ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 906 สายเลือด (2)
‘ช่างเถอะ ยกระดับและเรียนรู้ก่อนค่อยว่ากัน’
ลู่เซิ่งตั้งสมาธิ เพ่งความสนใจไปที่การยกระดับตนเอง
เขาสั่งความคิด เครื่องมือปรับเปลี่ยนพลันสั่นไหวน้อยๆ กดปุ่มเข้าสู่สภาพปรับเปลี่ยน
“ยกระดับคัมภีร์จิตงามเลิศถึงระดับสี่!”
พอออกคำสั่ง กรอบเครื่องมือปรับเปลี่ยนพร่ามัวอย่างรวดเร็ว
ปราณวิญญาณฟ้าดินรอบข้างมากมายไหลทะลักหาลู่เซิ่งอย่างบ้าคลั่ง
ดีที่ฟ้าดินบรรพกาลมีปราณวิญญาณเข้มข้นกว่าโลกใดๆ ที่ลู่เซิ่งเคยอยู่ ต่อให้อยู่ใต้ดิน ก็มอบปราณวิญญาณกว่าหลายสิบเท่าตัวของโลกปราณวิญญาณที่เขาเคยอยู่มาก่อน
ใช้เวลาไม่นาน ปราณวิญญาณเหนียวหนืดยิ่งใหญ่ก็เติมเต็มร่างกายลู่เซิ่ง
ปราณวิญญาณจำนวนมากถูกผลัดเปลี่ยน ใช้ยกระดับคุณสมบัติป้องกัน พละกำลัง พลังฟื้นฟู และเสน่ห์ของลู่เซิ่ง
ไม่นานนัก ปราณวิญญาณก็หยุดชะงักลง ลู่เซิ่งจึงค่อยสัมผัสสภาพรอบตัว
ยามนี้ในตัวเขามีแก่นทองคำกลมสีม่วงอ่อนปรากฏขึ้น หมุนวนอยู่ระหว่างทรวงอกและช่องท้อง แก่นทองคำเปลี่ยนแปลงปราณวิญญาณในโลกภายนอกให้กลายเป็นพลังปีศาจสีแดงเข้มเฉพาะตัวของลู่เซิ่งอย่างต่อเนื่อง หลั่งไหลสู่เส้นเลือดทั่วร่างเขา
ขณะที่ปราณปีศาจก่อขึ้น ลู่เซิ่งก็เห็นสีทองอ่อนแซมอยู่ในพลังปีศาจสีแดง
“ร่างนี้ก้าวสู่ระดับแก่นทองคำ เหมือนว่าต้นสายเลือดในร่างหลักจะถูกพบแล้ว”
ลู่เซิ่งสัมผัสสายสีทองอ่อนนั้นอย่างละเอียด ในนั้นซ่อนเร้นไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์สูงส่ง ความร้อนแรง แสงสว่าง และการเกิดใหม่เอาไว้
มองดูไกลๆ เหมือนกับกำลังมองภาพขุนเขาสายธาราภาพหนึ่ง ส่งที่น่าพิศวงยิ่งกว่าก็คือ สามารถสัมผัสสิ่งที่อยู่ด้านในได้
“นี่น่าจะเป็นสายเลือดหงส์เพลิงที่หลันซีกับเอินรั่วพูดถึง” ลู่เซิ่งที่คิดจะขจัดมันออกจากร่าง ก็เปลี่ยนใจ บางทีอาจหลอมมันนำมาใช้งานได้ ในเมื่อเป็นคุณลักษณะเด่นทางพรสวรรค์ที่มาพร้อมร่างนี้ จะทิ้งดื้อๆ ไปแบบนี้ ก็ออกจะสิ้นเปลืองไปหน่อย
ลู่เซิ่งออกคำสั่งในใจ ‘ยกระดับคัมภีร์จิตงามเลิศอีกระดับ เน้นทิศทางเพิ่มความแข็งแกร่งโดยใช้สายเลือดหงส์เพลิงเป็นหลัก’
เครื่องมือปรับเปลี่ยนใช้พลังอาวรณ์ไปอีกสาย ปราณวิญญาณจำนวนมหาศาลพรั่งพรูออกมาไหลบ่ายิ่งกว่าเดิมเข้าสู่เส้นเลือดลู่เซิ่งอย่างรุนแรง
ในขณะเดียวกัน สีทองเกรี้ยวกราดสายนั้นในพลังวิญญาณก็เริ่มแข็งแกร่งพองขยายด้วยความเร็วสูงเช่นกัน
พลังอาวรณ์เปลี่ยนเป็นสารอาหารพิเศษบางอย่าง ประสานกับปราณวิญญาณ ไม่นานก็เพิ่มจำนวนสายเลือดที่อยู่ในตัวลู่เซิ่งราวกับเป่าลม
ในชั่วอึดใจนั้น ลู่เซิ่งรู้สึกคุ้นเคยกับปราณวิญญาณธาตุไฟอย่างยิ่ง เหมือนกับว่าขอแค่นึกคิดขึ้นมา ก็ควบคุมปราณวิญญาณธาตุไฟนี้มาส่งเสริมตัวเอง หรือไม่ก็แปรเปลี่ยนเป็นอาคมต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
“พรสวรรค์ธาตุไฟของหงส์เพลิงหรือ น่าอัศจรรย์จริงๆ…” ลู่เซิ่งลืมตาขึ้น ตอนนี้เขาอยู่ในระดับแก่นทองคำขั้นกลางแล้ว
ขณะมองดูดินโคลนสีดำที่แนบติดกับตัวเอง ดวงตาเขาก็สาดแสงสีทองแวบหนึ่ง
ฟ้าว!
ฉับพลันนั้นดินโคลนทั้งหมดรอบตัวเขาพลันลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงสีทอง ดินโคลนสีดำรวมถึงก้อนหิน ถูกความร้อนสูงละลายในพริบตา ทั้งยังมองเห็นกระบวนการหลอมละลายไม่ชัดอีกด้วย สลายเป็นควันดำลอยผ่านร่องแยก
“ร้ายกาจนัก!” ลู่เซิ่งตกตะลึง ไฟชนิดนี้รุนแรงเหลือแสน อานุภาพกร้าวแกร่งกว่าอัคคีอนธการของเขาเสียอีก แน่นอนว่าจุดเด่นของอัคคีอนธการคือการเผาจิตวิญญาณ อุณหภูมิจึงไม่นับว่าสูงนัก
“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ เมื่อครู่เราไม่ได้ใช้พลังปีศาจในแก่นทองคำ แต่แค่คิดก็ควบคุมเปลวเพลิงสีทองชนิดนั้นได้แล้ว”
เขาหลับตาดูภายในร่างกายตนเอง ณ เวลานี้มีเปลวเพลิงสีทองที่เพิ่งลุกไหม้อยู่เก้ากลุ่ม เมื่อครู่เขาเพิ่งใช้ไปกลุ่มหนึ่ง ตอนนี้เปลวเพลิงกลุ่มนั้นเล็กลงกว่าเดิมมาก พลังปีศาจกับปราณวิญญาณที่อยู่รอบๆ กำลังเข้าไปเติมเต็มอย่างต่อเนื่อง ให้มันลุกโหม
เพียงแต่ลู่เซิ่งสัมผัสการเติมพลังนี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เนื่องจากความเร็วในการผลาญพลังเทียบกับความเร็วฟื้นฟูของเขาไม่ได้
“ดูเหมือนนี่จะเป็นอัคคีเทพหงส์เพลิงที่ว่า…” ลู่เซิ่งเคยอ่านเจอบันทึกคล้ายกันนี้จากบันทึกลับบางส่วน
หงส์เพลิงไม่ใช่หงส์อมตะ หากแต่เป็นสัตว์เทพสายอัคคีที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ปกติแล้วจะหมายถึงวิหคเทพที่นำทางผู้วายชนม์ขึ้นสวรรค์ เป็นหนึ่งในเทพเจ้าที่รับตำแหน่งนับตั้งแต่ฟ้าดินก่อเกิดขึ้น
และเปลวเพลิงของหงส์เพลิงก็มีจิตแห่งแสงสว่างยิ่งใหญ่ถึงขีดสุด ทำให้วิญญาณที่อยู่ไกลแสนไกลนับไม่ถ้วนเห็นแสงแห่งเพลิงแสนร้อนแรงแต่อบอุ่นยิ่ง สามารถติดตามไปยังภพสวรรค์ได้
“ไม่ต้องสนใจอย่างอื่น ดูเหมือนความสามารถนี้จะมีหนทางไม่เลว ยกระดับคัมภีร์จิตงามเลิศต่อไป!” ลู่เซิ่งสงบจิตใจ แล้วควบคุมเครื่องมือปรับเปลี่ยนต่อ
ดีปบลูสั่นไหวอีกรอบ พลังอาวรณ์สายใหญ่ทะลักออกมา กระจายไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย จากนั้นก็แยกตัวอย่างรวดเร็ว กลายเป็นพลังอัศจรรย์ไร้รูปร่างชนิดหนึ่ง พรั่งพรูไปในเส้นเลือดแห่งหงส์เพลิงสีทองที่แข็งแกร่งขึ้นตามลำดับ
ไม่นานนักเส้นเลือดที่มีเลือดของลู่เซิ่งก็ถูกสีทองย้อม เป็นเพราะว่าทะลักเร็วเกินไป และมีความเข้มข้นมากเกินไป ปราณวิญญาณนับไม่ถ้วนจึงจับตัวเป็นวัตถุโปร่งแสงที่เหมือนกับของเหลวและผลึกบนชั้นผิวของเขา
นี่ก็คือวิญญาณเหลง เป็นผลึกวิญญาณที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
แกว๊ก!
อยู่ๆ ก็มีเสียงร้องไพเราะเหมือนนกนับไม่ถ้วนส่งเสียงพร้อมกัน ดังขึ้นในห้วงสมองของลู่เซิ่ง
ตอนแรกฟังเหมือนเสียงนกร้อง แต่เมื่อแยกแยะอย่างละเอียด กลับสัมผัสได้ถึงความไพเราะเพราะพริ้งที่แฝงอยู่ด้านใน ราวกับเครื่องดนตรีชั้นสูงบรรเลงบทเพลง
ลู่เซิ่งเริ่มดำดิ่งไปกับเสียงอันเสนาะนี้ เขารู้สึกอบอุ่นไปทั้งร่าง เหมือนแช่อยู่ในบ่อน้ำพุร้อน
ไม่นานนัก ความเพลิดเพลินนี้ก็ค่อยๆ จางหายไปหลังจากการยกระดับหยุดลง
“ยกระดับอีก! ต่อเลย! ยกระดับคัมภีร์จิตงามเลิศไปถึงระดับต่อไป!” ลู่เซิ่งออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว
พลังอาวรณ์ทะลักออกมา กระจายไปทั่วร่างอีกครั้ง
ณ ส่วนลึกของใต้ดิน ร่างอันมหึมาในตอนแรกของลู่เซิ่งค่อยๆ ปรากฏเงาอันงดงามสีทองอ่อน
เป็นนกยักษ์งดงามที่ทั่วร่างเอ่อล้นด้วยเปลวเพลิงสีแดงสด รอบตัวนกยักษ์มีเส้นแสงสีทองอ่อนวนเวียน ขนหงส์ที่เรียวยาวและสองปีกที่นุ่มสลวยสว่างไสว กะพริบแสงอันบริสุทธิ์เหมือนผลึก
สองตาเปลวเพลิงสีทองลุกโชน กะพริบแสงประหลาดสีรุ้งที่ไม่อาจบรรยายได้นับไม่ถ้วน
ขณะยกระดับขึ้น ความทรงจำถ่ายทอดทางสายเลือดคลุมเครือ ที่ซ่อนไว้ในส่วนลึกสุด ก็ไหลเข้าสู่ห้วงสมองของลู่เซิ่งอย่างเงียบงัน
“หงส์เพลิงคือเทพแห่งความสุข ดังนั้นเจ้าจะครอบครองเสียงที่ไพเราะที่สุด หงส์เพลิงเป็นนายแห่งอัคคีเทพทักษิณ ดังนั้นเจ้าจะครอบครองเปลวเพลิงร้อนแรงที่สมบูรณ์ที่สุด เผาผลาญทุกสิ่งได้”
“หงส์เพลิงคือแสงสว่างนำทางผู้วายชนม์ เจ้าจะครอบครองแสงสว่างที่ทะลวงอวิชชาทั้งปวง และปลอบประโลมผู้ตาย”
“หงส์เพลิงคือเทพแห่งท่วงทำนอง ดังนั้นเจ้าจะครอบครองร่างกายที่งดงามแข็งแกร่ง รูปโฉมที่งดงามที่สุด และเส้นขนที่สมบูรณ์ที่สุด”
ความทรงจำมากมายถ่ายทอดไหลเข้าสู่สมองของลู่เซิ่ง เหมือนกับเห็นร่างนกเพลิงยักษ์หลายสิบหมี่ตัวหนึ่งอยู่ตรงหน้า
นกเพลิงตัวนั้นเป็นสีแดงชาด รอบตัวกะพริบแสงสีทอง ร่างกายงดงามชวนหลงใหล เพรียวผอมแข็งแรง เหมือนกับทุกส่วนของร่างกายสร้างขึ้นจากทองคำโดยใช้ไม้บรรทัดวัดสัดส่วนทั้งสิ้น
นกเพลิงวนเวียนอยู่ด้านหน้าเขาอย่างต่อเนื่อง กลิ่นอายร้อนแรงนับไม่ถ้วนไหลซึมเข้าสู่ร่างกายของเขา
“จงอย่าได้ลืม…ความรุ่งโรจน์ในอดีต…” เสียงไพเราะเลือนรางดังขึ้น ราวกับมีสตรีที่อ่อนโยนที่สุดกระซิบเบาๆ ข้างหู
ลู่เซิ่งหลับลึก ร่างกายถูกความร้อนนับไม่ถ้วนห่อหุ้มอย่างช้าๆ
…
หลายวันให้หลัง…
ตูม!
ถ้ำหินสีดำแห่งหนึ่งถูกพลังยิ่งใหญ่กระแทกอย่างแรง
ลู่เซิ่งซัดหมัดเดินออกจากถ้ำ
เขากระชับกระดองเต่าด้านหลัง ทรวงอกบนร่างมนุษย์ที่สูงใหญ่สลักคำว่า “งดงาม” เอาไว้อย่างแจ่มชัด
แก้มซ้ายสลักคำว่า เสน่ห์ แก้มขวาคือคำว่า พลัง ไหล่ซ้ายคือคำว่า สี่ ไหล่ขวาคือคำว่า พุ่ง
ทั้งหมดรวมกัน หมายถึง พลังเสน่ห์กระจายทั่วทิศ!
เคร้ง!
ลู่เซิ่งเคาะกระบองใส่ด้านหลัง
เสียงไพเราะเพราะพริ้งสั่นสะเทือนออกมา
“เป็นเสียงที่ไพเราะที่สุดในโลกจริงๆ…” เขาทอดถอนใจ ก้มหน้ามองกระบองไม้พลางกล่าว
“ถึงจะใช้ประโยชน์ไม่ค่อยได้ แต่ก็เอามาหาความสุขให้ตัวเองได้”
ลู่เซิ่งเก็บกระบองไม้ แบกกระดองเดินออกจากปากถ้ำ ตอนนี้เขาบรรลุระดับแก่นทองคำขั้นสมบูรณ์แล้ว
แม้จะช้าไปบ้าง แต่เส้นทางการฝึกฝนนั้นจะมักง่ายไม่ได้ จำเป็นต้องค่อยๆ วางแผน หากเดินมั่นคงทุกย่างก้าว ก็จะเดินได้ไกลและพัฒนาเดินได้มากกว่าเดิม
อย่างไรร่างนี้ก็เป็นเพียงหงส์วิเศษธรรมดา ไม่ได้มีคุณสมบัติทางร่างดีเท่าไรนัก ถึงจะเป็นสายเลือดหงส์เพลิงที่ถูกกระตุ้น แต่ก็ยังต่างชั้นกับทายาทสัตว์เทพที่แท้จริงอีกไกลโข
ลู่เซิ่งใช้ความคิด พลันมีเปลวเพลิงสีแดงสายหนึ่งลุกไหม้ขึ้นบนตัวเขาโดยอัตโนมัติ เปลวเพลิงกลายเป็นเสื้อคลุมวิจิตรสีแดงฉาน คลุมทับบนร่างเขา
“ลู่เซิ่ง! ในที่สุดเจ้าก็ออกมาแล้ว! ทางนี้มีปัญหามากมายทีเดียว เจ้ารีบมาจัดการเองเถอะ! ข้ายังมีธุระต้องรีบไป!” เสียงของบรรพชนหงอวิ๋นลอยมาเข้าหูลู่เซิ่งแต่ไกล
ทันใดนั้น เมฆสีแดงสายหนึ่งก็ทิ้งตัวลงมาจากฟ้า ร่อนลงห่างจากลู่เซิ่งไม่ไกล กลายเป็นนักพรตหนุ่มหล่อเหลาผิวขาว เป็นหงอวิ๋นนั่นเอง
เพิ่งจะลอยลงมา เขาก็สูดจมูก มองไปรอบๆ ด้วยสีหน้างงงัน
“นี่มัน…กลิ่นของอัคคีเทพทักษิณนี่ หรือว่าเผ่าหงส์เพลิงจะปรากฏตัวกัน”
เขาอดหวนนึกถึงเผ่าหงส์เพลิงที่ได้เจอเมื่อครั้งกระโน้นไม่ได้ นั่นคือเผ่าที่งดงามดั่งภาพวาด ไม่ว่าจะบุรุษหรือสตรีล้วนงามเลิศ อ่อนโยนโสภา เพรียวบางชวนหลงใหล น่ารักน่าเอ็นดู อ่อนโยนละมุนละไม เสียงยิ่งไพเราะน่าฟัง ทุกวาจาและทุกการกระทำต่างก็ทำให้คนชื่นชมปลอดโปร่งเหมือนกับบทเพลงเพราะพริ้งที่สุด ทำให้ส่วนลึกของหัวใจเกิดความชื่นชอบทายาทเทพปีศาจที่งดงามเกินขอบเขตกลุ่มนี้
“วิหคทั่วหล้ามีหงส์อมตะและหงส์เพลิงเป็นบรรพบุรุษ หรือว่าเจ้าจะกระตุ้นสายเลือดหงส์เพลิงที่ซ่อนอยู่ในตัวได้แล้ว” หงอวิ๋นมองลู่เซิ่งอย่างคาดหวัง
ภาพกล้ามเนื้อหน้าอกบึกบึนมันเลี่ยมเข้าสู่คลองจักษุ
ขาใหญ่ที่มีขนสีดำส่ายไปมาใต้เสื้อคลุมยาว คำว่า งาม ตัวใหญ่บนทรวงอกที่ขยับขยุกขยิกตามกล้ามเนื้อ เหมือนกับต้องการสลัดให้หลุดจากร่างนี้
“…”
หงอวิ๋นรู้สึกว่าโลกทัศน์ของตัวเองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างเจ็บปวดอย่างไม่เคยมีมาก่อน!
“เป็นอะไรไป เห็นรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของข้า ก็ตื่นตะลึงจนพูดไม่ออกเชียวหรือ” ลู่เซิ่งฉีกยิ้มมุมปากและหัวเราะเบาๆ
“…” หัวใจของหงอวิ๋นเหมือนถูกบีบเค้น แน่นน่าอกอยู่ชั่วขณะ
“ตอนแรกข้านึกว่าท่านใช้รูปร่างภายนอกเป็นความงามเหมือนสตรีพอกหน้าหนาพวกนั้น ตอนนี้ดูเหมือน ท่านก็มีรสนิยมเหมือนกันนี่” ลู่เซิ่งพยักหน้าอย่างชื่นชม
“ท่วงทำนองที่ไพเราะที่สุดบนโลก ก็คือเสียงร้องครวญครางที่เปล่งออกมากับเสียงเนื้อกระแทกเลือดเนื้อเบียดอัดระเบิด เมื่อต่อยกำปั้นใส่ร่างอีกฝ่ายไม่ใช่หรือ”
“ความงาม ก็คือพละกำลัง!”
ลู่เซิ่งกางสองแขนออก เผยให้เห็นตัวอักษรโบราณตัวใหญ่สองตัวบนแขนภายใต้เสื้อคลุมยาว แยกกันเป็นคำว่า สี่ กับ พุ่ง
“ไม่ใช่สิ! บนหลังเจ้าคืออะไร หลังเปลี่ยนร่างควรจะมีร่างกายส่วนหนึ่งของตัวเองสร้างอิทธิฤทธิ์ขึ้นไม่ใช่หรือ ข้าจำได้ว่าโดยทั่วไปแล้ว เผ่าหงส์เพลิงนั้นจะเปลี่ยนเส้นขนทั้งหมดกลายเป็นเครื่องดนตรีนี่…” หงอวิ๋นพลันฉุกใจนึกได้
ลู่เซิ่งชี้ไปที่กระดองเต่าด้านหลัง
“ไอ้นี่น่ะหรือ ข้ารวมเส้นขนทั้งหมดไว้ด้วยกัน แล้วสานกันเป็นสิ่งนี้ ตามการถ่ายทอด เดิมจะกลายเป็นเครื่องดนตรีที่ไพเราะที่สุดที่เขารู้จักโดยอัตโนมัติ ท่านไม่คิดว่ารูปลักษณ์นี้งดงามอย่างยิ่งหรอกหรือ หากการโจมตีทั้งหมดของศัตรูกระแทกใส่ด้านบน จะทำให้เกิดเสียงกึกก้อง เสียงนี้จะกลายเป็นพลังของข้าทำให้เอาชนะศัตรูได้!”
“เจ้า…เจ้าๆ…!” หงอวิ๋นชี้ลู่เซิ่ง ใบหน้าแดงก่ำ พูดอะไรไม่ออกอยู่ชั่วขณะ
……………………………………….