ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่ 2-3 - ตอนที่ 7-1 อย่ายั่วโมโหนาง
บทลงโทษสุดท้ายนี้เป็นเว่ยฉางอิ๋งเสนอออกมาเอง ทั้งมีเหตุผลสนับสนุนเต็มที่ว่า “ท่านอาและท่านอาสะใภ้ปฏิบัติเช่นนี้ต่อหลานชายซึ่งมามีความชอบต่อบ้านเมืองจึงได้รับบาดเจ็บกลับมา เท่ากับเป็นการไม่สำนึกถึงความทุกข์ยากลำบากและความห้าวหาญของเหล่าทหารหาญในแนวหน้า ข้าเห็นว่าบรรพชนตระกูลเสิ่นล้วนอาศัยความชอบจากการสู้รบสร้างตระกูลมา คนในตระกูลจะหลงลืมความยากเข็ญในสนามรบและดูแคลนเหล่าทหารได้หรือ? ดังนี้แล้ว มิสู้ให้ท่านอาและท่านอาสะใภ้ไปอยู่ตำบลตงเหอสักระยะ ไปสัมผัสถึงบรรยากาศของการรบราฆ่าฟันที่ชายแดนสักพัก บางทีอาจจะปรับปรุงตัวให้ดียิ่งขึ้นได้”
….ตำบลตงเหอถูกรุกรานหลายครั้งหลายคราอยู่แทบทุกปี หาไม่ก็จะไม่ถึงกับมีบ้านเก้าในสิบหลังที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน
แม้จะบอกว่าตำแหน่งข่านของชิวตี๋กำลังสั่นคลอนอยู่ในเวลานี้ แต่พวกตี๋เหี้ยมโหด ยิ่งเป็นดังนี้เขาก็ยิ่งคิดอยากก่อสงครามอย่างบ้าคลั่ง ด้วยหวังอาศัยชัยชนะทำให้จิตใจของคนเผ่ากลับมาหาตน
ดังเช่นการจู่โจมด่านเตี๋ยชุ่ยอย่างฉับพลันของถูหลี่ว์เมื่อคราวก่อน
ด่านเตี๋ยชุ่ยมีผู้มีความสามารถสูงส่งจึงไม่ถูกตีแตก แต่นั่นก็เพราะมีข้อได้เปรียบทั้งตัวด่านเตี๋ยชุ่ยเองที่สูงใหญ่แข็งแกร่ง มีชัยภูมิที่ดีและแต่ไรมาได้รับความสำคัญจากตระกูลอย่างมาก ส่วนตำบลตงเหอนั้น …เป็นตำบลชายแดนที่รกร้างว่างเปล่า แม้จะหาบ้านที่ไม่มีหลังคาที่ฝนและหิมะรั่วลงมาสักหลังสองหลังก็ยังยาก นอกจากความแร้นแค้นและห่างไกลความเจริญแล้วยังจะมีสิ่งใดอีก?
เสิ่นจั้งเฟิงได้รับบาดเจ็บหนแรกก็อยู่ที่นั่นด้วย! ตัวเขาเองมีวรยุทธ์ล้ำเลิศเหนือผู้คน ข้างกายก็ยังมี ‘จี๋หลี’ ทหารเดนตายกลุ่มหนึ่งคอยอารักษ์ขาเขาอย่างสุดชีวิต! ครั้งเขาเอาตัวเป็นเหยื่อล่อก็ยังไม่ได้รับบาดเจ็บ ทว่ายามมาอยู่ที่ตำบลตงเหอ ท่ามกลางลูกธนูดังห่าฝน เขาก็ต้องลูกธนูสองดอก ทั้งยังถูกฟันไปอีกหลายแห่ง?
แล้วประสาอะไรกับเสิ่นฉู่สามีภรรยา
หนำซ้ำครานี้พวกเขายังได้ชื่อว่าข่มเหงรังแกคุณชายในสายหลักที่มีความดีความชอบ ได้รับบาดเจ็บเพื่อปกป้องบ้านเมือง ตลอดเวลามานี้เสิ่นจั้งเฟิงต้องกินลมดื่มหิมะอยู่ที่ตำบลตงเหอ ไปอยู่แนวหน้าได้รับคำชมเชยและความนับถือจากในกองทัพเป็นอย่างยิ่ง อย่าเพิ่งเอ่ยถึงคำชมเชยและความนับถือที่เหล่าทหารมีต่อเขาเลย ว่ากันแต่เพียงเรื่องที่เหล่าทหารแนวหน้าคิดว่าตนต้องต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายยามอยู่ในแนวหน้า แต่ปรากฏว่าเมื่อกลับมาในแนวหลัง ด้วยได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสลบไสลยังต้องมาถูกคนทารุนเอาอีก …แน่นอนว่าแม้คนที่ถูกปฏิบัติเช่นนี้จะมิใช่ตัวพวกเขาเอง แต่เมื่อคนที่มีหัวอกเดียวกันได้ฟังเรื่องเช่นนี้ คนที่จะไม่รู้สึกเคืองโกรธก็มีเพียงคนตายแล้วเท่านั้น
พอเสิ่นฉู่สามีภรรยาไปที่ตำบลตงหู ยังไม่ทันตายด้วยน้ำมือพวกตี๋ก็เกรงว่าจะถูกพวกทหารควักสมองไปกลางดึกเสียก่อนแล้ว
ทุกคนจึงไม่คิดว่าการที่เว่ยฉางอิ๋งเสนอข้อเรียกร้องเช่นนี้ด้วยนางสงสารสามี แต่ล้วนคาดเดากันว่าสาวใช้ที่ถูกผู้อาวุโสผู้หนึ่งเอ่ยถึงอย่างผ่านๆ ไปคำหนึ่งว่า “สาวใช้เจ้าเล่ห์น่าชัง ตีให้ตายเสียสิ้นเรื่อง” ในขณะที่กำลังหารือว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรแล้วก็ได้รับความเห็นชอบด้วยท่าทีเลื่อนลอยจากทุกคน สาวใช้ผู้นั้นต่างหาก คือสาเหตุแท้จริงที่เว่ยฉางอิ๋งหมายมั่นปั้นมือจะจัดการเสิ่นฉู่สามีภรรยาจนถึงตาย …และฮูหยินน้อยสามในตระกูลสายหลักผู้นี้เอาแต่พร่ำบอกว่า “ตระกูลเว่ยแห่งเฟิ่งโจวบ้านฝั่งแม่ของข้าพอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้างในเขตทะเล ข้าได้รับการอบรมมาแต่เล็ก แล้วจะไม่ทราบคุณธรรมของภรรยาได้อย่างไร? ข้าเป็นภรรยาชั่วขี้อิจฉาหรือไม่ ด้วยเพิ่งได้พบทุกท่านเป็นคราแรก ข้าจึงไม่กล้าออกปาก แต่ขอให้ทุกท่านส่งจดหมายไปที่เมืองหลวงเพื่อสอบถามกับท่านพ่อท่านแม่ หากท่านพ่อท่านแม่บอกว่าข้าไม่ดีงาม ข้าก็ยินยอมจะกลับบ้านไปเสียเดี๋ยวนี้” แท้ที่จริงแล้วนางผูกใจเจ็บผูกใจพยาบาทหนักหนาถึงเพียงนี้…
แม้สาวใช้ผู้นั้นหวังจะปีนขึ้นเตียงจริงดังว่า ทว่ายังไม่ทันสำเร็จเลย ทุกคนก็ล้วนสนับสนุนให้จัดการนางให้ถึงตายเพื่อให้บุตรีตระกูลเว่ยผู้นี้ได้ระบายความแค้นเสียแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าเสิ่นฉู่สามีภรรยาที่ส่งสาวใช้ผู้นี้ไปอยู่ข้างกายเสิ่นจั้งเฟิงก็ยังหนีจากการแก้แค้นของนางไปไม่พ้น
ดูท่าว่าวันหน้าอย่าได้ไปล่วงเกินนางเอาง่ายๆ เป็นดีที่สุด …นางเป็นถึงภรรยาเอกของว่าที่ประมุขตระกูลคนต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีบุตรชายคนโตที่จนบัดนี้เสิ่นจั้งเฟิงก็ยังไม่เคยได้พบด้วย แต่นางก็นั่งแท่นว่าที่นายผู้หญิงแห่งตระกูลเสิ่นอย่างมั่นคงไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว!
ผู้อาวุโสอีกจำนวนมากที่คิดไปถึงแม่เฒ่าซ่งท่านย่าแท้ๆ ของนาง เว่ยฮ่วนประมุกตระกูลเว่ยซึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วว่าเป็นผู้มีแผนการล้ำลึกเหนือคนแต่ก็ถูกนางผู้นั้นกำราบเสียอยู่หมัด บุตรชายคนรองซึ่งเป็นบุตรของอนุกำลังอยู่ในวัยฉกรรจ์ทั้งเปี่ยมด้วยความสามารถ เดิมทีสมควรได้รับตำแหน่งประมุขตระกูลคนต่อไปนานแล้วก็ยังถูกนางข่มมาหลายสิบปีเต็มๆ และรอมาจนกระทั่งหลานชายแท้ๆ ของนางเติบโต …ทั้งยังรอมาจนถึงวันที่บุตรชายแท้ๆ ของตนจะหายดีจากอาการป่วย!
ถอดแบบกันมาไม่ผิดเพี้ยน แล้วหลานสาวสุดที่รักของฮูหยินผู้เฒ่าที่ยามนางลงมืออย่างโหดร้ายเลือดเย็นขึ้นมาก็ทำให้ผู้คนที่รู้ตื้นลึกหนาบางล้วนสั่นสะท้านกันไปหมดผู้นั้น จะได้รับการถ่ายทอดจากนางมากี่ส่วนกัน?
เมื่อคิดว่าภายภาคหน้าเว่ยฉางอิ๋งจะต้องกลายเป็นฮูหยินผู้เฒ่าในแบบเดียวกับแม่เฒ่าซ่ง หลังจากผู้อาวุโสทุกท่านจัดการเรื่องของเสิ่นฉู่เรียบร้อยและกลับมาภายในจวน จึงพากันปิดประตูแล้วกำชับลูกหลานว่า “อย่าได้ไปหาเรื่องนางเว่ยผู้นั้น!”
และเพราะได้คำที่บรรดาผู้อาวุโสกำชับลูกหลาน เรื่องที่เว่ยฉางอิ๋งจัดการต่อไปจึงราบรื่นยิ่งนัก …ซึ่งเรื่องแรกก็คือเพิ่มคนเข้ามาให้พร้อม
เสิ่นฉู่สามีภรรยาถูกส่งไปตายที่ตำบลตงหู พ่อบ้านเสิ่นถิงซู่ก็ถูกไล่ออก เรื่องที่ทั้งสามคนนี้ดูแลพลันไม่มีคนจัดการขึ้นมาทันใด ทว่าเรื่องเหล่านี้กลับเกี่ยวพันไปถึงตัวคฤหาสน์ดั้งเดิม จึงไม่อาจชักช้าอยู่ได้ เว่ยฉางอิ๋งจึงให้เสิ่นเตี๋ยที่มาถึงซีเหลียงก่อนแนะนำคนที่เหมาะสมให้สองสามคนมาแทนที่พวกเขาเป็นการชั่วคราว
ส่วนการเข้ามาทำงานแทนจะทำได้เต็มปากเต็มคำหรือไม่ย่อมต้องดูที่ผลงานของคนเหล่านี้แล้ว
เว่ยฉางอิ๋งรู้สึกว่าลำดับอาวุโสของเสิ่นฉู่สามีภรรยาเป็นเรื่องยุ่งยาก หากมิใช่ว่านับไปแล้วพวกเขาเป็นอาและอาสะใภ้ ครานี้ก็ไม่ต้องเร่งรีบไปคารวะผู้อาวุโสทุกท่านเพื่อขอแรงสนับสนุน ต้องขอให้พวกเขาออกหน้าจึงสามารถสำเร็จโทษได้อย่างเป็นทางการ
จึงแอบส่งสัญญาณแก่เสิ่นเตี๋ยว่าให้แนะนำบุตรหลานที่มีลำดับอาวุโสต่ำกว่า เสิ่นจั้งเฟิง
เสิ่นเตี๋ยแนะนำเสิ่นหยิวอี่น้องชายร่วมท้องของเสิ่นหยิวเจี่ยและนางหมิ่นภรรยาของเขามาแทนเสิ่นฉู่สามีภรรยา แม้เสิ่นหยิวอี่สามีภรรยาจะเรียกขานเว่ยฉางอิ๋งว่าอาสะใภ้สาม แต่หานับกันเรื่องอายุกลับนับว่าไม่น้อยแล้ว พวกเขาล้วนอายุกว่าสี่สิบปี ซึ่งเป็นช่วงอายุที่กำลังสุขุมรอบคอบ ส่วนทางเสิ่นถิงซู่ ด้วยเขาเป็นบ่าว เว่ยฉางอิ๋งจึงให้เสิ่นเตี๋ยแนะนำบ่าวชายในวัยหนุ่มที่ทำงานคล่องแคล่วมาแทนที่เขา ซึ่งก็สอดคล้องกับที่เว่ยฉางอิ๋งบอกว่าเขาอายุมากเกินไปพอดี
ครั้งแล้วจึงเติมตำแหน่งที่ว่างลงหลังจากเสิ่นฉู่สามีภรรยาและเสิ่นถิงซู่ออกไปดังนี้
เว่ยฉางอิ๋งย่อมไม่อาจพอใจเพียงเท่านี้ ลำดับต่อไปนางใช้ข้ออ้างว่าเสิ่นฉู่สามีภรรยาจัดการดูแลคฤหาสน์ดั้งเดิมมานานปี มีการทุจริตและติดสินบนมากมาย เพียงแต่ในเมื่อทั้งสองคนถูกส่งให้ไปอยู่ที่ตำบลตงเหอแล้ว ทั้งยังเป็นคนในตระกูลจึงจะไม่ไปไล่เรียงเอาความกับพวกเขาอีก ทว่าคนอื่นๆ ที่เกี่ยวพันกับเรื่องนี้ก็ไม่อาจปล่อยไปได้… มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งรู้สึกว่าสะใภ้ซึ่งเป็นคนรุ่นหลังผู้นี้ใจร้อนเกินไปหน่อยแล้ว เสิ่นเซวียนยังอยู่ในวัยที่แข็งแรงอยู่เลย เสิ่นจั้งเฟิงก็เพิ่งเริ่มสร้างชื่อเสียงบารมีและสั่งสมเส้นสาย แต่ภรรยาของเขากลับอดรนทนไม่ไหวจะมาช่วงชิงอำนาจ เขาจึงออกมาพูดว่า “หมิงเพ่ยถังมีกฎระเบียบของหมิงเพ่ยถังเอง ไม่เหมือนกับ ตระกูลเว่ย”
—————————