ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่ 2-3 - ตอนที่ 128 เห็นใจ
อีกฝ่ายเป็นเพียงเด็กสาวที่ยังไม่ออกเรือน ต่อให้ตามตื๊อไม่ยอมปล่อยอย่างไร จูเหล่ยอาจคิดว่าชายหญิงต่างกัน ทั้งยังเป็นกลางวันแสกๆ จึงไม่กล้าทำอันใดกับนาง แต่นางเฮ่อที่เป็นท่านอาที่มีนิสัยร้ายกาจไม่กลัวใคร และเป็นคนดูแลพวกสาวใช้ทั้งน้อยใหญ่มาจนเคยชิน เมื่อไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองก็นับเป็นการให้เกียรติแก่จี้ชวี่ปิ้งแล้ว
หากบอกว่าเป็นนางว่านไปและต้องเสียเวลาอยู่จนถึงยามนี้ค่อยกลับมา เว่ยฉางอิ๋งกลับไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอันใด เพราะอย่างไรเท่าที่นางดูมาหลายวันนี้ นางว่านเป็นคนดีซื่อตรง มีเมตตาใจอ่อน แต่ไรมาไม่เคยพูดคำพูดแรงๆ สักคำ จากความเข้าใจของเว่ยฉางอิ๋งที่มีต่อนางเฮ่อ คนที่ทำการเด็ดขาดมาแต่ไรเช่นนางเฮ่อ เมื่อไปแล้วเพียงพูดจาไม่กี่คำ ก็ควรจะไล่นางอวี๋ผู้นั้นไปเสียพ้นๆ ได้แล้วนี่?
เมื่อถูกเว่ยฉางอิ๋งเอ่ยถามเช่นนี้ นางเฮ่อพลันมีสีหน้าโกรธเคืองขึ้นมา กล่าวว่า “ไล่นางอวี๋ไปใช้เวลาไม่เท่าใดหรอกเจ้าค่ะ เพียงแต่ฮูหยินน้อยไม่ทราบว่า ไอ้เจ้างี่เง่าเจียงสมควรสับเป็นพันชิ้น…” นับแต่ปีก่อนที่เจียงเจิงช่วยชีวิตเว่ยฉางอิ๋งพี่น้องจากการลอบสังหารกลับมาได้ นางเฮ่อที่เดิมทีคอยด่าทอเขาไม่หยุดปากก็มีท่าทีอ่อนลงมา ไม่ว่าจะเอ่ยถึงเขาทั้งต่อหน้าหรือลับหลังก็จะไม่พูดว่าสับเป็นพันเป็นหมื่นชิ้นอีก แต่จะเรียกเขาว่าองครักษ์เจียงแล้ว
แต่จู่ๆ ยามนี้นางเฮ่อกลับด่าเขาขึ้นมาอีกแล้ว เว่ยฉางอิ๋งจึงรู้สึกประหลาดใจนัก กล่าวว่า “ท่านลุงเจียงเป็นอันใดอีก? มิใช่บอกว่าสองวันก่อนเขาเพิ่งรู้สึกตัว เวลานี้ยังไม่มีเรี่ยวแรงนักหรอกหรือ?”
ครั้งเจียงเจิงมีสติครบพร้อมก็ยังสู้นางเฮ่อไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องบอกว่าตอนนี้เพิ่งจะฟื้นคืนสติแล้วจะไปยั่วโมโหนางเฮ่อได้อย่างไร?
นางเฮ่อเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “อวี๋ฝูผู้นี้ นับว่าเป็นคนชั่วที่ไร้น้ำใจไร้คุณธรรมชัดๆ! ที่ครานี้ลูกสาวคนรองของเขาวิ่งมาตามรังควานที่คฤหาสน์จี้ ก็มิใช่เพราะเห็นว่าปิดบังเรื่องนี้ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว จึงแสร้งทำทีเป็นว่ามาขอขมา? คนทั้งบ้านนี้มีใจชั่วช้า จะเชื่อถือได้อย่างไร? ปรากฏว่าเจียงเจิงกลับดีนัก ข้าน้อยไปไล่นางอวี๋นั่นไปเสีย และคิดว่าเมื่อกลับไปแล้ว ฮูหยินน้อยท่านคงต้องเอ่ยถามถึงอาการบาดเจ็บของเขา จึงเข้าไปดูสักหน่อย เจียงเจิงกลับมีท่าทีเสียดายนักหนาที่ข้าน้อยไล่นางอวี๋นั่นไป!”
“เสียดาย?” เว่ยฉางอิ๋งเอ่ยถามด้วยความงงงันปนตกตะลึง “หรือท่านลุงเจียงเขา… เขาหมายตานางอวี๋ผู้นี้เอาไว้?”
แต่แรกที่เจียงเจิงเข้ามาเป็นองครักษ์ตระกูลเว่ยก็เรียกได้ว่าสิ้นเนื้อประดาตัว หากไม่ใช่เพราะมีวรยุทธไม่ธรรมดาและมีพ่อบ้านคนหนึ่งของตระกูลเว่ยไปพบเห็นเข้า จึงรับเขาเข้ามาทำงานรับใช้เป็นองครักษ์ หาไม่แล้วเขาคงต้องถูกพวกสำนักคุ้มภัยและพวกเจ้าของสินค้าที่เขาทำงานคุ้มภัยพลาดเลาะกระดูกมาใช้หนี้ไปเสียงตั้งนานแล้ว เขาจึงไร้กำลังใดจะไปแต่งภรรยา
ภายหลังเมื่อเขามาทำงานในตระกูลเว่ยก็ค่อยๆ ทยอยใช้หนี้ แต่อายุก็มากแล้ว จนคล้ายว่าความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ค่อยๆ จางหายไป …กอปรกับครั้งนั้นสหายส่วนมากของบิดาของเขาก็ล้วนไม่อยู่แล้ว และไม่มีใครมาเร่งรัดให้เขาแต่งงาน ต่อมาอีก แม้แต่ฮูหยินซ่งเองก็ยังเคยถามครั้งหนึ่ง …ทว่าครั้งนั้นเจียงเจิงเองก็ยังไม่อาจแน่ใจได้ว่าเว่ยฉางอิ๋งจะสนใจฝึกวรยุทธไปอีกนานเท่าใด จึงอดเป็นกังวลไม่ได้ว่าหากได้ภรรยาที่แต่งกับเขาเพราะเห็นว่าเขาเป็นครูฝึกให้แก่คุณหนูใหญ่ตระกูลเว่ย วันหน้าหากเขาไม่ได้ทำงานนี้แล้วก็จะเปลี่ยนใจไป
เพราะอย่างไรตระกูลเจียงพ่อลูกล้วนทำงานคุ้มภัยมาหลายชั่วอายุคน หลังจากบิดาของเจียงเจิงทำงานพลาด ทุกคนต่างพากันเมินหน้าหนี เมื่อเห็นว่าเจียงเจิงถูกบีบบังคับอย่างสาหัสกลับไม่ได้ผ่อนผันให้แม้แต่น้อย บังคับเสียจนเขาไม่อาจไม่ละทิ้งความอิสระเสรี และมาฝากตัวกับตระกูลเว่ยแห่งเฟิ่งโจวเพื่อแลกกับความคุ้มครอง?
เมื่อผ่านพ้นเรื่องราวทั้งหมดมาดังนี้ ครั้งนั้นเจียงเจิงจึงขอบคุณและตอบปฏิเสธทั้งคนที่จะไปทาบทามให้เขา รวมทั้งทุกคนที่ฮูหยินซ่งไหว้วานไป ภายหลังกอปรกับนางเฮ่อ …แม่นมของเว่ยฉางอิ๋งซึ่งยิ่งเป็นคนที่มีตำแหน่งและอำนาจสูงยิ่งกว่าเจียงเจิงซึ่งเป็นครูฝึก…คอยจ้องจิกด่าเจียงเจิงอยู่ตลอดเวลา ทุกคนกลัวจะไปล่วงเกินนางเฮ่อ จึงไม่มีใครเอ่ยเรื่องนี้อีก
ด้วยเหตุนี้ เจียงเจิงจึงได้อยู่เพียงลำพังมาจนบัดนี้ ทุกคนล้วนเข้าใจโดยปริยายว่าเขาจะเป็นโสดไปจนแก่ วาระสุดท้ายในภายหลัง ย่อมต้องให้เว่ยฉางอิ๋งผู้เป็นนายคอยเลี้ยงดู และมีจูเหล่ยผู้เป็นศิษย์ส่งศพให้เขา
มาวันนี้กลับได้ยินนางเฮ่อบอกว่า เจียงเจิงเสียดายที่นางอวี๋ถูกไล่ไป ไม่เพียงแค่เว่ยฉางอิ๋ง แต่พวกสาวใช้ตัวน้อยเช่นจูหลานจะประหลาดใจอย่างมาก จนแม้แต่มือที่กำลังนวดไหล่ให้เว่ยฉางอิ๋งก็พลันหยุดลงทันใด
นางหวงร้องอ๊ะออกมาคำหนึ่ง “หรือว่าสาเหตุที่ท่านองครักษ์เจียงไปที่ร้านขนมหูปิ่งของบ้านอวี๋เมื่อก่อนนี้…?”
หรือว่าการที่เจียงเจิงไปคอยอุดหนุนคนที่รู้จักกันมานานเพราะมีแผนการบางอย่าง?
ทุกคนพลันตกตะลึงพรึงเพริด
เว่ยฉางอิ๋งกำลังใคร่ครวญว่าควรเห็นด้วยกับเรื่องนี้ดี หรือจะไม่เห็นด้วยดี หรือว่าจะไปขอคำชี้แนะกับฮูหยินซูดี ก็เห็นว่านางเฮ่อเอ่ยออกมาด้วยท่าทีไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดีว่า “ฮูหยินน้อยและพี่หวงคิดไปถึงที่ใดแล้ว? เจียงเจิงเจ้าแก่นั่น อายุก็ปาเข้าไปปูนนี้แล้ว หากยังไปหลงเด็กสาววัยละอ่อน อย่างนั้นก็โง่บรม อยู่มาเสียเวลาเปล่าแล้วเจ้าค่ะ!”
“มิใช่ ท่านลุงเจียงไปหมายตานางอวี๋ผู้นี้ แล้วเขาเสียดายเรื่องใด?” เว่ยฉางอิ๋งงงงัน โพล่งเอ่ยออกไป
นางเฮ่อกล่าวว่า “พี่หวงพูดถูกอยู่ครึ่งหนึ่ง ที่ก่อนนี้เจียงเจิงชอบไปซื้อขนมหูปิ่งที่ร้านของบ้านอวี๋ ก็มิใช่เพียงไปช่วยอุดหนุนคนรู้จักกันมานาน แต่กลับเพราะหมายตาอวี๋เยี่ยนหวาบุตรสาวคนรองผู้นี้ของบ้านอวี๋ เพียงแต่ไม่ได้หมายตาให้มันเอง แต่กลับเพราะคิดจะหาคนงามให้แก่จูเหล่ยศิษย์ของมัน!”
เว่ยฉางอิ๋งโล่งอก แล้วว่า “ท่านลุงเจียงก็จริงๆ เชียว หากว่านี่เป็นเมื่อก่อน เรื่องนี่ก็ไม่เป็นไร แต่ยามนี้บ้านอวี๋ทำร้ายเขา ข้าว่าแม้จูเหล่ยผู้นั้นจะเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งแต่ก็กตัญญูยิ่งนัก เกรงว่าต่อให้ท่านลุงเจียงยอมให้อภัยบ้านอวี๋ จูเหล่ยรู้เข้าก็คงจะไม่ยอมแต่งกับนางอวี๋นั่นหรอก”
“ก็มิใช่หรือเจ้าคะ?” นางเฮ่อกล่าว “ดังนั้นข้าจึงต่อว่าไอ้เจ้าแก่นี่…ว่ามันเลอะเลือน!” อย่างไรก็ตาม ยามเว่ยฉางอิ๋งเอ่ยถึงเขาก็ล้วนเรียกขานแต่ท่านลุงเจียง ส่วนนางเฮ่อกลับเรียกแต่ไอ้เจ้าแก่น่าสับเป็นพันชิ้น นางหวงจึงอดจะถลึงตาใส่นางไปหนหนึ่งไม่ได้ นางเฮ่อมองเห็นจึงเปลี่ยนคำอย่างขัดเขินว่า “เขาว่าอวี๋เยี่ยวหวาหน้าตางดงาม ยิ่งไปกว่านั้นยามนางขายหูปิ่งก็มองออกว่าเป็นคนทำงานได้คล่องแคล่ว คิดว่าจะไปสู่ขอนางให้ จูเหล่ยตั้งนานแล้ว อย่างไรเสียศิษย์ของเขาก็เป็นคนประเภทหน้าตาไม่หล่อเหลา ฐานก็ไม่สูงส่ง หากพลาดอวี๋เยี่ยวหวาไป เกรงว่าคงยากจะได้เมียหน้าตางดงามเช่นนี้ ฮูหยินน้อยท่านว่าเขาเลอะเลือนหรือไม่? อวี๋เยี่ยวหวานั่น ข้าเห็นแล้วก็พอจะงดงามอยู่บ้าง ทว่าในเรือนของเราเอง แค่จูหลานกับจูสือก็ผลักนางถอยไปอีกสองถนนได้ไม่ยากเลยเจ้าค่ะ! อย่างไรเสียก็เป็นพวกชาวบ้านเล็กๆ จะมีคนหน้าตางดงามได้สักเท่าใดกัน? ประสาอะไรกับที่เขาอยากหาเมียงามๆ ให้ศิษย์ของตน อย่าว่าแต่ฮูหยินน้อยเลย แม้แต่ข้าน้อยก็ยังช่วยหาให้เขาได้! แค่เห็นอวี๋เยี่ยนหวาก็จะคว้านางไว้ให้ได้ไม่ยอมวางมือ! ข้าน้อยทนดูความเลอะเลือนของเขาไม่ได้จริงๆ จึงด่าเขาไปสองสามคำ”
เว่ยฉางอิ๋งเอ่ยอย่างสงสัย “ด่าไปสองสามคำ?” แล้วเหตุใดจึงกลับมาเย็นเช่นนี้?
เมื่อถูกถามดังนี้ นางเฮ่อจึงพูดติดๆ ขัดๆ ว่า “ก็มิใช่ว่า… ไอ้เจ้าเจียงเจิงมันเลอะเลือนเกินไปแล้ว ข้าน้อยขัดลูกกะตานักจึงพูดแรงไปสองประโยค แล้วเขาก็จะต้องมาเอาความกับข้าน้อยให้ได้หรอกหรือเจ้าคะ?”
นางหวงเอ่ยถามอย่างสงสัยว่า “น้องเฮ่อเจ้าพูดสิ่งใด เขาจึงมาเอาความกับเจ้า?” นางหวงรู้จักนิสัยของนางเฮ่อดี ว่านางเป็นคนที่ต่อให้ไม่มีเหตุผลก็ยังจะเถียงเสียงแข็ง ทั้งความร้ายกาจของนางก็ยังอยู่เหนือเหตุผลใดๆ โดยเฉพาะได้ยินว่านางเฮ่อด่าเจียงเจิงผู้นี้มาเป็นสิบกว่าปี เจียงเจิงล้วนไม่เคยโต้ตอบนาง ด้วยคิดว่าชายหญิงแตกต่างกันและคำนึงถึงหลายๆ เรื่อง ยิ่งไปกว่านั้นยามนี้เขาเองก็เพิ่งจะได้สติขึ้นมาอาการบาดเจ็บสาหัส ในช่วงเวลาที่ยังไม่มีเรี่ยวแรงเช่นนี้ ว่ากันตามหลักแล้วยิ่งไม่น่ามีแรงไปเอาความกับนางเฮ่อนี่
ในสถานการณ์เช่นนี้เขายังจะมาเอาความกับนางเฮ่อ จะต้องเพราะนางเฮ่อพูดแทงใจดำเขาหรือไม่ก็เป็นเรื่องที่เขาทนไม่ได้
ปรากฏว่านางเฮ่อเอ่ยอย่างขัดๆ เขินๆ ว่า “ข้าก็พูดแรงไปหน่อย บอกไปคำหนึ่งว่า ‘เจ้าอาลัยอาวรณ์อวี๋เยี่ยวหวาเพียงนี้ เสียแรงที่เคยเป็นชาวยุทธ ที่ไหนได้กลับไม่มีใจเด็ดเดี่ยวและยึดถือว่าบุญคุณต้องทดแทนความแค้นต้องชำระอย่างชาวยุทธทั่วไปเลยแม้สักน้อย? คงมิใช่ว่าจริงๆ แล้วเจ้าไม่ได้จะขอนางมาเป็นเมียลูกศิษย์เจ้า แต่ขอมาให้ตัวเองหรอกนะ’ ปรากฏว่ามันเกือบจะกระโจนจากเตียงมาเอาความกับข้า…”
“…” เว่ยฉางอิ๋งกุมขมับ …นี่ก็เท่ากับเป็นการสงสัยว่าคนเป็นอาจารย์เช่นเจียงเจิงคิดอยากเล่นเมียของลูกศิษย์ เจียงเจิงไม่มาเอาความกับนางก็แปลกแล้ว!
นางหวงเองก็หน้าแดงขึ้นมาน้อยๆ เอ่ยตำหนิไปว่า “น้องเฮ่อ ปากของเจ้านี่นะ!คนที่รู้ก็จะรู้ว่าเจ้าอยากช่วยคนของเรา แต่อย่างไรแม้ท่านองครักษ์เจียงจะไม่ได้เป็นคนเรือนเรา แต่ก็เป็นบ่าวติดตามของฮูหยินน้อย! หากคนไม่รู้แล้วเชื่อคำเจ้าจริงๆ แล้ววันหน้าเจ้าจะให้ท่านองครักษ์เจียงออกไปเจอหน้าผู้คนได้อย่างไร? ยิ่งไม่ต้องบอกว่าหากจูเหล่ยมาได้ยินคำพูดนี้เข้า พวกเขาศิษย์จะไม่อึดอัดใจหรือ? ทั้งที่หวังดีแท้ๆ แต่ไยจึงพูดจนเป็นเช่นนี้เล่า?”
นางเฮ่อเอ่ยปาก “เฮ่อ จูเหล่ยนั่นก็บอกแล้วว่าเขาไม่มีทางเอาบุตรสาวของคนที่เคยทำร้ายอาจารย์มาทำเมีย เจียงเจิงก็กลับยังเลอะเลือนอยู่เช่นนี้ ข้าถึงได้ร้อนใจนัก อยากจะสั่งสอนเขาสักหน่อย ให้เขาล้มเลิกความคิดงี่เง่าไร้สาระนี้ไปเสีย!”
นางหวงยิ้มเจื่อนๆ กล่าวว่า “เจ้าน่ะ …มินาเล่าเจ้าถึงได้กลับมาช้าเพียงนี้ นี่ก็เพราะท่านองครักษ์เจียงศิษย์อาจารย์เป็นคนมีจิตใจดี เพียงแค่จะมาเอาความกับเจ้า หากเป็นคนอารมณ์ร้ายสักหน่อย ถ้าไม่สู้ตายกับเจ้าก็แปลกแล้ว!”
เพียงคิดก็รู้ว่ายามเจียงเจิงและนางเฮ่อทะเลาะกัน นางเฮ่อจะต้องไม่ได้ขอขมาเขาในทันใดเป็นแน่ จึงได้ขัดแย้งกันไม่เลิกไม่แล้วจนมืดค่ำปานนี้ นางเฮ่อจึงเพิ่งออกมาได้ …ด้วยความร้ายกาจที่ท่านอาผู้นี้เป็นมาตลอด ยังไม่รู้เลยว่านางหนีกกลับมาดื้อๆ หรือว่าไกล่เกลี่ยกับเจียงเจิงเสร็จแล้ว?
เว่ยฉางอิ๋งถอนหายใจคำหนึ่ง เอ่ยว่า “ข้ารู้แล้ว ท่านอาเฮ่อ ที่ท่านเดินทางไปวันนี้ก็เหน็ดเหนื่อยแล้ว วันพรุ่งให้ท่านอาหวงไปอีกหน เพื่อมิให้นางอวี๋นั่นไปรบกวนอีกเถิด”
นางเฮ่อฟังออกว่านี่เป็นการแสดงความไม่พอใจต่อสิ่งที่ตนไปจัดการในวันนี้ นางรู้สึกผิด พูดเสียงเบาๆ ไปคำหนึ่งว่า …ยามนี้ควรจัดอาหารเย็นมาได้แล้ว
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ เว่ยฉางอิ๋งกลั้วปาก สั่งให้บ่าวรอบตัวออกไป เหลือเพียงนางหวงเอาไว้สนทนา “คล้ายว่าท่านอาเฮ่อจะมองไม่ออกว่าเหตุใดท่านลุงเจียงจึงคิดให้จูเหล่ยแต่งงานกับนางอวี๋ผู้นี้ต่อไป?”
“อย่างไรเขาก็เป็นครูฝึกของฮูหยินน้อย อย่างไรก็ต้องแล้วแต่ฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ” นางหวงพยักหน้าน้อยๆ กล่าวว่า “น้องเฮ่อเป็นคนขวานผ่าซาก ครานี้นับว่าไปให้ร้าย ท่านองครักษ์เจียงเข้าแล้วจริงๆ”
เป็นดังคำนางเฮ่อ เจียงเจิงเป็นชาวยุทธโดยกำเนิด มีชาวยุทธสักกี่คนที่ไม่ยึดถือเรื่องบุญคุณความแค้น? หากจะพูดให้ไม่น่าฟังสักหน่อย ผู้ที่อยู่ในยุทธภาพล้วนต้องใช้ชีวิตอยู่โดยมีเลือดเปื้อนคมดาบอยู่เสมอ หากไม่มีกลอุบายสักน้อย ก็จะไม่ทำให้คนหวาดกลัว ไม่แน่ว่าจะต้องลงเอยด้วยการถูกคนรุมคิดบัญชี!
หากว่ากันตามนิสัยแท้ๆ ของเจียงเจิง ครานี้ต้องพลาดท่าเพียงนี้ หากไม่ถือดาบไปฆ่าล้างครัวบ้านอวี๋ แต่สังหารแค่เพียงอวี๋ฝูผู้เดียวก็นับว่าเป็นความเมตตาของเขาแล้ว!
ทว่ายามนี้นอกจากเขาจะไม่เอ่ยเรื่องไปไล่เรียงความอวี๋ฝูแล้ว กลับกันเขายังคิดจะให้จูเหล่ยศิษย์เพียงคนเดียวของเขาแต่งกับอวี๋เยี่ยนหวาบุตรสาวคนรองของอวี๋ฝูเสียอีก กลับหอกแหลมให้เป็นหยกและผ้าแพร! ทำเรื่องไม่ปกติเช่นนี้ย่อมต้องมีเหตุผล และเหตุผลนี้ก็เดาไม่ยาก ด้วยวรยุทธของเจียงเจิง แต่กลับยอมให้องค์รัชทายาททุบตีอยู่กลางถนนจนบาดเจ็บสาหัส ก็ด้วยเกรงกลัวอำนาจขององค์รัชทายาท
หรือพูดได้กว่า กลัวจะสร้างความลำบากให้เว่ยฉางอิ๋ง
ดังนั้นเมื่อเจียงเจิงถูกองค์รัชทายาทให้ร้ายและปล่อยให้องค์รัชทายาททุบตีโดยไม่โต้ตอบแม้แต่น้อย ยามนี้ก็ยังคิดจะอาศัยโอกาสวที่อวี๋เยี่ยนหวาเข้ามาขอขมา เพื่อจัดการให้เรื่องนี้สงบลงเสีย
เว่ยฉางอิ๋งยิ้มเย็นพลางวา “ท่านลุงเจียงก็เห็นใจข้าเกินไปนัก หากวันนี้องค์รัชทายาทเข้ามาไกล่เกลี่ยเรื่องนี้กับข้า ข้าก็ยังจะไม่รับปากเลย แต่นางอวี๋ตัวเล็กๆ นี่กลับจะมาคอยรับใช้เป็นวัวเป็นม้า …น่าขันสิ้นดี ข้าขาดคนคอยปรนนิบัติรอบกายแต่เมื่อใดกัน? ต่อให้นางจะบอกว่าจะมาเป็นวัวเป็นม้าให้ แล้วข้าจะไม่มีปัญญาส่งคนสองสามคนไปดูแลท่านลุงเจียงศิษย์อาจารย์? องค์รัชทายาทนั้นข้าจนปัญญา แต่ถ้าเป็นบ้านอวี๋ทั้งบ้าน แล้วข้ายังจะจัดการไม่ได้อีก วันหน้าก็มิใช่ว่าทุกคนจะพากันมารังแกบ่าวติดตามของข้าจนหมดรึ!”
นางหวงเองก็พยักหน้า “ท่านองครักษ์เจียงเป็นครูฝึกของฮูหยินน้อย มีฐานะสูงกว่าบ่าวทั่วๆ ไป เวลานี้เรื่องนี้แพร่ไปอย่างลับๆ จนทั่วเมืองหลวงแล้ว หากฮูหยินน้อยไม่จัดการบ้านอวี๋ วันหน้าคนบ้านอื่นก็จักต้องไม่ไว้หน้าคนของฮูหยินน้อย ฉะนั้นท่านองครักษ์เจียงย่อมรู้สึกเห็นใจฮูหยินน้อย แต่การตัดสินใจเช่นนี้ก็ไม่รอบคอบเจ้าค่ะ”
“ประสาอะไร แม้ท่านลุงเจียงจะมองออกว่า หากอวี๋เยี่ยนหวาไม่ได้มีคนบงการมาก็จะไม่มีวันติดตามไปจนถึงคฤหาสน์จี้ได้ แต่กลับลืมไปว่าเหตุที่อวี๋เยี่ยนหวามาแสดงท่าที่อ่อนน้อมในยามนี้ อาจเป็นความคิดของนางเองก็เป็นได้?” เว่ยฉางอิ๋งส่ายหน้ากล่าวว่า “หากข้าอยากให้ทางท่านลุงเจียงรับปากทำให้เรื่องนี้สงบลงเสีย แล้วข้าจะไม่ส่งคนไปบอกหรือ? ในเมื่อข้าไม่ได้บอกกับเขา ย่อมหมายความว่าเขาไม่จำเป็นต้องกล้ำกลืนฝืนทนเช่นนี้”
แล้วว่า “ข้าพอจะเข้าใจเรื่องทางฝั่งคฤหาสน์จี้แล้ว แม้จี้ชวี่ปิ้งจะไม่อยากเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ทั้งที่บุตรชายรองและสะใภ้รองของท่านอาก็ล้วนอยู่ที่นั่น และอวี๋เยี่ยนหวาก็ซึ่งเป็นเพียงเด็กสาวที่ไม่ได้ออกเรือนคนหนึ่ง แล้วจะไม่มีหนทางไล่นางไปได้เชียวหรือ? ที่แท้ก็เป็นท่านลุงเจียงที่มีความคิดจะทนรับกรรมแทนทุกคน จูเหล่ยไม่ยอมใจ อีกทั้งไม่อาจเกลี่ยกล่อมอาจารย์ได้ จึงจงใจอ้างเหตุผลนี้มาเชิญคนจากทางบ้านเราไปช่วยยับยั้งเรื่องนี้เอาไว้”
นางหวงกล่าวว่า “คงเป็นดังที่ฮูหยินน้อยว่ามาเจ้าค่ะ”
“ท่านอาหวง วันพรุ่งท่านไปบอกเล่าเหตุผลนี้แก่ท่านลุงเจียงให้กระจ่าง เพื่อมิให้ท่านลุงเจียงต้องเป็นกังวล และกลับทำให้อาการบาดเจ็บรักษาไม่หายเอาบอกไปว่าเขาไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องนี้ ให้เขาพักรักษาตัวดีๆ เป็นพอแล้ว” เว่ยฉางอิ๋งกล่าว “และคำพูดไม่ถูกต้องที่ท่านอาเฮ่อเอ่ยในวันนี้ ท่านก็ช่วยปลอบใจเขาแทนท่านอาเฮ่อไปสักคำสองคำเถิด”
นางหวงรับคำไปทุกเรื่อง ท่านอาผู้นี้ทำงานน่าเชื่อถือกว่านางเฮ่อนัก เมื่อมอบหมายงานแก่นางแล้ว เว่ยฉางอิ๋งก็สามารถกวางใจได้แล้ว
__________________________________