ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่ 2-3 - ตอนที่ 137-2 หรานหลีถัง
คำพูดนี้เตือนสติเว่ยฉางอิ๋ง นางใคร่ครวญแล้วเอ่ยว่า “แรกเริ่มนั้นข้าไม่ได้สนใจ แต่ภายหลังเห็นหลิวรั่วเหยียออกมาปรามนาง ข้าคิดว่าอาจจะนั่งอยู่กับหลิวรั่วเหยีย”
“อย่าได้กลายเป็นว่าคุณหลิวสิบเอ็ดผู้นี้เป็นคนทำหรอกนะเจ้าคะ?” นางหวงเอ่ยขึ้นทันใด “ฮูหยินรองก็ไม่ได้โง่ ยามนี้ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังอยู่ นางจะมีความกล้าใดมาเป็นปรปักษ์กับฮูหยินน้อยท่าน? ยิ่งไม่ต้องบอกว่านางยุยงบรรดาบุตรสาวมาเลยเจ้าคะ หากให้ฮูหยินรองรู้เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ก็จะต้องตำหนิคุณหนูเจ็ดแน่นอน ไม่แน่ว่ายังต้องส่งคนมาขอขมาฮูหยินน้อยด้วยเจ้าค่ะ อย่างไรเสียเรื่องการแย่งชิงตำแหน่งประมุขก็เป็นเรื่องของนายท่านรองและคุณชายห้า หากบ้านสองจะมามีเรื่องขัดใจกับฮูหยินน้อยอีก แล้วเรื่องนี้แพร่ไปถึงเฟิ่งโจว ไม่เพียงฮูหยินผู้เฒ่าจะรังเกียจพวกเขา แม้แต่ท่านประมุขก็ยังจะรู้สึกว่าทางสายของท่านรองใจคอไม่กว้างขวางพอ …หากนายท่านรองและฮูหยินรองเบาปัญญาเพียงนี้ หลังจากท่านประมุขและฮูหยินผู้เฒ่าจากเมืองหลวงไป พวกเขาก็จะไม่มีทางอยู่เพียงลำพังมาตลอดหลายปีนี้แล้วเจ้าค่ะ”
เว่ยฉางอิ๋งขมวดคิ้วเอ่ยปาก “พี่สะใภ้ใหญ่และลูกผู้พี่ซ่งต่างก็บอกว่า หลิวรั่วเหยียผู้นี้มิใช่ของดี นางก็ไม่ใช่ของดีจริงดังว่า! หากนางไม่ก่อเรื่องก่อราวสักชั่วครู่ชั่วยามก็จะไม่มีความสุขหรือไร?” แล้วเอ่ยอย่างสงสัยว่า “แต่ดูที่นางทำหนนี้ ก็ไม่คล้ายว่าจะทำร้ายข้า?”
นางหวงบอกว่า “ก็มิใช่หรือเจ้าคะ? ในงานมงคลวันออกเรือนของคุณหนูใหญ่บ้านซู คุณหนูเจ็ดบ้านเว่ยของเราไม่รู้ความ เข้าไปหาเรื่องฮูหยินน้อยท่านซึ่งตามลำดับแล้วเป็นคุณหนุสาม หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ผู้ใดจะไม่บอกว่าคุณหนูเจ็ดไม่มีหัวคิดทั้งยังร้ายกาจ ไม่เคารพลูกผู้พี่? อีกทั้งยังไปล่วงเกินตระกูลซูอีก ถ้าเรื่องนี้รายงานไปถึงเฟิ่งโจว ฮูหยินผู้เฒ่าก็จะยิ่งมีเหตุผลไปช่วยคุณชายห้าพูดกับท่านประมุขแล้วเจ้าค่ะ”
“ก่อนนี้เคยได้ยินว่าหรานหลีถังของตระกูลหลิวมีการต่อสู้เป็นการภายใน ท่านสมุหกลาโหมหลิวซือฮวายต้องการสนับสนุนหลิวรั่ววั่วหลานชายแท้ๆ ขึ้นมาแทนที่ตำแหน่งภายในตระกูลของหลิวซิสวินซึ่งเป็นหลานชายที่หลิวซือจิ้งประมุขของตระกูลคัดเลือกมา วันชูอิกปีก่อน หลิวซีสวินก็ถูกจัดการมาหนหนึ่งแล้ว จนทำให้พลาดโอกาสไปสร้างผลงานที่ชายแดนในครานี้ หากแต่หลิวยิ้วเจ้าหลายชายแท้ๆ หลิวซือจิ้งกลับได้โอกาสนี้ไปแทน…” เว่ยฉางอิ๋งใคร่ครวญสักพัก “หรือว่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้?”
นางหวงจึงถามว่า “วันนี้คุณหนูหลิวสิบเอ็ดได้มาแสดงท่าทีหรือส่งสัญญาใดกับฮูหยินน้อยบ้างหรือไม่เจ้าคะ?”
เว่ยฉางอิ๋งส่ายหัว “ไม่มี”
นางหวงกล่าวว่า “แม้คุณหนูหลิวสิบเอ็ดผู้นี้จะอายุยังน้อย แต่ในเสียงร่ำลือที่มีเสมอมาล้วนบอกว่านางมีจิตใจที่ล้ำลึกนัก ไม่อาจประมาทนางได้ ข้าน้อยคิดว่า นางต้องไม่ทำเรื่องที่ไม่มีเหตุมีผล ครานี้เห็นชัดว่าที่นางเข้าไปตีสนิทกับคุณหนูเจ็ด ความจริงแล้วต้องการทำร้ายคุณหนูเจ็ดหนหนึ่ง ซึ่งนับว่าเป็นการช่วยฮูหยินน้อยและช่วยคุณชายห้าไปด้วย เกรงว่าต้องมีแผนการแน่ แม้นางยังไม่เอ่ยกับฮูหยินน้อยเป็นการชั่วคราว แต่ไม่แน่ว่าภายหลังจะมาขอรับความดีความชอบเจ้าค่ะ”
“มาขอรับความชอบจากข้า? นั่นต้องรอให้ข้ารับไมตรีจากนางก่อนจึงจะได้ ทว่า ดูไปแล้วเว่ยฉางเจวียนเชื่อถือนางยิ่งนัก อาจคิดไม่ทันว่ายามนี้ตนเองถูกให้ร้ายเสียแล้ว!” เว่ยฉางอิ๋งหัวเราะหยันหนหนึ่ง กล่าวว่า “หากเว่ยฉางเจวียนยังฟังหลิวรั่วเหยียผู้นี้อยู่ต่อไป เกรงว่าภายหลักแม้แต่กระดูกก็จะไม่เหลือ!”
นางหวงนิ่งคิดไปเป็นนานจึงว่า “คุณหนูหลิวสิบเอ็ดผู้นี้หลอกปั่นหัวคุณหนูเจ็ดจนหัวหมุน …ฮูหยินน้อยอยากร่วมมือกับคุณหนูหลิวสิบเอ็ดผู้นี้หรือไม่เจ้าคะ?”
เว่ยฉางอิ๋งส่ายหน้าทันใด กล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ คนเช่นหลิวรั่วเหยียนี้ ครานี้ช่วยข้า ไม่แน่ว่าคราหน้าอาจหันมาจัดการข้า ยิ่งไปกว่านั้นฉางเฟิงก็มีท่านย่าคอยเป็นแรงหนุน แล้วยังมีความจำเป็นใดให้หลิวรั่วเหยียมาต่อเติมเสริมแต่งอีก? ยิ่งไม่ต้องบอกว่า หลิวรั่วเหยียเป็นคนที่ทำตัวเป็นคนดีโดยไม่มีสาเหตุเช่นนั้นหรือ? การที่นางช่วยผู้อื่นหนหนึ่ง จักต้องเตรียมตัวให้ผู้อื่นตอบแทนนางสิบเท่าเป็นแน่ อีกประการ คนที่ให้ร้ายข้าเมื่อปีก่อน ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นนาง …หากเป็นดังนั้น ข้าจะแก้แค้นนางก็ยังไม่ทันเลย!”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องเมื่อปีก่อน นางหวงก็ทีท่าทีระมัดระวังตัวขึ้นมา กล่าวว่า “เรื่องนั้น ข้าน้องได้รับคำสั่งจากฮูหยินผู้เฒ่าและตรวจสอบดูแล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่ครั้งนั้นจือเปิ่นถังกลัวว่าจะตกเป็นขี้ปากคน จึงได้เตรียมการป้องกันเป็นอย่างดี รู้แต่เพียงว่าบ้านหลิวเข้ามามีส่วนร่วมด้วย แต่กลับไม่ทราบว่าความจริงแล้วเป็นตระกูลสายใด ปีก่อนตระกูลหลิวมีการต่อสู้กันภายในอย่างหนัก คุณหนูหลิวสิบเอ็ดถูกเล่าลือว่าแอบรักคุณชาย ในการประลองต่อหน้าพระพักตร์คุณชายหลิวสิบหกก็ตกจากอันดับสองที่เคยเป็นมาตลอดไปเป็นลำดับที่สิบสี่ …สมุหกลาโหมและเวยหย่วนโหวก็ยิ่งขัดแย้งกันอย่างหนัก ภายในหรานหลีถังก็มีคลื่นถาโถมหนักต้องต่อสู้อย่างไม่มีผู้ใดยอมผู้ใด เพราะข้าน้อยเป็นคนนอก ทั้งยังเป็นเพียงบ่าว สอบถามเอาจากผู้คนได้ความมาบ้าง แต่ก็ไม่กล้าพูดชัดเจนนัก ด้วยเกรงว่าจะถูกอีกฝ่ายหลอกใช้เอาเจ้าค่ะ”
เว่ยฉางอิ๋งบอกว่า “ตระกูลหลิวมาร่วมมือด้วยเป็นเรื่องแน่อยู่แล้ว หาไม่แล้วคนที่บอกว่าเป็นชาวบ้านจากเฟิ่งโจวผู้นั้นจะรู้รายละเอียดที่พวกเราหลบหนีหลังจากการลอบสังหารตั้งมากมายเพียงนั้นได้อย่างไร? เว่ยซินหย่งแห่งจือเปิ่นถังเอ่ยปากบอกเองว่าเป็นท่านลุงแห่งจือเปิ่นถังสมคบคิดกับตระกูลหลิว เมื่อครั้งตระกูลหลิวนำผู้สืบสกุลและบ่าวติดตามของลูกผู้พี่หญิงรองบ้านท่านลุงมาที่เฟิ่งโจวก่อนหน้านี้ ก็ได้นำพวกมือสังหารแฝงตัวมาในนั้นด้วย อย่างไรเสียแม้ว่าครั้งนั้น ‘ปี้อู่’ จะยังไม่ได้มาอยู่กำมือของท่านปู่ แต่ด้วยความสามารถของท่านปู่ หากต้องการใช้ ‘ปี้อู่’ มาลอบสังหารข้าและฉางเฟิงโดยที่ท่านปู่ไม่ทราบ แล้วจะเป็นไปได้อย่างไร?”
นางหวงกล่าวว่า “ฮูหยินน้อยกล่าวถูกต้องเจ้าค่ะ คุณหนูรองแต่งกับหลิวจี้เจ้า ซึ่งเป็นถึงบุตรชายของหลิวซือจิ้งผู้ดำรงตำแหน่งเวยหย่วนโหว พวกลอบสังหารก็เป็นทางหลิวซือจิ้งนำไป หากจะบอกว่าฝ่ายที่ร่วมมือกับจือเปิ่นถังให้ร้ายทำลายชื่อเสียงของฮูหยินน้อยก็ควรจะเป็นฝ่ายของหลิวซือจิ้ง แต่ข้าน้อยตรวจสอบไปเรื่อยๆ กลับรู้สึกว่า จือเปิ่นถังน่าจะร่วมมือกับฝั่งสมุหกลาโหมหลิวซือฮวายทางนี้มากกว่า”
“ฝั่งของหลิวซือฮวาย?” เว่ยฉางอิ๋งคิดไปคิดมา จึงถามว่า “เหตุใดท่านอาจึงคิดเช่นนี้?”
นางหวงเอ่ยเสียต่ำว่า “ความจริงแล้วก็เกี่ยวข้องกับเสียงเล่าลือของคุณหนูหลิวสิบเอ็ดเรื่องนั้นเจ้าค่ะ มิใช่ว่าฝั่งของสมุหกลาโหมพยายามจะกดคุณชายหลิวสิบหกลงให้จงได้หรือเจ้าคะ? เพียงแต่หลิวรั่ววั่วยังเยาว์นัก ในเสียงร่ำลือบอกว่าเขาก็ชำนาญเรื่องการวางแผนต่างๆ แต่เรื่องวรยุทธกลับห่างไกลกับคัณชายสิบหกมากนัก ตระกูลหลิวเป็นตระกูลฝ่ายบู๊ จึงให้ความสำคัญกับวรยุทธของบุตรหลาน หลิวรั่ววั่วทางนี้จึงอดจะเสียเปรียบไม่ได้ ดังนั้นเรื่องที่ข้าน้องไปสอบถามมาได้ก็คือ ทางฝั่งของสมุหกลาโหมเคยคิดทำลายการแต่งงานของฮูหยินน้อยและคุณชายจริงๆ เพื่อให้คุณหนูหลิวสิบเอ็ดได้เข้ามาแทนที่ เพราะอย่างไรเสียคุณชายของเราก็อยู่เหนือคุณชายหลิวสิบหกมาโดยตลอด!”
สีหน้าของเว่ยฉางอิ๋งหนักอึ้งลงทันใด เนิ่นนานจากนั้นจึงเอ่ยว่า “เรื่องนี้กลับมีความเป็นไปได้อย่างมาก”
“ทว่าทางฝ่ายของเวยหย่วนโหวก็เคยมาลอบสังหารฮูหยินน้อยและคุณชายห้า” นางหวงเอ่ย “แต่นี่ก็เป็นเพราะบุตรชายท่านจิ้งผิงกงที่ไปเสียแล้วร่วมมือกับพวกเขา พวกเขาจึงมีโอกาสเช่นนี้ ยามนี้บุตรท่านจิ้งผิงกงเสียไปแล้ว ทั้งยังเป็นเพราะ ‘พวกหรง’ ลอบสังหาร เรื่องทั้งหมดนี้ แต่ต้นจนจบล้วนไม่เคยเอ่ยถึงตระกูลหลิวเลย… หากไม่มีหลักฐานที่แน่นหนาดังขุนเขา แล้วพวกเราไปแก้แค้นตระกูลหลิวทั้งตระกูลทั้งเช่นนี้ ก็จะเปลืองแรงมากไปสักหน่อยเจ้าค่ะ”
“รุ่ยอวี่ถังของพวกเราในยามนี้มีเพียงท่านอารองที่เป็นขุนนางอยู่ในวังหลวง” เว่ยฉางอิ๋งยิ้มแล้วว่า “ท่านอารองเองก็หมายปองตำแหน่งประมุขของตระกูล จึงมิใช่เวลาบุ่มบ่ามไปหาเรื่องตระกูลหลิวทั้งตระกูลในยามนี้ ข้ารู้ดี”
แล้วบอกอีกว่า “วันคืนยังอีกยาวนาน ข้าเพิ่งจะแต่งมาอยู่ที่เมืองหลวงได้กี่วัน? ท่านอา ท่านคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวต่างๆ เอาไว้ ว่ากันว่าหากไม่ต้องการให้คนรู้ก็อย่าได้ทำผิด เวลายังอีกยาวนานไม่ต้องกลัวน้ำจะไม่ลดจนต่อผุด”
นางหวงยิ้มอ่อนๆ กล่าวว่า “ไม่แน่ว่าไม่จำเป็นต้องไปตรวจสอบให้ชัดเจนด้วยซ้ำเจ้าค่ะ เพียงแค่ให้คุณชายห้าได้รับตำแหน่งประมุขของตระกูล รับภาระดูแลรุ่ยอวี่ถังของพวกเรา ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานแน่นหนา ขอเพียงแค่ในเวลานี้ ทางท่านประมุขให้เบาะแสมาสักเล็กน้อยมา ก็สามารถไปขอคำชี้แจงจากตระกูลหลิวเป็นการส่วนตัวได้แล้วเจ้าค่ะ” ด้วยเหตุผลเดียวกัน “หากครานี้คุณชายไปชายแดนและสามารถสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่กลับมาได้ ก็จะสามารถข่มหน้าตาของตระกูลหลิวเอาไว้จนหมด วันหน้าหากต้องการจะทวงความยุติธรรมให้ฮูหยินน้อยก็มิใช่เรื่องยากเจ้าค่ะ”
เมื่อเอ่ยถึงสามีที่เวลานี้กำลังอยู่ระหว่างทางไปซีเหลียง เว่ยฉางอิ๋งกลับวางความแค้นเคืองลงชั่วขณะ ถอนหายใจว่า “ความชอบยิ่งใหญ่นั้นข้าไม่เร่งร้อน ข้ากลับหวังว่าให้เขาปลอดภัยเป็นสำคัญที่สุด…”
_________________________