ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 930 จอมอริยะ (2)
“อะไรกัน!” ซังหยางแค่นเสียงเย็นชา สายน้ำสีเขียวอ่อนระเบิดบนร่างอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น พริบตาเดียวก็ระเบิดเอาสิ่งเจือปนใต้เท้าออกไป หลุมใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่าสิบหมี่ปรากฏขึ้นบนพื้น
“ท่านพี่ระวังตัว!” เวลานี้เฟยเหลียนที่อยู่ด้านหน้าสีหน้าเปลี่ยนแปลงเช่นกัน พุ่งชนใส่ตัวเขา
“เฟยเหลียนเจ้า…” ซังหยางกำลังจะบอกให้เฟยเหลียนระวัง สองมือโอบกอดน้องสาว ขณะจะออกแรง หนวดสีดำอมม่วงหนาแน่นพลันทะลักออกจากปากและจมูกของเฟยเหลียน และมุดเข้าไปตามรูเสื้อของเขา
ในเวลาเดียวกัน พลังปีศาจอันยิ่งใหญ่สองสายก็พุ่งมาหาเขาพร้อมกันอย่างดุร้าย
เทพปีศาจสองตนนั้นลงมือแล้ว!
ซังหยางสีหน้าแปรเปลี่ยน ไม่ทันคิดอะไร สองมือผลักเฟยเหลียนออก ร่างระเบิดกลายเป็นสายน้ำสีเขียว เพื่อยืดระยะห่างกับคนทั้งสาม
“แสงลี้ลับหยินสุดขั้ว!” เทพปีศาจตนหนึ่งขยับร่างเล็กน้อย แสงสีฟ้าพลันลอยขึ้นด้านหลัง ปกคลุมซั่งหยางเอาไว้ในพริบตา
“ค้อนอัคคีมังกร! ไป!” เทพปีศาจอีกตนยกมือขว้างแสงสีทองสายหนึ่งออกไป เห็นเพียงแสงสีทองพุ่งตกจากฟ้า ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พริบตาเดียวก็กลายเป็นค้อนสีทองหัวมังกร ฟาดใส่กลางน้ำฝนที่ซั่งหยางอยู่
เรือนร่างเฟยเหลียนปรากฏลวดลายคลื่นทั่วร่าง พายุหลายกลุ่มกระจายออกมา ห่อหุ้มซั่งหยางที่กำลังหนีอย่างรวดเร็ว
“ท่านพี่…มาเถอะ…เข้าร่วมกับเรา รวมเป็นหนึ่งกับนายท่านเถอะ!”
ใบหน้าหมดจดที่มีดวงตาข้างเดียวของนาง ยามนี้กลายเป็นสภาพแปลกประหลาดคลุ้มคลั่ง
“เจ้า!” ซังหยางจิตใจหนักอึ้ง ยกมือป้องกันค้อนทองหัวมังกร น้ำฝนสีเขียวพรั่งพรูออกมาจากด้านหน้า กลายเป็นโล่ป้องกันแสงลี้ลับหยินสุดขั้วสีฟ้าเอาไว้
ตูม!
ค้อนทองฟาดใส่ฝ่ามือเขาเกิดเป็นรูขนาดใหญ่ แต่น้ำฝนสีเขียวก็สมานบาดแผลในทันที
กลับเป็นแสงลี้ลับหยินสุดขั้วสีฟ้าที่แช่แข็งสายน้ำที่เขาปล่อยออกมา กลายเป็นน้ำแข็งนับไม่ถ้วนหล่นกระจายลงพื้น
“ฟ้าดินธรรมชาติฟังคำสั่งข้า จงละลาย!” จิตปฐมปรากฏขึ้นด้านหลังซังหยาง กลายเป็นนกยักษ์งดงามสีเขียวอ่อนตัวหนึ่ง
นกยักษ์คล้ายหงส์เพลิงอยู่บ้าง แต่ไม่มีหางยาว ส่วนจงอยสั้นเล็กน้อย ร่างจริงเพิ่งปรากฏ ท้องฟ้าพลันเปลี่ยนแปลง เมฆดำรวมตัว ฟ้าร้องครืนครัน ฝนตกปรอยๆ
“พายุสวรรค์! จงมา!” เฟยเหลียนเป็นเทพปีศาจควบคุมสายลม เวลานี้แสงจากจิตปฐมสีเขียวอ่อน ค่อยๆ ปรากฏเบื้องหลังนาง มีสัตว์ประหลาดที่มีหัวเป็นนกตัวเป็นกวางเงยหน้ากู่ร้องอยู่ในแสงดวงนั้น
ทันใดนั้นพายุนับไม่ถ้วนเสียงครืนครางมาจากรอบๆ หมายจะปัดเป่าเมฆดำที่รวมตัวให้กระจายสิ้น
เมฆดำหนาแน่น พายุโหมกระหน่ำ เทพปีศาจสองตนใช้อิทธิฤทธิ์ใส่ซังหยางอย่างบ้าคลั่ง เฟยเหลียนกำลังแย่งอำนาจพิเศษของการควบคุมปรากฏการณ์ฟ้ากับเขา
สามรุมหนึ่ง ซังหยางยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ไร้เค้าลางความลำบากแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเหมือนกลับรับมือได้อย่างง่ายดาย
“นั่นคืออะไรกันแน่ เฟยเหลียน น้องสาวข้า เจ้าถูกของประหลาดพรรค์นี้ควบคุมชั่วคราวหรือ” เขายื่นมือไปดึงหนวดสีดำอมม่วงที่ขยับขยุกขยิกออกจากร่าง
พวกเฟยเหลียนไม่พูดอะไรสักคำ กระตุ้นจิตปฐมและพลังปีศาจสุดกำลัง เพื่อเพิ่มอานุภาพของอิทธิฤทธิ์
แต่ซังหยางยังคงมีสีหน้าเช่นเดิม ยกระดับพลังปีศาจต่อต้าน
แสงจิตปฐมของเขาสาดส่องไปที่ไหน ที่นั่นก็หนักอึ้งเชื่องช้า พลังทั้งหมดสลายหายสิ้น อิทธิฤทธิ์เดิมเหมือนกับถูกวัตถุไร้รูปร่างนับไม่ถ้วนห่อหุ้มจนขยับเขยื้อนไม่ได้
สี่เทพปีศาจยื้อยุดกันอยู่สักพัก ซังหยางคิดจะหนีออกจากการศึกตลอดเวลา แต่ภายใต้การขัดขวางสุดกำลังของเฟยเหลียน ทำให้ผละจากไปไม่ได้
นอกจากนั้นยังมีอีกสาเหตุก็คือ เขาอยากอาศัยการต่อสู้นี้ เพื่อหาวิธีช่วยเหลือน้องสาว
มิหนำซ้ำเขายังสังเกตเห็นด้วยว่า รอบๆ รัศมีร้อยลี้ คล้ายจะมีสิ่งกีดขวางไร้รูปร่างอย่างหนึ่งผนึกอาณาเขตผืนนี้เอาไว้โดยสิ้นเชิง
ประมือไปได้สองสามนาทีแล้ว ซังหยางก็ยังคงหาช่องโหว่และวิธีการแก้ไขไม่เจอ ในใจเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย
“พอแล้ว พวกเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ถอยไปเสีย” ฉับพลันนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังเขาห่างออกไปหลายหมี่
ซังหยางจิตใจสั่นไหว สะดุ้งโหยง รีบผลักฝ่ามือเสกน้ำฝนมีฤทธิ์กัดกร่อนออกมา แล้วกระโดดเบี่ยงไปทางซ้าย ก่อนจะยืนมั่นคง มองไปทางด้านหลัง
ด้านหลังตำแหน่งที่เขายืนอยู่ในตอนแรก ไม่รู้ว่ามีบุรุษลึกลับที่สวมเสื้อคลุมสีดำอำพรางใบหน้าปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“เจ้าเป็นใคร บังอาจลงมือกับแม่ทัพของอุทยานปีศาจ ขวัญกล้าเทียมฟ้าจริงๆ!” ซังหยางแสดงสีหน้าเย็นชาดุจน้ำนิ่ง จิตสังหารค่อยๆ ปรากฏบนร่าง
เทพปีศาจตนอื่นเขาไม่สนใจ แต่บังอาจลงมือกับเฟยเหลียนน้องสาวแท้ๆ ของเขา นั่นรนหาที่ตาย!
คนสวมเสื้อคลุมดำหันมาเผชิญหน้ากับซังหยาง
“ดูเหมือน เจ้าคล้ายจะไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้เลยนะ”
ซังหยางพลันหัวเราะเย็นชา เทวลักษณ์เรืองแสงสีเขียวอันลึกลับซับซ้อนกลุ่มใหญ่ค่อยๆ สว่างขึ้นบนผืนดินใต้เขา
“ไม่ได้ขยับตัวมานาน ดูเหมือนไม่ว่าใครก็กล้าหยามบารมีของอุทยานปีศาจของข้าตามใจชอบเสียแล้ว” เขาย่ำเท้า พื้นพลันกระเพื่อมแสงค่ายกลหลายสาย
คนสวมเสื้อคลุมดำมองพื้นอย่างแปลกใจเล็กน้อย
“ที่แท้ก่อนหน้านี้เจ้าก็วางค่ายกลมาตลอดนี่เอง น่าสนใจ”
สองตาของซังหยางค่อยๆ กลายเป็นสีเขียว ผมยาวเริ่มกลายเป็นสายน้ำสีเขียวอย่างรวดเร็ว ร่างท่อนล่างเป็นสายลม ท่อนบนปล่อยสายฟ้าออกมาด้วยความเร็วสูง
“เซ่นสรวงสวรรค์ วารีจงมา!” แสงสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกมาจากด้านหลังเขา ในแสงคือเงาของร่างหลักของเขา
ซ่า…
ฝนพลันเทกระหน่ำลงมาจากเบื้องบน น้ำฝนมีพลังกัดกร่อนไร้เทียมทาน สามารถกัดกร่อนพลังของจิตปฐมและทุกสิ่งที่อยู่ภายในได้ทุกๆ วินาที
ฝนสีเขียวอ่อนค่อยๆ กลายเป็นสีดำ หยดฝนนับไม่ถ้วนตกกระทบใส่ร่างพวกเทพปีศาจอย่างลู่เซิ่ง ควันดำจากการกัดกร่อนระเหยขึ้นหลายสาย
พลังปีศาจบนร่างเทพปีศาจสามตนอ่อนกำลังและลดลงด้วยความเร็วที่ตาเนื้อเห็นได้
สภาพด้านลบต่างๆ เช่น ความเชื่องช้า การผลาญพลังเร็วขึ้น ความอ่อนกำลัง พิษพัวพันร่าง พากันปรากฏบนร่างเทพปีศาจทั้งสาม
นี่ยังเป็นเพราะพวกเขาคือเทพปีศาจ จึงมีคุณสมบัติต้านทานแข็งแกร่งสุดขีด ถ้าเปลี่ยนเป็นคนธรรมดา ถูกน้ำฝนเพียงหยดเดียว ทั่วร่างย่อมถูกกัดกร่อนจนตาย
เฟยเหลียนอ้าปากพ่นพายุกลุ่มหนึ่งออกจากปาก เป่าน้ำฝนรอบตัวใส่ซังหยาง
ตูม
ร่างของซังหยางราวกับทำขึ้นจากน้ำ ระเบิดโดยอัตโนมัติ กลายเป็นสายน้ำนับไม่ถ้วนกระจัดกระจาย
“ตอบมาเจ้าเป็นใครกันแน่ บังอาจลงมือกับเทพปีศาจในอุทยานปีศาจ คงไม่ใช่ชนชั้นไร้ชื่อเป็นแน่” เสียงทุ้มต่ำสะท้อนไปมาท่ามกลางสายฝน แสดงให้เห็นว่าเมื่อครู่เป็นซังหยาง
บุรุษเสื้อคลุมดำค่อยๆ ปลดหมวกออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลางดงาม เป็นลู่เซิ่งที่เพิ่งเร่งรุดมาจากอุทยานปีศาจ
อุทยานสวรรค์ในปัจจุบันมีเทพปีศาจมากกว่าแปดส่วนถูกฝังกาฝาก เหลือแต่ตัวตนระดับสุดยอดเหล่านี้เท่านั้นที่ยังไม่โดนควบคุมโดยสิ้นเชิง
ได้จิ่วอิ่งมาแล้ว ตอนนี้เป็นคราวของซังหยางแล้ว
จากนั้นค่อยๆ ฮุบกลืน ควบคุมอุทยานปีศาจทั้งหมด สุดท้ายลอบโจมตีมหาเทพกับตี้ซวิน แย่งชิงระฆังโกลาหลกับคัมภีร์จัตุรัสเหอถูลั่วซูมา
ถ้าได้ต้นชบายักษ์ของซีเหอมาด้วยก็ไม่เลวเช่นกัน
แผนการของลู่เซิ่งรัดกุมยิ่ง ไม่ว่าอย่างไรค่ายกลดาราสวรรค์ของอุทยานปีศาจ หรือค่ายกลจัตุรัสจักรวาล ต่างก็มีเทพปีศาจคอยคุ้มครองศูนย์กลางค่ายกล ขอแค่ลงมือในเวลาสำคัญ อัตราความสำเร็จย่อมไม่น้อย
แต่ก่อนหน้านี้ ต้องทำให้ร่างนี้ไปถึงขอบเขตเดียวกับมหาเทพตงหวงเสียก่อน ถึงจะมีโอกาสชิงระฆังโกลาหลได้
อย่างไรระฆังโกลาหลก็ได้ชื่อว่าเป็นของวิเศษก่อนกำเนิดอันแสนร้ายกาจของมหาเทพตงหวง ว่ากันว่ามีพลังป้องกันเป็นอันดับหนึ่งในโลก เพียบพร้อมไปด้วยการโจมตีและป้องกัน หลอมรวมกับจิตปฐมของมหาเทพ ยากจะสัมผัสถึงขีดสุด
ลู่เซิ่งได้สติกลับมา ก่อนจะพบว่า ซังหยางสะกดพวกเฟยเหลียนแล้ว อาจพ่ายแพ้ได้ทุกเมื่อ
“ทั้งๆ ที่พลังยุทธ์ พลังบำเพ็ญของเจ้าใกล้เคียงกับเฟยเหลียน แต่ขอบเขตจอมอริยะกลับใช้หนึ่งสู้สามได้ราวกับเคลื่อนใบมีดเหลือที่ว่าง[1]…จอมอริยะ…” ลู่เซิ่งพิเคราะห์ดู ค้นพบว่าตอนซังหยางกระตุ้นสายฝน ทั้งๆ ที่เป็นพลังปีศาจหรือพลังจิตปฐมสายเดียวที่กระจายออกมาง่ายดาย ก็กระตุ้นให้ฟ้าดินธรรมชาติรอบข้างเกิดการตอบสนองที่รุนแรงได้
ราวกับว่า ฟ้าดินกำลังช่วยเพิ่มอานุภาพพลังปีศาจแก่เขา
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…” ลู่เซิ่งมีแบบจำลองของจอมอริยะแล้ว
เปรี้ยง!
เวลานี้แสงสีเขียวระเบิดสว่างไสว สายฝนสีดำกระจายเวียนว่อน เทพปีศาจสองตนแค่นเสียงเจ็บปวด ถูกพลังกระแทกกระเด็นล้มลงไปกับพื้น ลุกไม่ขึ้นชั่วขณะ
เฟยเหลียนถูกสายฝนโปร่งแสงสีเขียวอ่อนตรึงอยู่กับที่ ขยับเขยื้อนไม่ได้ เป็นเวลาสั้นๆ ในการตัดสินแพ้ชนะ
ซังหยางยืนเอามือไหล่หลังอยู่ข้างเฟยเหลียน จ้องมองลู่เซิ่งด้วยสีหน้าราบเรียบ
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง บอกชื่อคนบงการมา แล้วข้าจะให้เจ้าตายอย่างไม่ทรมาร”
“เจ้าคิดว่าแค่จัดการพวกเขาสามคนได้ก็ถือว่าชนะแล้วหรือ” ลู่เซิ่งหัวเราะ
“ย่อมไม่” ซังหยางสีหน้าเมินเฉย “ข้าเพียงแค่กลัวว่าจะลงมือเร็วเกินไป เจ้าไม่ทันได้สารภาพความจริง ก็ถูกฆ่าตายก่อน”
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า
“เจ้ายังไม่รู้สึกหรือ นี่เป็นเซ่นพิรุณเซ่นสรวงสวรรค์ พิรุณนิลตกลงมา ชำระล้างทุกสิ่งยกเว้นข้า เจ้าในตอนนี้ไม่อาจออกจากที่นี่ได้แล้ว เวลาที่พิรุณนิลหยุดลง นั่นจะเป็นเวลาตายของเจ้า”
“น่าสนใจ…” ลู่เซิ่งเงยหน้ามองฝนดำเหนือท้องฟ้า “เช่นนั้นขอข้าดูหน่อย ว่าเจ้าจะทำให้ข้าตายอย่างไร”
ทั้งสองก้มหน้าลง ดวงตาทั้วสี่สบประสานกัน
เปรี้ยง!
ซังหยางหายไป หยดฝนรวมตัวด้านหลังลู่เซิ่ง กลายเป็นมนุษย์ พร้อมกับตะปบใส่ท้ายทอยเขา
ฝ่ามือที่ลุกไหม้ด้วยเปลวไฟสีทองข้างหนึ่งป้องกัน อยู่หน้าเขาอย่างมั่นคง
เคร้ง!
สะเก็ดไฟกระจายออกมาระหว่างทั้งสอง
สีหน้าซังหยางไร้อารมณ์ หายตัวไปอีกครั้ง แล้วสร้างร่างกายอย่างต่อเนื่อง คอยโจมตีจากรอบตัวลู่เซิ่ง พิรุณนิลเหนือท้องฟ้ายังคงมอบสภาพติดลบต่างๆ ให้แก่ลู่เซิ่ง
เทวลักษณ์แสงเขียวบนผืนดินพันธนาการเขาไว้ในอาณาเขตแคบเล็กผืนนี้
ซังหยางไม่เคยโมโหโกรธแค้นขนาดนี้มาก่อน พลังปีศาจทั่วร่างเขาทะลักทะลายเหมือนกระแสคลื่น ขอบเขตจอมอริยะควบคุมให้พลังปีศาจเหล่านี้ผสานกับจิตปฐม ระเบิดอานุภาพอันแข็งแกร่งออกมาได้เป็นหลายสิบเท่าตัว
ต่อให้จะเก็บงำพลังโดยสัญชาตญาณ เพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพปีศาจที่อยู่ใกล้เคียงด้รับผลกระทบ แต่พลังทำลายที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ยังคงทำให้ผืนดินและอากาศรอบข้างเกิดรอยปริร้าวของมิติหลายสาย
พรึ่บๆๆๆ!
ซังหยางเหมือนเป็นมือสังหารที่แกร่งที่สุด เคลื่อนไหวในพริบตาอย่างต่อเนื่อง วนรอบตัวลู่เซิ่งและโจมตีอย่างบ้าคลั่ง กอปรกับสภาพติดลบนับไม่ถ้วนที่พิรุณนิลมอบให้ รวมถึงพลังของร่างเดิมอันยิ่งใหญ่ที่เขาเรียกใช้ตอนนี้ ยามนี้เขาเป็นเทพปีศาจอันดับหนึ่งรองจากคุรุปีศาจแห่งอุทยานปีศาจอย่างสมศักดิ์ศรี!
เขาเคยเด็ดหัวผู้นำจอมเวทของเผ่าเวทท่ามกลางศัตรูนับหมื่นพัน และเคยใช้พลังของตัวเองสังหารเผ่าเวทแสนคนเพียงลำพัง
ยิ่งได้รับการประทานชื่อ “แม่ทัพเทพชำระสวรรค์” จากมหาเทพผู้เป็นจักรพรรดิสวรรค์
จอมอริยะทุกคนในฟ้าดินเรียกพี่ขานน้องกับเขา คฤหาสน์ต่างๆ ที่เป็นเจ้าของ แม้จะไม่มีคนอยู่ ก็ไม่มีใครกล้าบุกรุก นำทัพปีศาจยาตราไปทั่วสารทิศ ไร้พ่าย
ปีศาจนับร้อยล้านตนเริ่มยกย่องให้เขาเป็นเซียนปีศาจ
“ในฟ้าดินแห่งนี้ไม่มีผู้ใดที่ข้าจะสังหารไม่ได้!” ร่างซังหยางหายไปอีกครั้ง จิตปฐมลอยขึ้น แล้วหดตัวมารวมกันอยู่ที่ปลายนิ้ว กลายเป็นก้อนเล็กๆ หลายก้อน แทงใส่แผ่นหลังของลู่เซิ่งดุจสายฟ้าฟาด
“ตาย!”
เคร้ง!
ทันใดนั้น เหมือนกับเวลาและความคิดหยุดลงในชั่วพริบตา ดัชนีแสงเขียวที่เจิดจ้าแยงตาของซังหยางถูกลู่เซิ่งคว้าเอาไว้
“จงสัมผัส อัคคีที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเสีย” ลู่เซิ่งยิ้มขณะจับนิ้วไว้แน่น
“หงส์เพลิง”
พรึ่บ!
แสงไฟสีทองขาวกลุ่มหนึ่งสว่างขึ้นกลางฟ้าดินที่มืดมิดในบัดดล
……………………………………….
[1] เคลื่อนใบมีดเหลือที่ว่าง หมายถึงทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนชำนาญโดยไม่ต้องออกแรง