ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่ 2-3 - ตอนที่ 188-2 เรื่องอภิเษกขององค์หญิง (3)
ทางฮองเฮากู้เองก็ว่ามาดังนี้เช่นกัน “ก่อนหน้านี้ด้วยเว่ยฉางเจวียนบุตรสาวคนเล็กของนางตวนมู่ไปยั่วยุชิงซินเพื่อให้เว่ยฉางเจวียนพ้นผิดและทำให้ดูคล้ายว่าอันจี๋ไปหมายตาเว่ยฉางเฟิง นางตวนมู่จึงนำเรื่องอันจี๋แอบหารือกับเว่ยฉางอิ๋งอยู่เนิ่นนานมาบอกกับข้า ภายหลังข้าสั่งให้คนคอยจับตาไว้ ในงานเลี้ยงวันส่งท้ายปี ปรากฏว่าอันจี๋ก็อาศัยจังหวะที่มีคนมากและเข้าไปใกล้ชิดเว่ยฉางอิ๋ง เว่ยฉางอิ๋งเองก็ดูไม่มีท่าทีห่างเหินกับนาง แล้วให้คนนำข่าวนี้ไปเปิดเผยให้นางเติ้งรู้ ปรากฏว่านางเติ้งกลับทำลายความปรารถนาอย่างแรงกล้าของข้า แล้วอาศัยว่าฮ่องเต้ทรงต้องการกำจัดตระกูลสูงศักดิ์มาเนิ่นนานแล้ว จึงนำเรื่องนี้ไปบอกแก่ฮ่องเต้ในทันใด และข้าเองก็อาศัยโอกาสนี้ทำให้นางเติ้งกลายเป็นศัตรูของรุ่ยอวี่ถังไปเสีย เวลานี้เจินอี้อยากให้อันจี๋อภิเษกไวๆ …หรือว่าทางเฟิ่งโจวนั้น?”
นางอวิ๋นจึงว่า “แต่ราชทูตที่นำราชโองการไปส่งก็มิใช่บอกว่าฉางซานกงตกปากรับคำเรื่องการแต่งงานครานี้แล้วหรือเพคะ?”
“ครั้งนั้นตระกูลซ่งก็มิใช่ว่าเร่งให้ซ่งไจ้สุ่ยกลับเมืองมาแต่งงานหรอกหรือ? แต่ภายหลังซ่งไจ้สุ่ยเสียโฉม พวกเขาเองก็ ‘ไม่กล้า’ ให้บุตรสาวที่เป็นดังนี้มาแต่งงานสวินเอ๋อร์แล้ว …แล้วเรื่องนี้จะโทษว่าพวกเขาไม่รักษาสัญญาได้หรือ? แล้วคนข้างนอกก็มิใช่พากันบอกว่าตระกูลซ่งต่างหากที่เป็นฝ่ายขาดทุน?” ฮองเฮากู้แค่นเสียงคำหนึ่ง กล่าวว่า “เว่ยฮ่วนเป็นจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์เพียงนั้น เขาตอบตกลงแล้วจะนับเป็นสิ่งใดได้? ต่อให้ชี้นิ้วขึ้นฟ้าสาบานก็ยังเชื่อไม่ได้เลย! เจ้านึกว่าเขาจะไม่เว้นช่องว่างเอาไว้ให้ตนกลับคำสาบานรึ?”
นางอวิ๋นใคร่ครวญอยู่เนิ่นนานจึงว่า “เพียงแต่จะอย่างไร ซูเนี่ยนชูก็เป็นบุตรสาวของตระกูลซู ยิ่งไปกว่านั้นหากนับกันไปแล้วก็ยังเป็นหลานน้าขององค์หญิงอันจี๋ คนเป็นน้าจะมาแย่งสามีของหลาน หากเรื่องนี้แพร่ออกไปนอกจากจะไม่น่าฟังแล้ว …กำลังสนับสนุนที่องค์หญิงอันจี๋จะมีให้เว่ยฉางเฟิงยังไม่สู้ที่ซูเนี่ยนชูจะให้ได้เลยนะเพคะ! จะมีก็เพียงแต่ตัวองค์หญิงเองทรงเก่งกาจสักหน่อย และร้ายกาจกว่าซูเนี่ยนชูเท่านั้น แต่เรื่องนานาของตระกูลเว่ยจะอาศัยเพียงความร้ายกาจแก้ไขได้หรือเจ้าคะ?”
“นั่นก็จริง” ฮองเฮากู้หรี่ตาลง กล่าวว่า “แต่ในวันเกิดของหลินชวนครานี้ เพราะ เว่ยฉางอิ๋งต้องไว้ทุกข์ให้อาสะใภ้จึงไม่ได้มางานเลี้ยง อันจี๋ตามหานางเสียทั่วก็ไม่พบ จึงไปหาเสิ่นจั้งหนิงน้องสามีของนางและไปสนทนากันลับๆ …ก่อนนี้อันจี๋ก็ไม่ได้สนิทสนมกับเสิ่นจั้งหนิง แต่เวลานี้กลับให้นางไปบอกต่อให้ เห็นชัดว่านางก็ร้อนใจนักแล้ว! ยิ่งไปกว่านั้นนางก็คอยจ้องแต่เว่ยฉางอิ๋งไม่วางตา?”
“ไม่กี่วันก่อนองค์หญิงหลิงเซียนส่งผลอิงเถาเข้ามาในวัง ทั้งยังเชิญให้ทุกคนในวังหลวงไปชิมอาหารตำรับใหม่ที่จวนขององค์หญิงด้วยเพคะ?” นางอวิ๋นพลันนึกเชื่อมโยงกันขึ้นมาได้!
ฮองเฮากู้ขมวดคิ้ว กล่าวว่า “หากการที่หลิงเซียนทำเช่นนี้ ก็เพื่อให้เว่ยฉางอิ๋งที่ยังไว้ทุกข์อยู่และไม่อาจเข้าวัง สามารถส่งข่าวได้ เช่นนั้นดูไปแล้วคนที่ท่านหญิงเจินอี้อยากให้อันจี๋อภิเษกด้วยก็ไม่น่าใช่เว่ยฉางเฟิงแล้ว”
จะมีแม่ยายที่ใดไปช่วยน้องสาวต่างแม่แย่งลูกเขยของตนเองกันเล่า?
นางอวิ๋นนิ่งคิดอยู่นานจึงว่า “หม่อมฉันคิดว่าท่านหญิงเจินอี้ไม่เป็นที่รักมานปี แม้ว่าองค์หญิงอันจี๋จะร้ายกาจ ทว่าก็ทำการอย่างมีความคิดอ่าน ก่อนหน้านี้องค์หญิงอันจี๋ยังเคยทำให้องค์หญิงชิงซินของเราบาดเจ็บ แต่วันนี้ในเมื่อคิดมาขอพระเมตตาจากฮองเฮา นางต้องไม่กล้าไปหวังคนที่ดีเป็นพิเศษแน่เพคะ มิสู้ ฮองเฮารับปากท่านหญิงเจินอี้ไปเสียก่อนดีหรือไม่เพคะ? เพราะอย่างไรเสีย ฮองเฮาก็ยังไม่ได้ทูลกับองค์ฮ่องเต้เรื่องที่อีอ๋องไม่กตัญญูนี่เพคะ มิสู้ไปครานี้ก็ไปทูลขอให้ฮ่องเต้ทรงเห็นพระทัยท่านหญิงเจินอี้สักคราเพคะ?”
ฮองเฮากู้เข้าใจความหมายของนาง อดจะยิ้มน้อยๆ ขึ้นมาไม่ได้ “จะว่าไปก็ใช่ ดีชั่วก็เป็นองค์หญิงพระองค์หนึ่ง ที่สุดแล้วก็ต้องอภิเษกอยู่ดี ทำกุศลเพิ่มอีกสักครั้งแล้วเหตุใดจะทำไม่ได้? ใช่ว่าท่านหญิงเจินอี้มีบุตรสาวเพียงคนเดียวเมื่อใด ไม่ว่าอย่างไรโดยนามแล้วเซินปั๋วก็เป็นนางเลี้ยงดูมา! ยามนี้นางเจ็บหนักเพียงนั้น จะต้องได้เห็นบุตรสาวตบแต่งให้เรียบร้อยจึงสามารถจากไปได้อย่างไร้ความกังวลอย่างไรเล่า!”
ฟากของฮองเฮาคิดได้ว่าสามารถรับปากความต้องการของท่านหญิงเจินอี้ไปตามน้ำ เพื่อให้เซินปั๋วอภิเษกไปไวๆ …หาไม่แล้วเมื่อเขาออกทุกข์ก็จะอ้างเรื่องพิธีอภิเษกแล้วเลื่อนเวลาการไปแคว้นศักดินาต่อไปอีก ซึ่งทางฝั่งของสนมเอกเติ้งก็คิดถึงเรื่องนี้ได้เช่นกัน จึงพักเรื่องที่ท่านหญิงเจินอี้ต้องการให้องค์หญิงอันจี๋อภิเษกกับใครเอาไว้ก่อน แล้วมาหารือกับเหยาเถาอย่างรวดเร็วว่า “นั่งชั่วกู้จะต้องรับปากแน่ ข้าควรทำเยี่ยงใดดี?”
เหยาเถาคิดสักพักจึงว่า “หากฮองเฮาต้องการแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อ ท่านหญิงเจินอี้และองค์หญิงอันจี๋ พระสนมเอกก็ไม่เหมาะจะไปขัดขวางตรงๆ มิสู้เอาเช่นนี้เพคะ พระสนมเอกทรงรับปากท่านหญิงเจินอี้ไปเสียก่อน รอจนนางยอมเอ่ยปากว่าไปหมายตาคุณชายบ้านใดเอาไว้ จากนั้นค่อยขัดขวาง เป็นเช่นใดเพคะ?”
สนมเอกเติ้งคิดไปคิดมาก็คิดว่ามีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะสามารถขัดขวาง ฮองเฮากู้ได้แล้ว
ในเมื่อฮองเฮาและสนมเอกทั้งสองวางแผนได้ดังนั้น จึงพากันส่งคนของตนไปบอกท่านหญิงเจินอี้ที่ตำหนักโต้วจิ่นว่ายินยอมจะไปทูลขอกับฮ่องเต้ตามที่นางปรารถนา เพียงแต่ไม่รู้ว่าท่านหญิงเจินอี้มีตัวเลือกของราชบุตรเขยแล้วหรือไม่?
องค์หญิงอันจี๋รู้ว่าที่ทั้งสองฝั่งถามเช่นนี้ด้วยต่างก็มีแผนการของตนเป็นแน่ ทว่าเวลานี้นอกจากนางจะหวังให้สวรรค์คุ้มครอง และนอกเสียจากให้อภิเษกออกไปก็ไม่มีหนทางอื่นใดที่สามารถทำให้ทั้งสองพระองค์นี้ปล่อยบุตรสาวของตนไปได้อีกแล้ว จึงทำได้แต่ตั้งจิตภาวนาอยู่เนิ่นนาน แล้วบอกออกไปว่า “ได้ยินมาว่าคุณชายใหญ่ตระกูลฮั่ว ฮั่วเจ้าอวี้แห่งอวิ๋นเสียเป็นคนอ่อนน้อมสุภาพ จิตใจกว้างขวางยอมให้ผู้อื่น บางทีอาจจะสามารถยอมรับอิ๋งเอ๋อร์ได้กระมัง?”
เมื่อรู้ตัวเลือกของท่านหญิงเจินอี้แล้ว ฮองเฮาและ สนมเอกพลันรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาก่อน “ฮั่วเจ้าอวี้? คนผู้นี้แทบไม่มีชื่อเสียงใดในบรรดาบุตรหลานตระกูลเลื่องชื่อเลยนี่? ท่านหญิงเจินอี้แม่ลูกกลับไปถามไถ่ถึงได้อย่างไร?”
แล้วมีนางกำนัลบอกเตือนว่า “องค์หญิงอันจี๋เข้าไปใกล้ชิดกับเว่ยฉางอิ๋งก่อน และฮั่วเฉินยวนซึ่งเป็นน้องชายบุตรอนุของฮั่วเจ้าอวี้ผู้นี้เป็นถึงศิษย์รักของท่านเสนาบดีปกครองเว่ยอวี้ ซึ่งนับไปแล้วก็คือท่านอาร่วมตระกูลของเว่ยฉางอิ๋งเพคะ บางทีเว่ยฉางอิ๋งอาจแนะนำเขาให้องค์หญิงด้วยเหตุนี้เพคะ”
“เมื่อว่ามาดังนี้ ก็นับว่าเป็นฝีมือของรุ่ยอวี่ถังล่ะสิ?” ฮองเฮากู้ไตร่ตรองดูรอบหนึ่ง จึงตัดสินใจว่าจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ “สั่งคนเตรียมราชรถ ข้าจะไปตำหนักเซวียนหมิง!”
สนมเอกเติ้งกลับยิ้มออกมาน้อยๆ “รุ่ยอวี่ถังรึ นี่อันจี๋บังอาจสมคบคิดกับรุ่ยอวี่ถัง ลองมาดูกันว่าลิ้นร้อยเล่ห์ของนังชั่วกู้นั่นจะสามารถเกลี่ยกล่อมให้ฮ่องเต้ทรงดำเนินตามความต้องการของรุ่ยอวี่ถังหรือได้หรือไม่?”
หลังจากสงครามฝีปากของฮองเฮาและสนมเอกต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ กลับเป็นฮองเฮากู้ที่เหนือกว่าชั้นหนึ่ง รอจนสนมเอกเติ้งบอกว่าเรื่องนี้อาจมีรุ่ยอวี่ถังอยู่เบื้องหลัง ฮองเฮากู้จึงเอ่ยเตือนฮ่องเต้อย่างเป็นนัยว่า “แม้หม่อมฉันจะสงสาร ท่านหญิงเจินอี้และเด็กอันจี๋ผู้นี้ ทว่าฮั่วเจ้าอวี้เป็นถึงบุตรหลานของตระกูลฮั่วแห่งอวิ๋นเสีย ตระกูลฮั่วจะยินยอมสมรสกับองค์หญิงหรือไม่ เวลานี้พวกเราก็ยังไม่อาจทราบได้นะเพคะ?”
ความนี้ทำให้ฮ่องเต้คิดขึ้นมาในทันใดว่านี่ต้องเป็นการเกลี่ยกล่อมให้พระองค์ทำตามแผนการของรุ่ยอวี่ถัง …เว่ยฮ่วนผู้นี้มีชั้นเชิงลึกล้ำเป็นที่สุด เว่ยฉางเฟิงเป็นหลานชายจากบ้านใหญ่เพียงคนเดียวที่เขาบ่มเพาะมาด้วยตนเอง ทั้งยังเป็นคนที่ต่อให้แม่เฒ่าซ่งภรรยาเอกของเขาต้องสละชีวิตก็จะต้องประคับประคองเอาไว้ให้จงได้ แล้วเหตุใดจึงยอมรับสมรสพระราชทานที่ไร้เหตุผลของราชสำนักเสียแล้วเล่า?
คำพูดนี้ของฮองเฮากู้เท่ากับบอกเป็นนัยแก่ฮ่องเต้ว่าสามารถอาศัยการไปถามความเห็นจากตระกูลฮั่ว เพื่อสืบดูว่าแท้ที่จริงแล้วตระกูลเว่ยคิดการใดอยู่?
_______________________