ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 950 พลังภูตผี (4)
เฮ้อ!
พนักงานร้านกลอกตาขาว ยักไหล่ บอกให้พวกเธอรออยู่กับที่ ส่วนตนไปหาคนมาช่วยแปล
ด้วยความจนปัญญา หญิงสาวทั้งกลุ่มจึงได้แต่รอเงียบๆ มองดูกลุ่มคนด้านหลังที่เดินมาต่อแถวคิดเงิน
ไม่นานนักหยวนซวงซวงกับหญิงสาวอีกสองคนก็เกิดปัญหากับพนักงานเช่นกัน
พวกเธอไปคิดเงินที่เคาน์เตอร์อีกตัว เพียงแต่ตอนจะผละมา ไม่ว่าจะถอดแม่เหล็กออกแล้ว ตอนเดินผ่านตัวแจ้งเตือน ก็ยังมีเสียงแจ้งเตือนตลอด
เกิดเรื่องสี่ครั้งติดต่อกัน ร.ป.ภ.ก็เข้ามา ขอตรวจกระเป๋ากับร่างกายของพวกเธอ
“นี่ไม่ใช่ปัญหาของเรานะ!” เด็กสาวชื่อจงเป้ยเป้ยร้องเสียงดัง
“พวกคุณควรไปตรวจสอบเครื่องของพวกคุณสิ!” หยวนซวงซวงโต้เถียง การถูกค้นตัวในสถานการณ์ที่มีคนเยอะแยะแบบนี้ เป็นเรื่องน่าอายถึงขีดสุดสำหรับเด็กสาว
ร.ป.ภ.กับพนักงานฟังไม่รู้เรื่องว่าพวกเธอพูดอะไร สองฝ่ายนิ่งกับที่ ไม่ทราบจะจัดการอย่างไรอยู่ชั่วขณะ
ขณะกำลังเถียงกัน หยวนซวงซวงตาแหลม เห็นลู่เซิ่งถือตะกร้าซื้อของเดินมาคิดเงินที่เคาน์เตอร์พอดี
“หวังตง! รีบมาช่วยหน่อย!” เธอรีบตะโกน
ลู่เซิ่งได้ยินเสียง หันกลับไปเห็นหยวนซวงซวงกับจางฉีซวน ไม่เพียงเท่านี้ อีกสองแห่งในร้านก็มีนักท่องเที่ยวเกิดการโต้เถียงเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่มีเรื่องกับแค่พวกเขา
“ช่วยไปเรียกไกด์มาให้หน่อยสิ!” หยวนซวงซวนร้องเสียงดัง
ลู่เซิ่งรูดบัตร ก่อนจะหิ้วของเดินไปหาพวกเธอ
“เกิดอะไรขึ้น” เขาถาม
พวกเด็กสาวเล่าเรื่องคนละประโยคจนจบ
ลู่เซิ่งพยักหน้า หันไปพูดกับร.ป.ภ.ที่กำลังรออยู่
ร.ป.ภ.รู้สึกยินดีและประหลาดใจ ในที่สุดก็เจอคนที่สามารถสื่อสารกับเขาได้ จึงรีบพูดกับลู่เซิ่ง
ไม่นานภายใต้การร่วมมือของทั้งสองฝ่าย พวกหยวนซวงซวงที่ทำหน้างุนงงก็เจอปัญหา สินค้าของพวกเธอไม่มีปัญหา แต่พนักงานที่เคาน์เตอร์ลืมแสกนป้ายใบหนึ่ง
หลังจากแสกนป้ายเสร็จ ในที่สุดพวกหยวนซวงซวงก็โล่งใจ รีบวิ่งออกจากร้าน
“ครั้งนี้ขอบคุณเธอมากนะหวังตง! นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะพูดภาษาที่นี่เป็นด้วย?! เก่งจริงๆ!”
“ไม่เป็นไร เดินเล่นเสร็จแล้วก็รีบไปพักผ่อนล่ะ” ลู่เซิ่งล้วงมือทั้งสองไว้ในกระเป๋าและพยักหน้า ก่อนจะหมุนตัวเดินเล่นต่อด้วยสีหน้าสบายๆ
“เธอไม่ไปกับพวกเราเหรอ” หยวนซวงซวงรีบถาม
“ฉันยังมีธุระ พวกเธอตามสบายเถอะ” ลู่เซิ่งโบกมือโดยไม่หันหลังกลับ
มองตามจนลู่เซิ่งจากไป พวกหยวนซวงซวงร้องอุทานอย่างสงสัย
“ซวงซวง เธออยู่ห้องเดียวกับหวังตงไม่ใช่เหรอ ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในชั้นเรียนไม่เห็นรู้เลยว่าเขาเก่งขนาดพูดภาษาต่างประเทศได้ ขนาด ร.ป.ภ.กับพนักงานยังยอมให้เลย เท่สุดๆ ไปเลย”
“เวลาอยู่ในห้องเขาทำตัวเงียบๆ น่ะสิ เลยไม่มีใครสนใจเขา”
“ขอบอกเลยนะว่าผู้ชายแบบนี้ปกติทำตัวเงียบๆ แล้วจะทำให้คนตะลึงในเวลาสำคัญ ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะโชคดี พวกเราไม่รู้หรอกว่าหวังตงเก่งภาษาต่างประเทศขนาดนี้ ในเมื่อเขาไม่อยากป่าวประกาศ ก็คงเป็นเพราะไม่อยากบอกใคร พวกเราอย่าไปหาเรื่องให้เขาดีกว่า” จงเป้ยเป้ยแนะเสียงแผ่ว
“พูดถูกแล้วล่ะ” หยวนซวงซวงพยักหน้าเห็นด้วย พวกสาวๆ มองดูเงาหลังของลู่เซิ่งที่ใกล้จะลับหายไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน รู้สึกว่านักเรียนชายที่เดิมธรรมดาสามัญ ไร้ตัวตนคนนี้ เหมือนกับมีสง่าราศีลึกลับที่จางๆ แผ่กระจายบนตัว แม้แต่เงาหลังก็พิเศษขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย
หลังจากซื้อของในเมืองทั้งวัน ตอนที่พวกนักเรียนกลับโรงแรมก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่าๆ แล้ว ทุกคนต่างเหนื่อยจนอยากนอนบนเตียงไม่ขยับไปไหน
ช่วงบ่าย ร่างกายของลู่เซิ่งแข็งแกร่งขึ้นเป็นสี่เท่าของคนธรรมดาแล้ว บรรลุขีดจำกัดของมนุษย์บนโลกใบนี้เรียบร้อย
หลังจากเขาค้นพบว่าไม่สามารถยกระดับได้อีก ก็เริ่มฝึกวิชาวิญญาณสีชาดทันที
วิชาที่ใช้อัคคีจิตหงส์เพลิงเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกายวิชานี้ไม่นับว่าซับซ้อน อีกทั้งยังไม่ยากมาก ปัญหาเพียงหนึ่งเดียวก็คือ วิชานี้เป็นวิชาพิเศษที่ฝึกฝนได้อย่างไร้ขีดจำกัดเหมือนกับบันทึกทักษิณอายุวัฒนะ ยิ่งฝึกฝนไปถึงช่วงหลังยิ่งยาก
แต่ผลเพียงหนึ่งเดียวของมันคือการยกระดับความแข็งแกร่งในกายเนื้อ
หลังจากใช้พลังอาวรณ์ไปสิบกว่าหน่วย วิชาวิญญาณสีชาดก็ได้รับการยกระดับถึงระดับที่ห้า คุณสมบัติร่างกายกลายเป็นห้าเท่าของคนทั่วไป
ยิ่งไปถึงช่วงหลัง หากร่างกายทะลวงขีดจำกัดเมื่อไร คิดจะยกระดับก็จะยากลำบากกว่าเดิม
แต่สำหรับลู่เซิ่งที่ครอบครองพลังอาวณ์พันกว่าล้านหน่วยแล้ว สิ่งที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้มีเพียงว่าร่างกายย่อยสลายได้หรือไม่เท่านั้น
สมกับคำว่ายิ่งเร่งยิ่งช้า ข้าวต้องกินทีละคำๆ จะกินทีเดียวให้พุงโตไม่ได้ ดังนั้นพลังต้องเพิ่มอย่างมั่นคง ไม่งั้นจะกลายเป็นเหมือนช่วยดึงต้นกล้าช่วยให้ต้นข้าวโต
เช้าตรู่วันต่อมา กลุ่มนักเรียนออกจากเมืองไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
เวลาเที่ยง ในที่สุดรถก็หยุดพักที่เมืองซีวา เมืองเล็กๆ แห่งที่สอง
ยังคงเข้าพักในห้องตามกลุ่มก่อนหน้า หยวนซวงซวงแอบเอาเรื่องที่เจอแล้วไม่เข้าใจมาถามลู่เซิ่ง
เป็นเพราะเธอแสดงท่าทีไม่เลว ลู่เซิ่งจึงตอบคำถาม อย่างไรก็ช่วยได้โดยไม่ต้องเปลืองแรง
พวกจางฉีซวนรออยู่ในห้างสรรพสินค้าครั้งก่อนนานมาก ไกด์ถึงจะเข้าไปแก้ไขวงล้อมได้ ตอนนี้อารมณ์เสียถึงขีดสุด
หลังจากพวกนักเรียนได้รับหมายเลขห้องแล้ว ก็ลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปพัก
ครั้งนี้จะอยู่อย่างน้อยสี่วัน
รอบๆ เป็นบ่อน้ำพุร้อน ยังมีอุทยานขนาดใหญ่ ด้านในคือเขตที่เอาไว้ชม ภูเขาไฟมีชีวิต
จางฉีซวนอารมณ์ไม่ดีอย่างยิ่ง จึงอยู่แต่ในโรงแรมไม่ออกไปไหน นอนหลับพักผ่อนตื่นหนึ่ง
เรื่องของห้างสรรพสินค้าเมื่อก่อนหน้านี้ทำให้เธอเสียหน้าและกระอักกระอ่วนอย่างมาก แม้เธอจะเห็นน้องชายหวังตงใช้วิธีอะไรก็ไม่ทราบจัดการปัญหาให้หยวนซวงซวง
แต่เธอในตอนนั้น ไม่อยากจะลดตัวขอความช่วยเหลือ จึงพลาดโอกาสที่ดีที่สุดไป รอจนเธอข่มความหยิ่งทะนง ลู่เซิ่งก็พาพวกหยวนซวงซวงเดินไปไกลแล้ว
นี่ทำให้เธออารมณ์เสียอย่างมาก
“เจ้าหวังตง! นายตายแน่! จำไว้ให้ดีเถอะ กลับไปเดี๋ยวได้เห็นดีกัน!” เธอที่นอนอยู่บนเตียงอดด่าเบาๆ ไม่ได้
เธอรู้สึกว่าหลังจากเข้าร่วมทัวร์ครั้งนี้ ท่าทีที่หวังตงมีต่อเธอก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
จากความหวาดกลัว สั่งอะไรก็ทำตามเมื่อก่อนหน้า มากลายเป็นเงียบขรึมไม่พูดอะไร มองยังคร้านจะมองตน
เธอค่อนข้างมีความรู้สึกไวในเรื่องนี้ ดังนั้นจึงแยกแยะออกได้โดยง่าย
จางฉีซวนอึดอัดคับข้องใจ ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้า สวมเสื้อยืดแขนยาวสีเขียวกับกางเกงยีนส์ขาลีบ บวกกับรองเท้าปีนเขาตามมาตรฐาน ด้านหลังแบกเป้ทหาร ด้านในบรรพจุอุปกรณ์ในการดำรงชีวิตอยู่ในป่าไว้เพรียบพร้อม
พวกนี้เป็นการเตรียมการพิเศษที่ใช้ตอนปีนเขาไปดูภูเขาไฟมีชีวิต
จากนั้นก็ฉีดย่าไล่แมลงใส่ตัว และทาโลชั่นกันแดด
จางฉีซวนตบสะโพกงอนหน้ากระจก อารมณ์ปลอดโปร่งขึ้นเล็กน้อย มัดผมยาวสีดำเป็นหางม้าเล็กๆ ไว้ทางขวาอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเดินออกจากห้อง มุ่งหน้าไปที่วนอุทยานตามลำพัง
เธอคิดจะเดินเล่นในวนอุทยานตามลำพัง ถึงอย่างไรวนอุทยานก็ไม่มีตั๋วเข้า สิ่งที่ต้องระวังเพียงหนึ่งเดียวคือพวกสัตว์ป่าด้านใน
แต่รอบนอกไม่มีสัตว์ป่าที่อันตรายอาศัย
…
จ้าวจงจวินเหยียบลงบนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง อาศัยความสูงของก้อนหินมองไปยังบึงน้ำขนาดใหญ่ด้านหน้า
“ที่นี่มีบึงน้ำด้วย น่าเหลือเชื่อจริงๆ “ เขาผุดสีหน้าสงสัยเล็กน้อย
“ถ้าทายไม่ผิด กุญแจของของสิ่งนั้นน่าจะอยู่แถวๆ นี้…” ที่จ้าวจ้งจวินสนับสนุนให้ชั้นเรียนที่ตัวเองอยู่มาเที่ยวที่นี่ ความจริงมีจุดมุ่งหมายอยู่ตรงนี้
ส่วนที่ว่าทำไมต้องมากันทั้งห้อง ก็เพื่ออำพรางร่องรอยการเคลื่อนไหวของเขานั่นเอง
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เขานึกไม่ถึงก็คือ ในชั้นเรียนมีทูตภูตผีโผล่มาคนหนึ่งระหว่างทาง ทั้งยังเป็นทูตภูตผีระดับเงินซึ่งเป็นระดับเดียวกับเขาอีก
อีกฝ่ายคือเพื่อนร่วมชั้นที่เขานึกว่าเป็นคนธรรมดามาโดยตลอด
ดังนั้นนี่จึงกระอักกระอ่วน
แต่การแข่งขันใกล้จะเริ่มแล้ว จ้าวจ้งจวินทิ้งโอกาสนี้ไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะมีไพ่ตายไม่เพียงพอ จนไม่ได้อันดับดีๆ ในการแข่งขัน
“ต่อให้ความแตกนิดหน่อยก็ไม่เป็นไร ต้องรีบเอากุญแจมาให้เร็วที่สุด”
หลังจากตกลงใจแล้ว จ้าวจ้งจวินก็กระโดดลงจากก้อนหิน วิ่งขึ้นยอดเขา
น่าเสียดายที่วิ่งไปได้ไม่ไกลเท่าไร เงาร่างสีฟ้าสายหนึ่งก็ทิ้งตัวลงด้านหน้าเขาอย่างช้าๆ
“หวงย่า!? เธอเจอฉันได้ยังไง” จ้าวจงจวินสายตาคร่ำเคร่ง ใบหน้าเหยเกถึงขีดสุด
หวงย่าหัวเราะเย็นชา
“นายไม่รู้เหรอว่าบนโลกใบนี้มีสิ่งที่เรียกว่าเครื่องสะกดรอยอยู่ด้วย” เธอโยนเม็ดงาเม็ดหนึ่งในแขนเสื้อเล่นเบาๆ
…
“เครื่องสะกดรอยหรือ” บนหินก้อนยักษ์ที่อยู่ไมไกลออกไป จางฉีซวนกำลังจะปีนเขาต่อ พลันพบคนสองคนที่ยืนอยู่ด้านหน้า
อาจเป็นเพราะนิสัยสอดรู้สอดเห็น เธอเลยไม่ได้ปรากฏตัว หากแต่ซ่อนอยู่หลังหินก้อนใหญ่อย่างสนอกสนใจ แอบฟังคำสนทนาของคนทั้งสอง
เพียงแต่พอฟังแล้ว เธอก็รู้สึกผิดปกติ
“ใช้แม้กระทั่งของอย่างเครื่องสะกดรอย…สองคนนี้เป็น…”
เธอข่มความตกใจ ก่อนจะตั้งใจฟังบทสนทนาของทั้งสองต่อ
จ้าวจ้งจวินพลิกหาของบนตัวพักหนึ่ง ก่อนจะเจอเม็ดงาขนาดเล็กสุดขีด อันเป็นเครื่องสะกดรอยที่อีกฝ่ายพูดถึงที่ขากางเกง
“ยัยบ้านี่…!” ในที่สุดจ้าวจ้งจวินก็สะกดเพลิงโทสะไว้ไม่ไหวเนื่องจากถูกทำลายแผนการครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาปล่อยแขนขวาตกลง กลางฝ่ามือปรากฏปืนมีปีกสีทอง
“หลีกไปซะ! ไม่อย่างนั้น…ฉันฆ่าเธอแน่!”
ฆ่าหรือ ล้อเล่นหรือเปล่าเนี่ย…!
จางฉีซวนที่อยู่หลังหินก้อนใหญ่ผุดสีหน้าอึ้งงัน แอบมองคนทั้งสอง ก็เห็นภาพที่ปืนพกสีทองปรากฏขึ้นพอดี จึงอดอ้าปากค้างไม่ได้
“นี่มัน…!?”
หวงย่าหัวเราะเย็นชา ถือหอกยาวเย็นเยียบสีน้ำเงินเข้ม เดินเข้าใกล้อีกฝ่ายช้าๆ
“มีปัญญาก็ฆ่าสิ!” เพิ่งสิ้นเสียง เธอก็กระโดดแทงหอกใส่จ้าวจ้งจวิน เหมือนกับนกกาน้ำโฉบใส่ผิวทะเลสาบ
“จันทร์พันอสรพิษ!”
รอบๆ หอกยาวสีฟ้าปรากฏไอเย็นรูปงูสีขาวหลายสาย ไอเย็นพวกนี้รอยวนเวียนพร้อมกับพุ่งใส่จ้าวจ้งจวิน
“เมฆสายฟ้า…สีทอง!” จ้าวจ้งจวินคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ยกปืนขึ้น ตัวปืนยื่นไปด้านหน้าในทันที พริบตาเดียวก็เปลี่ยนจากปืนพกกลายเป็นปืนยาวเหมือนกับไรเฟิล
ปืนเล็งไปที่หวงย่าที่อยู่กลางอากาศ แสงสีทองกลุ่มหนึ่งที่ปากกระบอกขยายตัวขึ้น
ตูม!
ลำแสงสีทองกับหอกยาวสีน้ำเงินปะทะกันอย่างรุนแรง
แสงสีขาวสว่างไสวระเบิดขั้นในทันทีที่สองฝ่ายปะทะกัน แล้วกระจายไปรอบๆ เหมือนกับโล่แสง
ก้อนหิน ดินโคลน พุ่มหญ้าที่สัมผัสโดนโล่แสงพากันบิดเบี้ยวและแหลกสลาย ขาดสะบั้นจากกึ่งกลาง เหมือนถูกดาบขนาดยักษ์ฟันขาดกลาง
จางฉีซวนยืนอึ้งอยู่กับที่ ยังไม่ทันตอบสนอง ก็เห็นทั้งสองสู้กัน รอจนเธอได้สติ ตรงหน้าก็บังเกิดเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อ แสงที่เหมือนกับเงาสายฟ้าพุ่งเข้าใกล้เธอ
……………………………………….