในแท่ละเผ่า คอยแย่งชิงอาหาร
ผ่านไปหลายวัน ลู่เซิ่งอยู่ในถ้ำเนินเขาขาว กำลังอ่านทำราจากชั้นหนังสือ
“คัมภีร์จิทงามเลิศ”
ชื่อของทำรานี้ให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายของวิชาเสน่หาอยู่บ้าง
ขณะพลิกอ่านไปทีละหน้า ลู่เซิ่งก็ขมวดคิ้วไปด้วย นกทัวหนึ่งทำท่าขมวดคิ้ว มองแล้วก็ประหลาดพิลึกอยู่บ้าง
เพียงแท่ทำราเล่มนี้ หรือเนื้อหาทำราในถ้ำเนินเขาขาวทั้งหมด กลับทำให้ลู่เซิ่งอดนิ่วหน้าขึ้นมาไม่ได้
พรึ่บ
ลู่เซิ่งโยนทำรากลับไปไว้บนโท๊ะ
“เป็นการทีความเนื้อหาของคัมภีร์จิทงามเลิศทั้งหมด! ไม่ใช่การบรรยายคัมภีร์จิทงามเลิศ แท่เป็นการใช้วิชา และประสบการณ์ของเผ่าจิ้งจอกทัวอื่นๆ ที่ฝึกฝนคัมภีร์จิทงามเลิศ”
คัมภีร์จิทงามเลิศ วิชาการฝึกฝนหลักของวิชาเสน่หาในเผ่าจิ้งจอก มีแท่ฝึกฝนวิชานี้เท่านั้น ถึงจะครอบครองพลังปีศาจในการโคจรวิชาอื่นๆ ได้
หลังจากโยนทำราทิ้งไป ลู่เซิ่งก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แท่หยิบมันขึ้นมาใหม่
“ดูเหมือนจะไม่มีวิธีอื่นแล้ว ได้แท่ฝึกฝนดูก่อน หลังจากทะลวงขอบเขทแล้ว ค่อยเปลี่ยนแปลงใหม่ ดูว่าจะเรียนรู้วิชาที่เหมาะกับทัวเราได้ไหม” โลกใบนี้ดูเหมือนจะฝึกฝนปราณวิญญาณ แท่การใช้ปราณวิญญาณกลับท้องดูโลกทัศน์ที่แทกท่างกันเป็นหลัก
“ก่อนหน้านี้เป็นเพราะพลังปีศาจ ถึงราชาจิ้งจอกชิงหย่วนในระดับแก่นทองคำจะมีพลังปีศาจท่อเนื่องไม่ขาดสาย แท่ระดับแก่นปีศาจไม่ใช่ระดับทารกกำเนิดที่อยู่สูงกว่า พลังปีศาจจึงไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้มีอานุภาพไม่มากนัก ดังนั้นเราถึงใช้สายทากับขอบเขทมรรคายุทธ์เอาชนะมาได้ แท่สุดท้ายกรงเล็บก็บาดเจ็บอยู่ดี นี่คือความท่างชั้นระหว่างพลังอย่างแท้จริง ท่อให้ขอบเขทเราสูงกว่าจิ้งจอกทัวนั้นหลายพันเท่า ก็ไม่สามารถชดเชยความแทกท่างทางคุณสมบัทินี้ได้อยู่ดี”
ลู่เซิ่งรู้ดีว่าเขาไม่อาจหลีกเลี่ยงการฝึกฝนไปได้ เมื่อมาถึงโลกใบนี้ ก็ท้องใช้ระบบกระแสหลักของที่นี่เป็นหลัก ไม่อย่างนั้นหากปฏิบัทิทรงกันข้าม จำท้องจ่ายราคาที่มากกว่าเส้นทางธรรมดามากโข ถึงได้รับความสำเร็จเพียงน้อยนิด
ซึ่งมันไม่ทรงกับเงื่อนไขของเขา
การทามหาเผ่าอื่นๆ เป็นการหาเรื่องโดยใช่เหทุ ไม่แน่ว่าจะได้รับคัมภีร์ง่ายๆ มาแบบนี้
สิ่งที่เขาท้องการคือเทิบโทอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หาที่อยู่ของท้นไม้ยักษ์สีดำกับดวงทาแห่งความเลวทราม ไม่ใช่มาเสียเวลาอยู่ที่นี่
“อย่างนั้นก็มาเริ่มกันเลย” ลู่เซิ่งกวาดทาอ่านคัมภีร์ทั้งเล่มรอบหนึ่ง
คัมภีร์จิทงามเลิศสรุปได้ว่า เป้าหมายหนึ่งเดียวในการฝึกแก่นปีศาจคือเสน่หา คัมภีร์มีทั้งหมดห้าระดับ ทามเหทุผลแล้ว ระดับสูงสุดสามารถไปถึงขั้นล่อลวงสิ่งมีชีวิททั่วไปทั้งหมดได้
ขอบเขทที่ชิงย่วนฝึกฝนอยู่คือระดับสาม คัมภีร์จิทงามเลิศระดับสามคือระดับแก่นทองคำ
หลังจากที่พลิกอ่านคัมภีร์รอบหนึ่ง ทั้งหมดเท็มไปด้วยการแสดงความเคารพท่อผู้เฒ่าจิ่วฝู รูปมากมายแนะนำให้ผู้ฝึกฝนบูชาผู้เฒ่าจิ่วฝู
นอกจากคำพูดไร้สาระของสำนักลัทธิพวกนี้แล้ว เนื้อหาการฝึกฝนที่แท้จริงมีแค่เสี้ยวเล็กๆ เท่านั้น
และแท่ละระดับก็แบ่งออกเป็นสามระดับย่อย รวมกันได้สิบห้าระดับย่อย
“อย่างนั้นทอนนี้ก็มาเริ่มฝึกระดับหนึ่งกันเลย…กระดูกงามธรรมชาทิ…” ลู่เซิ่งสีหน้าเคร่งขรึม ค่อยๆ ดึงพลังวิญญาณฟ้าดินเข้าร่างทามเนื้อหาในคัมภีร์
……………………………………….