ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่ 2-3 - ตอนที่ 176-2 คลอด
ฮูหยินซูย่อมไม่ลงโทษนาง กลับพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เจ้าจัดการได้ถูกต้องยิ่งนัก สมเป็นคนที่แม่เฒ่าซ่งอบรมมาด้วยตนเองจริงๆ! ต่อให้เป็นข้าก็จะจัดการดังนี้เช่นกัน นี่เป็นท้องแรกของฉางอิ๋ง มารดาแท้ๆ และท่านย่าของนางล้วนไม่ได้มาอยู่ข้างกาย แม้ข้าจะรักนาง แต่ข้าเองก็รู้ว่าคราแรกที่หญิงผู้หนึ่งได้เป็นแม่คน จะอย่างไรหากมีมารดาตนมาอยู่ข้างกายก็จะวางใจได้สักหน่อย ก่อนหน้านี้นางก็ยังเกือบจะแท้งมาก่อนด้วย นางจึงฝากความหวังเรื่องความปลอดภัยทั้งหมดไว้ที่ตัวจี้ชวี่ปิ้ง หากมารู้ว่า จี้ชวี่ปิ้งไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง ทั้งยังต้องมาเป็นกังวลเรื่องความเป็นตายของลูกผู้น้องอีก ไม่รู้ว่าครานี้นางจะตกใจจนเป็นเช่นใด! ต้องปิดบังนางเอาไว้!”
ฮูหยินซูชื่นชมการกระทำของนางหวง และส่งคนไปที่เรือนจินถงอย่างลับๆ อาศัยช่วงที่เว่ยฉางอิ๋งนอนพักช่วงบ่าย เรียกบ่าวทั้งหมดในเรือนมารวมกัน เพื่อจะได้กำชับให้แม่นมั่นอีกครั้ง สั่งห้ามพวกเขาบอกข่าวคราวทุกอย่างของซูอวี๋อู่และจี้ชวี่ปิ้งแก่เว่ยฉางอิ๋ง หาไม่แล้วคนทั้งบ้านล้วนไม่ต้องอยู่ในจวนเสิ่นอีกต่อไป
ดังนี้ จึงสามารถปิดบังเว่ยฉางอิ๋งเอาไว้ได้โดยไม่รั่วไหลแม้แต่น้อย และยังคงใช้ชีวิตเหมือนปกติแต่ก่อนมา
เรื่อยไปจนถึงกลางคืนในวันที่สิบสามเดือนสาม เว่ยฉางอิ๋งตื่นจากฝันเพราะความเจ็บปวด รีบเรียกฉินเกอที่คอยเฝ้ายามกลางคืนให้เข้ามาหา …เพราะนางตั้งท้อง กลัวว่าพวกสาวใช้ที่ไม่มีประสบการณ์จะไม่รู้ความจนทำให้เสียการใหญ่ ฉะนั้นท่านอาทั้งสามและพวกสาวใช้จึงผลัดเวรกันมาเฝ้าตอนกลางคืน เมื่อฉินเกอถูกปลุกให้ตื่นจึงร้องปลุกนางว่านที่คืนนี้เป็นคนมาเฝ้าให้ตื่น ทั้งสองคนจุดตะเกียงเข้าไปดูในมุ้ง นางว่านคลำฟูกใต้ตัวเว่ยฉางอิ๋งแล้วร้องอย่างตกใจว่า “มีเลือดแล้ว …นี่คือจะคลอดแล้ว รีบไปเรียกคนมา!”
ฉินเกอตื่นตกใจใหญ่ แม้แต่ตะเกียงก็ยังลืมทิ้งเอาไว้ให้นางว่าน กลับถือวิ่งออกจากประตูไปบอกแก่ทุกคน คนทั้งเรือนจินถงล้วนตื่นตระหนกกันไปหมด และพากันวุ่นวายขึ้นมา
ดีที่ทั้งนางหวง นางเฮ่อ และนางว่านล้วนเป็นคนที่เคยคลอดบุตรมาก่อน นับไปแล้วกำหนดคลอดของเว่ยฉางอิ๋งก็คือในสองวันนี้ พวกหมอตำแยก็ล้วนเตรียมเอาไว้เรียบร้อยและให้มาอยู่ในเรือนแล้ว
ครานี้จึงถูกปลุกขึ้นมา นางใช้น้ำเย็นล้างหน้าเพื่อให้ตนเองตื่น แล้วเฮโลกันพา เว่ยฉางอิ๋งเข้าไปในห้องคลอดที่เตรียมเอาไว้แล้ว …รอจนฮูหยินซู นางหลิว นางตวนมู่แม่สามีพี่สะใภ้ที่พอได้ยินข่าวก็ไม่สนใจว่าเป็นเวลากลางดึกกลางดื่น พากันตื่นขึ้นและรีบมาถึงนั้น น้ำก็ต้มเอาไว้เสร็จแล้ว สาวใช้ยกน้ำมาจะนำเข้าไป ก็มาพบกับพวกของฮูหยินซูจึงคำนับนาง ฮูหยินซูที่กำลังร้อนใจเป็นไฟสะบัดมือห้าม “รีบเอาเข้าไป…ถามดูด้วยว่าข้างในดีอยู่หรือไม่?”
ก่อนหน้านี้ ทางหนึ่งฮูหยินซูและนางหวงมาหารือกันว่าจะปิดบังเว่ยฉางอิ๋งอย่างไร ทางหนึ่งต่างก็ปลอบประโลมซึ่งกันว่า “นางมีร่างกายแข็งแรงตลอดมา ท่านหมอเทวดาจี้ก็บอกมาหลายครั้งหลายคราว่าไม่จำเป็นต้องไปเชิญเขามาบ่อยๆ …จะต้องไม่เป็นไรแน่นอน!”
แต่เมื่อมาถึงช่วงเวลาสำคัญ จี้ชวี่ปิ้งอยู่กับไม่อยู่กลับยังมีความแตกต่าง โดยเฉพาะก่อนหน้านี้เข้ามาตรวจบ่อยครั้งเพียงนั้น แต่ในเวลาสำคัญกลับไม่อยู่ ด้วยเหตุที่เคยพึงพิงเขาจนเคยชินเสียแล้ว จู่ๆ มาไม่อยู่เสีย จึงยากจะปรับตัวได้
ฮูหยินซูเป็นย่าคนแล้ว นางเร่งรีบสวมแค่เพียงเสื้อฤดูใบไม้ผลิบางๆ เอาผ้าคลุมตัวมาและตากลมกลางคืนอยู่ข้างนอก ผ้าคลุมไหล่ก็ลืมหยิบมา แต่นอกจากไม่รู้สึกหนาว ในใจกลับร้อนวูบวาบขึ้นมาเป็นพักๆ เสียอีก ใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ ไม่อาจสงบลงได้ คิดไปคิดมาก็อดจะแอบขัดเคืองเว่ยเจิ้งอินขึ้นมาไม่ได้ “เจ้าเป็นห่วงบุตรชายเจ้า แต่ก็ไม่อาจไม่สนใจหลานสาวเลยนี่นา!”
ในขณะที่กำลังแอบภาวนาให้สวรรค์คุ้มครองอยู่นั้น ตวนมู่เยี่ยนอวี่ก็พูดเสียงเบาๆ มาว่า “ท่านแม่เจ้าคะ นี่เป็นการคลอดครั้งแรกของน้องสะใภ้สาม ในเมื่อจี้ชวี่ปิ้งไม่อยู่ในเมืองหลวง มิสู้ไปเชิญตวนมู่ซินเหมี่ยวมาคอยดูเจ้าเล่าคะ? เมื่อเป็นดังนี้พวกเราก็จะวางใจได้สักหน่อย”
พอได้ยินคำ นางหลิวอดจะมองนางไปหนหนึ่งไม่ได้
เมื่อฮูหยินซูถูกเตือนสติดังนั้นจึงรีบพูดว่า “เจ้าพูดถูกต้องยิ่งนัก! ข้ากลับลืม คุณหนูแปดไปเสียได้ แม้ยามนี่ฟ้าจะมืด แต่นางมีความสัมพันธ์อันดีกับฉางอิ๋งมาโดยตลอด ทั้งยังน้องสาวของเจ้า คาดว่าคงจะเห็นแก่หน้าบ้านของเรา” นางกำลังจะส่งคนไปเชิญมา
ตวนมู่เยี่ยนอวี่ก็รีบบอกว่า “นี่เป็นเวลาดึกดื่นค่ำมืดแล้ว อย่างไรก็ให้สะใภ้ไปเองเถิดเจ้าคะ?”
“ลำบากเจ้าแล้ว” ฮูหยินซูเห็นนางเป็นห่วงเป็นใยคู่สะใภ้ที่กำลังจะคลอด จึงรู้สึกพอใจนัก ความรู้สึกไม่ดีที่มีต่อนางครั้งยึดอำนาจนางกลับมาก็ค่อยๆ เลือนหายตามไปด้วย แอบคิดในใจว่าในเรื่องสำคัญ สะใภ้รองก็ยังคงเป็นคนดีงาม
เพียงแต่ ตวนมู่เยี่ยนอวี่แสนดีงามเอ่ยกับนางอย่างเคารพนบนอบว่า “ท่านแม่พูดอันใดกัน? น้องสะใภ้สามมิใช่คนอื่นคนไกล ประสาอะไรที่ทุกคนในบ้านนี้ผู้ใดไม่เป็นห่วงน้องสะใภ้สามเล่าเจ้าคะ? ที่สะใภ้พอจะออกแรงช่วยได้บ้างเล็กน้อยก็เพราะอาศัยบารมีของน้องสาวร่วมตระกูลเจ้าค่ะ”
เมื่อไปถึงบนรถ บ่าวคนสนิทที่รู้จักคุ้นเคยใจจริงของนางจึงเอ่ยเสียเบาๆ ไปว่า “นิสัยของคุณหนูแปดเหมือนกับท่านหมอเทวดาจี้ผู้นั้นอย่างกับออกมาจากพิมพ์เดียวกัน โดยเฉพาะต้องไปรบกวนนางกลางดึกกลางดื่นเช่นนี้ ทั้งยังต้องรบกวนคนในตระกูลสายของนางด้วย ถึงยามนั้น ไม่รู้ว่าจะพูดจาไม่น่าฟังเพียงใด …เพื่อฮูหยินน้อยสาม ไยฮูหยินน้อยต้องทำเช่นนี้ด้วยเจ้าคะ?”
ตวนมู่เยี่ยนอวี่ปรายตามองนางคราหนึ่ง มุมปากพลันโค้งขึ้นมา แย้มยิ้มพลางว่า “เจ้าจะไปรู้อันใด? ท้องนี้ของนางเว่ยเป็นผู้ชาย เมื่อคลอดออกมาก็จะคุณชายหลานรองของตระกูลเสิ่นแล้ว! ซูหมิงก็อายุจะสิบขวบแล้ว เพิ่งจะมีคุณชายหลานรอง ผนวกกับฐานะภายในตระกูลของเสิ่นจั้งเฟิง วันหน้าหากนางคิดว่าจะไม่อาศัยบารมีของบุตรชายก็คงจะยาก!”
“เช่นนั้น ฮูหยินน้อยยิ่งไม่อาจไปช่วยนางนี่เจ้าคะ!” สาวใช้ถามไปอย่างไม่เข้าใจ “หากเชิญคุณหนูแปดมา แล้วช่วยนางไว้ได้พอดี เช่นนั้นแล้วอำนาจการปกครองบ้านที่นางมอบคืนมาให้ฮูหยินน้อยก่อนนางจะไปบำรุงรักษาครรภ์…ก็มิใช่ต้องให้นางเอากลับคืนไปหรือเจ้าคะ?”
ตวนมู่เยี่ยนอวี่ขบริมฝีปากแล้วว่า “ฉะนั้นจึงได้บอกว่าเจ้ามันโง่ นางเว่ยผู้นี้ฝึกวรยุทธมาแต่เล็ก จึงมีร่างกายแข็งแรงมาแต่ไร กอปรกับนางมีรูปร่างสูงโปร่ง ดูแล้วก็มิใช่พวกที่คลอดยาก นับแต่นางไปดูแลครรภ์ ข้าก็รู้สึกว่าตอนนางคลอดจะต้องไม่ยากเย็นมากมายอันใด ก่อนนี้จี้ชวี่ปิ้งมาตรวจวันเว้นวัน ก็ล้วนบอกว่านางจะคลอดได้อย่างราบรื่น ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกและไม่มีปัญหาใดๆ จี้ชวี่ปิ้งวินิจฉัยออกมาเจ้ายังจะไม่เชื่ออีกรึ? คืนวันนี้ ข้าคิดว่าแม้นางจะเกิดเหตุอันใดบ้าง แต่เมื่อมีนางหวงอยู่ก็จะไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตแล้ว! ท่านแม่เป็นกังวลเช่นนี้ก็เพียงเพราะก่อนนี้พึงพิงจี้ชวี่ปิ้งมากเกินไป พอตอนนี้จี้ชวี่ปิ้งไม่อยู่จึงรู้สึกว่าไม่มั่นใจ …ว่ากันตามตรงก็คือหลานชายของตระกูลเสิ่นมีน้อยเกินไปนั่นเอง! รอมาตั้งหลายปีก็เพิ่งจะได้คุณชายหลานรองที่ยังไม่ลืมตาดูโลกคนนี้มา แล้วท่านแม่จะไม่เป็นห่วงทั้งจิตทั้งใจได้หรือ?!”
“เมื่อเป็นดังนี้ ฮูหยินน้อยก็ยังจะไปเชิญคุณหนูแปดมา…” สาวใช้พึมพำ แล้วดวงตาพลันเป็นประกายขึ้นมา กล่าวว่า “ฮูหยินน้อยพูดให้ฮูหยินได้ยิน?”
“ก็ไม่เพียงแค่เท่านี้” ตวนมู่เยี่ยนอวี่เม้มปาก กล่าวเสียงเบาว่า “เรื่องคลอดลูกที่มีความสำคัญเพียงนี้ ข้าซึ่งเป็นพี่สะใภ้รองเป็นคนออกปากเอง กลางดึกกลางดื่นก็ยังออกไปเชิญน้องสาวร่วมตระกูลของตนมาที่จวนด้วยเป็นห่วงความปลอดภัยของนาง นี่ก็คือบุญคุณที่ทุกคนต่างมองเห็นแล้ว เจ้าว่าหากนางเว่ยแม่ลูกปลอดภัยแล้วจะไม่มาตอบแทนข้าหรือ? นางยังกล้าชิงอำนาจในมือข้ากลับไปหรือ? ต่อให้ข้าคืนให้นาง นางก็ต้องปฏิเสธ! หรือต่อให้รับกลับไป ก็จะต้องมาชดเชยในเรื่องอื่นๆ ให้ข้า! ถ้าหากว่า….ถ้าหากว่านางอาการไม่ดี ข้าก็ยังได้ชื่อว่าดีงามยามอยู่ต่อหน้าแม่สามี ด้วยนิสัยของแม่สามี ภายหลังยิ่งไม่กล้าให้ข้าหยุดพักไม่ต้องมาดูแลบ้านเรือนแล้ว! ดีชั่วข้าก็ไม่มีทางเสียเปรียบ วิ่งไปสักรอบแล้วจะเป็นไรไป?”
สาวใช้จึงรีบสำทับไปหลายๆ หนว่า “ฮูหยินน้อยฉลาดหลักแหลม มีแผนการที่เยี่ยมยอดจริงๆ เจ้าค่ะ!”
ตวนมู่เยี่ยนอวี่ก็รู้สึกว่าคืนนี้ตัวเองหัวไวจริงๆ พลางเอ่ยด้วยอารมณ์ดีกว่า “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง! นางเว่ยคลอดบุตรคราแรก ต่อให้นางราบรื่นเพียงใด แต่หากไม่ใช้เวลาสองสามชั่วยามก็จะไม่อาจคลอดออกมาได้ และเพราะนางตั้งครรภ์หลานชาย เมื่อแม่สามีได้รับข่าวก็รีบไปด้วยตนเอง พี่สะใภ้ใหญ่ก็ไปด้วย ข้าจึงไม่อาจไม่ไปด้วย …แม้ยามนี้จะเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่ช่วงเวลากลางคืนก็ยังหนาวเย็นอยู่ ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าดึกดื่นค่ำมืดมาตากลมหนาวเฝ้าอยู่หน้าห้องคลอด ฟังเสียงนางร้องครวญครางยามคลอดบุตร! ทั้งยังต้องคอยระมัดระวังปรนนิบัติดูแลแม่สามีอยู่ตลอดเวลา คิดไปแล้วก็รำคาญใจนัก มิสู้หางานทำแล้วหลบออกมา พาซินเหมี่ยวไปที่จวน นางจะต้องไม่มีแก่ใจยืนรอโง่ๆ อยู่ข้างนอกแน่! แต่นางจะต้องเข้าไปนั่งรอในห้อง และย่อมไม่อาจไม่มีคนไปดูแลนางกระมัง? แม่สามีเป็นห่วงนางเว่ย แล้วจะไม่เรียกให้ข้าไปอยู่เป็นเพื่อนซินเหมี่ยวรึ? ถึงยามนั้นข้าก็จะได้ไปนั่งดื่มน้ำชารออยู่ในห้องด้วย เป็นดังนี้มิใช่ว่าจะสบายกว่ากันตั้งมากมายหรอกหรือ?”
_________________________