ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่ 2-3 - ตอนที่ 155-1 งานอภิเษกขององค์รัชทายาท
วันคืนแสนสุขสงบผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตาก็ถึงเดือนสิบเอ็ดแล้ว เรื่องใหญ่ในเดือนนี้ย่อมต้องเป็นงานอภิเษกขององค์รัชทายาท
เวลานี้ครรภ์ของเว่ยฉางอิ๋งเพิ่งจะคงที่ ฮูหยินซูเป็นกังวลว่าจะเกิดเรื่องผิดคาดขึ้นอีก จึงเข้าวังไปล่วงหน้าเป็นการเฉพาะ เพื่อไปบอกสาเหตุกับฮองเฮา และขอพระราชทานอนุญาตให้นางนางไม่ต้องเข้าวังมาถวายพระพรในวันอภิเษกขององค์รัชทายาท
ฉะนั้นเมื่อถึงวันอภิเษกขององค์รัชทายาท ทุกคนในบ้านเสิ่นล้วนเข้าวังไปร่วมงานฉลองเพื่อถวายพระพร เหลือเพียงนางหลิวไว้ดูแลบ้านและดูแลเว่ยฉางอิ๋งด้วย เพื่อป้องกันว่าหากมีเรื่องใดแล้วในจวนไม่มีใครตัดสินใจใดๆ ได้ …เดิมทีพระชายาองค์รัชทายาทเป็นลูกผู้น้องของที่นางหลิวคบหาอย่างสนิทชิดเชื้อ ในวันสำคัญเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ควรจะให้ตวนมู่เยี่ยนอวี่อยู่แล้วให้นางหลิวเข้าวังไปถวายพระพร
ทว่านางหลิวไม่พอใจและไม่เป็นสุขกับชะตาเช่นนี้ของหลิวรั่วอวี้มาจากขั้วหัวใจ และคำพูดเช่นนี้ก็กลับไม่อาจพูดออกมา นางไม่มีอารมณ์จะไปแสดงความยินดีกับหลิวรั่วอวี้ในวันเลยจริงๆ จึงยืนกรานว่าจะเป็นคนที่เหลืออยู่ในจวนไปเสียเลย
ทว่าแม้จะเป็นดังนั้น นางหลิวก็ยังคงจิตใจไม่สงบ ยิ่งอยู่ในเรือนซินอี๋ก็ยิ่งอารมณ์ไม่ดี นางจึงพาเสิ่นซูเหยียนซึ่งมีอายุน้อยที่สุดจึงไม่ได้พาเข้าวังไปด้วยและขอให้นางหลิวคอยดูแลอยู่ในจวน ไปเยี่ยมเว่ยฉางอิ๋งที่เรือนจินถง
นางมอบเสิ่นซูเหยียนให้พวกสาวใช้คอยดูแล ให้นางเล่นกับนกแก้วและให้อาหารปลาทองอยู่ข้างนอก ทั้งกำชับพวกสาวใช้ว่าให้จับตาดูนางให้ดีอย่าให้คลาดสายตาไปได้ เพื่อมิให้เล่นสนุกจนเลยเถิดแล้วไปชนนั่นชนนี่ หรือมีเหงื่อออกมากเกินไป ส่วนตัวนางหลิวก็เข้าไปสนทนากับเว่ยฉางอิ๋งภายในห้อง “น้องสะใภ้สาม ยามนี้เจ้าสดใสขึ้นสักหน่อยแล้วหรือไม่? วันนี้ในบ้านไม่มีคน มีเพียงพวกเราคู่สะใภ้ ในใจข้านี่นะ อย่างไรก็ไม่สงบเลย จึงมาคุยกับเจ้า หากว่าเจ้าอ่อนเพลียนักก็ต้องบอกข้า อย่าได้ให้ข้าทำเจ้าเหน็ดเหนื่อยเล่า”
เว่ยฉางอิ๋งรู้ว่าเวลานี้นางหลิวต้องร้อนรุ่มเป็นไฟสุมทรวง จึงบอกว่า “วันนี้ข้ากลับสดชื่นดีเจ้าค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่โปรดอย่างเป็นกังวล พวกเราก็หาใช่คนอื่นคนไกล ข้ายังกลับเกรงใจท่านเสียอีก?”
นางหลิวได้ยินคำก็ทอดถอนใจว่า “เจ้าก็เป็นคนที่ฝึกวรยุทธ ร่างกายจึงแข็งแรง หาไม่แล้วต่อให้มีท่านหมอเทวดาจี้ก็ยังเกรงว่า …เจ้าอย่าโกรธไป ข้าหาได้มีความหมายอื่น ข้าก็เพียงนึกถึงรั่วอวี้ขึ้นมาได้ นางร่างกายไม่แข็งแรงมาแต่เล็ก ข้าก็ร้อนใจนัก เอาแต่คอยดูแลให้นางกินของบำรุงต่างๆ แต่เหตุใดจึงคิดไม่ออกว่าให้นางไปเรียนวรยุทธนะ? เมื่อคิดว่านางมีสุขภาพไม่แข็งแรงเช่นนั้น แล้วต้องมาอดทนกับพิธีต่างๆ ในวันนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทนจน…”
“วันออกเรือนไม่มีทางไม่เหน็ดเหนื่อยเจ้าคะ” เว่ยฉางอิ๋งฟังว่านางเกือบจะพูดคำไม่เป็นมงคลออกมา จึงรีบขัดขึ้น “ทว่าข้าเห็นน้องรั่วอวี้ในงานเลี้ยงเมื่อไม่กี่เดือนก่อน กลับรู้สึกว่าสีหน้าของนางดีกว่าเมื่อก่อนมากมายนัก”
“สองสามเดือนมานี้นางเปลี่ยนไปมาก” นางหลิวขบริมฝีปากพลางว่า “แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าเช่นนี้จะดีหรือไม่ดี”
เว่ยฉางอิ๋งไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี ก่อนหน้านี้ ครั้งหลิวรั่วอวี้เป็นคนเงียบๆ ทั้งอ่อนแอบอบบาง ทุกเรื่องล้วนต้องให้นางหลิวปกป้องและสอนสั่ง นางหลิวก็เป็นกังวล เวลานี้หลิวรั่วอวี้เริ่มฉลาดขึ้นมาแล้ว นางหลิวก็ยังคงเป็นกังวล …นี่หากว่าหลิวรั่วอวี้อยู่ที่นี่ด้วย แล้วมาได้ยินคำเข้าจะไม่ลำบากใจเอาหรอกหรือ?
คิดไปคิดมาจึงว่า “เมื่อหญิงสาวออกเรือนแล้ว อย่างไรก็ไม่เหมือนเมื่อครั้งที่เป็นคุณหนูอยู่ในบ้านตนเอง เพียงแค่น้องรั่วอวี้ไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปอย่างใด อย่างไรก็ยังเป็นน้องสาวของพี่สะใภ้ มิใช่หรือเจ้าคะ?”
นางหลิวหัวเราะฝืนๆ หนหนึ่ง กล่าวว่า “ข้าย่อมหวังว่านางจะไม่เสียเปรียบ แต่ก็กลัวว่าตัวนางเองจะไม่คิดเพียงเท่านี้น่ะสิ!”
เมื่อพูดถึงความเข้าอกเข้าใจในตัวหลิวรั่วอวี้ เกรงว่าแม้แต่หลิวไห้ซึ่งเป็นพ่อของนางก็ยังไม่เข้าใจนางเท่ากับนางหลิวเลย พฤติกรรมของหลิวรั่วอวี้ในเวลานี้ เห็นชัดว่านางมุ่งหน้าไปทางการล้างแค้นหลิวรั่วเหยียแม่ลูกทั้งสามคน หาใช่ว่าไม่อยากเสียเปรียบซ้ำอีกเท่านั้นเมื่อใด?
ปัญหาคือจางเสากวงจัดการหลิวไห้จนอยู่หมัด ยังไม่นับว่านางมีบุตรชายเพียงคนเดียวให้กับหลิวไห้ได้ ท่านปู่หลิวซือฮวายก็ยังให้ความสำคัญกับหลิวรั่ววั่วผู้นั้นเป็นอย่างยิ่ง… ตระกูลทางสายของหลิวซือฮวายยังวางแผนจัดการหลิวซีสวินมาแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว ด้วยต้องการให้หลิวรั่ววั่วมาแทนที่เขา! ฐานะของจางเสาวกวงในตระกูลหลิวจึงเรียกได้ว่ามั่นคงดั่งขุนเขา!
เวลานี้หลิวรั่วอวี้ก็มีฐานะสูงส่งถึงพระชายาองค์รัชทายาทแล้ว ทว่าพระชายา องค์รัชทายาทนี้ ภายนอกดูทรงเกียรติ แต่ในความเป็นจริงก็มิใช่เพียงผลจากการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างตระกูลหลิวและฮองเฮากู้เป็นการส่วนตัวหรอกหรือ? ซึ่งรายละเอียดในเรื่องนี้นางหลิวเองก็ไม่ค่อยรู้ชัดนัก แต่นางรู้ว่าหลิวรั่วอวี้คิดจะอาศัยตำแหน่งพระชายาองค์รัชทายาทไปแก้แค้นแม่เลี้ยงและน้องสาว น้องชายต่างมารดานั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
จางเสากวงรู้ดีกว่าลูกเลี้ยงผู้นี้มีความแค้นอันใหญ่หลวงกับนางสามแม่ลูก แต่ยังกล้าให้นางแต่งเข้าตำหนักตะวันออก นั่นก็เพราะแน่ใจว่าเมื่อนางเป็นพระชายา องค์รัชทายาทแล้วก็จะไม่อาจสร้างผลกระทบใหญ่หลวงต่อนางได้! เพราะอย่างไรก็ดี หลิวรั่วอวี้ไร้บิดาคอยช่วยเหลือ …ซึ่งนี่ก็เท่ากับว่านางจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากบ้านฝั่งบิดา ส่วนเมื่อเอ่ยถึงทางฝั่งของฮองเฮากู้และองค์รัชทายาทเซินสวิน เรื่องที่ทำให้พระชายาองค์รัชทายาทมีความสำคัญที่สุดก็ยังคงคืออันดับของตระกูล
พระชายาองค์รัชทายาทที่เกิดในตระกูลเลื่องชื่อแต่กลับไม่ได้รับการช่วยเหลือจากบ้านฝั่งบิดา กับจางเสากวงที่เป็นเพียงแม่เลี้ยงของพระชายาองค์รัชทายาทแต่กลับสามารถกุมหัวใจของสามีเอาไว้ได้ ฮองเฮากู้ไม่ต้องแม้แต่จะคิด ก็ย่อมโน้มเอียงไปที่ฝ่ายหลัง ส่วนฝ่ายองค์รัชทายาทนั้น …แม้ท่านผู้นี้อาจลุ่มหลงนางจนหน้ามืดไปชั่วขณะ ทว่าแต่ไรมาความน่าเชื่อถือของเขาก็ยังไม่สู้ฮองเฮากู้เลย!
เวลานี้หลิวรั่วอวี้แสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่าจะไม่ยอมละวางกับทางฝั่งของจางเสากวง แล้วจะให้นางหลิวไม่เป็นกังวลกับนางได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้ หลิวรั่วอวี้เจียมเนื้อเจียมตัว และระมัดระวังตัวอย่างยิ่งยามนางอยู่ในกำมือของแม่เลี้ยง ยิ่งไปกว่านั้นจางเสากวงก็ยังวางยาพิษนานากับนาง จึงยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเมื่อนางหันมาต่อต้านในเวลานี้ เกรงว่าจางเสากวงจะต้องเตรียมแผนการชั่วช้าประหนึ่งจะกลืนนางลงท้องทั้งเป็นเอาไว้ตั้งนานแล้ว!
เวลานี้หลิวรั่วอวี้แต่งเข้าตำหนังตะวันออก หากนางไม่เป็นที่รัก เพียงคิดก็รู้แล้วว่าชีวิตของนางจะเป็นเช่นใด! แต่หากนางได้เป็นที่รัก …แล้วจางเสากวงจะปล่อยนางไว้หรือ?
ทุกครั้งที่นางหลิวนึกถึงลูกผู้น้องผู้นี้ นางก็รู้สึกว่าในอกร้อนรุ่มขึ้นมา ทำอย่างไรก็ขจัดออกไปไม่ได้
เว่ยฉางอิ๋งนิ่งคิดอยู่พักใหญ่ กล่าวว่า “แม้ยามนี้ร่างกายข้าจะไม่อำนวยนัก แต่หากพี่สะใภ้มีเรื่องกังวลใจ ข้าก็ไม่อาจไม่ช่วยพี่สะใภ้ใหญ่แบ่งเบาบ้างสักน้อย เวลานี้ข้าก็อาการดีมากแล้ว ไม่ต้องให้ท่านอาหวงมาคอยเฝ้าอยู่ข้างๆ ทั้งวัน ในเมื่อพี่สะใภ้ใหญ่เป็นห่วงสุขภาพของน้องรั่วอวี้ มิสู้วันหลังเมื่อพี่สะใภ้ไปเยี่ยมน้องรั่วอวี้ ก็ให้ท่านอาหวงตามไปด้วย จักได้พอดีไปตรวจดูน้องรั่วอวี้สักหน่อย ฝีมือแพทย์ของท่านอาหวงย่อมไม่ทัดเทียมท่านหมอเทวดาจี้ ทว่าวิชาปรับธาตุของนางนั้น แม้แต่ท่านหมอเทวดาจี้ก็ยังเคยชมมาก่อนเลย”
———————————-