ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่ 2-3 - ตอนที่ 74-1 มุมถนน
เมื่อส่งนางหลิวกลับไปแล้ว หลิวรั่วอวี้ก็กลับมาที่ห้องนอน แล้วเอ่ยถามบ่าวซ้ายขวาด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายว่า “จวีจงเล่า?”
นางกำนัลน้อมตัวลงตอบว่า “เมื่อครู่นี้จวีกงกงเพิ่งจะมาเพคะ พอได้ยินว่าพระชายาทรงกำลังสนทนาอยู่กับฮูหยินหลิวจึงออกไปก่อนเพคะ”
“ไปเรียกเขามา” หลิวรั่วอวี้เอามือยันใต้คางพลางสั่งความ
สักพักจากนั้นจวีจงก็เข้ามาแล้วคำนับ หลิวรั่วอวี้ก็ไม่คิดจะสั่งให้นางกำนัลใกล้ชิดออกไป หากแต่ถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “เรื่องที่ให้เจ้าไปทำเป็นเช่นใด?”
“พระชายาพะย่ะค่ะ นายท่านหกเว่ยบอกว่าพระชายาก่อเรื่องเดือดร้อนใหญ่โตแก่เขา เขาจึงไม่อยากมาพบกระหม่อมอีกพะยะค่ะ” จวีจงอยู่ในอาการสำรวมกลับถ่ายทอดคำพูดออกมาโดยไม่ขาดไปแม้สักคำว่า “นายท่านหกเว่ยบอกว่า วันหน้าเขาจะไม่เขียนจดหมายมาหาพระชายาอีกแล้วพะยะค่ะ”
“ต่อให้เขาอยากเขียน ข้าก็จะไม่รับหรอก” หลิวรั่วอวี้ยิ้มพลางว่า “ยามนี้เสด็จแม่กำลังจ้องจะจับผิดเพื่อหาทางจัดการข้าอยู่ทีเดียว! เพียงแต่เขาจะไม่มายุ่งกับข้าแล้วจริงรึ?”
จวีจงยิ้มเจื่อนๆ กล่าวว่า “กระหม่อมมิได้พบกับนายท่านหกเว่ยเลยพะย่ะค่ะ เป็นหู่หนูเด็กรับใช้ข้างกายนายท่านหกเว่ยออกมาบอกกล่าวกับกระหม่อมด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเพียงสองสามคำ กระหม่อมยังมิได้เอ่ยสิ่งใดหู่หนูก็โบกมือเรียกให้คนมาส่งกระหม่อนออกจากประตูแล้วพะย่ะค่ะ”
“เฮ่อ คนผู้นี้ไยจึงใจคอคับแคบนักนะ?” หลิวรั่วอวี้ได้ฟังกลับยังคงเม้มปากยิ้มจางๆ บอกว่า “หากมิใช่ว่าเข้าตาจนจริงๆ ไยข้าต้องดึงเขามาเกี่ยวข้องด้วย? อีกประการข้าก็มิได้มีสัมพันธ์ส่วนตัวกับเขาจริงๆ ก็เพียงยืมมาเป็นโล่กำบังให้เสด็จแม่หวาดกลัวและไม่กล้าลงมือกับข้าเท่านั้น จนยามนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้ ดีชั่วข้าก็เป็น พระชายาองค์รัชทายาทองค์ปัจจุบัน อีกทั้งเป็นคนไปบอกกับเสด็จแม่เองว่าหลงใหลในตัวเขา …ถ้าเป็นผู้อื่นต่อให้ไม่ดีใจจนตัวลอย อย่างน้อยก็ต้องแอบยินดีอยู่ในใจบ้าง ไยคนผู้นี้กลับแล้งน้ำใจเพียงนี้? เขาเองก็มิใช่ว่าจะรับมือเรื่องนี้ไม่ได้เสียหน่อย”
จวีจงและนางกำนัลคนสนิทย่อมรู้อยู่แล้วว่าที่จริงแล้วระหว่างหลิวรั่วอวี้และเว่ยซินหย่งไม่เคยพบกันอย่างเป็นทางการเลยแต่อย่างใด …เดิมทีนั้นเป็นเพราะเว่ยซินหย่งต้องการรู้เรื่องภายในวัง ส่วนหลิวรั่วอวี้ก็อยากรู้ความเป็นไปนอกวังจึงได้มาร่วมมือกัน โดยมีจวีจงเป็นตัวประสานคอยแลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างกัน แม้ทั้งสองคนจะร่วมมือกัน แต่ระหว่างทั้งสองฝ่ายกลับพูดไม่ได้ว่ามีความผูกพันใดต่อกัน ก็เพียงแค่ต่างฝ่ายต่างตักตวงสิ่งที่ตนต้องการเท่านั้น
ปรากฏว่าครานี้หลิวรั่วอวี้ถูกฮองเฮากู้บีบให้ฆ่าตัวตาย ในขณะที่กำลังเข้าตาจน คิดหาคนมาช่วยกันไม่ได้ จึงได้ยกเอาเว่ยซินหย่งออกมาอ้างในฐานะชู้ไปเสียเลย นอกจากจะทำให้ฮองเฮากู้บันดาลโทสะจนแทบเป็นแทบตายแล้ว มือสังหารที่ฮองเฮาส่งไปก็ยังถูกเว่ยซินหย่งนำกลับมาเป็นคำเตือนต่อฮองเฮาอีกด้วย …ดีที่คนสนิททั้งสองคนเตรียมตัวเอาไว้ก่อนไปแล้ว จึงมิได้ทิ้งหลักฐานใดให้เว่ยซินหย่งเอาไปใช้ได้ แต่ในเมื่อเว่ยซินหย่งเอาศพไปทิ้งที่ที่ประตูหลังของจวนตระกูลกู้ ก็เห็นชัดว่าเขารู้ว่าเป็นฝีมือผู้ใด
เรื่องนี้จึงสามารถพิสูจน์ได้อีกขั้นหนึ่งว่าหลิวรั่วอวี้มีสัมพันธ์กับเขาจริงๆ …แม้ว่าแม้แต่ฮองเฮากู้เองก็ยังตรวจสอบไม่ได้ว่าคนทั้งสองเริ่มคบหากันยามใดกันแน่และเคยพบหน้ากันกี่ครั้ง …แต่หลังจากหลิวรั่วอวี้เข้าวังมาแล้ว ฮองเฮากู้ก็กล้ามั่นใจได้ว่านางไม่เคยพบกับเว่ยซินหย่งด้วยตนเองมาก่อน ทว่าผู้ใดก็ล้วนรู้ว่า เว่ยซินหย่งเป็นคนที่เกิดและเติบโตในเมืองหลวง ก่อนที่เขาจะไปเป็นบุตรบุญธรรมในที่รุ่ยอวี่ถัง เขาก็ไม่เคยเป็นสนใจมาก่อนเลยแม้แต่น้อย ส่วนหลิวรั่วอวี้ในยามนั้น ก็มิใช่ไม่มีคนสนใจเช่นกัน?
ไม่แน่ว่าทั้งสองคนอาจจะคบหากันนานแล้วตั้งแต่ก่อนที่เว่ยซินหย่งจะไปที่อำเภอเฉาอวิ๋นและหลิวรั่วอวี้จะหมั้นหมายให้เป็นพระชายาองค์รัชทายาทก็เป็นได้?
ฮองเฮากู้รู้ซึ้งถึงนิสัยที่ไม่ได้ความขององค์รัชทายาทเซินสวินดี หากเซินสวินรู้ว่า พระชายาองค์รัชทายาทกล้าสวมเขาให้ตน ไม่ว่าจะพูดเหตุผลใดกับเขาสักแปดร้อยรอบ เขาก็จะไม่มีวันรับฟัง! องค์รัชทายาทจะต้องเอาดาบไปสังหารพระชายาองค์รัชทายาทในทันใด และจากนั้นก็ต้องไปสังหารเว่ยซินหย่ง!
…ทว่า แม้พระชายาองค์รัชทายาทจะเอ่ยกับปากเองว่านางมีสัมพันธ์กับเว่ยซินหย่ง แต่นั่นก็เป็นยามที่อยู่ต่อหน้าฮองเฮาและนางอันเท่านั้น หากมีบุคคลที่สี่อยู่ด้วย หลิวรั่วอวี้ก็จะต้องแสดงท่าที่ว่าอ่อนโยนบริสุทธิ์ สูงส่งดีงามจนผู้อื่นไม่อาจล่วงละเมิดนางได้!
แม้จะเป็นฮองเฮาบอกปากเปล่าไปเองว่าพระชายาองค์รัชทายาทไม่บริสุทธิ์ …เกรงว่าแม้แต่จางเสากวงแม่ลูกก็ยังต้องมาช่วยหลิวรั่วอวี้พูดเลย!
ส่วนตระกูลเว่ยก็จะต้องไม่ยอมรับว่าเว่ยซินหย่งมีสัมพันธ์กับพระชายาองค์รัชทายาท อย่าว่าแต่ตระกูลเลื่องชื่อเช่นตระกูลสูงศักดิ์นี้เลย ต่อให้เป็นชาวบ้านทั่วไปก็ยังต้องหาทางรักษาหน้าตานี้เอาไว้! เมื่อไม่มีหลักฐานอันใด นับแต่หลิวรั่วอวี้แต่งเข้ามาในราชสำนัก นางก็กตัญญูต่อฮองเฮากู้อย่างเต็มกำลัง ทั้งก่อนหน้านี้ฮองเฮาก็ยังเคยชมเชยว่านางดีงามในงานพิธีต่างๆ หนแล้วหนเล่า …กลับเป็นชื่อเสียงขององค์รัชทายาทเสียอีกที่พูดให้ดีไม่ขึ้นเลย
ฉะนั้นแล้วในสถานการณ์ที่ไม่มีหลักฐานเช่นนี้ ต่อให้หลิวรั่วอวี้ยอมรับเองกับปากต่อพระพักตร์ฮองเฮาว่านางและเว่ยซินหย่งมีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน ฮองเฮาก็ทำได้เพียงต้องอดทนเข้าไว้ ไม่เพียงแค่อดทน หากแต่ยังต้องช่วยนางปิดบังไม่ให้องค์รัชทายาทรู้เรื่องนี้ด้วย
หาไม่แล้วหากเรื่องแดงขึ้นมา ถ้าเป็นเพียงตระกูลหลิวและตระกูลเว่ยมาทวงถามหาความยุติธรรมให้แก่หลิวรั่วอวี้และเว่ยซินหย่งก็พอทำเนา ประเด็กสำคัญก็คือเกรงว่าผู้คนทั่วไปจะพากันคิดว่าองค์รัชทายาททรงเบื่อหน่ายพระชายาเอกแล้ว จึงจงใจยัดเยียดความผิดให้… ส่วนฮองเฮากู้นั่นหรือ แน่นอนว่าจะต้องปกป้องพระโอรสของนางอยู่แล้ว…
ก็ผู้ใดใช้ให้ชื่อเสียงขององค์รัชทายาทย่ำแย่ปานนั้น โดยเฉพาะชื่อเสียงว่าได้ใหม่แล้วลืมเก่าก็ดังกระฉ่อนออกเพียงนั้น?
อีกประการเป็นถึงพระชายาองค์รัชทายาทแท้ๆ แต่กลับไปคบชู้ แม้องค์รัชทายาทจะสังหารพระชายาองค์รัชทายาท แต่เขาจะต้องเสียหน้าจนหมดสิ้น
ฮองเฮากู้เข้าใจฮ่องเต้ดียิ่งนัก ตัวฮ่องเต้เองก็ลุ่มหลงในกามรมย์ จึงไม่แน่ว่าพระองค์จะกริ้วเรื่ององค์รัชทายาทไปย่ำยีเว่ยฉางเจวียนขึ้นมาจริงๆ หรือต่อให้กริ้ว นั่นก็เพียงเพราะฐานะของเว่ยฉางเจวียนทำให้เรื่องราวยุ่งยากขึ้นเท่านั้น หาใช่เพราะรู้สึกว่าองค์รัชทายาททำการลุแก่อำนาจ ทว่าหากเป็นเรื่องพระชายาองค์รัชทายาทคบชู้ แต่องค์รัชทายาทกลับเพิ่งจะมารู้เอาตอนนี้ ฮ่องเต้ก็จะต้องคิดว่าองค์รัชทายาทมีความสามารถไม่เพียงพอ!
เมื่อผู้สืบราชบัลลังก์ถูกพระราชบิดาคิดว่าเขามีความสามารถไม่พอ แล้วจะมีจุดจบเช่นใดได้อีก? ฮ่องเต้ก็หาได้ขาดแคลนพระโอรสไม่!
หลิวรั่วอวี้ไตร่ตรองรอบหนึ่ง รู้สึกว่าในเมื่อฮองเฮากู้เกลียดชังตนเข้ากระดูดำ จนอดจะทำให้ตนเองตายไปให้ได้ไวๆ ไม่ได้ แต่เพื่อพระโอรสของนางแล้ว คาดว่าคงทำได้เพียงลอบลงมือลับๆ ต้องไม่กล้าทำอย่างโจ่งแจ้งเป็นแน่
ส่วนเรื่องที่จะลอบลงมือลับๆ นั้นหรือ …หลิวรั่วอวี้ยกมุมปากขึ้น พลางหัวเราะเป็นที่เย้ยหยันว่า นับแต่วันที่รอดชีวิตมาจากกระเรียนระทมได้ ข้าก็มิได้โง่เง่าดังนั้นอีกแล้ว! ยิ่งไปกว่านั้น ฮองเฮากู้ไม่มีหลักฐานว่านางแอบติดต่อกับเว่ยซินหย่ง แต่ในมือเว่ยซินหย่งกลับกำหลักฐานที่องค์รัชทายาทย่ำยีเว่ยฉางเจวียน จนทำให้เว่ยฉางเจวียนที่กำลังอยู่ในวัยแรกแย้มต้องตายไปทั้งความชิงชังเพราะทนรับกับความอัปยศนี้ไม่ได้…
ทว่า แม้คราก่อนจะโชคดีที่อาศัยเว่ยซินหย่งช่วยให้รอดชีวิตมาได้หนหนึ่ง แต่ หลิวรั่วอวี้ก็รู้ว่าเว่ยซินหย่งซึ่งเป็นไม้กันหมาอันนี้ไม่อาจใช้การได้ดีเพียงนั้น …คนผู้นี้หาใช่พวกที่หลงใหลได้ปลื้มกับหญิงงาม หลิวรั่วอวี้ตกลงกับเขาไว้เรียบร้อยแล้วว่าทั้งคู่จะแลกเปลี่ยนข่าวสารซึ่งกันแล้ว นอกนั้นแล้วก็จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวใดๆ กับทุกเรื่องของอีกฝ่ายหนึ่ง
ในเรื่องของเว่ยฉางเจวียน ก็นับว่าเว่ยซินหย่งแสดงเจตนาดีแล้ว ไม่คิดว่าแผนการที่หลิวรั่วอวี้คิดจะใช้จัดการฮองเฮากู้จะผิดพลาด และกลับต้องขืนลากเขาลงน้ำไปด้วย เวลานี้เว่ยซินหย่งไม่ยอมพบจวีจง เพียงให้หู่หนูออกหน้ามาแสดงท่าทีแข็งกร้าวเท่านั้น ซึ่งก็ไม่แน่ว่าเขาจะเดือดดาลเพียงนั้นจริงๆ เป็นไปได้แปดเก้าในสิบส่วนว่านี่คือการเตือนหลิวรั่วอวี้ว่าจะชดเชยให้เขาเช่นใด