ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่ 2-3 - ตอนที่ 102 ส่งมอบบัญชี
วันต่อมาเว่ยฉางอิ๋งตื่นเช้ากว่าเดิมเป็นพิเศษมากๆ เมื่อไปถึงเรือนหลักก็ต้องรออยู่เป็นนานกว่าจะถูกเรียกให้เข้าไป ฮูหยินซูพึงพอใจกับท่าทีที่สะใภ้รู้ผิดและปรับปรุงตัวเป็นอย่างมาก จึงบอกให้นางให้ไม่ต้องมากพิธีด้วยสีหน้าอ่อนโยน กล่าวว่า “วันนี้มาเช้าไปสักหน่อย ข้ายังไม่ทันเรียบร้อยเจ้าก็มาแล้ว”
เว่ยฉางอิ๋งยิ้มพลางว่า “สะใภ้คิดว่าวานนี้ตื่นสายนัก ต้องให้ท่านแม่มารอสะใภ้จึงรู้สึกทั้งผิดทั้งอายยิ่งเจ้าค่ะ คิดว่าวันนี้มาเช้าสักหน่อย บางทีอาจได้เข้าไปช่วยท่านแม่แต่งตัวแปรงผม จักได้ทำคุณไถ่โทษเจ้าค่ะ! เพียงแต่สะใภ้มือไม้เงอะงะ ไม่กล้าเสนอตัว ต้องรอจนยามนี้ที่ท่านแม่เสร็จเรียบร้อยแล้วจึงกล้าบอกเล่าความคิดนี้เจ้าค่ะ”
ฮูหยินซูได้ยินคำก็หัวเราะออกมา กล่าวว่า “เจ้าอยากเข้ามาก็กลับไม่ยอมบอก มิใช่ว่ารออยู่เปล่าๆ ปลี้ๆ บนระเบียงทางเดินหรอกรึ?” เพราะนางเห็นข้างหลังเว่ยฉางอิ๋งพาบ่าวมาและคล้ายยกหีบมาด้วย จึงรู้สึกประหลาดใจ “นำสิ่งใดมา?”
“สมุดบัญชีที่พวกพี่สะใภ้แบ่งให้สะใภ้ดูเจ้าค่ะ คืนวานนี้ล้วนปรับบัญชีออกมาเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ จึงได้นำมาเทียบกับพวกพี่สะใภ้ และต้องขอให้ท่านแม่ช่วยดูด้วยเจ้าค่ะ เพื่อมิให้เป็นเพราะสะใภ้โง่เง่า คิดผิดก็ยังไม่รู้ตัวเจ้าค่ะ!” เว่ยฉางอิ๋งเอ่ยอย่างเคารพนบนอบ
ฮูหยินน้อยใหญ่พลันประหลาดใจ กล่าวว่า “มากมายเพียงนี้ เจ้าปรับออกมาด้วยตัวคนเดียวรึ?”
“ไม่กลาปิดบังท่านแม่เจ้าค่ะ สะใภ้คนเดียวปรับบัญชีไม่ไหวเจ้าค่ะ เป็นพวกท่านอาช่วยทำด้วยเจ้าค่ะ” เว่ยฉางอิ๋งจงใจเอ่ยถึงนางว่าน “นับแต่สะใภ้แต่งเข้ามาท่านอาว่านก็คอยช่วยเหลือทุกเรื่องมาโดยตลอด สะใภ้ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นโชคดีมาแต่ที่ใด ที่ได้พบผู้ใหญ่แสนดีอย่างท่านแม่ รวมทั้งได้ท่านอาว่านซึ่งเป็นท่านอาที่ดีมาเป็นผู้ช่วยเจ้าค่ะ”
“นางว่านเป็นคนซื่อสัตย์ภักดี” ฮูหยินซูพยักหน้า กล่าวว่า “เจ้าลองเอาออกมาให้ข้าดูสักหน่อย”
แม้จะบอกว่านับแต่นางหลิวแต่งเข้าบ้านมา ฮูหยินซูก็มอบเรือนนี้ให้แก่สะใภ้ดูแล แต่โดยรวมแล้วมีสิ่งใดเข้าออกบ้าง ในใจฮูหยินซูเองมีสมุดบัญชีเล่มหนึ่งอยู่แล้ว จึงไม่กลัวว่าจะดูไม่ออกว่าบัญชีที่เว่ยฉางอิ๋งส่งมาให้นั้นเป็นของจริงหรือเป็นของปลอม
เว่ยฉางอิ๋งรีบให้คนเปิดหีบใบที่หนึ่งออก หยิบเล่มที่อยู่บนสุดออกมา แล้วใช้สองมือประคองมอบให้แก่ฮูหยินซู
ฮูหยินซูรับมา มองดูรวบๆ อยู่พักใหญ่ แล้วหลับตาลงใคร่ครวญอีกพักหนึ่ง จึงว่า “เจ้าหยิบเล่มที่สามจากท้ายของหีบใบที่สี่มาให้ข้าดูที”
เว่ยฉางอิ๋งรู้ว่านี่ก็คือการสุ่มตรวจ จึงหยิบให้ตามคำนาง ฮูหยินซูดูอีกสักพัก สีหน้าพลันอ่อนโยนลงเล็กน้อย แล้วสุ่มเรียกดูอีกสองสามเล่ม เห็นว่าบนหัวบัญชีทุกเล่มที่สุ่มดึงออกมาเขียนไว้อย่างเป็นระเบียบชัดเจนตัวอักษรเรียบร้อยสวยงาม แต่ละรายการไล่เรียงออกมาได้อย่างละเอียดและยังคำนวณออกมาเรียบร้อย เห็นได้ว่าได้จัดการมาเรียบร้อยแล้วจริงๆ มิใช่ว่าแค่ทำมาสองเล่มบนสุดแล้วเจ้าเล่ห์คิดมาตบตาว่าทำเสร็จแล้ว นางกุมสมุดบัญชีเล่มสุดท้ายที่สุ่มดึงออกมา พลันมีรอยยิ้มออกมาน้อยๆ กล่าวว่า “เด็กดี หลายวันมานี้คงจะลำบากเจ้าน่าดู จึงได้ปรับสมุดบัญชีออกมาได้เร็วเพียงนี้”
“ท่านแม่ยกยอสะใภ้แล้วเจ้าค่ะ! ที่ใดจะลำบากดังคำท่านแม่เล่าเจ้าคะ?” เว่ยฉางอิ๋งกำลังถ่อมตน ข้างนอกนั้นนางหลิวและนางตวนมู่ก็มาพร้อมกันแล้ว เมื่อเห็นว่าวันนี้กลับกันกับเมื่อวาน ที่วันนี้เว่ยฉางอิ๋งมาถึงก่อน ยิ่งไปกว่านั้นในโถงยังมีสมุดบัญชีเปิดกางอยู่หลายเล่ม หีบที่ยกมาก็ล้วนเปิดอยู่ เห็นชัดว่าไม่ได้สนทนากันอยู่เพียงครู่เดียวเท่านั้น สีหน้าของนางหลิวและนางตวนมู่ไม่น่าดูยิ่งนัก เพียงแต่เมื่อถูกฮูหยินซูมองมาจึงรีบกลบเกลื่อนไปในทันใด แล้วพากันขอขมาที่พวกนางมาสายแล้ว
ฮูหยินซูมิใช่แม่สามีที่ไร้เหตุผล จึงเอ่ยไปอย่างราบเรียบว่า “วันนี้เป็นฉางอิ๋งมาเช้าเอง พวกเจ้าก็มาก่อนเวลาสักหน่อยเช่นกัน”
นางหลิวจึงยิ้มหวานพลางว่า “แม้จะเป็นดังนี้ ทว่าน้องสะใภ้สามอายุน้อยที่สุด แต่กลับมาคารวะท่านแม่ก่อน พวกสะใภ้ทั้งสองซึ่งเป็นพี่สะใภ้กลับมาทีหลัง จึงรู้สึกผิดต่อท่านแม่นักเจ้าค่ะ”
นางตวนมู่ก็เอ่ยรับตามไป …ทั้งในและนอกคำพูดล้วนไม่พ้นเป็นการยุยงให้ ฮูหยินซูคิดว่าเว่ยฉางอิ๋งจงใจข้ามหน้าข้ามตาพี่สะใภ้
เว่ยฉางอิ๋งยิ้มเรียบๆ พลางว่า “พี่สะใภ้ทั้งสองมิทราบ สมุดบัญชีที่แบ่งให้ข้าไปดูก่อนนี้ โชคดีที่วานนี้ข้าปรับเสร็จแล้ว บวกกับเมื่อวานข้ามาสาย วันนี้จึงมาให้เช้าสักหน่อย ดังนั้นที่วันนี้ข้ามาเช้า นอกจากจะมาขอคำชี้แนะแล้ว ก็มาขอขมาจากท่านแม่ด้วยเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ?” นางหลิวและนางตวนมู่ได้ยินคำล้วนตะลึงงันพลันโพล่งถามไป “ปรับเสร็จทั้งหมดเลยรึ?”
เว่ยฉางอิ๋งยิ้มน้อยๆ พลางพยักหน้า สีหน้าของนางหลิวและนางตวนมู่ล้วนไม่ใคร่ดีนัก พวกนางเอาสมุดบัญชีเหล่านั้นแบ่งให้แก่เว่ยฉางอิ๋งก็เพื่อประวิงเวลา ให้เว่ยฉางอิ๋งไปเสียเวลากับบัญชีเก่าคร่ำครึเหล่านั้นจะได้ไม่มีเวลามายื้อแย่งอำนาจกับตน เดิมทีคิดว่าบัญชีตั้งมากมายเพียงนี้ อีกทั้ง เว่ยฉางอิ๋งก็ยังเด็ก ต่อให้ก่อนออกเรือนจะเรียนรู้วิธีการทำบัญชีมาบ้าง ทว่าก็ไม่มีทางจะชำนิชำนาญเช่นนักบัญชี อย่างไรก็ยังต้องพบเจอปัญหาบ้าง หากมีนางเพียงคนเดียวไม่ว่าจะปรับอย่างไรก็ต้องใช้เวลาปีครึ่งปี
ต่อให้เว่ยฉางอิ๋งให้คนข้างกายมาช่วย บ่าวทั่วๆ ไปก็ต้องมานั่งนับกันทีละรายการ คิดไปแล้วทั้งนายบ่าวก็ต้องใช้เวลาหลายเดือนจึงจะเสร็จ เพื่อป้องกันมิให้เว่ยฉางอิ๋งเรียกนักบัญชีที่อยู่ในพวกบ่าวติดตามหลังแต่งงานมาจัดการบัญชีให้อย่างรวดเร็ว ก่อนหน้าที่พวกนางจะมอบสมุดบัญชีให้ ยังจงใจใส่บัญชีที่ห้ามแพร่งพรายต่อภายนอกใส่ลงไปด้วยหลายเล่ม เพื่อเป็นข้ออ้างกำชับไม่ให้เว่ยฉางอิ๋งให้คนนอกมาดูบัญชี หาไม่แล้วหากข้อมูลรั่วไหลไปสู่ภายนอก เว่ยฉางอิ๋งก็จะต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด
หลายวันมานี้พวกนางจึงคอยจับตาดูเรือนจินถง และแน่ใจว่าไม่เห็นเว่ยฉางอิ๋งเรียกนักบัญชีซึ่งเป็นบ่าวติดตามไปหา ส่วนบ่าวอื่นๆ ที่เข้าออกเช่นพวกนางหวงนั้น คาดว่าเว่ยฉางอิ๋งก็คงไม่เลอะเลือนถึงขึ้นให้นางหวงนำบัญชีไปให้คนดูข้างนอก
เดิมทีคิดว่าเมื่อทำเช่นนี้แล้วก็จะสามารถยื้อเวลาจากเว่ยฉางอิ๋งได้สักระยะหนึ่ง ไม่คิดว่านางกลับส่งมอบกลับมาได้รวดเร็วเพียงนี้
เมื่อคิดว่าวานนี้พวกนางเพิ่งจะใช้เรื่องที่เว่ยฉางอิ๋งมาสายทำให้ ฮูหยินซูคิดว่าสะใภ้สามผู้นี้ยังเด็กอยู่ มีความสามารถไม่พอ ไม่สามารถรับหน้าดูแลบ้านที่มีความสำคัญยิ่งนี้ได้ แต่วันนี้ เว่ยฉางอิ๋ง กลับยกสมุดบัญชีมาตบหน้าพวกนางอย่างหนัก เพื่อเป็นการพิสูจน์ความสามารถของตนกับแม่สามี …เรื่องนี้นอกจากเป็นการบ่งบอกว่าตัวเว่ยฉางอิ๋งปราดเปรื่องเรื่องบัญชียิ่ง ก็ยังเป็นการบอกอีกว่าในบ่าวติดตามของนางมีความชำนาญในด้านนี้ด้วย
แต่ไม่ว่าจะเป็นประเด็นใด ล้วนไม่ใช่เรื่องดีของนางหลิวและนางตวนมู่
ทว่าเวลานี้ก็เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว เมื่อถูกฮูหยินซูมองอย่างหัวเราะครึ่งไม่หัวเราะครึ่ง พี่สะใภ้ทั้งสองพลันมีท่าทีทั้งโกรธและผิดหวัง แล้วพากันพยายามยิ้มและชมนางไปสองสามคำ …เว่ยฉางอิ๋งจึงเลียบๆ เคียงๆ สอบถามไปว่า “เวลานี้ปรับสมุดบัญชีเรียบร้อยหมดแล้ว กลับไม่ทราบว่าพี่สะใภ้ทั้งสองยังมีเรื่องให้ข้าช่วยทำอีกหรือไม่เจ้าคะ? วันๆ มองดู พี่สะใภ้ทั้งสองทำงานยุ่ง จะว่าไปแล้วข้าก็อายุน้อยที่สุด จึงได้แต่นั่งดู รู้สึกละอายใจยิ่งนักเจ้าค่ะ”
แม้จะบอกว่าฮูหยินซูได้ยินคำเหล่านี้แล้วก็ไม่เอ่ยสิ่งใด แต่นางหลิวและนางตวนมู่ก็ยังพากันนั่งไม่ติด ก่อนหน้านี้ฮูหยินซูสั่งให้พวกนางแบ่งงานเล็กๆ น้อยๆ ให้ น้องสะใภ้ผู้นี้ทำ ทว่าพี่สะใภ้ทั้งสองคนล้วนไม่หวังให้เว่ยฉางอิ๋งมาชิงอำนาจของตนไป จึงอาศัยคำสั่งของฮูหยินซูประโยคหนึ่งว่าให้เว่ยฉางอิ๋งเรียนรู้จากพี่สะใภ้ทั้งสองคนให้มากนี้มาผลักบัญชีเก่าคร่ำครึมอบให้แก่นาง และให้นางปรับบัญชีทั้งหมดออกมา .. ครานั้นทั้งสองคนล้วนเอ่ยว่า “บ้านเรือนเช่นพวกเรานี้ มีเรื่องราวน้อยใหญ่มากมาย วันๆ หนึ่งก็ไม่รู้จริงๆ ว่ามีเรื่องต้องทำมากมายเท่าใด! น้องสะใภ้สามเจ้าเพิ่งเริ่มมาดูแลบ้านเรือน เรื่องราวเป็นพันเป็นหมื่นเหล่านี้ก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มเอ่ยกับเจ้าอย่างไรดี มิสู้ให้เจ้าไปดูสมุดบัญชีเสียก่อน เมื่อจัดการปรับบัญชีเหล่านี้ออกมาทั้งหมด เจ้าก็จะพอเข้าใจว่าเรื่องในบ้านเป็นเช่นใดแล้วล่ะ!”
ตอนนั้น เว่ยฉางอิ๋งก็ยังต้องขมวดคิ้วแน่นบอกว่าไยต้องไปดูบัญชีเก่าตั้งหลายปีก่อนด้วย? นางหลิวจึงกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มบอกว่า “ได้ยินว่าก่อนออกเรือนฮูหยินผู้เฒ่ารักใคร่เอาใจน้องสะใภ้ยิ่งนัก คาดว่าคงไม่เคยต้องลำบากใจมาก่อนกระมัง? น้องสะใภ้สามยังไม่รู้ หากไม่ไปดูบัญชีเก่าๆ แล้วจะรู้วิธีทำบัญชีใหม่ต่อจากของเก่าได้อย่างไร? เป็นตามนี้ใช่หรือไม่เล่าน้องสะใภ้สาม?”
ครั้งนั้น นางตวนมู่ก็ยังเอ่ยเสียดสีไปอย่างใจเย็นว่า “ หากน้องสะใภ้สามเห็นว่าลำบาก เช่นนั้นพวกเราก็ไม่กล้าทำให้น้องสะใภ้สามเหน็ดเหนื่อยแล้ว ให้พวกเราคิดหางานที่เบากว่านี้สักหน่อยให้น้องสะใภ้สามทำดีหรือไม่?”
เว่ยฉางอิ๋งฟังออกว่าหากนางไม่รับปาก ก็จะถูกหาว่าตนเป็นคนหนักไม่เอาเบาไม่สู้ จัดการงานอันใดไม่ได้ จึงต้องยอมรับปากไป…
เดิมทีคิดว่าเมื่อใช้ไม้นี้ก็จะประวิงเวลาที่จะให้เว่ยฉางอิ๋งเข้าดูแลบ้านอย่างเป็นทางการออกไปได้ ไม่คิดว่าเว่ยฉางอิ๋งจะมีฝีมือทางด้านนี้และสามารถจัดการสมุดบัญชีเสร็จในเวลารวดเร็ว …เวลานี้นางหลิวและนางตวนมู่ล้วนรู้สึกขัดเคืองอยู่ในใจยิ่งนัก ทว่าหลังจากดูสมุดบัญชีไปหลายเล่มก็พูดสิ่งใดไม่ออก ล้วนเอ่ยว่า “น้องสะใภ้สามเก่งกาจเสียจริงๆ”
“น้องสะใภ้มีความสามารถนัก พวกเราไม่รู้มาก่อนเลย”
เว่ยฉางอิ๋งย่อมต้องเอ่ยถ่อมตนไปสักหน่อย …ท้ายสุด เพราะฮูหยินซูเอาแต่ดื่มน้ำชา แม้ไม่ได้ช่วยสะใภ้สามเอ่ยคำใดๆ แต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามไม่ให้สะใภ้สามสอบถามว่าจะให้ตนทำงานใดต่อไป
นางหลิวและนางตวนมู่ไม่กล้านำเรื่องหยุมหยิมเช่นการปรับสมุดบัญชีเก่าๆ นี้มาตบตาอีก จึงไม่อาจไม่แบ่งอำนาจส่วนหนึ่งในมือตนออกมา … ฮูหยินซูเห็นว่าพวกนางล้วนตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ครานี้จึงวางถ้วยชาลง แล้วเอ่ยเรียบๆ ไปสองสามคำให้เหล่าสะใภ้กลับไปได้แล้ว
เมื่อกลับมาที่เรือนจินถง เว่ยฉางอิ๋งสั่งความไปอย่างฮึกเหิมว่า “เอาเครื่องประดับหัวที่เป็นทองคำแท้ชุดหนึ่งกำนัลให้ท่านอาเฮ่อ!”
หลายวันมานี้นางวุ่นหน้าวุ่นหลัง จะมีเวลาและจิตใสอันใดไปดูสมุดบัญชีกันเล่า? สมุดบัญชีเหล่านี้ล้วนเป็นนางเฮ่อจัดการปรับออกมา! หาใช่นางหวงที่พวกนางหลิวพากันคาดเดาเป็นที่สุดไม่ หากแต่เป็นนางเฮ่อ … นางหวงชำนาญเรื่องการดูแลบ้าน แต่หากว่ากันเรื่องบัญชี นางเฮ่อต่างหากที่เป็นยอดฝีมือตัวจริง!
ครั้งเพิ่งยกหีบสมุดบัญชีกลับมาตอนแรกนั้น ทางนางเฮ่อพลันบ่นว่า “สมุดบัญชีตั้งมากมายล้วนนำมาให้ฮูหยินน้อยจัดการทั้งหมด ฮูหยินน้อยใหญ่และฮูหยินน้อยรองช่างทุ่มเทเสียเหลือเกิน! ฮูหยินน้อยจักต้องจัดการปรับไปถึงยามใด?” อีกทางหนึ่งก็ดีดลูกคิดเสียงดังพั่กๆๆๆ เหมือนเสียงไข่มุกร่วง เห็นเพียงสิบนิ้วของนางบินโฉบไปมาไม่หยุดหย่อนเลย ผนวกกับให้สาวใช้ที่มีลายมืองดงามช่วยจดบันทึก ดูคล้ายกับว่าเป็นท่านผู้ชำนาญการบัญชีที่ดูเพียงครั้งก็ได้สิบบรรทัด …ความเร็วเช่นนั้นทำเอา เว่ยฉางอิ๋งที่เดิมทีคิดจะไปช่วยด้วยตัวเองถึงกับตะลึงค้างไปเลย!
ภายหลังสอบถามจากนางหวงจึงได้รู้ว่า นางเฮ่อเป็นคนใจร้อน ทำงานรวดเร็วเด็ดขาด โดยเฉพาะทำบัญชีได้รวดเร็วนัก นั่นก็เพราะท่านอาผู้นี้เป็นคนที่มีไหวพริบในเรื่องตัวเลขเป็นพิเศษมาแต่กำเนิด เพียงกวาดตามองหนหนึ่งก็มองออกว่ามีสิ่งผิดปกติหรือไม่ โดยไม่ต้องคำนวณเสียด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องบอกว่านางเฮ่อมีวิธีคำนวณของตนเองที่สามารถมองเข้าใจได้ในทันใด ดังนั้นนางหลิวและนางตวนมู่ประเมินเว่ยฉางอิ๋งน่าจะมีความสามารถเหมือนคนทั่วไป แต่กลับไม่รู้ว่าที่แท้แล้วข้างกายของเว่ยฉางอิ๋งมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่
ยิ่งไปกว่านั้นนอกจากพวกของฉินเกอทั้งสี่คนซึ่งเป็นบ่าวติดตามของเว่ยฉางอิ๋งจะเป็นวรยุทธ์แล้ว ทุกคนยังทำบัญชีเป็นด้วย ยามว่างจึงมาคอยช่วยทำ …ช่วยกันทำมือเป็นระวิง ย่อมจัดการสมุดบัญชีเหล่านั้นออกมาได้ในเวลาไม่นาน!
เมื่อมองเห็นความเร็วชนิดไม่เห็นฝุ่นและการจัดการบัญชีได้อย่างไร้ผู้เทียมทานของนางเฮ่อแล้ว เว่ยฉางอิ๋งพลันตระหนักขึ้นมาว่า นับแต่ตนเกิดมาท่านย่าและท่านแม่ก็ตระเตรียมและคัดสรรทั้งบ่าวติดตามและสินติดตัวไว้ให้ตนแล้ว นางเฮ่อซึ่งเป็นแม่นมนั้นเป็นคนใจร้อนมีชั้นเชิงไม่ลึกซึ้ง แต่กลับเป็นยอดฝีมือบัญชี นางเพียงคนเดียวก็สามารถใช้การได้เทียบเท่าคนทั้งกลุ่มแล้ว
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือนางเฮ่อให้นมเลี้ยงดูเว่ยฉางอิ๋งมาจนเติบใหญ่ ย่อมภักดีต่อนางเป็นที่สุด …นางหวงซึ่งเป็นบ่าวคนสนิทที่สุดของแม่เฒ่าซ่งเป็นคนลึกซึ้งเหมาะจะมาดูแลทุกๆ เรื่อง ท่านอาทั้งสองคนนี้มีไมตรีที่ดีต่อกันมาแต่ไร และติดตามนางออกเรือนมาด้วย จึงสามารถร่วมมือกันได้อย่างไร้ที่ติ!
เมื่อกำนัลนางเฮ่อด้วยเครื่องประดับศีรษะทองคำไปชุดหนึ่ง พวกของฉินเกอที่หลายวันมานี้ล้วนมาช่วยงานต่างก็ได้รับรางวัลด้วย ในขณะที่เว่ยฉางอิ๋งได้อกได้ใจที่สามารถให้บทเรียนแก่พี่สะใภ้ทั้งสองได้ จึงสั่งนางหวงว่า “ไปเตรียมของกำนัลที่จะมอบให้ท่านอาหญิงหญิงออกมา! วันพรุ่งข้าจะเอ่ยเรื่องนี้กับท่านแม่ คิดว่าท่านแม่จักต้องรับปากแน่”
นางหวงยิ้มพลางว่า “เช่นนี้ก็พอดีเลยเจ้าค่ะ วันนี้ฮูหยินน้อยเพิ่งจะไปขออำนาจการดูแลบ้านจากฮูหยินน้อยใหญ่และฮูหยินน้อยรองมาได้ แล้วยามนี้ฮูหยินน้อยก็จะกลับไปเยี่ยมเยือนญาติผู้ใหญ่เสียก่อน ก็นับเป็นการให้ความสำคัญแก่ญาติผู้ใหญ่ยิ่งนักเจ้าค่ะ”
เว่ยฉางอิ๋งยิ้มเยาะพลางว่า “เดิมทีสองสามวันก่อนท่านอาเฮ่อก็ทำบัญชีเสร็จแล้ว แต่เพราะท่านอาเตือนข้าให้ส่งไปช้าอีกสักหน่อย เพื่อมิให้มีพิรุธ ไม่ให้คนรู้ว่าความสามารด้านบัญชีของนางเฮ่อนั้นเหนือคนธรรมดามากนัก อย่าได้ให้พวกคนชั่วใจทรามวางแผนร้ายมาที่ตัวท่านอาเฮ่อได้ …และหากให้ท่านแม่รู้ถึงความสามารถของท่านอาเฮ่อ ท่านแม่ก็จะรู้สึกว่าเรื่องที่ข้าส่งมอบบัญชีไปก่อนเวลานั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา ข้าคิดว่าท่านอาพูดมีเหตุผล รอสักสิบวันหรือครึ่งเดือนค่อยส่งก็ยังได้ …ไม่คิดว่านางหลิวและนางตวนมู่กลับอดรนทนไม่ไหว ข้าก็เพียงแค่มาช้าหนหนึ่ง พวกนางก็พากันขุดหลุมใหญ่จะฝังข้า! ข้าจึงไม่อาจไม่ส่งมอบบัญชีไปในทันใดเสียเลย!”
นางหวงยิ้มแล้วว่า “ฮูหยินน้อยทำถูกยิ่งนักเจ้าค่ะ ดูซิว่าฮูหยินน้อยใหญ่และฮูหยินน้อยรองจะกล้ามาใส่ความและปรามาสความสามารถของฮูหยินน้อยต่อหน้าฮูหยินอีกหรือไม่!”
“พูดไปพูดมา ความจริงแล้วความสามารถของข้ากลับไม่ได้มีเท่าใดจริงๆ” เว่ยฉางอิ๋งได้ยินคำก็พลันหัวเราะพู่ออกมา ตบมือแล้วว่า “แต่ผู้ใดใช้ให้ข้ามีทั้งท่านอาและท่านอาเฮ่อ และยังมีท่านอาว่านเป็นผู้ช่วยเล่า?”
นางหวงยิ้มพลางว่า “หากฮูหยินน้อยไม่เก่งกาจ ข้าน้อยและน้องเฮ่อจะยอมหมอบราบคาบแก้วติดตามฮูหยินน้อยหรือเจ้าคะ”
“เรื่องนี้เป็นข้าเก่งกาจที่ใดกัน เป็นท่านอารักใคร่ข้าต่างหาก!” เว่ยฉางอิ๋งหัวเหราะฮิๆ โผเข้าไปในอกนาง แล้วอ้อนว่า “ท่านอาดีที่สุดเลย!”
นางหวงยิ้มออกมาอย่างเต็มอกเต็มใจ ประคองนางเอาไว้หุบยิ้มไม่ได้ “ยามนี้ฮูหยินน้อยก็เป็นฮูหยินน้อยแล้ว ยังจะขี้อ้อนเช่นนี้อีก เฮ่อ จริงๆ เลย…” ฟังคำเหมือนกำลังเอ็ดนาง ทว่าในดวงตากลับเต็มไปด้วยความรัก “ฮูหยินน้อยต้องมีความสุขเช่นนี้ร่ำไปนะเจ้าคะ…”
____________________________________