ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 931 วัดกำลัง (1)
พรึ่บ
มหาเทพถอดกวน มือยกจอกสุราเข้าปากเบาๆ ทันใดนั้นแสงไฟจากเทียนบนโต๊ะด้านหน้าก็ระเบิดขึ้น
แสงไฟพริ้วไหวสาดส่องวูบไหวใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติของเขา
“อัคคีหยกปัญญาสัจจะเต้นระริก...เป็นลางอัปมงคล”
สถานการณ์ในปัจจุบันของอุทยานปีศาจซับซ้อนยากลำบากถึงขีดสุด มหาเทพเป็นจักรพรรดิปีศาจและจักรพรรดิสวรรค์ แต่จักรพรรดิสวรรค์ก็ใช่ว่าสมบูรณ์แบบไร้รอยด่างพร้อย ทำได้ทุกอย่างขนาดนั้น หากทิ้งชื่อจักรพรรดิสวรรค์ไป ความจริงเขาก็เป็นเพียงอีกาทองสามขา วิญญาณปีศาจก่อนกำเนิดที่มีพลังแข็งแกร่งตัวหนึ่งเท่านั้น
วิญญาณปีศาจก่อนกำเนิดที่ควบคุมอัคคีอาทิตย์ เพลิงที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
“ถ่ายทอดคำสั่ง” เขาเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ให้เขตสงครามแต่ละแห่งรายงานสถานการณ์ในตอนนี้ มีข้อสงสัยผิดปกติใดๆ ให้แจ้งข้าทันที”
“ขอรับ” เสียงแหลมเสียงหนึ่งรีบขานรับขึ้นกลางตำหนักใหญ่ที่ว่างเปล่า ก่อนค่อยๆ หายไป
มหาเทพยื่นมือออกมา ไฟสีทองเจิดจ้าสุกสกาวดวงหนึ่งลุกไหม้ขึ้นกลางฝ่ามือ กาสีทองโบยบินวนเวียนพร้อมส่งเสียงร้องอยู่ในเปลวไฟ
โลกบรรพกาลใหญ่เกินไป ใหญ่จนถึงแม้ว่าเขาจะได้ชื่อจักรพรรดิสวรรค์ในนามแล้ว แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ก็ยังไม่อาจปกครองดูแลได้ทั่วถึง
สถานที่บางแห่ง ต่อให้บินสุดกำลังด้วยท่าเคลื่อนแสง ก็ยังต้องการเวลาอย่างน้อยสองสามปี ถึงเป็นเขาที่ได้ชื่อว่าโบยบินได้เร็วตั้งแต่เกิด จึงจะทำถึงขั้นนี้ได้
ถ้าเป็นปีศาจทั่วไป บินชั่วชีวิตก็ไม่แน่ว่าจะบินได้ทั่วโลกบรรพกาล
ต่อให้เป็นการตรวจตราเพียงในนาม เขาก็ไม่อาจควบคุมได้อย่างหมดจด
“ความปรวนแปรของแสงไฟเมื่อก่อนหน้านี้…หรือสิบสองบรรพชนเวทจะมีแผนการอะไรอีก...นึกว่าข้าไม่กล้าลงมือจริงๆ หรือ” มหาเทพสีหน้าเคร่งขรึม เปลวไฟในมือเจิดจ้าแยงตายิ่งกว่าเดิม
…
พรึ่บ!
ไฟสีทองขาวเพิ่งสว่างขึ้น ก็ระเบิดออกไปราวกับไฟลามทุ่ง
ซังหยางหน้าเปลี่ยนสี คิดชักมือกลับ แต่ไม่ทันกาลแล้ว
ไฟสีทองขาวกลุ่มใหญ่พุ่งใส่ร่างของเขา กัดกินระเหยพิรุณนิลมากมายเหมือนหนอนไชกระดูก ไอสีดำนับไม่ถ้วนฟุ้งตลบอบอวล
เขาส่งเสียงร้องลั่น ก่อนกระโดดพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ร่างขยายใหญ่อย่างฉับพลัน พริบตาเดียวก็ขยายใหญ่ถึงหลายสิบหมี่ กลายเป็นนกประหลาดมีขนสีเขียวอ่อนตัวหนึ่ง
นกประหลาดกระพือปีก ฝนดำบนท้องฟ้าพลันตกหนักห่าใหญ่ยิ่งกว่าเดิม ราวกับใช้อ่างน้ำสาดลงด้านล่างอย่างไม่หยุดหย่อน
แต่พิรุณนิลก็ไม่อาจดับอัคคีสีทองขาวบนตัวซังหยางได้ อัคคีนั้นเหมือนกับเผาไหม้วิญญาณและจิตปฐม หลังจากถูกฝนดำสาดซัดอยู่สักพัก อัคคีทั้งกลุ่มก็เหมือนกับโปร่งแสงสลายหายไป ถูกสายพิรุณทะลุผ่าน ราวกับไร้รูปร่าง
อ๊าก!
ค่ายกลใต้ร่างซังหยางปล่อยแสงสว่าง ค่ายกลเจิดจ้ายกระดับพลังจิตปฐมของเขาขึ้นหนึ่งเท่าตัว
“หมื่นอุทก!” หลังจากเสียงคำราม สายน้ำสีเขียวอ่อนกลุ่มใหญ่ระเบิดในอัคคีสีทองขาวอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น
แต่สายน้ำมหาศาลที่ราวกับน้ำท่วมที่เพิ่งทะลักออกมาก็ถูกอัคคีจิตหงส์เพลิงห่อหุ้มไว้จนกลายเป็นไอ
ลู่เซิ่งมองซังหยางตรงหน้าอย่างเรียบนิ่ง
“อัคคี คือการกลายเป็นไอ คือการเกิดใหม่โดยธรรมชาติ เถ้าธุลีหลังการเผาไหม้คือดินดี กลายเป็นแหล่งสารอาหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดให้แก่ชีวิตที่เกิดใหม่นับไม่ถ้วน เป็นพลังแห่งการชำระล้างที่บริสุทธิ์ที่สุดในฟ้าดิน ดังนั้น เจ้าหนีไม่พ้นหรอก”
ลู่เซิ่งพลันยกมือตั้งไว้เบื้องหน้า
ในเวลานี้เอง ลำแสงสีเขียวบริสุทธิ์พุ่งออกมาจากซังหยางอย่างรุนแรง กระแทกใส่ฝ่ามือลู่เซิ่งที่ยกขึ้น
ลำแสงระเบิดเป็นผุยผง กลายเป็นดอกไม้สีเขียวเหมือนกับวงกลมสามดอก ดอกไม้หมุนวนเชื่องช้า ใจกลางมีเพชรสีแดงเข้มสาดแสงแดงฉานออกมา
ตูม ตูม ตูม!
เกิดเสียงกึกก้องดังสามครั้ง
ตำแหน่งที่ลู่เซิ่งอยู่พลันระเบิดรุนแรงใหญ่โต เมื่อระเบิดแล้วกลับไม่ใช่ไอความร้อนสูง หากเป็นความเย็นสุดขั้ว
“แค่กๆๆ!” ซังหยางกระโดดออกไป ก่อนจะหยุดอยู่ที่โล่งโจ้งไร้ซึ่งอัคคีสีขาวทอง เขาหน้าซีดเซียว ก้มตัวกระอักกระไอ หยาดเหงื่อเกาะพราวไปทั่วร่างไปจากแรงระเบิดพลังเต็มพิกัด
พรวด
สุดท้ายเขาไม่อาจทนได้ไหว เข่าทรุดลง ร่างหมอบกับพื้น กล้ามเนื้อสั่นเทา อาเจียนเลือดสีเขียวกองโต
“เดิมทีเป็นความสามารถที่เอาไว้ใช้กับจอมเวทเผ่าเวทในฐานะแผนสำรอง ตอนนี้เอามาใช้กับเจ้าก็ไม่เลวเหมือนกัน…” ซังหยางเช็ดเลือด ค่อยๆ ลุกขึ้นด้วยสีหน้าดุร้าย แต่เห็นได้ชัดว่าเขาผลาญพลังไปในการต่อสู้เมื่อครู่มากเกินไป
ตอนแรกดิ้นให้หลุดจากการเผาไหม้ของเปลวไฟสีทองขาว จากนั้นปลดปล่อยไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาสามครั้งในพริบตา
นั่นคือของวิเศษใช้แล้วทิ้งที่มีนามว่าอัสนีเหมันตร์เต่าอสรพิษหยินสุดขั้ว ร่างเดิมของเขามีความสามารถควบคุมฝนโดยกำเนิด หลังจากผ่านกาลเวลามายาวนาน ซังหยางไม่เพียงแต่มีอิทธิฤทธิ์ควบคุมฝนเท่านั้น ยังใช้ความสามารถนี้ได้ล้ำลึกขึ้นไปอีก จนกระทั่งถึงตอนนี้ ก็ครอบครองพลังงานอันน่ากลัวที่กล่าวได้ว่าเย็นเยียบและอำมหิตที่สุดในโลก
แน่นอนว่าเขาได้แต่เก็บรวบรวมพลังงานที่น่ากลัวเกินไปชนิดนี้เท่านั้น จากนั้นก็นำมันมาสานห่อเป็นอัสนีเหมันตร์เต่าอสรพิษหยินสุดขั้วหลายก้อน
เมื่อครู่นี้ พริบตาที่เขาสัมผัสได้ว่าเปลวไฟนั้นมีความผิดปกติ ก็เขวี้ยงอัสนีเหมันตร์สามก้อนที่ใช้เวลาสร้างมากกว่าพันปีออกไป
“ครั้งนี้…แกจะยังรอดอยู่อีกไหม!” ซังหยางก้มหน้าอาเจียนเลือดออกมาอีกครั้ง อย่างไรเขาก็ไม่ใช่จอมอริยะของจริง เพียงใช้ค่ายกลเลื่อนระดับถึงชั่วคราวเท่านั้น นี่เทียบได้กับมนุษย์ใช้แรงมากเกินไป ตอนนี้จุดสูงสุดของพลังผ่านไปแล้ว ผลข้างเคียงเริ่มสำแดงผล
เวลานี้จุดที่ลู่เซิ่งอยู่มีก้อนแสงสีดำสลัวก้อนใหญ่หมุนอยู่กลางอากาศ ส่งเสียงเปรี๊ยะๆ เหมือนกับสายฟ้า
ชั้นน้ำแข็งบางๆ เริ่มแผ่ขยายออกไป ทำให้ที่นี่เกิดปรากฏการณ์ประหลาดที่ด้านนอกแข็งตัว แกนด้านในหมุนวน
มองไปไกลๆ เหมือนกับลูกหนังของเล่นสีดำที่ถูกจับใส่กำแพงกระจก
แค่การรั่วไหลของพลังงานเล็กน้อยจนไม่อาจรู้ตัว อาวุธสังหารอันน่าหวดผวาอย่างอัสนีเหมันตร์เต่าอสรพิษหยินสุดขั้ว ก็แช่แข็งมิติรอบๆ เอาไว้ จนทะลวงไม่ได้อีก
“นี่คืออัสนีเหมันตร์เต่าอสรพิษหยินสุดขั้ว ที่พึ่งสุดท้ายของเจ้าหรือ”
เสียงราบเรียบดังมาจากแกนกลางก้อนสีดำ
ซังหยางตัวสั่นระริก เงยหน้ามอง
เห็นฝ่ามือขาวนวลเนียนละเอียดข้างหนึ่งกดอยู่บนผนังด้านในก้อนสีดำ
“ทำข้าตกใจจริงๆ”
เปรี้ยง!
ทันใดนั้นเศษโปร่งแสงทั่วฟ้าก็กระจัดกระจาย ก้อนสีดำรวมถึงเปลือกนอกอันไร้รูปร่างระเบิดแหลกละเอียดพร้อมกัน พลังงานสีดำกับกระแสความเย็นด้านในยังไม่ทันไหลบ่าออกมา ก็ถูกไฟสีทองขาวมากมายที่พรั่งพรูออกมาจากแกนกลางกลบฝังแล้ว
ฟ้าวๆๆ!
เสาเพลิงสีขาวสี่สายทะลวงพันธนาการ พุ่งออกไปราวกับมังกรไฟที่แท้จริง
ทิศทางหนึ่งคือซังหยางที่กำลังนิ่งอึ้ง
สถานการณ์เร่งด่วน เขาได้สติกลับมาอย่างฉับพลัน แผดเสียงดังลั่นพร้อมฝืนยกมือขึ้นสร้างแก่นพลังภายในคู่ชีวิตของตัวเอง ต่อให้เป็นเทพปีศาจ แก่นพลังภายในก็เป็นจุดที่แกนกลางของพลังอยู่ ทั้งยังเป็นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุด
ตูม!
มังกรไฟสีขาวที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่หลายสิบหมี่ ชนกระแทกแก่นพลังภายในของซังหยางอย่างรุนแรง
เขาถูกพละกำลังมหาศาลกระแทกใส่จนตัวลอย แก่นพลังภายในปริร้าวเป็นรอยเล็กๆ ลุกไหม้ขึ้นกลางอากาศ ตัวเขาปลิวออกไปมากกว่าหมื่นหมี่ สุดท้ายลอยเข้าไปในป่าหินแถบหนึ่ง
เสาหินขนาดยักษ์หลายต้นพากันถล่มลง ฝุ่นฟุ้งกระจาย ไฟสีขาวเผาไหม้ป่าหินแถบนี้ทันที
เพลิงโหมลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ก้อนหินพากันละลายกลายเป็นไอ บังเกิดนรกความร้อนสูง ขังซังหยางไว้ใจกลางอย่างแน่นหนา
ตึก...ตึก...ตึก...
เสียงฝีเท้าดังขึ้นแผ่วเบา หากแต่แจ่มชัดเดินใกล้เข้ามา
รอบตัวลู่เซิ่งผู้สวมอาภรณ์สีแดงตัดสีทอง มีไฟสีทองราวพู่ลอยวนเวียน อัสนีเหมันตร์สามก้อนเมื่อครู่ไม่อาจสร้างความเสียหายให้เขาได้เลยแม้แต่น้อย
“สิ้นแล้ว” เขายกมือขึ้น ไฟที่ล้อมซังหยางอยู่เปิดออกโดยอัตโนมัติ ร่างเงาที่ในรูปลักษณ์ปกติเดินผ่านช่องว่างนั้นเข้าไปด่านใน
เงาคนสายนั้นก็คือเฟยเหลียนนั่นเอง
“ท่านพี่…ข้ามา…รักท่านแล้ว…ฮ่ะๆๆ…” เฟยเหลียนตาแดง ตา หู จมูก ปาก ทุกส่วนบนร่างที่มีรู หนวดสีดำอมม่วงกำลังทะลักออกมาด้านนอกอย่างต่อเนื่อง
หนวดจำนวนมากตกลงบนพื้น ไม่ได้เสียหายเพราะความร้อนที่หลงเหลืออยู่ กลับเร่งความเร็วทะลักเข้าหาซังหยางที่ขยับตัวไม่ได้ราวกับตื่นเต้นยินดี
“จักรพรรดิสวรรค์…แก้แค้นให้ข้าด้วย!” ซังหยางเบิกตากว้าง ลวดลายหลายสายบนร่างบิดเบี้ยวบิดกระเพื่อม
เขาคิดฆ่าตัวตาย
แต่หนวดสีดำอมม่วงกลับรวดเร็วอย่างแปลกประหลาด เขาไม่ทันตอบสนอง พวกมันก็กระโดดไปทับตัวเขาไว้แล้ว
อ๊าก!
เสียงร้องโหยหวนเจ็บปวดดังออกมาจากด้านในกองหนวด
ลู่เซิ่งมองทุกอย่างด้วยสีหน้าราบเรียบ แม้ปัจจุบันเขาจะมีพลังเทพนอกรีตไม่มากพอ แต่หนวดที่ฝังไว้บนตัวบริวารเมื่อก่อนหน้านี้ก็ขยายพันธุ์จนมีจำนวนพอเพียงแล้ว เพียงเอามาใช้ฝังกาฝาก ไม่ใช้ลงมือซึ่งหน้า จำนวนยังคงพอใช้อยู่
เสียงโหยหวนเริ่มอ่อนแรงลง
ลู่เซิ่งยกมือขึ้นมองแขนของตัวเอง
“ต่อไป คือจอมอริยะ…” เขาถอนใจเบาๆ ก่อนจะหันตัวเตรียมผละไป
ตูม!
ฉับพลันนั้นมีเมฆดำรวมตัวเหนือศีรษะด้วยความเร็วสูง พิรุณนิลที่ซังหยางปล่อยออกมาเมื่อครู่ไม่เพียงแต่ไม่หายไปเท่านั้น เวลานี้ยังหนาตัวขึ้นกว่าเดิมอีกต่างหาก
สายฟ้าลั่นครืนครัน ฟ้าแลบแปลบปลาบ เมฆดำผืนใหญ่ม้วนพลิกรุนแรง ปรากฏลวดลายสายฟ้าสีม่วงแวบขึ้น
“หือ” ลู่เซิ่งขมวดคิ้วเงยหน้าขึ้นมอง
เขาพลันรู้สึกได้ว่า ซังหยางที่กำลังจะถูกกัดกินฝังกาฝาก มีความสามารถต้านทานอันยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจอธิบายได้
ดูเหมือนอีกฝ่าย…ใกล้จะเลื่อนเป็นจอมอริยะแล้ว
ลู่เซิ่งหรี่ตา หันไปมองตรงซังหยางที่ถูกหนวดนับไม่ถ้วนกลบฝัง
“นี่มันอะไร ตัวละครหลักเปิดสูตรโกงหรือ หรือว่าเป็นโหมดคลั่งก่อนตาย”
จนถึงวันนี้ ซังหยางแตกต่างจากเทพปีศาจทั้งหมดที่เขาเคยฝังกาฝากและกัดกร่อนก่อนหน้ทั้งสิ้น เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด และเป็นคนที่เข้าใกล้จอมอริยะมากที่สุด
ในฐานะหนึ่งในเทพปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดบนอุทยานสวรรค์ เกรงว่าจะมีแค่คุรุปีศาจคุนเผิงเท่านั้นที่สะกดซังหยางได้อยู่หมัด
และตอนนี้ การกัดกร่อนซังหยางก็เหมือนจะกระตุ้นการต่อต้านเล็กๆ บางอย่างของจักรวาลแห่งนี้
ลู่เซิ่งมองเขตความร้อนสูงที่หนวดสีดำอมม่วงปกคลุมอยู่โดยไม่เอ่ยอะไรออกมาสักคำ
พลังงานอันน่าอัศจรรย์มากมายไหลทะลักเข้าสู่ร่างซังหยางอย่างต่อเนื่องผ่านเส้นทางลี้ลับอย่างหนึ่ง ช่วยให้เขาต่อต้านการกัดกร่อนจากจิตปฐมและร่างกาย
และลู่เซิ่งก็ไม่ทราบถึงที่มากับช่องทางของพลังงานชนิดนี้ แม้แต่สัมผัสก็ยังสัมผัสไม่ได้ ย่อมไม่อาจขัดขวางได้
เขารู้สึกได้ว่าพลังงานพวกนี้มีการกีดกันต่อท้านถึงหนวดอันเป็นพลังเทพนอกรีตของเขาอย่างรุนแรงถึงที่สุด
ราวกับเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาเพื่อสะกดหนวดพลังเทพนอกรีต
“หรือนี่จะเป็นการปฏิเสธของจักรวาลแห่งนี้” นัยน์ตาลู่เซิ่งสาดประกายสีแดงแวบหนึ่ง เตรียมจะลงมือ
ทันใดนั้นสีหน้าเขาพลันแปรเปลี่ยน ร่างหลักที่อยู่ในส่วนลึกของจิตวิญญาณตัวสั่นเล็กน้อย พลังงานประหลาดอันมืดสลัวที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและหวาดกลัว ทะลักออกไปจากร่างหลักของเขา
……………………………………….