ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่ 2-3 - ตอนที่ 5-1 ไส้ศึก
เว่ยฉางอิ๋งออกมาจากในห้องทั้งหน้าตาเคลิบเคลิ้มอิ่มเอิบ รอยยิ้มที่อ่อนโยนหวานหยาดเยิ้มยามอยู่ต่อหน้าสามีพลันกลายเป็นใบหน้าสีชมพู่ไปหมด ก่อนอื่นนางสั่งให้นางเฮ่อพาจูเสียน ถวนเยวี่ยอยู่ปรนนิบัติที่นี่ …นางเฮ่อเป็นคนดุร้าย ยามนางสอนสั่งสาวใช้ขึ้นมาก็มักจะลงไม้ลงมืออยู่เป็นประจำ แต่ไรมาพอนางหน้าบึ้งขึ้นมา พวกสาวใช้รวมทั้งจูสือหลานสาวแท้ๆ ของนางที่เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ไม่มีผู้ใดที่ไม่กลัวท่านอาผู้นี้
ยิ่งไปกว่านั้นนางเฮ่อจงรักภักดีกับเว่ยฉางอิ๋งเป็นที่สุด ย่อมเอาใจใส่ต่ออาการบาดเจ็บของเสิ่นจั้งเฟิงเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมีนางคอยควบคุมดูแลอยู่ที่นี่ จึงไม่ต้องกลัวว่าคนที่มารับใช้เสิ่นจั้งเฟิงจะกล้าทำงานเลินเล่อ
ส่วนตัวเว่ยฉางอิ๋งเองก็พานางหวงไปสนทนากันข้างนอก เดินไปสองสามก้าวก็ไม่เห็นหร่วนอวี้ผู้นั้น จึงเอ่ยถามพลางขมวดคิ้วว่า “หร่วนอวี้นั่นเล่า?”
“เมื่อครู่นี้ฮูหยินโจวส่งคนมาเรียกนางไปแล้วเจ้าค่ะ บอกว่าจะให้ไปเป็นสาวใช้ดูแลข้างกายคุณหนูตวนมู่แปดเจ้าค่ะ ด้วยคิดว่าในเมื่อฮูหยินน้อยมาแล้ว ทางนี้คุณชายก็คงไม่ต้องการหร่วนอวี้แล้วเจ้าค่ะ” นางหวงเอ่ยยิ้มครึ่งไม่ยิ้มครึ่ง
“ที่แท้เป็นนางส่งคนมา?” เว่ยฉางอิ๋งยิ้มเย็นยะเยือกหนหนึ่ง กล่าวว่า “ท่านพี่มาสร้างผลงานเพื่อบ้านเมือง ทุ่มเทแรงกายแรงใจและต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส เสิ่นฉู่และนางโจวสามีภรรยาได้รับคำสั่งจากตระกูลสายหลักให้คอยดูแลเก็บกวาด คฤหาสน์ดั้งเดิมแห่งนี้ แม้ไม่ได้แบ่งเบาภาระของท่านพี่นั่นก็ยังแล้วไป แต่กลับหาวิธีมาสร้างความลำบากให้แก่ท่านพี่อีก! เขาเจ็บหนักเพียงนี้ สาวใช้ตัวเล็กๆ หน้าตาจิ้มลิ้มเพียงคนเดียวที่วันๆ รู้แต่จะสวมสีฉูดฉาดจะดูแลไหวได้ที่ใด? หรือว่ายามนี้หมิงเพ่ยถังขาดเหลือบ่าวไพร่จนถึงเพียงนี้ แม้แต่สาวใช้อีกสั่งสองสามคนก็ยังหามาไม่ได้?”
นางเป็นฮูหยินน้อยสามที่ตบแต่งเข้ามาตามธรรมเนียมอย่างออกหน้าออกตา ทั้งยั้งมีบุตรชายคนโตที่แม่สามีเอาไปเลี้ยงดูอยู่ข้างกายคอยหนุนหลัง แม้เมื่อนับไปแล้วเสิ่นฉู่สามีภรรยาจะเป็นอาและอาสะใภ้ ทว่ากลับถูกนางเรียกมาหา แล้วซักไซ้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดต่อหน้าทุกคน ทำให้พวกเขาถูกบีบจนไม่มีทางไป แต่ก็กลับไม่กล้าไม่ตอบ “หลานสะใภ้เข้าใจผิดแล้ว พวกเราจะทำร้ายหลานย้าวเหยี่ยได้อย่างไรกันเล่า? นี่ล้วนเป็นเพราะซีเหลียงห่างไกลความเจริญ ไม่อาจทัดเทียมกับเมืองหลวงได้ สาวใช้โดยมากทำงานเก้ๆ กังๆ เกรงว่าจะดูแลรับใช้หลานย้าวเหยี่ยไม่ไหว”
จนถึงยามนี้แล้วพวกเขาก็ยังคงวางท่าเป็นท่านอาและอาสะใภ้อยู่ คำก็ ‘หลานสะใภ้’ คำก็ ‘หลานชาย’ เว่ยฉางอิ๋งรำคาญใจขึ้นมาอย่างหนัก พลันตบโต๊ะขึ้นเสียงไปว่า “เก้ๆ กังๆ จนรับใช้ท่านพี่ไม่ไหว! หรือว่าหร่วนอวี้ที่วันๆ คอยห่วงแต่จะแต่งตัวงามๆ เย้ายวนผู้คน ทิ้งคนเจ็บที่ต้องคอยอยู่ดูแลเอาไว้ในห้อง ส่วนตนเองก็มารินน้ำชาอยู่นอกห้อง กลับดูแลรับใช้ได้ดีกว่า? ยามนี้ท่านพี่นอนซมลุกจากตั่งนอนไม่ได้ แล้วจะไม่มีคนเฝ้าอยู่ต่อหน้าได้รึ?! หลักการพื้นๆ ดังนี้ แม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ในป่าก็ยังเข้าใจได้ แต่สองท่านที่อายุปูนนี้แล้วกลับไม่รู้หรือ?”
นางหวงคอยช่วยพูดอยู่ข้างๆ ว่า “ฮูหยินน้อยโปรดระงับโทสะเจ้าค่ะ บางทีครั้งท่านพ่อบ้านใหญ่เสิ่นและฮูหยินโจวยังเป็นบุตรชายบุตรสาวอยู่ก็ทำเช่นนี้ หรือบุตรชายบุตรสาวของพวกเขาก็ทำเช่นนี้ก็เป็นได้นะเจ้าคะ?”
เสิ่นฉู่และนางโจวหรือจะกล้ายอมรับเรื่องนี้? จึงรีบพูดไปว่า “ท่านอาท่านนี้อย่าคาดเดาส่งเดช! นี่ล้วนเป็นเพราะพวกเราโง่เง่า จึงละเลยต่อหลานย้าวเหยี่ยไปโดยบังเอิญเท่านั้น”
“ในเมื่อรู้ว่าตนเองโง่เง่า คนในตระกูลเสิ่นมีมากมาย ไยไม่สละตำแหน่งให้ผู้มีความสามารถ แล้วเชิญคนเก่งกาจสามารถมาคอยดูแลทุกสิ่งในหมิงเพ่ยถังแห่งนี้เล่า?” เว่ยฉางอิ๋งคร้านจะร่ำไรกับพวกเขา จึงเอ่ยถามไปตรงๆ อย่างแทบไม่ไว้หน้าว่า “หรือสามีข้ามีไว้ให้พวกท่านฝึกมือหรือไร?! เขาบาดเจ็บสาหัสนอนหายใจรวยรินอยู่บนตั่งนอน พวกท่านเป็นอาและอาสะใภ้ไม่ช่วยเหลือดูแลอย่างตั้งอกตั้งใจก็ยังแล้วไป แต่นี่ยังไล่พวกบ่าวที่เดิมทีอยู่ที่เรือนแห่งนั้นออกไป เหลือเพียงของไม่ความคนหนึ่งคอยเฝ้าอยู่ที่นั้น ต่อให้เป็นศัตรูก็ยังไม่เลวร้ายเท่านี้ …หากพวกท่านมิใช่คนบ้านเสิ่น ข้าก็จะคิดว่าพวกท่านเป็นไส้ศึกที่ข่านของพวกตี๋ซื้อตัวไป ไม่กลัวว่าจะทำให้สามีข้าตายหรือ?!”
เสิ่นฉู่สามีภรรยาถูกด่าเสียจนหน้าแดงไปหมด อยากจะอาละวาดแต่ก็ขัดที่นางมีฐานะเป็นสะใภ้ในตระกูลสายหลักและความจริงแล้วก็อาละวาดไม่ออก จึงได้แต่พูดไปอย่างคลุมเครือว่า “ครั้งนี้ล้วนเป็นพวกเราทำไม่ถูก”
“ไม่ถูก? พวกท่านคิดว่านี่เพียงแค่ ‘ไม่ถูก’ รึ?!” เว่ยฉางอิ๋งเอ่ยอย่างเย็นเฉียบ “พวกท่านเห็นว่าสามีข้าเป็นคนใจดี จึงทารุณกรรมเขาทุกวิถีทาง แต่ข้ากลับมิใช่คนที่จะวางเฉยกับเรื่องนี้ได้! สามีข้ามีฐานะเช่นใดเป็นคนที่มีความสำคัญเช่นใด ให้คนเช่นพวกท่านมาข่มเหงลบหลู่เขาได้หรือ?! ข้าจะบอกพวกเจ้าให้ ยามนี้ข้าพาคุณหนูตวนมู่แปดซึ่งเป็นศิษย์ที่จี้ชวี่ปิ้งแพทย์เลื่องชื่อในเขตทะเลภาคภูมิใจมาด้วย และนี่ก็ด้วยได้รับพระราชทานอนุญาตจากองค์ฮ่องเต้และพระสนมเอก! ทั้งยังเป็นความประสงค์ของท่านพ่อและท่านแม่ที่เมืองหลวงด้วย! ภายหลังจะเชิญนางมาตรวจรักษาท่านพี่ หากท่านพี่ไม่เป็นอันใด ก็แล้วไป แต่หากว่าสามีข้ามีสิ่งใดผิดปกติ เพราะพวกท่านดูแลอย่างปล่อยปละละเลยแล้วล่ะก็ …อย่าโทษว่าข้าใจคออำมหิตก็แล้วกัน!”
นับไปแล้วเสิ่นฉู่สามีภรรยาเป็นญาติผู้ใหญ่ ตลอดหลายปีมานี้ด้วยตระกูลสายหลักอยู่ห่างไกลถึงเมืองหลวง พวกเขาได้รับการไหว้วานให้ดูแดคฤหาสน์ดั้งเดิมแห่งนี้ จึงทำให้มีฐานะพอควรในตระกูล นอกจากผู้อาวุโสสองสามคนแล้วไม่ว่าผู้ใดพบเห็นพวกเขาก็ต่างพากันเคารพนบนอบและให้การต้อนรับอย่างกระตือรือร้น ยามนี้มาถูกหลานสะใภ้ที่เป็นคนรุ่นหลังซึ่งมาจากแดนไกลตำหนิต่อหน้าทุกคนในบ้านอย่างไม่เกรงใจเช่นนี้ จึงรู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก เสิ่นฉู่สะบัดแขนเสื้อตวาดไปด้วยความอับอายที่กลายเป็นความโกรธว่า “สะใภ้เช่นเจ้าไร้คุณธรรมของภรรยาเสียจริง! หลานย้าวเหยี่ยก็เป็นสายเลือดเดียวกับข้าเช่นกัน ข้าจะจงใจทำร้ายเขาได้อย่างไร? เห็นชัดว่าเจ้าริษยาที่หร่วนอวี้นั่นหน้าตางดงาม จึงได้มาพาลโกรธพวกเราเช่นนี้! มิใช่ว่าคนเป็นอาจะต่อว่าเจ้า สิ่งที่คนเป็นภรรยาไม่ควรมีเป็นที่สุด ก็คือใจริษยาเช่นนี้! เจ้า…”
ยังไม่ทันสิ้นคำ เว่ยฉางอิ๋งก็บันดาลโทสะเสียยกใหญ่ ด้วยฉินเกอ เยี่ยนเกอทั้งสี่คนอยู่ไกลถึงเฟิ่งโจว ก่อนหน้านี้นางก็ไม่ทันได้เลือกหาสาวใช้รุ่นโตมาด้วย พาแต่เพียงจูหลานสี่คนซึ่งเป็นสาวใช้รุ่นเล็กที่เคยปรนนิบัติตนมาแต่เล็กและรีบร้อนเลือกบ่าวติดตามหลังแต่งงานมาด้วยเพียงจำนวนหนึ่ง ยามนี้มองไปซ้ายขวาก็ไม่เห็นว่าจะมีคนที่สามารถกดเสิ่นฉู่เอาไว้ได้ จึงสั่งการไปเสียเลยว่า “ไปเรียกองครักษ์ข้างนอกเข้ามา!”
คนที่บ่าวติดตามของเว่ยฉางอิ๋งเรียกเข้ามาย่อมเป็นองครักษ์ติดตามของเว่ยฉางอิ๋ง เสิ่นฉู่เห็นดังนี้ก็ตื่นตกใจ เอ่ยไปอย่างตระหนกว่า “จะ….จะ….เจ้าถึงกับกล้าทุบตีญาติผู้ใหญ่ต่อหน้าธารกำนัลรึ?”
“กล้าคิดการทำร้ายสามีข้า ท่านยังคู่ควรเป็นญาติผู้ใหญ่อีกหรือ!” ครั้งเว่ยฉางอิ๋งอยู่ที่บ้านแม่ก็ได้รับความรักประหนึ่งเป็นของมีค่า และด้วยเกรงกลัวต่อความเข้มงวดและความน่าเกรงขามของเว่ยฮ่วนและแม่เฒ่าซ่ง แต่เล็กมาผู้ใหญ่ทุกท่านในตระกูลเว่ยจึงไม่มีผู้ใดกล้าเสียมารยาทและไม่สนใจนาง เวลานี้สามีเป็นถึงว่าที่ประมุขตระกูลที่กำหนดเป็นการภายในแล้ว แล้วนางจะถูกคนที่โดยนามแล้วเป็นเพียงอาในตระกูลทำให้ตกใจกลัวได้หรือ?
ว่าแล้วจึงสั่งองครักษ์ในทันใดว่า “ลากสองคนนี้ลงไป ข้าจะสืบสวนให้ดีๆ! ว่าเป็นไส้ศึกที่ข่านของชิวตี๋ซื้อตัวไว้หรือไม่ คิดฉวยโอกาสที่ได้ดูแลคฤหาสน์ดั้งเดิม แล้วแอบวางแผนทำร้ายท่านพี่!” แล้วสั่งต่อไปว่า “ไปเอาหร่วนอวี้อะไรนั่นมาสอบถามให้ชัดแจ้งด้วยพร้อมกัน!”
เสิ่นฉู่ไม่คิดว่านางจะกล้าลงมือจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังลงมือต่อหน้าบ่าวด้วย เขากำลังจะพูด องครักษ์ติดตามของเว่ยฉางอิ๋งได้รับคำสั่งจากสาวใช้ที่ออกไปเรียก และเข้ามาพร้อมกับดาบในมือ ทำเอาสองสามีภรรยาถึงกับเป็นลมล้มพับลงกับที่ แล้วถูกลากตัวออกไปทันที!
———————