ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่ 2-3 - ตอนที่ 153-2 ลูกผู้พี่หญิงมา
เว่ยฉางอิ๋งอ้าปากตาค้างอยู่เป็นนานจึงหัวเราะเยาะหยันออกมาไม่หยุด กล่าวว่า “เรื่องใหญ่โตเช่นนี้ เหตุใดท่านพี่ท่านจึงไม่ส่งคนมาบอกข้าสักคำก่อนหน้าเล่า? หากข้ารู้ว่านังสารเลวมีใจชั่วเพียงนี้ วันนั้นที่นางมาบ้านเสิ่น ข้ารับรองว่าเมื่อนางกลับไปจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!” ที่สุดนางก็กระจ่างแล้วว่าเหตุใดบ้านซ่งจึงไม่ยอมรับคำขอร้องของบ้านตวนมู่โดยเด็ดขาด จนแม้กระทั่งจะปล่อยให้ตวนมู่อู๋เซ่อป่วยตายขึ้นมาฉับพลันอยู่ในบ้านสามี หรือฆ่าตัวตายเพื่ออำพรางเรื่องนี้เและรักษาชื่อเสียงอันดีงามของตระกูลตวนมู่แห่งจิ่นซิ่วเอาไว้ ตระกูลซ่งก็ยังไม่ยินยอม …ตวนมู่อู๋เซ่อชั่วช้าไร้ยางอายจนถึงขั้น จะให้ซ่งอวี่วั่งยอมไว้หน้าตระกูลฝั่งดอง ก็ต่อเมื่อเขาเกิดมาไร้ความรู้สึกเท่านั้น!
“ข้าจะให้นางตายทำสิ่งใด?” ซ่งไจ้สุ่ยเอ่ยอย่างสงบ “น้องหญิง เจ้ายังใจอ่อนไปหน่อยแล้ว อื่ม ควรจะบอกว่าเจ้าออกจะหุนหันพลันแล่นไปสักหน่อย ยามเกิดโทสะแล้วทำคนตายอาจทำให้สะใจเพียงชั่วครูชั่วยาม เมื่อเวลาผ่านไป พอนึกขึ้นมาแล้วเกิดยังไม่หายแค้น หรือเจ้ายังขุดเอาศพขึ้นมาได้อีก?” แล้วยิ้มอ่อนๆ กล่าวว่า “ยามนี้นางถูกส่งตัวกลับบ้านทั้งที่ยังอยู่ดี แต่คนทั้งตระกูลล้วนพากันโทษว่านางทำตัวไม่ดีจนพลอยทำให้ชื่อเสียงของตระกูลตวนมู่ต้องเสื่อมเสีย ญาติพี่น้องที่เดิมทีเคยหลงนางรักนางสงสารนางตาพากันเสียหน้าจนหมด …ถูกญาติพี่น้องของตนบีบจนตาย กับเป็นพวกเราลงมือเอง เจ้าว่าแบบใดจะยิ่งเจ็บปวดเป็นทุกข์กว่ากัน?”
“โธ่ ท่านพี่ผู้น่าสงสาร” เว่ยฉางอิ๋งได้ยินคำจึงเพิ่งเข้าใจขึ้นมา พลางสะอื้นว่า “พี่สะใภ้ฮั่วบอกเรื่องนี้กับท่าน แล้วท่านก็วางแผนการนี้กับพี่สะใภ้ฮั่วหรือ? เช่นนั้น เผยเหม่ยเหนียงนั่นเป็นเรื่องใดกัน?”
ซ่งไจ้สุ่ยเอ็ดนางทั้งรอยยิ้มว่า “ห้ามเรียกข้าว่า ‘ท่านพี่ผู้น่าสงสาร’ พูดเสียอย่างกลับว่าข้าไร้น้ำยาน่าสงสารเช่นนั้น ยามนี้คนที่น่าสงสาร ก็ไม่ควรเป็นตวนมู่อู๋เซ่อหรอกรึ?” จากนั้นจึงเพิ่งบอกว่า “เผยเหม่ยเหนียงก็เป็นพี่สะใภ้ใหญ่เล่ามาว่า น้องสะใภ้สี่ของเจ้าผู้นี้…”
นางนิ่งคิดอยู่เป็นนานด้วยท่าทีไม่รู้จะเริ่มที่ใดดี พักหนึ่งจึงบอกว่า “เผยเหม่ยเหนียงคิดอยากทำความดีเพื่อจะมาเป็นพวกเจ้าเสียอีกนะ!”
“หา?” เว่ยฉางอิ๋งเอ่ยอย่างตกตะลึง “หมายความว่าอย่างไร?”
“ตั้งแต่พี่สะใภ้ใหญ่บ้านสามีเจ้าเรื่อยมาจนถึงเจ้า ล้วนเป็นบุตรีจากตระกูลสูงศักดิ์ มีเพียงนางที่เป็นบุตรีตระกูลใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น แม้ท่านราชครูและเซียงหนิงปั๋วจะใกล้ชิดกัน ทว่าเมื่อในสายตาคนนอก คนในจวนเซียงหนิงปั๋วล้วนต้องก้มหัวให้จวนราชครู” ซ่งไจ้สุ่ยเอ่ยอย่างใจเย็น “ความรู้สึกที่ต้องก้มหัวให้นี้ บางคนก็ไม่รู้สึกอันใด แต่บางคนก็ไม่พอใจ เช่นเผยเหม่ยเหนียงเป็นต้น”
เว่ยฉางอิ๋งเอ่ยเสียงหนัก “ท่านหมายความว่า เรื่องเดือดร้อนที่นางก่อนับแต่เข้าบ้านมา ความจริงแล้วเพื่อช่วยข้าหรือ?” เรื่องที่ตวนมู่อู๋เซ่อถูกส่งตัวกลับบ้าน เว่ยฉางอิ๋งได้รับผลประโยชน์จริงดังว่า ยิ่งไปกว่านั้น ผลประโยชน์อันนี้ก็ได้มาอย่างไม่มีใครเคลือบแคลงใจ ทุกคนล้วนพากันบอกว่านางโชคดี
เมื่อมาคิดดูยามนี้ สาเหตุที่เผยเหม่ยเหนียงยอมทุ่มสุดตัว ต้องสละชื่อเสียงอันดีงามของตน และอาศัยแผนการที่ซ่งไจ้สุ่ยอยากส่งตัวพี่สะใภ้รองใจชั่วกลับบ้านไป รวมทั้งต้องการให้เว่ยฉางอิ๋งสามารถช่วงชิงอำนาจจากนางตวนมู่มาได้เช่นนั้นหรือ?
ซ่งไจ้สุ่ยกล่าวว่า “ข้าไม่เคยพบนาง เรื่องการยุยงและสั่งการเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ไปทำ ข้าเดาเอาว่าความคิดของเผยเหม่ยเหนียงคงจะเป็นเช่นนี้ ด้วยเหตุที่นางกลัวว่าชาติกำเนิดของตนต่ำต้อย อีกทั้งแต่ไรมาจวนเซียงหนิงปั๋วก็ยังก้มหัวให้จวนราชครู พอนางแต่งเข้าบ้านมาก็ต้องคอยสนใจว่าฮูหยินซูและพวกเจ้าพี่สะใภ้จะพอใจหรือไม่ นั่นเพราะลำดับตระกูลเผยก็ต่ำต้อยกว่าดังว่า นางเองก็รู้ว่าหากเป็นเช่นนี้จริงๆ เรื่องนี้ก็มิใช่ว่านางไม่อยากสนใจก็จะไม่สนใจได้ ฉะนั้นนางจึงทุ่มสุดแรงไปเสียเลย นับเป็นการสร้างความดีขอเป็นพวกกับเจ้านั่นเอง…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซ่งไจ้สุ่ยก็หัวเราะพู่ออกมา แล้วพูดเตือนสติว่า “เจ้าอย่าได้นึกไปว่านางเทิดทูลเจ้านักหนาเล่า ที่นางเลือกเจ้าก็เป็นเพราะเสิ่นจั้งเฟิง”
เว่ยฉางอิ๋งมองนางอย่างไม่พอใจหนหนึ่ง กล่าวว่า “ข้ารู้หรอก!”
“โดยพื้นฐานแล้ว ฐานะในตระกูลของเสิ่นจั้งเฟิงเป็นตัวกำหนดว่านายผู้หญิงของตระกูลเสิ่นในวันหน้าก็คือเจ้านั่นเอง” ซ่งไจ้สุ่ยเอ่ย “เผยเหม่ยเหนียงไม่ยอมถูกพวกพี่สะใภ้กดขี่ จึงวางแผนเอาไว้ว่าในเมื่อไม่อาจข้ามเจ้าไปได้ อย่างน้อยก็ให้นางอยู่ในลำดับรองลงมาจากเจ้า กอปรกับพี่สะใภ้ใหญ่ของข้าเปิดเผยกับนางเป็นการส่วนตัวว่านับแต่เจ้าแต่งเข้าบ้านมา เจ้าก็ไม่นับว่าปรองดองกับพวกพี่สะใภ้ทั้งสองคนนัก โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับพี่สะใภ้รองตวนมู่เยี่ยนอวี่ที่ไม่ใคร่ดีเอามากๆ …ซึ่งแน่นอนว่า เหตุที่พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าพูดเช่นนั้นก็เพราะนางอยากจัดการตวนมู่อู๋เซ่อเสียอย่างยิ่ง ส่วนที่ว่าความสัมพันธ์ของเจ้ากับพี่สะใภ้ทั้งสองคนนับแต่เจ้าแต่งเข้าบ้านมา จริงๆ แล้วเป็นเช่นใด จะไม่ถูกกับใครมากสักหน่อย นางกลับไม่รู้เลยแม้แต่น้อย”
“พี่สะใภ้ฮั่วช่างมีความตั้งใจดีจริง!” เว่ยฉางอิ๋งเอ่ยอย่างยินดี “ทว่านางวางแผนการใหญ่เพียงนี้ ทั้งยังเกี่ยวพันถึงตระกูลเสิ่น ตระกูลซ่ง ตระกูลตวนมู่ สาม ตระกูลสูงศักดิ์เชียวนะ ไม่กลัวหรือว่าหากเพลี่ยงพล้ำเพียงน้อย เรื่องราวรั่วไหลออกไป แล้วตนเองต้องได้รับผลที่ก่อไว้?”
ซ่งไจ้สุ่ยเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ก็มิใช่มีข้าช่วยนางวางแผนอย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่หรอกหรือ?” แล้วว่า “ยิ่งไปกว่านั้น เจ้านึกว่าที่นางทนตวนมู่อู๋เซ่อมาตลอดหลายปีก่อน และสร้างชื่อเสียงเรียบร้อยดีงามให้ตนเองมาแต่ต้นจนจบจะเสียเปล่าหรือ? เรื่องต่างๆ ที่นางบงการอยู่เบื้องหลังล้วนเป็นเรื่องที่พูดออกมาปากเปล่าเท่านั้น หาได้มีหลักฐานแต่น้อยไม่ ต่อให้เผยเหม่ยเหนียงเล่าความจริงทั้งหมดออกมา ลำพังด้วยชื่อเสียงดีงามของพี่สะใภ้ใหญ่ของข้า ยังจะต้องกลัวสิ่งใดอีก?”
เว่ยฉางอิ๋งแย้มยิ้มพลางว่า “นั่นก็จริง โดยเฉพาะเมื่อเผยเหม่ยเหนียงมาก่อเรื่องก่อราวเช่นนี้ นางก็ได้ชื่อว่าไม่ดีงามอยู่แล้ว เหตุที่นางยังไม่ถูกส่งตัวกลับบ้านก็เพราะน้องชายสี่คอยปกป้องนางอยู่ เมื่อเหตุการณ์เป็นดังนี้แล้ว หากนางยังจะไปต่อว่าพี่สะใภ้ฮั่วอีก นอกจากไม่อาจสั่นคลอนฐานะของพี่สะใภ้ฮั่วได้อย่างแน่นอนแล้ว ยังทำให้ตนเองต้องตกอยู่ในฐานะตกต่ำที่สุดจนกอบกู้คืนไม่ได้เลยอีกด้วย”
“ดังนั้น เจ้าก็รู้แล้วสิ ว่าเหตุใดข้าจะต้องมาเยี่ยมเจ้าในวันสองวันนี้?” ซ่งไจ้สุ่ยกล่าวพลางยิ้มอ่อนๆ “เผยเหม่ยเหนียงเพิ่งแต่งเข้าบ้านมาก็มอบของกำนัลชิ้นใหญ่แก่เจ้า ช่วยเจ้าจัดการตวนมู่เยี่ยนอวี่เสียยับเยิน …ซึ่งสาเหตุที่นางทำดังนี้ก็มิใช่ว่าเพื่อคุณธรรมความดี แล้วนางจะเอาแต่เก็บงำไว้ไม่ให้ใครล่วงรู้ได้อย่างไร? เห็นหรือไม่เล่าว่าสองวันมานี้นางล้วนแอบมาเร่งให้ข้ามาให้ความกระจ่างแก่เจ้า”
เว่ยฉางอิ๋งเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ข้าได้รับผลประโยชน์จากนางจริงดังว่า หากมิใช่ว่าท่านพี่ท่านมาบอกด้วยตนเอง ข้าต้องไม่มีทางคิดถึงและไม่มีทางเชื่อเป็นแน่ ไม่ปิดบังท่านพี่ ครั้งเห็นเผยเหม่ยเหนียงก่อเรื่องเมื่อก่อนนี้ ท่านอาทั้งสองของข้าล้วนเตือนข้าว่าให้อยู่ห่างจากนางสักหน่อย” แล้วเอ่ยเสียงหนักไปว่า “เพียงแต่ยามนี้ข้าเข้าใจความหมายของนางแล้ว แล้วควรทำเช่นใดดี? นางไม่อาจมาดูแลงานในบ้านได้ เพราะท่านอารองเป็นคนออกปากเอง ท่านพี่ท่านคิดว่าข้าควรตอบนางไปเช่นใด?”
ซ่งไจ้สุ่ยเม้มปาก เอ่ยว่า “ข้าคิดว่าเจ้าตอบรับนางก็ไม่มีเรื่องใดไม่ดี …พี่สะใภ้ทั้งสองคนของเจ้าแต่งเข้าบ้านมานานเกินไป มีรากฐานที่มั่นคง เมื่อเจ้ารับเผยเหม่ยเหนียง แม้จะเป็นน้องสะใภ้บ้านอาที่อยู่กับคนละบ้าน แต่อย่างไรก็ย่อมสบายกว่าต่อสู้อยู่เพียงลำพัง เผยเหม่ยเหนียงทุ่มสุดแรงที่นางมีแล้ว กล้าคิดกล้าทำ ด้วยสถานการณ์ของในเวลานี้ นางก็รับบทเป็นคนร้ายได้เท่านั้นแล้ว แต่วันหน้ายังมีเรื่องที่สามารถใช้สอยนางได้อีกมากมายนัก เจ้าฟังข้าว่า…”
________________________