ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่ 2-3 - ตอนที่ 81 เป็นคนดีสะอาดบริสุทธิ์
บ่ายวันเดียวกัน ฮูหยินซูให้คนไปส่งหนังสือขอเข้าเฝ้าฯ ฮองเฮาในวัง ชั่วพริบตาก่อนประตูวังจะปิด ฮองเฮากู้ก็ส่งคำอนุญาตออกมา
วันต่อมาแม่สามีและบุตรสะใภ้สองคนพากันแต่งกายเต็มยศ พาสาวใช้นั่งรถออกไป
เมื่อถึงตำหนักเว่ยยาง ถวายคำนับตามธรรมเนียมแล้ว ฮองเฮากู้ก็ยิ้มแย้มบอกให้พวกนางลุกขึ้น ให้ทั้งสองคนเข้าไปนั่ง เพียงแต่ แม้เว่ยฉางอิ๋งจะอายุน้อย มีหลายเรื่องที่ไม่อาจใคร่ครวญได้รอบคอบ แต่เรื่องนี้นางกลับเข้าใจ… ว่าวันนี้ก็มิได้เหมือนมางานเลี้ยงเมื่อคราวก่อน ยามอยู่ต่อหน้าฮองเฮาและมีแม่สามีอยู่ หรือจะมีที่ให้สะใภ้นั่ง? ดังนั้นนางจึงยืนกรานไม่นั่งลง เพียงขอไปยืนอยู่ข้างหลังแม่สามีเท่านั้น ฮองเฮาจึงยิ้มแล้วบอกไปคำหนึ่งว่านางรู้จักมารยาทและไม่ฝืนใจนางอีก
เพราะวันนี้มิได้เป็นวันตรุษวันสารท ทั้งมิได้มีงานเลี้ยงใด ฮองเฮาจึงแต่งพระองค์อย่างสบายๆ เกล้าผมม้วนขึ้นธรรมดาๆ บนมวยผมปักปิ่นทองเอียงๆ อยู่สามอัน รูปลักษณ์ของปิ่นก็ธรรมดานัก บนตัวสวมส้างหรูสาบเสื้อชนกันสีม่วงชมพูที่ใหม่แปดในสิบส่วน เสื้อตัวในเป็นเสื้อเกาะอกสีงาช้างปักรูปปลาหลีฮื้อ มีตะขอหยกหุ้มทอง ท่อนล่างคาดกระโปรงสีขมิ้นทอง
เพียงแต่ฮองเฮาทรงสิริโฉมงดงาม ทั้งยังบำรุงดูแลเป็นอย่างดี ยามประทับบนบัลลังก์หงส์ อย่างไรก็ยังคงดูสง่างามยิ่งใหญ่เป็นนักหนา
รอจนเว่ยฉางอิ๋งประคองฮูหยินซูไปนั่งดีแล้ว ฮองเฮากู้จึงไปประคองถ้วยชามาพลางถามยิ้มๆ ว่า “วานนี้ฮูหยินซูให้คนเข้ามาขอพบข้า กลับมิรู้ว่ามีเรื่องใด?”
ฮูหยินซูวางท่าสงบนิ่งหนักแน่น กล่าวว่า “มิกล้าปิดบังองค์ฮองเฮา วันก่อนบุตรชายของหม่อมฉันเสิ่นจั้งเฟิงพาสะใภ้ของหม่อมฉันไปท่องเที่ยวที่ทะเลสาบหญ้าฤดูใบไม้ผลิ แต่กลับต้องไปพบกับเรื่องไร้สาระยิ่งที่ฝูหรงโจวเพคะ… กระทั่งกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องที่ไร้ยางอายเป็นที่สุดเพคะ!”
นางกล่าวด้วยเสียงหนักว่า “เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงองค์รัชทายาท หม่อมฉันจึงไม่กล้าไม่มารายงานเพคะ!”
ฮองเฮากู้ตื่นตกใจ ดวงตามีแววความประหลาดใจ กล่าวว่า “องค์รัชทายาท?”
ตัวของฮองเฮาที่เดิมทีนั่งเอนกายอย่างผ่อนคลายอยู่บนบัลลังก์หงส์พลันขยับขึ้นมานั่งตัวตงและโน้มเอียงไปข้างหน้าเล็กน้อย กล่าวอย่างจดจ่อว่า “พูดให้ละเอียดสักหน่อย!”
ฮูหยินซูจึงมองไปทางเว่ยฉางอิ๋ง ถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “เรื่องนี้เป็นเจ้าประสบมากับตัว เจ้ามาพูดเถิด”
เว่ยฉางอิ๋งกล่าวไปคำหนึ่ง “เจ้าค่ะ” เมื่อจบคำใบหน้าก็เริ่มแดง สักพักจึงกล่าวว่า “วานนี้ท่านพี่พาหม่อมฉันไปทะเละสาบหญ้าฤดูใบไม้ผลิ เพราะอากาศร้อนอบอ้าวนัก จึงคิดว่าจะนั่งเรือเล็กไปที่กินดื่มที่ร้านสุราในฝูหรงโจวก่อน…”
“ช้าก่อน!” ฮองเฮากู้เลิกคิ้ว เอ่ยขัดนาง “ในฤดูร้อนเช่นนี้ ฝูหรงโจวจะมีร้านสุราที่ใด?”
“ทูลองค์ฮองเฮา เป็นท่านพี่ส่งคนไปบอกท่านลุงบ้านเจี่ย ท่านลุงบ้านเจี่ยจึงเปิดร้านให้เป็นการพิเศษเพคะ” เว่ยฉางอิ๋งคำนับพลางว่า
ฮองเฮากู้ร้องอ้อคำหนึ่ง แล้วสั่งนางว่า “พูดต่อไป”
เว่ยฉางอิ๋งพูดต่อไปว่า “หม่อมฉันไปทะเลสาบหญ้าฤดูใบไม้ผลิเป็นครั้งแรก และไม่ทราบว่าฝูหรงโจวเป็นที่อย่างไร ที่สุดเมื่อผ่านแนวต้นอ้อไป ก็เห็นดอกบัวอยู่เต็มไปหมด จากนั้นในบริเวณที่มีดอกบัวและใบบัวแน่นขนัด มองเห็นฝักบัวฝักหนึ่ง สามีของหม่อมฉันจึงให้คนพายเรือพายเข้าไปใกล้เพื่อจะไปเก็บมา ไม่คิดว่ากลับถูกหญิงเก็บบัวเก็บไปก่อน! เดิมทีเรื่องมาถึงตรงนี้ก็แล้วไป ดีชั่วดอกบัวใบบัวตั้งมากมาย ฝักบัวย่อมมีไม่น้อย …ไม่คิดว่าเมื่อหญิงเก็บบัวผู้นั้นเห็นท่านพี่… นางก็กล่าวว่าท่านพี่รูปงามเหนือผู้ใด แล้วถึงกับ…ถึงกับออกปากว่ายอมมอบใจให้ต่อหน้าหม่อมฉัน!”
กล่าวถึงตรงนี้ เว่ยฉางอิ๋งก็หน้าแดงไปทั้งหน้า
ฮองเฮากู้ขมวดคิ้ว กล่าวว่า “จากนั้นเล่า?”
“จากนั้นท่านพี่ขอให้นางพึงสังวรในการกระทำของตน แล้วบอกว่าหม่อมฉันเป็นภรรยาของท่านพี่ ทว่าหญิงเก็บบัวผู้นั้น… ยังคงตามรังควานไม่เลิกรา แล้วโยนฝักบัวเข้ามาในเรือ กล่าวออกมาว่าเป็นการแสดงน้ำใจ หม่อมฉันโมโหกับคำพูดเหลือทนของนางนัก จึงได้โยนกลับไปหลายหน” เว่ยฉางอิ๋งขบริมฝีปาก
ฮูหยินซูจึงอาศัยจังหวะหยุดนี้ กล่าวกับฮองเฮาว่า “หากมีเพียงเท่านี้ หม่อมฉันกลับไม่กล้ามารบกวนฝ่าบาท เพียงแต่ภายหลังเด็กทั้งสองคนยังมิทันจากไปไกล ก็กลับถูกหญิงเก็บบัวกลุ่มนั้นล้อมเอาไว้เพคะ!”
ฮองเฮากู้อดถามไม่ได้ว่า “หรือว่าหญิงเก็บบัวกลุ่มนี้รวมตัวกันเพื่อคิดจะแย่งราชองครักษ์เสิ่นให้จงได้?” แล้วมีสีหน้าไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี
เว่ยฉางอิ๋งกล่าวอย่างขัดเขินว่า “ฮองเฮาทรงปราดเปรื่องนัก”
“…” ฮองเฮากู้เกือบจะหัวเราะออกเสียงออกมา และไม่ได้ห่วงมาถามว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับองค์รัชทายาทอย่างไรแล้ว จึงโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย หัวเราะลั่นกล่าวว่า “นี่ช่าง…เรื่องนี้ช่าง…นี่หากต้องการแย่งคุณชายรูปงามบ้านอื่นก็แล้วไป ราชองครักษ์เสิ่นประลองยุทธ์ต่อหน้าพระพักตร์ได้ที่หนึ่งทุกปี ยิ่งไปกว่านั้นหากข้าจำไม่ผิด แม่นางเว่ยเจ้าก็เป็นคนเรียนวรยุทธ์นี่? คนเหล่านี้ยังกล้ามาแย่งสามีของเจ้ารึ? เรื่องนี้ช่าง…”
นางกำนัลที่อยู่สองข้างพากันยกแขนเสื้อขึ้นมาบังหน้าแอบหัวเราะ
แต่ฮูหยินซูและเว่ยฉางอิ๋งกลับหัวเราะไม่ออก เว่ยฉางอิ๋งหน้าแดงก้มหน้าลงไม่ส่งเสียง ฮูหยินซูถอยหายใจกล่าวว่า “สะใภ้ของหม่อมฉันยังเด็กจึงหน้าบาง ไม่กล้าเอ่ยถึงเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นในยามนั้น ฝ่าบาทไม่ทราบ ยามนั้นหญิงเก็บบัวกลุ่มนั้นล้อมเรือลำเล็กของบุตรชายและสะใภ้ของหม่อมฉันทั้งคู่เอาไว้ แล้วพากันตะโกนร้องคำพูดนานา ฟังไม่เข้าหูยิ่ง… สะใภ้ของหม่อมฉันยังอับอายแทนพวกนางจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด! เด็กผู้นี้ก็ยังอายุน้อยนัก ฟังคำพูดเหล่านั้นต่อไปไม่ไหว พอบันดาลโทสะขึ้นมาจึงเอาเม็ดบัวที่พวกนางขืนโยนเข้ามาดีดไปที่ฟันของหนึ่งในคนกลุ่มนั้น เพื่อทำให้นางหุบปาก!”
ฮองเฮากู้ออกแรงกลั้นหัวเราะ แล้วกล่าวด้วยสีหน้าขึงขังว่า “หญิงเหล่านี้เหลืออดถึงเพียงนี้ ต่อให้เป็นคนในสำนักนางโลม กลางวันแสกๆ ก็ไม่ควรให้พวกนางกำเริบเสิบสานเพียงนี้! ถูกตีจนบาดเจ็บก็เพราะรนหาที่เอง”
“ขอบพระทัยที่ฝ่าบาทเข้าพระทัยเพคะ” เว่ยฉางอิ๋งเอ่ยเสียงเบาไปประโยคหนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวอย่างขัดเขินว่า “แต่ว่า หลังจากที่หม่อมฉันตีหญิงผู้นั้นจนบาดเจ็บแล้ว พวกพ้องของหญิงผู้นั้นกลับบอกว่าพวกนางยังเป็น… ยังเป็นอนุขององค์รัชทายาทเพคะ!”
ฮองเฮากู้ตะลึงงันเหลือเอ่ย!
สมกับเป็นฮองเฮา หลังจากฮองเฮากู้ตะลึงงันก็กลบเกลื่อนสีหน้าไปในทันใด ดวงตาหงส์แฝงความน่าเกรงขาม กวาดตามองไปซ้ายขวา สอบถามว่า “พวกเจ้ารู้เรื่องนี้หรือไม่?”
นางกำนัลผู้หนึ่งคุกเข่าลงรายงาน “ทูลฮองเฮา หม่อมฉันไม่ทราบเรื่องนี้เลยเพคะ”
ฮองเฮากู้กล่าวเสียงหนักว่า “ฮูหยินขั้นหนึ่งพาสะใภ้มาด้วยตนเอง แล้วจะเป็นเรื่องเท็จได้อย่างไร? หญิงเก็บบัวเหล่านั้นจักต้องเอ่ยคำเช่นนี้ …หลินเต๋อ เจ้าเร่งไปที่ตำหนักตะวันออก สอบถามเรื่องนี้ให้ชัดแจ้งแล้วมารายงานข้า!”
พลันมีขันทีอายุราวสามสิบ ผิวขาวสะอาดออกเสียงตอบรับ ในมือถือพู่ปัดฝุ่นขนยาว โค้งตัวลงกล่าวว่า “กระหม่อมรับพระบัญชา!”
รอจนเขาไปแล้ว ฮองเฮากดคลึงที่หว่างคิ้ว คล้ายพูดกับตัวเองว่า “องค์รัชทายาทจะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?”
ฮูหยินซูรีบพูดต่อในทันใดว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันและบุตรชายบุตรสะใภ้เองก็ไม่เชื่อเพคะ อนุขององค์รัชทายาท จะกำเริบเสิบสานเช่นนี้ได้อย่างไร? ดังนั้น…”
“หือ?” ฮองเฮากู้เห็นว่ายังมีเรื่องที่ต้องเอ่ยต่อ จึงอดจะขมวดคิ้วมองมาไม่ได้
เว่ยฉางอิ๋งก้มตาลง กล่าวว่า “ท่านพี่คิดว่าพวกนางแอบอ้างเป็นอนุขององค์รัชทายาท …หญิงเหล่านั้นโอหังอวดดี ไม่สนใจกระทั่งว่าหม่อมฉันอยู่เพียงข้างๆ ท่านพี่ นั่นยังแล้วไป ต่อให้เป็นอนุขององค์รัชทายาท ก็ควรจงรักภักดีต่อองค์รัชทายเพียงผู้เดียวจึงจะถูก เหตุใดยังไปตามเกี้ยวพาชายอื่นไม่ยอมปล่อย? ประการต่อมา พวกนางเก็บบัวอยู่ในทะเลสาบ เสื้อผ้าจึงออกจะ… ออกจะไม่สมเป็นกุลสตรีเกินไปสักหน่อย! หลังจากท่านพี่ได้ยินพวกนางบอกว่าตนเองเป็นอนุขององค์รัชทายาทก็โมโหยิ่งนัก แต่พวกนางกลับไม่ยอมฟังคำตักเตือนดีๆ ด้วยความโกรธ ท่านพี่จึงชักกระบี่ออกมาสั่งสอนพวกนางไปเล็กน้อยเพคะ!”
“สั่งสอนได้ดี!” ใบหน้าของฮองเฮากู้นิ่งสงบดังน้ำลึก กล่าวว่า “ข้าเองก็ไม่เชื่อว่าตำหนักตะวันออกจะมีหญิงเช่นนั้น! ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่ายามนี้อนุขององค์รัชทายาทก็มีอยู่แล้วภายในตะหนักตะวันออก แล้วเหตุใดจะไปปรากฏตัวอยู่ที่ทะเลสาบหญ้าฤดูใบไม้ผลิ ทั้งยังมิใช่คนสองคน แต่กลับเป็นทั้งกลุ่ม! ว่ากันแต่เพียงการกระทำของหญิงเหล่านี้ยังเหลืออดเสียยิ่งว่าหญิงคณิกาเสียอีก! อย่าว่าแต่เป็นอนุขององค์รัชทายาทเลย แม้แต่หญิงร้องเพลงเต้นระบำในบ้านคนทั่วไป ก็ไม่มีเหตุผลใดให้กำเริบเสิบสานเช่นนี้แน่นอน!”
ฮองเฮากล่าวกับฮูหยินซูด้วยสีหน้าอ่อนโยนเปรมปรีดิ์ว่า “ดีที่ได้พบกับราชองครักษ์เสิ่น! สมเป็นผู้ปฏิบัติงานต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้แท้ๆ จึงรู้จักแยกแยะถูกผิด ไม่ถูกคนเหล่านั้นตบตาเอาได้!”
จากนั้นก็บันดาลโทสะขึ้นมา “และมิรู้ว่าเป็นมันผู้ใดที่อยู่เบื้องหลังและคอยให้ร้ายองค์รัชทายาท! จึงได้ไร้ยางอายนัก ใช้วิธีตำทรามเช่นนี้! หากข้าตรวจสอบออกมาได้เมื่อใด จักต้องลงทัณฑ์ให้จงหนัก ไม่มีทางปล่อยมันเป็นแน่!”
ฮูหยินซูตอบรับว่า “องค์ฮองเฮาตรัสถูกต้องยิ่งนักเพคะ! เช่นนั้น เมื่อหม่อมฉันทราบเรื่องเมื่อวานนี้ จึงไม่อาจชักช้า รีบส่งคนมาขอเข้าเฝ้าฯ ในทันใด เพื่อจะมาถวายรายงายเป็นการพิเศษในวันนี้เพคะ! ด้วยหวังให้ฝ่าบาทตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดแจ้งในเร็ววัน เพื่อมิให้องค์รัชทายาททรงถูกให้ร้ายเพคะ”
เว่ยฉางอิ๋งเอ่ยเตือนในเวลาประจวบเหมาะว่า “ฝ่าบาทเพคะ ในฝูหรงโจววันนั้นหม่อมฉันและท่านพี่ยังได้พับกับพวกของคุณชายกู้ กู้จื่อเลี่ยและคุณชายตระกูลฮั่วอีกสองท่าน ด้วยเหตุที่คุณชายใหญ่ตระกูลฮั่วมีหน้าตาหล่อเหลา พวกเขาจึงถูกหญิงเก็บบัวกลุ่มนั้นขวางเอาไว้เช่นกันเพคะ ฟังพวกเขาว่า เป็นคุณชายกู้ด่าทอหญิงเก็บบัวเหล่านั้นจนเตลิดไป แต่จากไปเพียงชั่วเวลาที่เข้าไปทานอาหารด้วยกันในร้านสุรา เรือเล็กสามลำของพวกของคุณชายกู้กลับไม่รู้ว่าหายไปเสียที่ใดแล้วเพคะ! คนร้านสุราบ้านเจี่ยออกมาช่วยตามหา แต่หาอย่างไรก็หาไม่พบ… จึงพากันคาดว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะถูกหญิงเก็บบัวเหล่านั้นขโมยไปเพื่อเป็นการแก้แค้นเพคะ”
สีหน้าของฮองเฮากู้ยิ่งไม่น่าดูมากขึ้นอีก “นี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี! ไร้เหตุผลสิ้นดี! แม้องค์รัชทายาทจะนับไม่ได้ว่าเป็นผู้มีความสามารถเป็นเลิศ แต่ก็กตัญญูนอบน้อม ไม่เคยไม่เชื่อฟังองค์ฮ่องเต้และข้าเลย หรือเพราะเป็นคนซื่อตรงแสนดี จึงทำให้คนเหล่านี้ไม่รู้จักเกรงกลัว ถึงกับเหิมเกริมกล้าให้ร้ายผู้สืบราชบัลลังก์เพียงนี้?!”
ฮูหยินซูและเว่ยฉางอิ๋ง พร้อมกับนางกำนัลหลาคนช่วยกันปรามว่า “ฮองเฮาโปรดระงับโทสะเพคะ!”
ฮูหยินซูกล่าวว่า “ฝ่าบาทโปรดอย่าได้มีโทสะเพราะคนชั้นต่ำเหล่านี้ จะทำให้เสียพระพลานามัยเพคะ! คนเหล่านี้จะควรค่าให้พระวรกายของฝ่าบาทต้องเสื่อมเสียเพราะพวกนางได้อย่างไรเพคะ?” แล้วกล่าวว่า “ท่านหลินกงกงไปสอบถามองค์รัชทายาทที่ตำหนักตะวันออกแล้ว หม่อมฉันคิดว่าความจริงต้องปรากฏโดยเร็วเพคะ จากนั้นฝ่าบาทจึงค่อยให้คนไปตรวจสอบต่อไป คาดว่าหญิงเก็บบัวเหล่านั้นมีจำนวนมาก ต่อให้ไปหลบซ่อนแต่จะต้องมีเบาะแสให้สืบสวนได้แน่นอนเพคะ!”
ฮองเฮากู้เอ่ยเสียงหนักว่า “มิผิด…”
กำลังจะพูดต่อ ที่ข้างนอก หลินเต๋อกลับมาพร้อมเหงื่อโทรมกาย …คาดว่าเพราะอากาศร้อนทั้งยังต้องรีบเดิน …ยังมิทันให้เขาได้ถวายบังคม ฮองเฮากู้ก็ถามไปเสียก่อนว่า “องค์รัชทายาทว่าอย่างไร?”
หลินเต๋อตอบเสียงดังว่า “ทูลองค์ฮองเฮา กระหม่อมไปสอบถามเรื่องนี้กับองค์รัชทายาทที่ตำหนักตะวันออก ฝ่าบาทตรัสว่า เพราะปีก่อนเคยทรงหนังสือที่เขียนพรรณนาถึงทัศนียภาพการเก็บบัวในเจียงหนานที่มีสาวน้อยอยู่ท่ามกลางใบบัว จึงทรงอยากไปเห็น และทรงเคยเอ่ยหลายคราว่าปรารถนาจะได้พบรักกับหญิงเก็บบัวสักหนพะยะค่ะ เพียงแต่ภายหลังเมื่อเข้าฤดูหนาวและฮ่องเต้ทรงมีอาการไอขึ้นมาเป็นบางครา ฝ่าบาททรงเฝ้าอยู่ที่หน้าแท่นบรรทม จึงมิได้มีแก่ใจเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก ส่วนเรื่องของหญิงเก็บบัวที่ทะเลสาบหญ้าฤดูใบไม้ผลินั้น องค์รัชทายาทกลับมิทรงทราบเรื่องใดๆ พะยะค่ะ”
แล้วกล่าวว่า “เมื่อฝ่าทราบทรงทราบเรื่องที่ฮูหยินซูและฮูหยินน้อยเว่ยกล่าวก็ทรงกริ้วหนัก ยามนี้ทรงกำลังเสด็จไปตำหนักหน้าเพื่อขอเฝ้าฯ องค์ฮ่องเต้พะยะค่ะ”
“ควรเป็นเช่นนั้น!” ดวงตาของฮองเฮากู้พลันมีความเห็นพ้องต่อองค์รัชทายาท “พระนามอันดีงามของผู้สืบราชบัลลังก์ จะยอมให้คนเลวมาทำลายได้อย่างไร?”
ฮูหยินซูก็กล่าวว่า “องค์รัชทายาทกตัญญูนัก ทั้งยังสะอาดบริสุทธิ์ ผู้คนต่างรู้กันถ้วนหน้าเพคะ”
ฮองเฮากล่าวอย่างปิติยินดีว่า “ฮูหยินซูกล่าวอย่างเป็นธรรม ทำให้ข้าปิติยินดีนัก”
เว่ยฉางอิ๋งยืนคำนับ แสร้งวางท่าดีนอบน้อม แต่กลับแอบขบริมฝีปากล่างกลั้นหัวเราะ ‘หากองค์รัชทายาท… องค์รัชทายาทที่ผู้คนต่างรู้กันถ้วนหน้าว่ามัวเมาโลกีย์ไร้คุณธรรมก็สามารถใช้คำว่า สะอาดบริสุทธิ์ มาอธิบายได้ เกรงว่าในใต้หล้านี้จะไม่มีผู้ใดที่ไม่ขาวสะอาดและไม่บริสุทธิ์แสนดีอีกแล้ว!’
ฟังฮูหยินซูและฮองเฮากู้รับส่งกันประหนึ่งว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ เว่ยฉางอิ๋งรู้สึกขำเหลือทน และพอจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว…
__________________________________