ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่ 2-3 - ตอนที่ 148-1 เรื่องราวค่อยๆ กระจ่าง (1)
เมื่อกลับถึงเรือนจินถง เว่ยฉางอิ๋งพยายามเก็บท่าทีสบายอุราขณะรายงานเรื่องที่ตนกลับบ้านท่านอารองในวันนี้เอาไว้ แล้วสะบัดมือให้บ่าวซ้ายขวาถอยออกไป เหลือเพียงนางหวงเอาไว้หารือด้วย นางกล่าวด้วยท่าทีสุขุม กล่าวว่า “ท่านอาหวงคิดว่าเรื่องที่ท่านอารองพูดจริงหรือเท็จ?”
นางหวงหรี่ตาลง กล่าวว่า “แม้นายท่านรองจะไม่ได้รักหลงบุตรชายบุตรสาวเช่น ฮูหยินรอง ทว่าก็รักใคร่ลูกๆ ยิ่งนัก โดยเฉพาะเว่ยฉางเจวียนบุตรสาวคนเล็กผู้นี้ ดูจากครั้งที่ข้าน้อยยังอยู่ที่นั่น นางถูกเอาอกเอาใจจากทุกคนในบ้านสองอย่างยิ่งมาแต่เล็กจริงๆ เจ้าค่ะ”
“หากว่ามาดังนี้ความจริงก็เป็นเพราะบ้านห้าตระกูลหลิว?” เว่ยฉางอิ๋งใคร่ครวญแล้วเอ่ยไป “ก่อนเว่ยฉางเจวียนมาหาความกับข้า ก็ถูกหลิวรั่วเหยียหลอกใช้โดยไม่รู้ตัว ประเด็นนี้เพราะเว่ยฉางเจวียนอายุยังน้อยทั้งคนก็โง่ จึงมองไม่ออกเสียที แต่ท่านอารองกลับไม่แน่ว่าจะมองไม่ออก เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านอารองแค้นเคือง หลิวรั่วเหยียที่มาหลอกใช้เว่ยฉางเจวียน อีกทั้งวันนี้ก็อยากช่วยบุตรสาว จึงกระทำการยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัวไปเสียเลย?”
นางหวงกล่าวว่า “ฮูหยินน้อยน่าจะจำได้ ขณะนายท่านรองพูดนั้น คล้ายเอ่ยอย่างจงใจครึ่งไม่จงใจครึ่งว่า นางจางฮูหยินห้าบ้านหลิว ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงของคุณหนูหลิวสิบ กับนางจางฮูหยินรองแห่งจือเปิ่นถึงเป็นพี่น้องร่วมบิดาต่างมารดากันแท้ๆ?”
เว่ยฉางอิ๋งเอ่ยด้วยเสียงหนักว่า “จางเสาชิวและจางเสากวงน่ะหรือ? ดูจากชื่อก็รู้แล้วว่ามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน”
“เมื่อต้นปีก่อน บ้านสองสมรู้ร่วมคิดกับจือเปิ่นถัง ปั้นเติมเสริมแต่งเรื่องที่ฮูหยินน้อยฝึกวรยุทธแล้วนำไปฟ้องกับฮูหยิน จนเป็นเหตุให้ฮูหยินรู้สึกไม่สบายใจ ครั้งนั้นพอดีว่านายหญิงรองนำคุณหนูผู้พี่และคุณชายผู้น้องมาอวยพรที่จวน ฮูหยินซูก็จงใจชมเชยเว่ยลิ่งเยวี่ยแห่งจือเปิ่นถัง ทั้งยังมอบสร้อยข้อมือประคำไม้เฉินเซียงที่ฮูหยินสวมอยู่เป็นประจำให้นางด้วย” นางหวงพูดช้าๆ “ภายหลัง นายหญิงรองจึงเขียนจดหมายกลับมารายงานฮูหยินผู้เฒ่าที่เฟิ่งโจว ทั้งยังชี้แจงโดยอ้อมต่อฮูหยินว่าฮูหยินน้อยหาได้มีเจตนาไม่เคารพต่อคุณชายไม่ แต่เป็นเพราะให้ความสำคัญกับสิ่งที่คุณชายโปรดปรานต่างหาก หลังจากฮูหยินทราบเรื่องแล้ว จึงคลายความกังวลลง และส่งปิ่นหยกสีแดงเลือดรูปนกคู่สยายปีกเกาะกิ่งไม้คู่นั้นไปที่เฟิ่งโจว เป็นนัยว่าชดเชยเรื่องที่เข้าใจผิดกันก่อนหน้านี้อย่างไรเล่าเจ้าคะ”
เว่ยฉางอิ๋งขมวดคิ้ว กล่าวว่า “จริงด้วย ครั้งนั้นท่านแม่ยังเอาเรื่องนี้มาต่อว่าข้าอีกตั้งหลายหน” แล้วเอ่ยเสียหนักว่า “ท่านอาต้องการพูดสิ่งใดกัน? จางเสากวง… หลิวรั่วเหยียก็เคยมีข่าวลือว่าหมายปองท่านพี่มาก่อน …ซึ่งแน่นอนว่านางบอกว่าเป็นข่าวลือ ส่วนว่านางจะเคยหมายปองมาก่อนจริงหรือไม่นั้น เกรงว่ามีเพียงใจนางที่รู้ดี แต่หากไม่มองว่าเรื่องของทั้งสองฝ่ายนี้เป็นข่าวลือ เช่นนั้นทั้งสองบ้านนี้ก็ล้วนเคยหมายปองสามีของข้ามาก่อน? เมื่อเป็นดังนี้แล้ว จะไม่ยื้อแย่งกันขึ้นมาหรอกหรือ?”
นางหวงเอ่ยยิ้มๆ “ครั้งนั้น ฮูหยินน้อยท่านไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ข่าวคราวหลายเรื่อง เกรงว่าเมื่อลือไปจนฮูหยินน้อยได้ยินเข้าก็ล้วนเปลี่ยนไปหมดแล้ว ความจริงแล้ว ครั้งฮูหยินมอบสร้อยข้อมือประคำไม้เฉินเซียงให้เว่ยลิ่งจือนั้น แต่ละตระกูลล้วนไม่ได้คิดไปถึงตัวคุณชายของเรา หากแต่ต่างคิดไปถึงคุณชายห้าตระกูลเสิ่นต่างหากเจ้าค่ะ”
“จั้งจี?” เว่ยฉางอิ๋งสะดุ้ง กล่าวว่า “หรือว่าแผนการของจางเสาชิวและจางเสากวงก็คือให้ทั้งสองบ้านได้แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลเสิ่น?”
นางหวงบอกว่า “ก็ผู้ใดว่าไม่ใช่เล่าเจ้าคะ? ครั้งนั้น แม้แต่นายหญิงรองของพวกเราก็ยังคิดเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ หากมิใช่เป็นเพราะคุณชายอวี๋อู่บังเอิญไปได้ยินคุณหนูสี่กำลังหารือเรื่องนี้กับคนของนางอยู่ นายหญิงรองก็จะไม่มีวันโยงเรื่องนี้ไปถึงตัวฮูหยินน้อยได้ และจะไม่เขียนจดหมายไปที่เฟิ่งโจวด้วยเจ้าค่ะ”
เว่ยฉางอิ๋งขบริมฝีปาก ยิ้มเยาะพลางว่า “สมกับเป็นพี่น้องกันจริงๆ แม้แต่เลือกบุตรเขยให้บุตรสาวตนก็ยังหมายปองในตระกูลเดียวกัน กอปรกับความแค้นที่จือเปิ่นถังมีต่อรุ่ยอวี่ถังของข้า และการต่อสู้ภายในของหรานหลีถัง หากจะร่วมมือกันก็ไม่น่าแปลก …มิน่าเล่าที่ตัวข้าอยู่ไกลถึงเฟิ่งโจว แต่คำวิจารณ์เสียๆ หายๆ ที่มีต่อตัวข้าในเมืองหลวงนี่จึงกลับสาหัสกว่าที่เฟิ่งโจวเสียอีก! เพียงแต่เรื่องที่พวกเขาทำ ดูท่าว่าจะไม่สำเร็จ จึงสะบัดมือทิ้งไม่ยอมรับ คิดว่าเรื่องจะยุติเพียงเท่านี้เช่นนั้นหรือ?”
“ทางฝ่ายของจางเสากวงนี้ แน่นอนว่าคิดจะอาศัยคุณชายไปข่มหลิวซีสวิน ทั้งยังอาศัยฐานะภายในตระกูลของคุณชายของเราไปคอยช่วยหนุนแรงให้หลิวรั่ววั่ว …ไม่เพียงแค่เท่านี้ ลำพังแค่ว่ากันเรื่องสามี คุณชายของเราก็เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่ง หากครั้งนั้นสามารถล้มเลิกเรื่องแต่งคราวนี้ไปได้ สำหรับพวกนางแม่ลูกแล้ว เรียกว่าได้ทั้งความพอใจได้ทั้งหน้าตาครบพร้อมเลยเจ้าค่ะ” นางหวงเอ่ย “ส่วนข้างจางเสาชิว ข้าน้อยไตร่ตรองดูระหว่างทางกลับมาเมื่อครู่นี้แล้ว ฮูหยินรองแห่งจือเปิ่นถังผู้นี้ ตั้งแต่ก่อนนางออกเรือนก็เคยได้ยินว่านางเป็นสหายสนิทกับฮูหยิน ก็เหมือนกับคุณหนูสี่และคุณหนูสาม คุณหนูสี่บ้านซูเช่นนั้นเจ้าค่ะ ฉะนั้น เมื่อก่อนนี้ ฮูหยินจึงได้เชื่อคำนาง ทั้งจงใจเอาบุตรสาวของนางมาเป็นตัวเปรียบเทียบ …แต่ความจริงแล้ว ตามที่ข้าน้อยคาดเดา หากมิใช่ว่าฮูหยินน้อยท่านไปแสดงท่าทีเป็นปรปักษ์กับจือเปิ่นถังในงานวันประสูติขององค์หญิงหลินชวนคราก่อน ก็เกรงว่าฮูหยินคงมีความคิดให้คุณชายห้าแต่งงานกับเว่ยลิ่งเยวี่ยจริงๆ เจ้าค่ะ”
หาไม่แล้ว หากฮูหยินซูเชื่อคำของสหายสนิท ก็ไม่จำเป็นต้องลากบุตรสาวของสหายสนิทให้ลงน้ำไปด้วย เป็นดังคำนางหวง เกรงว่าถ้าเรื่องเป็นไปตามความต้องการของของฮูหยินซู นางก็คงคิดจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับจางเสาชิวเอาไว้ตั้งนานแล้ว …ยังไม่ต้องเอ่ยถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวของทั้งสองคน เว่ยลิ่งเยวี่ยมีชาติกำเนิดที่คล้ายคลึงกับเสิ่นจั้งจี ทั้งยังมีชื่อเสียงเรื่องเป็นกุลสตรีเพียบพร้อมดีงามไปทั่วเมืองหลวง จากมุมมองของฮูหยินซูแล้ว ก็นับวาเป็นตัวเลือกของสะใภ้ที่ดีคนหนึ่งจริงๆ
แต่จนใจเหลือที่เสิ่นเซวียนและเสิ่นโจ้วล้วนให้ความสำคัญกับความปรองดองภายในตระกูล ในเมื่อเว่ยฉางอิ๋งสะใภ้สามที่แต่งเข้ามาก่อนมีเรื่องบาดหมางกับ ลูกผู้น้องร่วมตระกูลแห่งจือเปิ่นถังอยู่ก่อน หากแต่งเว่ยลิ่งเยวี่ยเข้าบ้านก็จะต้องกลายเป็นคู่สะใภ้ที่เข้าหน้ากันได้ไม่สนิทใจเป็นแน่
เมื่อสะใภ้ไม่ถูกกัน แล้วจะไม่ไปยุยงส่งเสริมให้สามีของแต่ละคนเป็นศัตรูต่อกันได้ที่ใด? เสิ่นเซวียนต้องไม่สนับสนุนให้หมั้นหมายกับจือเปิ่นถังอีกแน่นอน …และก็มิใช่ว่าเสิ่นจั้งจีจะต้องแต่งกับเว่ยลิ่งเยวี่ยเสียให้ได้!
ในสภาพการณ์เช่นนี้ ฮูหยินซูจึงทำได้เพียงบอกว่าการที่นางมอบสร้อยข้อมือประคำไม้เฉินเซียงแก่เว่ยลิ่งเยวี่ยในครั้งนั้น หาได้มีความหมายอื่นใด เว่ยฉางอิ๋งแย้มยิ้มเอ่ยว่า “นี่กลับเป็นบุญที่พ่อสามีนำมาให้แล้ว เว่ยลิ่งเยวี่ยนั่นดูไปแล้วไม่ใช่พวกที่หุนหันพลันแล่นได้ง่ายๆ ไม่เหมือนเว่ยลิ่งจือลูกผู้พี่ของนาง ดูจากท่าทีของนางตามที่ เคยได้พบมาสองครานี้ นางล้วนวางตัวเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่โตที่สำรวมเรียบร้อยต่อหน้าผู้คน คนชนิดนี้หากมาเป็นน้องสะใภ้ข้าจริงๆ เห็นแก่หน้าน้องชายห้า ต่อหน้าแล้วข้าก็ไม่อาจทำอันใดกับนางได้จริงๆ ส่วนการต่อสู้กันอย่างลับๆ นั้น แม้ไม่ได้เกรงกลัวนาง แต่ยามอยู่ต่อหน้าคนชนิดนี้ก็มักทำให้คนรู้สึกเอือมระอา”
นางหัวพยักหน้า กล่าวว่า “ท่านประมุขตระกูลเสิ่นคิดการลึกซึ้งยาวไกลเหนือคนทั่วไป สาเหตุที่ท่านประมุขของเรายกฮูหยินน้อยให้แก่คุณชายในสมัยนั้น ประการแรกเพราะเห็นว่าแม้คุณชายยังอายุน้อยอยู่ แต่กลับมีสง่าราศีไม่ธรรมดา ประการที่สองกลับเล็งเห็นถึงความสามารถและความเด็ดเดี่ยวของท่านประมุข คิดว่าตระกูลเสิ่นทั้งสองรุ่นนี้จะต้องรุ่งโรจน์ ฉะนั้นจึงเป็นฝ่ายเสนอเรื่องแต่งงานเองเจ้าค่ะ”
แต่ต่อให้เสิ่นเซวียนพ่อสามีของนางจะมีความสามารถมากมายเพียงใด เวลานี้เว่ยฉางอิ๋งยังไม่มีแก่ใจไปวิพากษ์วิจารณ์ กล่าวว่า “เช่นนั้นตามความเห็นของท่านอาแล้ว คำของท่านอารองเชื่อถือได้หรือไม่?”
นางหวงใคร่ครวญเนิ่นนาน จึงพยักหน้าอย่างจริงจัง “ตามที่ข้าน้อยตรวจสอบในภายหลัง เมื่อเทียบกับคำที่นายท่านรองเอ่ยในครานี้ มีส่วนคล้ายคลึงแปดเก้าส่วนในสิบส่วนเจ้าค่ะ”
______________________