ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 902 เติบใหญ่ (2)
พลังวิญญาณไหลเข้าสู่ร่าง ไม่นานก็กลายเป็นวงจรเล็กๆ สมบูรณ์แบบตามจุดลมปราณ
“สัมผัสปราณได้แล้ว…” ลู่เซิ่งตาเป็นประกาย
“ดีปบลู”
ขอเพียงแค่สัมผัสถึงปราณได้ ก็จะสามารถใช้ดีปบลูได้
อินเตอร์เฟซสีฟ้าปรากฏออกมาตรงหน้าเขา
ลู่เซิ่งใช้ความคิด กรอบทั้งหมดหดเล็กลง เหลือเพียงกรอบของคัมภีร์จิตงามเลิศเท่านั้น
“คัมภีร์จิตงามเลิศ: เบื้องต้น (ทั้งหมดสิบห้าระดับ)”
กดปุ่มปรับเปลี่ยนอย่างคุ้นเคย จากนั้นเขาก็สั่งความคิด
“ยกระดับคัมภีร์จิตงามเลิศหนึ่งระดับ”
ซู่…
กรอบพลันพร่ามัว ลู่เซิ่งสัมผัสได้ว่าตรงหน้าอกมีพลังอาวรณ์หายไป จากนั้น พลังอาวรณ์ทั้งหมดก็กลายเป็นพลังปีศาจที่บริสุทธิ์สายหนึ่ง เติมเต็มส่วนต่างๆ ของร่างกาย
พลังปีศาจไหลเวียนอย่างรวดเร็วตามวงจรเล็กๆ ของคัมภีร์จิตงามเลิศ ภายในถ้ำเผยให้เห็นรูปลักษณ์ของลู่เซิ่งค่อยๆ งดงามขึ้นอย่างน่าประหลาด
เส้นขนของเขาแวววาวนุ่มนิ่มขึ้น ร่างกายสูงใหญ่งดงามกว่าเดิม ลำตัวสัดส่วนโค้งอ้อนแอ้นเช่นสตรี
ถึงแม้ใบหน้าจะก็ยังเป็นเช่นนกอยู่ แต่เมื่อมองพินิจแล้วก็รู้สึกถึงความงดงามวิจิตร และเนียนละออแล้ว
ไม่นานกรอบก็ชัดขึ้นอีกครั้ง
“คัมภีร์จิตเลิศ ระดับแรกขอบเขตที่หนึ่ง กระดูกงามธรรมชาติ (คุณสมบัติพิเศษ โปรยเสน่ห์พวกเดียวกัน ควบคุมพลังปีศาจ พละกำลังลดลง เพิ่มความว่องไว ความสามารถในการสืบพันธุ์เพิ่มขึ้น)”
“…” ลู่เซิ่งมองคุณสมบัติพิเศษที่ปรากฏขึ้นมาใหม่ สีหน้าพลันคร่ำเคร่งขึ้น
“พละกำลังลดลงหรือ ไม่ได้สิ พละกำลังจะลดลงได้อย่างไร ดูเหมือนว่าต้องเรียนรู้วิชาให้เร็วที่สุดซะแล้ว”
ดวงตาของเขาฉายประกายเย็นเยียบ
ดังนั้น อีกหลายวันให้หลัง เขาทดลองเรียนรู้คัมภีร์จิตงามเลิศแบบใหม่ตลอดเวลา เพียงแต่ตำราที่เก็บอยู่ที่นี่มีน้อยเกินไปจริงๆ หลังจากสิ้นเปลืองพลังอาวรณ์ไปไม่น้อย ในที่สุดเขาก็พัฒนาคัมภีร์จิตงามเลิศฉบับปรับปรุงออกมาได้ แล้ว ซึ่งฉบับปรับปรุงนี้ได้ขจัดคุณสมบัติการลดพละกำลังออกไป
ค่าตอบแทนคือพลังเสน่ห์ลดลงเล็กน้อย
…
ครึ่งเดือนต่อมา…
ณ ถ้ำในเนินเขาขาว
นกปากหมาป่าภูเขาแดงสามตัวเฝ้าอยู่นอกประตูอย่างดุร้าย กวาดตามองสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ผ่านไปผ่านมา
นกล่าเนื้อนิสัยดุร้ายพวกนี้ ปีกกว้างใหญ่ ช่วงคอทรงพลัง ขนสีแดงตรงอกหย่อมหนึ่ง ฟันเลื่อยแหลมคมเต็มปาก ยื่นออกไปด้านหน้าเหมือนหมาป่า เหี้ยมเกรียมแปลกพิสดารยิ่ง
เป็นนกร้ายกาจไม่กี่ชนิด ที่ไม่มีพลังพิเศษแต่สามารถต่อกรกับนกกระจอกวิเศษได้
นับตั้งแต่ถูกลู่เซิ่งสั่งสอนไปในครั้งนั้น พวกมันก็เฝ้ารออยู่ที่นี่มาโดยตลอด นับถือลู่เซิ่งที่เอาชนะพวกมันได้อย่างง่ายดาย ชนิดที่ว่าหมดกายหมดใจ
ลู่เซิ่งขาดลูกน้องให้เรียกใช้งานพอดี ก็เลยรับนกทั้งสามตัวนี้ไว้
นกทั้งสามตัว ตัวหัวหน้าชื่อหงกวง[1] ตัวรองชื่อหงเติง[2]และตัวที่สามชื่อส่าต้าน[3]
แม้ชื่อจะไม่น่าฟังเท่าไร แต่ไม่ว่าจะทำสิ่งใด นกทั้งสามตัวนี้ก็ร่วมรุกร่วมต้านด้วยกัน
“นายท่านบอกว่า หลังออกจากการกักตนครั้งนี้ จะมอบสิ่งตอบแทนให้พวกเรา ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไร” หงกวงพึมพำเบาๆ
“ข้าว่านายท่านรังเกียจพวกเราที่มีพลังน้อยเกินไป แม้แต่เรื่องเล็กๆ ก็ทำไม่ได้ เลยคิดจะชี้แนะพวกเรา…” หงเติงตัวรองเอ่ยอย่างจริงจัง เขาเป็นตัวที่มีสติปัญญาที่สุดในหมู่นกทั้งสาม
“อย่าไปคิดเลย นกที่แข็งแกร่งอย่างนายท่าน ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะทำความเข้าใจได้! พวกเราแค่ติดตามก็พอแล้ว!” ส่าต้านไม่นำพาแม้แต่น้อย
“พูดถูกแล้ว”
ขณะที่นกทั้งสามตัวกำลังสุมหัวกันอยู่หน้าถ้ำ ในที่สุดประตูถ้ำก็เปิดออก
ในถ้ำมีควันสีดำขมุกขมัวไหลทะลักลอยออกมาด้านนอก
กลางเงาดำ กรงเล็บแหลมสีเหลืองอ่อนหยาบใหญ่และเต็มไปด้วยเส้นเอ็นค่อยๆ ปรากฏออกมา เหยียบลงบนพื้นนอกถ้ำ
และตามมาด้วยกรงเล็บอีกข้าง
แค่กรงเล็บก็มีเส้นผ่าศูนย์กลางกว่าหนึ่งหมี่แล้ว
เวลานี้นกปากหมาป่าภูเขาแดงทั้งสามตัวต่างก็ถูกการเคลื่อนไหวดึงดูดความสนใจ หันหน้าไปมอง พลันอ้าปากกว้าง
ไม่นานนัก ก็เผยให้เห็นมนุษย์นกสูงใหญ่กล้ามเนื้อกำยำ เต็มไปด้วยขนสีฟ้า ก้มตัวเดินออกมาจากประตูถ้ำ
มนุษย์นกใช้สองปีกแทนมือ สองขายืนตรง ขนบนร่างลู่ลง สวมเสื้อคลุมสีแดง ปากแหลมดุร้าย
สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือ คำว่า “เสน่ห์” สีแดงสดที่สลักอยู่บนแก้มขวา
“สมกับเป็นคัมภีร์จิตงามเลิศ…ร่างสมบูรณ์แบบที่เต็มไปด้วยความงามนี้…เป็นครั้งแรกที่เราฝึกฝนรูปร่างที่สมบูรณ์แบบนี้ได้เป็นครั้งแรก!” ลู่เซิ่งก้มพิจารณาตัวเอง เขานึกไม่ถึงเลยว่า คัมภีร์ที่ใช้เสน่ห์เป็นหลัก จะทำให้ได้รับร่างกายที่แข็งแกร่งแบบนี้โดยอัตโนมัติหลังจากปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“เป็นอย่างที่คิด…แม้แต่ธรรมชาติก็ยอมรับมุมมองด้านความงามแห่งพละกำลังของเราแล้วสินะ” ลู่เซิ่งถอนใจอย่างพอใจ
“นะ…นายท่าน...!?”
นกปากหมาป่าภูเขาแดงทั้งสามตัวต่างตะลึงงันเป็นไม้แกะสลักรูปไก่ จ้องมองลู่เซิ่งอย่างโง่งม เพิ่งผ่านไปไม่นาน นายท่านกลับตัวใหญ่ขึ้นอีกแล้ว
“พวกเจ้าทำได้ดีมาก” ลู่เซิ่งพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง ข้าได้บัญญัติวิชาฝึกฝนเฉพาะให้แก่นกที่อยู่ใต้สังกัดของข้าแล้ว พวกเจ้าเองก็มีเช่นกัน”
เขาเบี่ยงตัวชี้ปากถ้ำที่ด้านในมืดสนิท
“เข้ามาเถอะ ข้าจะถ่ายทอดให้พวกเจ้า”
นกปากหมาป่าภูเขาแดงทั้งสามตัวพลันได้สติ พากันกราบกรานขอบคุณลู่เซิ่งอย่างลิงโลด
…
บนยอดเขาสีแดงฉานที่ลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิง ตำหนักศิลาสีแดงเข้มตั้งอยู่
ด้านในตำหนักจัดแสดงดนตรีร่ายรำ ส่งเสียงเพลงไพเราะดังออกมา
ตำหนักแสนงามงดเต็มไปด้วยผลึกสีแดงฉาน สตรีสวมกระโปรงขาวกลุ่มหนึ่งสะบัดผ้าขาว เห็นผิวกายวับๆ แวมๆ อยู่เบื้องหลังสตรีเลอโฉมที่ร่ายรำนำอยู่ข้างหน้า ต่างร้องเพลงร่ายรำให้แก่แขกเหรื่อ และราชินีสององค์บนบัลลังก์
เมื่อการบรรเลงร่ายรำเริ่มต้นได้สักพัก ผู้ร่ายรำก็ถอยออกไป ก่อนที่สตรีที่ร่ายรำนำอยู่ด้านหน้าก็กลับออกไปเบื้องหลังเช่นกัน ใบหน้างามเย็นชาลงเล็กน้อย
“ชิงย่วนยังไม่กลับมาอีกหรือ นี่มันเวลาใดแล้ว นางต้องการส่วนแบ่งประจำปีของเนินเขาขาวอยู่อีกหรือไม่”
“องค์ราชินีโปรดระงับโทสะ”
หญิงสาวที่อยู่โดยรอบคุกเข่าขออภัย
“ในเผ่าของน้องชิงย่วนต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอนเพคะ จึงล่าช้าหลายวันเช่นนี้ ขอพระองค์กรุณาให้เวลานางอีกหน่อยเถิดเพคะ”
“หรือว่าพวกเราจะส่งคนไป เพื่อดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นดีหรือไม่”
“ถูกต้อง บางทีอาจเจอเรื่องเร่วด่วนอะไรเข้า ด้วยนิสัยของน้องชิงย่วน การแสดงสำคัญเช่นนี้ไม่มีทางไม่มาเด็ดขาด”
เหล่าหญิงสาวพากันเอ่ยคาดเดา
สตรีที่ถูกเรียกว่าองค์ราชินีแค่นเสียง
“เรื่องนี้ให้จิ่วจิวไปจัดการ รีบพาเด็กน้อยชิงย่วนกลับมาให้เร็วที่สุด ตอนนี้ยังให้ตัวสำรองไปแทนได้อยู่ แต่วันหน้าจะมีงานเลี้ยงใหญ่แล้ว ถึงตอนนั้นก็ไม่มีใครมาแทนได้ การแสดงที่จัดไว้ขาดนางไปคนหนึ่ง ทำให้มีข้อบกพร่องได้ อีกทั้งจะจัดแถวใหม่ก็ไม่ทันการแล้ว…”
หญิงสาวผมสีม่วงน่ารักซุกซนคนหนึ่งแลบลิ้น
“เชื่อมือจิ่วจิวได้เลยเพคะ! นับตั้งแต่เลื่อนเป็นระดับทารกกำเนิด ก็ยังไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมือสักครั้ง ครั้งนี้น้องชิงย่วนทำผิดพอดี อาจได้ใช้ประโยชน์แล้ว”
…
หลังจากกักตน ลู่เซิ่งก็ทะลวงขอบเขตย่อยทั้งหมดห้าระดับของระดับแรกได้สำเร็จ อยู่ที่ระดับหลอมปราณ ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายต้องปรับตัวกับพลังปีศาจ เขาถึงขั้นสามารถเรียนรู้เข้าสู่ระดับสอง หรือช่วงสร้างรากฐานได้ทันที
และเป็นเพราะสาเหตุนี้ ร่างกายของเขาจึงขยายใหญ่ขึ้นอีกภายใต้การสนับสนุนจากพลังปีศาจ
หลังจากออกมาได้เจ็ดวัน เขาก็ใหญ่ขึ้นอีกกว่าหนึ่งหมี่ จนกลายเป็นสัตว์ยักษ์สูงกว่าสี่หมี่ และกางปีกได้ถึงสี่หมี่
เขาจดจำคัมภีร์จิตงามเลิศได้ขึ้นใจแล้ว ในขณะที่รอให้ร่างกายฟื้นฟู ลู่เซิ่งก็เริ่มรวบรวมเผ่าพันธุ์นกทั้งหมดที่อยู่ในป่าละแวกนี้อย่างใหญ่โต
ในเวลาเดียวกันก็เริ่มถ่ายทอดคัมภีร์จิตงามเลิศฉบับปรับปรุงแบบง่ายให้พวกมันไปด้วย
คัมภีร์แบบง่ายนี้ ขณะที่ฝึกฝนดูดซับพลังปีศาจ ยังสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่เลือดลมของพวกมัน เพื่อส่งเสริมคุณสมบัติร่างกายได้เล็กน้อย
เพียงแต่หลังจากนกสายพันธุ์อื่นส่วนหนึ่งฝึกฝันคัมภีร์นี้ กลับมีผลข้างเคียง
ขนเริ่มร่วง น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น บินได้ยากจนเป็นปัญหาขึ้นมา
เพื่อทำให้เผ่าพันธุ์ทั้งหลายสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ ลู่เซิ่งได้ถ่ายทอดทักษะการต่อสู้สำหรับ ผู้ล่าบนบกอันหลากหลายสายพันธุ์ให้แก่พวกมัน เพื่อชดเชยความสามารถการบินที่พวกมันสูญเสียไป
ณ เนินเขาขาว
“ในฐานะนกแห่งเนินเขาขาว ขนนั้นเป็นเพียงแค่ภาระ” นกฮูกตัวหนึ่งนั่งอยู่ตรงปากถ้ำด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง ปล่อยให้สหายสองตนที่อยู่ด้านหลังถอนขนให้ตัวเองทีละเส้นๆ
ลู่เซิ่งที่นั่งอยู่นอกถ้ำ ห่างออกไปไม่ไกลพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“ขนที่มีมากไปย่อมสร้างอุปสรรคให้แก่พวกเจ้าตอนลงมือยิ่งกว่าเดิม ทำให้ความเร็วและอานุภาพลดลง ดังนั้น ขั้นตอนแรกในการเข้ามาเป็นศิษย์ข้า คือการถอนขน! กำจัดภาระบนร่างออกไป” ลู่เซิ่งเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ
จุดนี้เป็นจุดสำคัญที่แท้จริงของคัมภีร์จิตงามเลิศแบบง่ายที่เขาพัฒนาออกมา
เมื่อวานนี้ ลู่เซิ่งฝึกฝนระดับสองของคัมภีร์จิตงามเลิศจนสำเร็จ ขณะเดียวกันเขาได้เริ่มรวบรวมนกทุกชนิด และก่อตั้งกลุ่มแข็งแกร่งจากนกไร้ขนขึ้น
ในเวลานี้ นกปากหมาป่าภูเขาแดงสามตัวที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด เนื่องจากฝึกฝนคัมภีร์จิตงามเลิศ พวกมันรูปร่างบึกบึน และขนร่วงจนหมด สวมอาภรณ์สีม่วงที่สานขึ้นมาจากโลหะและหนัง
ในวันที่สามหลังจากขนหลุดร่วงนั้น ยามที่นกปากหมาป่าภูเขาแดงทั้งสามตัวลงมือกลับมีพลังทำลายเพิ่มขึ้นกว่าหนึ่งเท่า
ปัจจุบัน ภายใต้คัมภีร์ที่ลู่เซิ่งถ่ายทอดให้ พละกำลังของพวกมันเพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึงแปดเท่าอย่างน่าตกตะลึง
ไม่เพียงแต่พวกมันเท่านั้น ยังมีนกอีกมากกว่าร้อยชนิด ที่หลังจากขนร่วงหมดตัวแล้ว ก๋มีพละกำลังเพิ่มขึ้นมาก อีกทั้งพลังป้องกันทางผิวหนังและพลังฟื้นฟูของร่างกายก็เพิ่มขึ้นอย่างใหญ่หลวงเช่นกัน
นี่เกิดขึ้นเพราะหลังจากเร่งหลักปรับตัวกับกฎบางส่วนได้แล้ว ลู่เซิ่งก็ได้ใส่เลือดของตนในน้ำ แล้วให้นกทั้งหมดดื่ม
เนื้อเยื่อในร่างหลักของเขากระจายไปในตัวนกทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ ช่วยให้พวกมันเสริมความแข็งแกร่งให้แก่เนื้อเยื่อร่างกาย และดูดซับปราณวิญญาณมาเปลี่ยนเป็นพลังปีศาจได้เร็วกว่าเดิม
นี่เป็นทั้งการช่วยเหลือ และสยบควบคุมในคราวเดียว
ลู่เซิ่งค่อยๆ ลุกขึ้น มองดูเหล่าวิหคในสังกัด
“สิ่งมีชีวิตมากมายคิดว่าความสมส่วนสมดุล ความเรียบเนียนนุ่มนิ่ม ความอ่อนโยนเป็นความงดงาม”
เขาเว้นเล็กน้อย
“แต่ข้าขอบอกพวกเจ้าว่า นั่นเป็นสิ่งที่ผิด!”
นกที่อยู่รอบข้างพากันวุ่นวายฮือฮา
ลู่เซิ่งกล่าวต่อโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
“ความงดงามที่สุดของสิ่งมีชีวิต ไม่ได้อยู่ที่รูปลักษณ์ภายนอกอันผิวเผิน…”
“หากแต่อยู่ที่…พละกำลัง!” เขายกปีกขวาขึ้น
“ขึ้นมานี่สิ เกาหนี”
เหนือป่าอันกว้างใหญ่ไพศาล พลันมีเงาดำมหึมาสายหนึ่งบินโฉบลงมา
เงาดำขนาดยักษ์เส้นผ่าศูนย์กลางสิบกว่าหมี่ พุ่งลงมาจากฟ้า
ตูม!
เงาดำร่อนลงด้านหลังลู่เซิ่ง พื้นดินรอบๆ สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
จนเหล่าวิหคทั้งหมดได้สติกลับมา ฉับพลันนั้น ดวงตาของเหล่าวิหคต่าเบิกกว้าง ใบหน้าฉายแววลุ่มหลงอย่างไม่น่าเชื่อ
“นั่น…นั่นมัน…!?”
……………………………………….
[1] หงกวง ภาษาจีนคือ แสงสีแดง
[2] หงเติง ภาษาจีนคือ โคมแดง
[3] ส่าต้าน ภาษาจีนคือ เจ้าไข่โง่