ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่ 2-3 - ตอนที่ 183-1 เหตุผลง่ายๆ
หลังจากซูอวี๋อู่และเผยไค่มาถึงเมืองหลวง เป็นเพราะยังไม่ทันหมดพิษจึงพากันไปอยู่ที่คฤหาสน์จี้ เพื่อให้จี้ชวี่ปิ้งตรวจรักษาได้อย่างสะดวก
นิสัยประหลาดของจี้ชวี่ปิ้งเป็นที่ขึ้นชื่อลือชา ยังไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างทาง นี่เพิ่งจะกลับมาถึงเมืองหลวง เขาก็แผลงฤทธิ์อีกแล้ว เขาไม่แยแสว่าท่านหมอของตระกูลหลิวที่ติดตามมาแทบจะคุกเข่าขอร้องให้ตนมาเป็นผู้ช่วยเขา และไม่สนใจว่าเว่ยเจิ้งอินหรือคนตระกูลเผยขอร้องว่าจะส่งบ่าวที่ทำงานรอบคอบสองสามคนเข้ามาช่วยปรนนิบัติรับใช้ในคฤหาสน์จี้ เมื่อให้คนหามคนเจ็บเข้าไปข้างใน ก็ปิดประตูใส่หน้าดังปัง ให้คนทั้งกลุ่มรวมทั้งเว่ยเจิ้งอินถูกกันไว้นอกประตู
ทุกคนมองหน้ากัน ทั้งกลัวว่าจะไปยั่วให้เขาโมโหจนไม่ยอมช่วยรักษา ในขณะที่กำลังหาทางลงกันไม่ได้อยู่นั้น ดีที่ประตูก็เปิดออกอีกครั้ง …มีหัวเล็กๆ หัวหนึ่งชะโงกออกมา หนีเวยอีรับหน้าที่เป็นสาวใช้ตัวน้อยที่นี่ ดวงตาโตๆ ของนางกรอกไปมองซ้ายขวา แล้วยกชายกระโปรงวิ่งไปตรงหน้าเว่ยเจิ้งอิน กล่าวคำทักทายไปก่อน แล้วเอ่ยเสียงเบาๆ ไปว่า “ท่านปู่หมอเทวดาบอกว่าท่านจะรีบปรุงยาในทันใด ห้ามคนมารบกวน ให้นายหญิงรองท่านกลับไปก่อนเจ้าค่ะ”
แล้วยิ่งเอ่ยเสียงเบาไปกว่าเดิมว่า “อารองและอาสะใภ้บอกว่า คุณชายอยู่ที่นี่ พวกเขาจะดูแลปรนนิบัติเป็นอย่างดี ให้ท่านวางใจเจ้าค่ะ”
แม้เว่ยเจิ้งอินยังคงไม่วางใจ ด้วยคฤหาสน์จี้กว้างใหญ่ หนีเทาผัวเมียต้องรับใช้ทั้งจี้ชวี่ปิ้ง และยังต้องคอยดูแลหลานสาวตัวน้อยหนีเวยอี แล้วจะสามารถเอาใจใส่บุตรชายของตนได้ละเอียดถี่ถ้วนเพียงใด แต่ก็รู้ว่าครานี้ตนต้องถอยก่อน
ไม่ว่าอย่างไรเว่ยเจิ้งอินก็เป็นบุตรีตระกูลเว่ย ความสัมพันธ์ระหว่างจี้ชวี่ปิ้งและ ตระกูลเว่ยก็ไม่เคยเป็นความลับใดมาได้แต่ไหนแต่ไร แม้เว่ยเจิ้งอินจะไม่อาจวางใจในเรื่องนี้ได้ ทว่าหนีเทาผัวเมียก็เป็นบ่าวในบ้านฝั่งมารดาของนาง จึงไม่ห่วงว่าพวกเขาจะไม่พยายามเต็มที่ แต่ข้างคนตระกูลเผยกลับร้อนใจนัก เดิมทีพวกเขาก็ไม่มีหน้าตาใดที่สามารถเชิญจี้ชวี่ปิ้งมารักษาได้อยู่แล้ว เป็นเพราะเผยไค่ต้องพิษพร้อมกับซูอวี๋อู่ เมื่อเว่ยเจิ้งอินเชิญจี้ชวี่ปิ้งไป ในเมื่อช่วยซูอวี๋อู่แล้วจึงพอดีได้ช่วยดูเผยไค่ไปพร้อมๆ กัน
และเวลานี้ก็จึงถือโอกาสไปด้วยอีกครั้ง เมื่อเผยไค่เพิ่งถูกหามเข้าไปในเรือน แล้วได้ยินว่าในคฤหาสน์จี้แห่งนี้เมื่อรวมสาวใช้ตัวน้อยที่ออกมาถ่ายทอดคำพูด ก็มีบ่าวเพียงสามคนที่คอยดูแลรับใช้อยู่ …กลัวว่าแม้แต่ตัวจี้ชวี่ปิ้งก็ต้องทำงานสักหน่อยเอง แล้วยังมีคนเจ็บหนักมาเพิ่มอีกสองคน จะดูแลกันไหวได้ที่ใด?
แต่เมื่อเว่ยเจิ้งอินก็ยังไม่พูดอะไร พวกเขาก็ไม่กล้ารบเร้าต่อไป ฮูหยินตระกูลเผยส่งสายตา จึงมีสาวใช้ตัวน้อยมารั้งตัวหนีเวยอีเอาไว้ ขืนยัดตั๋วเงินสองใบให้นาง แล้วกำชับกำชานางเป็นพันเป็นหมื่นเท่าว่าให้นางไปพูดจาดีๆ ต่อหน้าอาและอาสะใภ้สักสองสามคำว่าจะต้องช่วยเผยไค่ให้จงได้
ลำพังเท่านี้ ฮูหยินตระกูลเผยก็ยังไม่อาจวางใจได้ เมื่อลองนับๆ ญาติดูรอบหนึ่ง จึงคิดถึงหลานสาวเผยเหม่ยเหนียงขึ้นมาได้ …แม้จะบอกว่าก่อนหน้านี้เผยเหม่ยเหนียงเคยไปก่อเรื่องไว้ที่บ้านสามี แต่ในเมื่อนางยังเป็นฮูหยินน้อยสี่บ้านเสิ่นอยู่ จะอย่างไรก็ยังเป็นคู่สะใภ้ของฮูหยินน้อยสามบ้านเสิ่น จึงตระเตรียมของกำนัลชิ้นงามแล้วส่งคนไปบอกกับเผยเหม่ยเหนียงว่าให้นางพาไปพบเว่ยฉางอิ๋ง และเสนอโดยอ้อมว่าตนหวังจะไปเพิ่มคนในคฤหาสน์จี้ เพื่อมิให้บุตรชายไม่ได้รับการดูแลอย่างรอบด้าน
ครานี้ เว่ยฉางอิ๋งเพิ่งจะพบกับเว่ยเจิ้งอิน อาหลานสองคนกอดกันร้องไห้รอบหนึ่ง ประการแรกเพราะยินดีที่ซูอวี๋อู่พ้นจากความตายมาได้ ประการที่สองเพื่อเป็นการขออภัยที่เว่ยเจิ้งอินพาจี้ชวี่ปิ้งไปก่อนที่หลานสาวจะคลอด เว่ยฉางอิ๋งบอกว่าไม่ถือสาอันใด หากให้เรื่องนี้เป็นรอยร้าวก็ไร้ประโยชน์ เพราะที่สุดแล้วก็เป็นคนสายเลือดเดียวกัน
อาหลานสองคนสนทนากันดังนี้ จนเว่ยเจิ้งอินกลับไปก็ลืมเอ่ยถึงเรื่องที่คฤหาสน์จี้มีคนไม่เพียงพอ เมื่อเว่ยฉางอิ๋งมาได้ยินในครานี้ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แล้วถามนางหวงว่า “ทางท่านหมอเทวดาจี้มีคนน้อยเพียงนั้น ได้ยินว่าจนบัดนี้ทั้ง ลูกผู้น้องซูและคุณชายเผยล้วนยังไม่อาจลุกขึ้นได้ มีเพียงหนีเทา นางหลิ่ว และเสี่ยวเวยเวย แล้วจะดูแลไหวได้ที่ใด?”
นางหวงเอ่ยเตือนสติว่า “เวลานี้ท่านองครักษ์เจียงก็ยังอยู่ที่นั่นนะเจ้าคะ” ปลายปีก่อนอาการบาดเจ็บของเจียงเจิงก็เกือบจะหายดีแล้ว แต่เว่ยฉางอิ๋งเป็นกังวลว่าเขาจะถูกพาลหาเรื่องเอาอีก จึงให้เขาไม่ต้องกลับไปที่โรงเตี๊ยมอันซุ่น และให้อยู่ที่คฤหาสน์จี้ไปก่อน โดยนามแล้วในคฤหาสน์ของจี้ชวี่ปิ้งไม่มีคนคุ้มกัน จึงให้เขาคอยช่วยดูแลให้สักหน่อย แต่ในความจริงแล้ว ด้วยเหตุที่หากมิใช่คนใกล้ตาย ก็จะไม่มีคนยอมเข้าใกล้จี้ชวี่ปิ้ง เพราะนั่นเท่ากับเป็นการหาเรื่องทำลายความสงบไม่สบายใจให้ตนเองเปล่าๆ เจียงเจิงจึงอาศัยเหตุผลข้อนี้ ช่วยให้เขาไม่ต้องไปรับเคราะห์เพราะถูกใส่ความอีก
ก่อนนี้จูเหล่ยก็คอยดูแลอาจารย์อยู่ที่นี่มาโดยตลอด …เจ้าหมอนี้พูดจาส่งเดชจนจับพลัดจับผลูทำให้เกิดการจับคู่กันขึ้น ด้วยกลัวว่าหากเรื่องถูกเปิดโปงแล้วจะถูกทั้งอาจารย์และนางเฮ่อแสนร้ายกาจร่วมมือกันจัดการ เมื่อเห็นว่าอาจารย์แข็งแรงดีแล้ว จึงอาศัยจังหวะช่วงปีใหม่นางเฮ่อรับคำสั่งของเว่ยฉางอิ๋งให้มาส่งของกินให้แก่เจียงเจิง และเจียงเจิงกำลังอารมณ์ดี พูดจาหวานหูขอเงินแต๊ะเอียจำนวนไม่น้อยมาได้ก้อนหนึ่ง …แล้วยกสัมภาระที่จัดเก็บเอาไว้เรียบร้อยนานแล้ว ทิ้งจดหมายแจ้งว่าตนจะไปที่ใด แล้วเร่งเดินทางอย่างรวดเร็วเหมือนทาน้ำมันไว้ใต้เท้า เดินทางทั้งวันทั้งคืนหนีไปแล้ว
ไม่เอ่ยถึงศิษย์ที่ดูคล้ายเป็นคนซื่อตรงแต่ความจริงแล้วกลับเจ้าเล่ห์นัก เวลานี้เจียงเจิงซึ่งเป็นคนซื่อที่แท้จริงต้องใช้ชื่อว่าเป็นผู้คุ้มกันและเก็บตัวมิดชิดอยู่ในคฤหาสน์จี้จนแทบไม่ออกมา …เก็บตัวมิดชิดจนแทบไม่ออกมาเลยจริงๆ จนแม้แต่เว่ยฉางอิ๋งก็ยังลืมไปแล้วว่าครูฝึกของตนผู้นี้ก็สามารถมาเป็นผู้ช่วยได้
ทว่า “ต่อให้มีท่านลุงเจียงคอยช่วย แต่ก็ยังมีคนไม่พอกระมัง?”
ฮูหยินตระกูลเผยรีบบอกว่า “ทว่า ท่านหมอเทวดาจี้ชอบความสงบ บ้านข้าก็ไม่คุ้นเคยกับท่านหมอเทวดา จึงไม่กล้าไปมากความ อย่างไรก็ขอให้ฮูหยินเว่ยท่านช่วยไปพูดสักหน่อย แม้อันดับตระกูลของข้าจะไม่สูงส่ง ทว่าก็ยังสามารถคัดสรรบ่าวไพร่ที่รู้กาลเทศะออกมาได้”
เว่ยฉางอิ๋งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนนี้เจียงเจิงได้รับบาดเจ็บและตนเองสั่งให้คนขืนบุกเข้าไปในคฤหาสน์จี้นั้น แม้แรกเริ่มจี้ชวี่ปิ้งจะไม่ยอมรักษา แต่เมื่อภายหลังรับปากจะรักษาแล้วเขาก็ไม่ได้ถือสาว่าจูเหล่ยจะอยู่ดูแลอาจารย์ของเขา เหตุใดเวลานี้กลับไม่ยอมให้ตระกูลซูและตระกูลเผยส่งคนส่งคนเข้ามาปรนนิบัติคุณชายบ้านพวกเขาเล่า?
นางอดจะมองนางหวงคราวหนึ่งไม่ได้ นางหวงยิ้มออกมาอย่างค่อนข้างยากเย็น แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “ครั้งพวกเราเชิญท่านหมอเทวดาจี้มาช่วยรักษาองครักษ์เจียงนั้น ทั้งก่อนและหลังบ้านเรามอบเงินให้ท่านหมอเทวดาไปทั้งสิ้นแปดร้อยเหลียงเจ้าค่ะ”
——————————–