ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่ 2-3 - ตอนที่ 197-2 ได้ยินชื่อเว่ยซินหย่งอีกครา
เมื่อว่ากันจากประเด็นนี้ เว่ยซินหย่งก็นับว่ามีบุญคุณที่ช่วยชีวิตเว่ยฉางอิ๋งพี่น้องเอาไว้จริงๆ แม้ว่าการที่เขาช่วยเหลือสองพี่น้องก็เพราะเขามีแผนการก็ตามที
แต่คิดไม่ถึงว่าแผนการเพียงเล็กๆ น้อยๆ ของเขา ไม่เพียงเป็นการทำลายชื่อเสียงของนางในทางอ้อม ยังอาศัยโอกาสนี้เอาตัวโม่ปิ่นเว่ยซึ่งเป็นคนมีฝีมือที่แม่เฒ่าซ่งเตรียมเอาไว้ให้หลานชายแท้ๆ ไปด้วย …เว่ยฉางอิ๋งจึงรู้สึกซาบซึ้งใจเขาไม่ใคร่ไหว
นางถอนใจอยู่ในใจ ตั้งสติแล้วอ่านต่อไป เพิ่งอ่านได้สองบรรทัด เว่ยฉางอิ๋งก็ตกตะลึง….
เว่ยซินหย่งจะมาเป็นบุตรบุญธรรมในรุ่ยอวี่ถัง?!
นางรีบอ่านต่อไป แต่กลับเห็นว่าแม่เฒ่าซ่งเพียงเล่าความเป็นมาของเรื่องนี้ด้วยน้ำเสียงบางเบาว่า ในรุ่นของเว่ยฮ่วนนี้ นอกจากเว่ยหวนซึ่งเป็นบุตรชายคนโตจากบุตรภรรยาเอกซึ่งเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งจิ้งผิงกง และเว่ยโจ่งน้องชายบุตรอนุของเว่ยฮ่วนแล้ว เดิมทีก็มีพี่ชายน้องชายที่เสียชีวิตไปแต่เล็กอีกหลายคน หนึ่งในจำนวนนั้นก็มีคนหนึ่งมีนามว่าเว่ยเลี่ยน ซึ่งเป็นถึงน้องชายร่วมมารดาของเว่ยฮ่วน
ทว่าเว่ยเลี่ยนผู้นี้โชคร้ายต้องเสียชีวิตแต่ยังหนุ่ม …ครั้งเขาเสียไปเพิ่งอายุได้สิบเจ็ดปี แม้แต่เรื่องแต่งงานก็ยังไม่ทันได้กำหนดเลย
ดังนี้แล้วในสายของเขาย่อมไม่มีทายาท เว่ยฮ่วนมีความคิดจะรับบุตรบุญธรรมจากพี่ชายน้องชายเพื่อมาเป็นทายาทให้เขา แต่จนใจเหลือที่เขามีบุตรชายเพียงสี่คน ส่วนเว่ยโจ่งน้องชายบุตรของอนุก็ไร้บุตรชายจึงมาขอบุตรจากเข้าบ้านไป และไม่อาจไม่ยกบุตรชายคนเล็กบุตรของอนุไปให้เขาเลี้ยงดูได้ ส่วนบุตรชายสามคนที่เหลืออยู่ของเขา บุตรชายคนโต ประการแรก เว่ยฮ่วนก็ไม่ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมแก่ผู้ใดอยู่แล้ว ประการที่สองเพราะเดิมทีเขาก็มีร่างกายไม่แข็งแรง มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เว่ยฮ่วนหวังจะให้บ้านสองรับช่วงรุ่ยอวี่ถัง ซึ่งแน่นอนว่าไม่อาจยกเว่ยเซิ่งอี๋ให้ไปเป็นบุตรบุญธรรมของน้องชายที่เสียไปได้ ส่วนเว่ยเซิ่งเหนียนนั้น เดิมทีเว่ยฮ่วนก็คิดว่าเขาเหมาะสมที่สุด แต่ด้วยเหตุที่แม่เฒ่าซ่งไม่ชอบเว่ยเซิ่งอี๋ ผู้ซึ่งฮูหยินของจิ้งผิงหงผู้เฒ่าเลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่เป็นหนักหนา นางจึงเป็นกังวลว่าหากวันใดบุตรชายคนโตของตนเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมา …ก็ไม่แน่ว่าอาจใช้บ้านสามมาข่มเว่ยเซิ่งอี๋ได้? ฉะนั้นจึงยืนกรานไม่เห็นด้วยเด็ดขาด!
และยึดยื้อมาจนถึงเวลานี้
เวลานี้เว่ยฮ่วนเกิดความคิดดังว่าขึ้นมาอีกแล้ว เพราะแม่เฒ่าซ่งรู้สึก ‘ตัดใจไม่ได้’ ที่ทายาทที่ตนเลี้ยงดูมาจนโตจะเรียกขานตนเองเป็นอย่างอื่น ภายหลังจึงตัดสินใจรับอุปการะทายาทจากพี่น้องในสายห่างๆ ให้แก่เว่ยเลี่ยน ปรากฏว่าหาไปจนพบเว่ยซินหย่ง
เว่ยฉางอิ๋งอ่านมาถึงตรงนี้ก็อดจะตาค้างปากสั่นไม่ได้!
อ่านมาจนถึงตรงนี้จดหมายของแม่เฒ่าซ่งก็ยังไม่จบ และเอ่ยถึงเรื่องที่เว่ยฉางอิ๋งได้พบกับเว่ยซินหย่งในครานั้น ซึ่งความหมายโดยรวมก็คือเรื่องราวครั้งก่อนนั้นล้วนผ่านไปแล้ว และเว่ยซินหย่งก็ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายเว่ยฉางอิ๋ง เวลานี้เว่ยซินหย่งมาเป็นบุตรบุญธรรมของเว่ยเลี่ยนแล้ว ภายภาคหน้าก็จะเป็นคนในครอบครัวของรุ่ยอวี่ถัง ขอให้เว่ยฉางอิ๋งอย่าได้ถือสาเรื่องคราวก่อนอีก
ประเด็นสำคัญก็คือ แม่เฒ่าซ่งหวังว่าเว่ยฉางอิ๋งจะพาเว่ยซินหย่งเข้าพบเสิ่นเซวียน ซ่งอวี่วั่งและคนอื่นๆ
…หากมิใช่ว่านางคุ้นเคยกับลายมือของท่านย่าเสียยิ่งนัก เว่ยฉางอิ๋งก็เกือบคิดว่าจดหมายนี้เป็นคนอื่นปลอมแปลงขึ้นมา!
แต่หาใช่เพราะเว่ยฉางอิ๋งชิงชังเว่ยซินหย่งเพียงนี้ จนแม้แต่คำที่ท่านย่าบอกนางก็ยังไม่ยอมฟัง หากแต่เพราะเว่ยฉางอิ๋งรู้ดีว่าท่านย่ารักใคร่ตนเพียงใด และสิ่งที่แม่เฒ่าซ่งคิดอ่านตลอดมาก็คือ ช่างหัวว่าจะตั้งใจหรือไม่ แต่หากทำให้หลานชายหลานสาวข้าไม่สบายใจ นั่นย่อมเป็นความผิดของเจ้า! เจ้าก็สมควรตายเป็นหมื่นหน!
เว่ยฉางอิ๋งอ่านจดหมายกลับไปกลับอยู่เป็นนานด้วยความเคลือบแคลง ว่าแล้วจึงเรียกนางหวงมาเสียเลย “คนส่งจดหมายนี้พักผ่อนพอแล้วหรือไม่? หากพักพอแล้ว ข้าจะถามดูสักหน่อยว่าจะเขาตอบข้ายามนี้ได้หรือไม่ ไปเรียกเขามาพบข้า!”
จากนั้นสักพักบ่าวชายผู้หนึ่งก็ถูกพาตัวมาที่เรือนหลัง เว่ยฉางอิ๋งมองดูเขาคราวหนึ่งและจำได้ว่าเป็นหลี่ว์เฉิงซึ่งเป็นคนที่รับใช้อยู่ต่อหน้าท่านย่า และเป็นหลานอาแท้ๆ ของหลี่ว์ฉวนซึ่งเป็นคนคอยปรนนิบัติอยู่ที่เรือนของเว่ยเจิ้งหง
หลี่ว์เฉิงรู้ว่าฐานะของเว่ยฉางอิ๋งในจิตใจของแม่เฒ่าซ่งเป็นเช่นใดจึงไม่กล้าชักช้า เมื่อเข้าประตูมาก็คุกเข่าลงคำนับอย่างเต็มพิธีการ แล้วเอ่ยอย่างกระตือรือร้นว่า “ไม่ได้พบคุณหนูใหญ่นานแล้ว ยามนี้เห็นว่าคุณหนูใหญ่สดชื่นแข็งแรงดี บ่าวก็ยินดีหนักหนาขอรับ” และยินดีกับเว่ยฉางอิ๋งที่ได้บุตรชาย
เว่ยฉางอิ๋งยิ้มแย้มทักทายเขาไปสองสามคำ เอ่ยถามถึงหลี่ว์ฉวนคำหนึ่ง แล้วสอบถามถึงญาติๆ ในเฟิ่งโจว เมื่อรู้ว่าทุกคนล้วนสบายดี สุขภาพของเว่ยเจิ้งหงบิดาของนางแม้จะไม่หายขาด แต่ก็ไม่ได้ทรุดลงแต่อย่างใด …เมื่อสอบถามถึงทุกคนรอบหนึ่งแล้ว ก็กลับถามจนรู้เรื่องที่แม่เฒ่าซ่งและฮูหยินซ่งไม่ได้เอ่ยในจดหมายเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือ ในที่สุดลูกผู้น้องเว่ยเกาฉานก็จะออกเรือนแล้ว …วันแต่งงานกำหนดไว้ในเดือนเก้า ฉะนั้นของกำนัลที่นางเพิ่งจะจัดเก็บเรียบร้อยก็ได้เอาให้หลี่ว์เฉิงนำกลับไปพอดี แต่ก็ไม่รู้ว่าวันที่แม่เฒ่าซ่งกำหนดไว้นี้เป็นเพราะจะได้สะดวกกับหลานสาวแท้ๆ ด้วยหรือไม่
ฝั่งสามีของเว่ยเกาฉานก็คือบุตรหลานของตระกูลซูแห่งชิงโจว ชื่อฟังดูไม่คุ้นเคยอย่างยิ่งว่าซูฉวน
เว่ยฉางอิ๋งฟังดูแล้วไม่เหมือนกับเป็นบุตรหลานในสายหลัก จึงสอบถามหลี่ว์เฉิง หลี่ว์เฉิงเอ่ยไปอย่างไม่ได้สนใจมากนักว่า “บ่าวเคยได้ยินคนในจวนพูดถึงกัน คล้ายว่าเป็นบุตรหลานในสายหลักนะขอรับ เพียงแต่เป็นบุตรของอนุ …ท่านปู่ทวดของเขาเป็นน้องชายต่างมารดาของท่านประมุขตระกูลซูขอรับ เพราะไม่เป็นที่รักใคร่นัก จึงถูกส่งตัวกลับไปที่ชิงโจวแต่เล็กขอรับ”
คงเพราะรู้สึกว่าเมื่อเอ่ยไปดังนี้ทำให้ดูว่าแม่เฒ่าซ่งมิได้หาคนดีๆ มาแต่งกับหลานสาวบุตรอนุ หลี่ว์เฉิงจึงรีบบอกไปอีกว่า “ทว่าคุณชายผู้นี้เป็นคนดีและกตัญญูยิ่งนักขอรับ ทั้งยังเป็นถึงบุตรกตัญญูที่มีชื่อเสียงขจรขจายไปไกลในชิงโจว เป็นผู้ที่ปรนนิบัติมารดาซึ่งเป็นแม่ม่ายอย่างสุดกำลังหาใดเปรียบ ฮูหยินผู้เฒ่าจึงเล็งเห็นในคุณสมบัติข้อนี้ของเขา จึงไม่ได้ถือสาว่าเขาเป็นสายเลือดที่ห่างไกลของสายหลัก และยกคุณหนูสี่ให้แก่เขาขอรับ”
หากเป็นครั้งก่อนเว่ยฉางอิ๋งออกเรือนแล้วได้ยินว่าเว่ยเกาฉานจะได้แต่งงานกับลูกกตัญญู นางต้องรู้สึกว่าคนมีคุณสมบัติดังนี้นับว่าไม่เลวเลยจริงๆ แต่ยามนี้นางเป็นแม่คนแล้ว ย่อมไม่ได้ตื้นเขินเช่นเด็กสาวตัวเล็กๆ อีกแล้ว เมื่อได้ยินคำคิ้วก็ขมวดเข้ามาน้อยๆ คิดในใจว่า “เขาเป็นบุตรหลานในสายหลักตั้งแต่รุ่นทวด เวลานี้สายเลือดก็ห่างไกลกับทางบ้านท่านตาท่านยายไปมากแล้ว สายสัมพันธ์ย่อมเจือจางนัก โดยเฉพาะท่านทวดของซูฉวนไม่ได้เป็นที่รักใคร่ แล้วทายาทของเขาจะน่าพึงพอใจหรือ? หากเป็นที่น่าพึงพอใจก็น่าจะเคยได้ยินชื่อมาบ้าง …เรื่องนี้ยังไม่ต้องเอ่ยถึงการเป็น ‘ลูกกตัญญู’ ที่มีชื่อเสียงขจรขจายไปไกล เกรงว่าจะเป็นคนที่เชื่อฟังคำของมารดาที่เป็นม่ายเสียยิ่งนักกระมัง? กลับไม่รู้ว่ามารดาของเขาเป็นคนเช่นใด? หากเป็นคนใจร้ายเหมือนท่านอาหญิงแซ่ซ่งของบ้านสามีท่านอาหญิงใหญ่ น้องหญิงสี่แต่งออกไปก็ต้องถูกกดขี่ข่มเหงอย่างหนักแน่”
นางแอบเดาว่าการที่ยึดยื้อเรื่องแต่งงานของเว่ยเกาฉานมาจนถึงเวลานี้ ทั้งยังได้แต่งกับคนที่มีคุณสมบัติดังนี้ มีความเป็นไปได้เล็กน้อยว่าจะเป็นเพราะเรื่องที่เว่ยเกาฉานทับถมตนเมื่อครั้งกระโน้น …บางคราแม่เฒ่าซ่งอาจใจกว้างกับคนที่ล่วงเกินตนเอง แต่กับคนที่มารังแกหลานชายและหลานสาวแท้ๆ ของนาง นางก็จัดการอย่างเด็ดขาดมาแต่ไหนแต่ไร
ฉะนั้น ดูไปแล้วท่านย่าก็ยังคงมีนิสัยเช่นเดิม …แต่เหตุใดยามเอ่ยถึงเว่ยซินหย่งกลับดูผิดปกติเพียงนั้นเล่า?
เว่ยฉางอิ๋งเอ่ยเรื่องแต่งงานของเว่ยเกาฉานพอผ่านๆ ไปสองสามคำ ก็ถามถึงเรื่องที่ต้องการถามจริงๆ ว่า “ท่านปู่เล็กรับท่านอาร่วมตระกูลที่ชื่อว่าขึ้นต้นว่าซินลงท้ายว่าหย่งผู้นั้นมาเป็นบุตรบุญธรรม มันเป็นเรื่องใดกัน?”
____________________________