ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่ 2-3 - ตอนที่ 49-2 ตาแก่ไม่ยอมตายกับของไร้ราคา
หาไม่แล้ว ต่อให้เป็นเหล่าคุณหนูตระกูลเสิ่นเอง หากมิได้เป็นผู้ที่ได้รับความรักใคร่เป็นพิเศษแล้วกล้ามาเสียมารยาทต่อหน้าเขาเช่นนี้ เขาก็อดจะแอบจัดการไม่ได้!
เฉายาที่กำลังตื่นเต้นยินดีกับขนมที่ตกลงมาจากท้องฟ้าอยู่อีกฟากหนึ่งหาได้สนใจความไม่พอใจของฉีซานไม่ นางวิ่งปรี่เข้าไปในเรือนหลัก ไม่ทันรอให้สาวใช้ที่ยืนตรงประตูเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวานไปคำหนึ่งว่า “นายผู้เฒ่าจี้เพิ่งจะต่อกระดูกมา ยามนี้กำลังพักผ่อนอยู่เจ้าค่ะ” จนจบ ก็ผลักพวกบ่าวออกแล้วร้องตะโกนเข้าไปข้างในว่า “ตาแก่ไม่ยอมตาย วันหน้าคฤหาสน์นี้ก็จะยกให้พวกเราแล้วใช่หรือไม่?”
เหล่าสาวใช้ “…”
เฉายาเสียมารยาทกับท่านตา จี้กู่ก็หาได้พูดจาดีๆ ตอบนางไป ได้ยินคำจึงด่าไปอย่างอารมณ์เสียว่า “คนเขาให้พวกเราอาศัยอยู่วันสองวัน จะยกให้พวกเรารึ? แกกลับคิดได้นะ! แกรู้หรือไม่ว่าคฤหาสน์หลังนี้ราคามากน้อยเท่าใด! หากข้ามีลูกชายหรือหลานชาย แล้วทำหน้าด้านขอเอาไว้ก็ยังแล้วไป แต่ข้ากลับโชคไม่ดี ดันมีแกกับแม่แกของไร้ราคา[1]ทั้งสอง! ข้าก็อายุปูนนี้แล้ว ขาข้างหนึ่งก็ก้าวลงไปในโลงแล้ว ยังจะมาหาเงินหาทองทำสิ่งใด!”
เหล่าสาวใช้ “…”
ตอนนี้เฉายาก็เดินเข้าไปแล้ว และปีนขึ้นไปนั่งขัดสมาธิอยู่บนตั่งอ่อนตรงข้ามตั่งที่ตาของนางนอนอยู่ แม้เหล่าสาวใช้จะได้ยินคำพูดของพวกเขาตาหลานจนทำให้จิตใจว้าวุ่นไปหมด แต่อย่างไรก็เคยดูแลรับใช้ในบ้านใหญ่โตมาก่อน จึงรีบเดินเข้าไปรินน้ำชาให้นาง
เฉายาสะบัดมือแล้วสั่งความอย่างเจ้ายศเจ้าอย่างว่า “ไม่เอาน้ำชา มันขม! เอาน้ำใส่น้ำผึ้งมาให้แม่แก่ ถ้าไม่มีก็เอาน้ำหวานมาก็ได้” นางอายุเพียงน้อยๆ แต่กลับเรียกตนเองว่า “แม่แก่” ทำเอาเหล่าสาวใช้ต้องพากันขบริมฝีปากเอาไว้เพื่อมิให้หัวเราะออกเสียงออกมา แล้วแอบถอดถอนในว่าพวกชาวป่าชาวดงนี่ไร้การอบรมเสียจริง
จี้กู่ก็ด่าไปว่า “คิดเสียดีนี่แก! ยังอยากจะกินน้ำใส่น้ำผึ้งหรือน้ำหวาน! แกก็มีแต่จะได้กินน้ำเปล่าไปชั่วชีวิตนั่นล่ะ!”
“ตาแก่ไม่ยอมตายตัวเองอายุมากแล้วกินของหวานไม่ได้ เห็นแม่แก่กินแล้วก็ทรมานใจใช่หรือไม่?” หัวเล็กๆ ของเฉายาเงยขึ้นมา แค่นเสียงบอกว่า “แม่แก่จะกินเสียอย่าง! ไปหาของทั้งสองอย่างมาให้แม่แก่!”
สาวใช้ยิ้มสู้พลางเอ่ยว่า “หากแม่นางน้อยเฉาชอบของหวาน ฮูหยินน้อยเตรียมน้ำประเภทน้ำกุหลาบ น้ำดอกหอมหมื่นลี้เอาไว้ ล้วนเป็นของที่มีรสหวานถูกคอ แม่นางน้อยเฉาอยากลองดื่มดูหรือไม่เจ้าคะ?”
“น้ำดอกกุหลาบกับน้ำดอกหอมหมื่นลี้รึ?” เฉายาเอยอย่างยินดี “แม้แต่ได้ยินแม่แก่ก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน จะต้องเป็นของดีแน่ๆ! รีบไปเอามาเร็ว แม่แก่จะชิมดูให้หมด”
จี้กู่เอ่ยอย่างหมดคำพูดว่า “แกชิม แกไปชิมให้หมดเลย! รอจนตกกลางคืนแล้วเกิดปวดท้องปวดไส้ ไม่ระวังแล้วจะกลายเป็นลำไส้อักเสบเอา ตาแก่อย่างข้าจะดูว่าจะทำอย่างไร!”
“ทำอย่างไร? ก็มิใช่ว่ายังมีเจ้าอยู่รึ?” แม้เฉายาจะยังเล็ก แต่ปากกลับร้ายเสียยิ่งนัก ไม่ยอมอ่อนข้อให้จี้กู่เลย เอ่ยไปในทันใดว่า “หากมีอันใดเกิดขึ้นกับแม่แก่ แล้วตาแก่ไม่ยอมตายกล้าไม่รักษาให้ข้ารึ? หาไม่แล้ว ถ้าแม่แก่เกิดตายไป ให้ลูกสาวเจ้ารู้เข้า ดูซิว่านางยังจะเลี้ยงดูตอนเจ้าแก่และส่งศพให้เจ้าหรือไม่! ถึงยามนั้นพอเจ้าตายแล้วก็ไม่มีคนมาร้องไห้กตัญญูหน้าศพเจ้า เจ้าก็กลายเป็นผีไร้ญาติของเจ้าไปเสียเถิด!”
จี้กู่แค่นเสียง “ลุงชวี่ปิ้งของแกยังมีชีวิตอยู่! แกเห็นว่าตอนนี้ตาแก่อย่างข้าจะต้องให้พวกแกของไร้ราคาสองคนส่งศพเสียให้ได้รึ?!”
“ลุงกับเจ้า ตาแก่ไม่ยอมตายก็อายุไม่ต่างกันเท่าใด ไม่แน่ว่าเขาตายแล้ว ก็ยังหวังให้แม่แก่ข้า แม่ลูกสองคนใส่ชุดไว้ทุกข์ให้เขาเสียด้วยซ้ำ!” เฉายายิ้มหยัน “ตอนคุณหนูตระกูลตวนมู่ผู้นั้นเอ่ยถึงลุงเมื่อครู่นี้ ก็ไม่เห็นได้เอ่ยถึงเรื่องของป้าและบอกว่าแม่แก่มีลูกพี่ลูกน้องหรือไม่นี่!”
จี้กู่นิ่งอึ้งไป พลันสำเหนียกขึ้นมาได้ แต่หลังจากนั้นก็หัวเราะเยาะแล้วว่า “ไอ้ของตาไม่มีแวว! แกไม่ได้ยินฮูหยินน้อยเว่ยและคุณหนูตวนมู่ผู้นั้นพูดหรอกรึ? เวลานี้ชื่อเสียงของลุงแกขจรขจายไปทั่วใต้หล้า ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเว่ย แล้วเขาจะไม่มีเมียมีลูกได้อย่างไร?!”
แล้วยิ้มหยัน “วันหน้าแกก็พูดจากับตาแก่อย่างข้าให้มันเกรงใจสักหน่อย! ถ้าเกิดยั่วจนตาแก่ข้าโมโหขึ้นมา ก็จะไปรับเอาลูกชายของลุงแกมาเป็นหลานชายบุญธรรมสักคน ถึงเวลานั้นสมบัติที่ข้าหามาได้ทั้งชีวิต พวกแกแม่ลูกก็อย่าหวังว่าจะได้แม้แต่สักแดงเดียว!”
เฉายาไม่เชื่อ กล่าวว่า “ย่ามันสิ! ถ้าแม่แก่ข้ามีป้าและยังมีลูกพี่ลูกน้อง คุณหนูตวนมู่จะไม่เอ่ยถึงได้อย่างไร?”
“ไม่เห็นรึว่านางมาถามถึงขาข้าก่อน?” จี้กู่กรอกตาขาว แค่นเสียงพลางว่า “ตอนหลังก็มิใช่ว่าล้วนรักษาขาให้ข้าอยู่?! จึงได้ลืมพูดไปเสีย!”
กำลังพูดกันอยู่ สาวใช้ก็ยกถาดไม้มะเกลือสีดำที่มีเครื่องดื่มทั้งน้ำดอกหอมหมื่นลี้ น้ำกุหลาบ น้ำสะระแหน่ น้ำพุดตานออกมา ทั้งยังมีขนมกวนแป้งนานาชนิดแสนงดงามอีกหลายจาน
ก่อนหน้านี้เฉายายังต่อปากต่อคำกับจี้กู่เสียงแข็ง แต่กลับไม่กล้าเพิกเฉยต่อคำเตือนของจี้กู่ ตากวาดไปมาไปในจานแก้วหลิวหลีแสนงดงามละลานตา พักใหญ่จึงเลือกเอาน้ำกุหลาบที่มีสีสนงดงามออกมา แล้วหันมามองน้ำอื่นๆ คราวหนึ่งอย่างอาลัยอาวรณ์ และตัดสินใจกล่าวว่า “วันนี้แม่แก่ข้าจะกินน้ำนี่ คงไม่ปวดท้องหรอกกระมัง?”
จี้กู่แค่นเสียงเอ่ย “ชีวิตต่ำต้อยเยี่ยงแก อยากจะตายก็ยังยาก!”
“เช่นนั้นแม่แก่ข้าก็จะกินแล้ว” เฉายาจิบไปอย่างระมัดระวังคำหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเบิกบานว่า “อร่อย! อร่อย! ตาแก่ไม่ยอมตายเจ้านี่น่าสงสารจริงๆ ของอร่อยเยี่ยงนี้กลับลิ้มลองไม่ได้! ดูท่าว่าชาตินี้เจ้าคงไม่เคยได้กินของดีเช่นนี้หรอก!”
จี้กู่ได้ยินคำก็บันดาลโทสะยกใหญ่ ตบตั่ง กล่าวว่า “ก่อนนี้ตอนตาแก่ข้าอายุเท่าแก ท่านทวดของแกเป็นถึงหัวหน้าสำนักแพทย์หลวง ของล่ำค่าแปลกตาใด อาหารชั้นเลิศใดที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน? น้ำกุหลาบนี้จะมีอันใดแปลกประหลาดนักหนา? ก็มีแต่ของไร้ราคาที่ไม่เคยได้พบได้เห็นเยี่ยงแกจึงได้เห็นว่ามันมีค่า!”
เฉายาหน้าบึ้ง กล่าวว่า “คำพูดนี้ถ้าแม่แก่ข้าไม่เคยได้ยินมาพันรอบ ก็เคยได้ยินมาแปดร้อยรอบแล้ว!”
“แกว่าพันรอบกับแปดร้อยรอบจริงรึ?” จี้กู่หมดคำพูด “ตาแก่ข้าสอนการคำนวณให้แกมีหนใดที่แกนับไปถึงร้อยแล้วไม่ผิดบ้าง?! ยังกล้าบอกว่าพันรอบรึ!”
“…” เฉายานิ่งเงียบอยู่พักใหญ่คล้ายไร้คำพูดจะตอบโต้ พลันรู้สึกอับอายจนโกรธแล้วจับจานแก้วหลิวหลีกระแทกไปบนโต๊ะแรงๆ หนหนึ่ง เรียกสาวใช้มา “ไปหาของไม่หวานที่ตาแก่ไม่ยอมตายนี่กินได้มาหน่อย จะได้ไม่ต้องมาอิจฉาตาร้อนว่าแม่แก่ข้ากินน้ำกุหลาบได้ แล้วมาคอยพูดจาไม่เข้าหูทำลายความสำราญอยู่ตรงนี้!”
____________________________
[1] ของไร้ราคา เป็นคำที่มักใช้เรียกขานบุตรสาวอย่างดูแคลนในสมัยโบราณ เพราะเมื่อเลี้ยงจนโตก็ต้องแต่งออกไป และกลายเป็นคนบ้านอื่น