ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่ 2-3 - ตอนที่ 83-2 โจรโฉด
ส้างกวานสืออีกล่าวว่า “มาว่ากันเรื่องลำดับอาวุโสและฐานะ จิ่งเฉิงโหวล้วนมิใช่คนที่นายท่านหกตระกูลเว่ยผู้นี้จะสามารถต่อกรได้ แม้ยามนี้เขาจะถูกรับมาเป็นบุตรบุญธรรมของรุ่ยอวี่ถังแล้วก็ตาม ทว่าพ่อตาของคุณชายสามก็กำลังได้รับการรักษาจากท่านหมอเทวดาจี้ที่มีฝีมือล้ำเลิศและกำลังจะหายดีแล้ว ทว่าฉางซานกงและแม่เฒ่าซ่งจะยอมปล่อยมือและไม่ให้การสนับสนุนบุตรชายคนโตแท้ๆ แล้วหันไปสนับสนุนเว่ยซินหย่งได้หรือ?”
“มิผิด โดยเฉพาะที่ท่านอาหกของภรรยาข้าผู้นี้มีความโดดเด่นทั้งความสามารถและหน้าตา เมื่อครั้งท่านพ่อตานอนป่วยอยู่ คงเป็นเพราะแม่เฒ่าซ่งต้องการเขาเพื่อมากดท่านอารองของภรรยาข้าซึ่งเป็นบุตรของอนุเอาไว้ ทว่ายามนี้ท่านพ่อตาก็กำลังจะหายดีแล้ว รุ่ยอวี่ถังย่อมไม่ใคร่ต้องการท่านอาหกของภรรยาข้าผู้นี้อีกแล้ว” เสิ่นจั้งเฟิงเอ่ย “พี่ส้างกวานหมายความว่าการที่โม่ปินอวี่บุกจากเขาเหมิงซานใต้ขึ้นมายังเขาเหมิงซานเหนือก็เพื่อเป็นการต่อกรกับจิ่งเฉิงโหว?”
ส้างกวานสืออีพยักหน้าบอกว่า “แม้จะเป็นท่านพ่อตาของท่าน หากคิดจะต่อกรกับจิ่งเฉิงโหวก็ไม่แน่ว่าเป็นเรื่องง่าย แม้ยามนี้จิ่งเฉิงโหวจะเกษียณราชการแล้ว ทว่าฐานันดรศักดิ์ยังคงอยู่ อิทธิพลก็ยังคงอยู่ ว่ากันว่าแมงร้อยขาถึงตัวขาดก็ยังไม่ตาย จิ่งเฉิงโหวก็เป็นดังนั้น เว่ยซินหย่งคิดจะแก้แค้นเขา จะเป็นเรื่องง่ายดายได้อย่างไร? ไล่ต้าหย่งผู้นั้นก็มิใช่บอกแล้วว่าโม่ปินอวี่มาทาบทามเขาหลายครา นี่เป็นการบอกเป็นนัยหรือไม่ว่าเขามีตระกูลสูงศักดิ์คอยหนุนหลังอยู่? ข้าน้อยคิดว่าบางที ตระกูลสูงศักดิ์ที่ว่าก็คือตระกูลเว่ย ทว่าเว่ยซินหย่งจะต้องไม่มอบกองทหารสกุลโม่ให้แก่ตระกูลเว่ย หากแต่จะต้องใช้กองทหารสกุลโม่เป็นที่พึ่งเพื่อมาเรียกร้องเงื่อนไขบ้างประการกับตระกูลเว่ย …เพราะอย่างไร เวลานี้บ้านเมืองก็กำลังเกิดความวุ่นวาย ตระกูลเว่ยเองก็หวังว่าจะมีนายทัพที่สามารถไว้วางใจได้สักคนเป็นของตนเอง”
“ตระกูลเว่ยแห่งเฟิ่งโจวมีทหารเป็นของตนเอง ทว่าว่ากันว่าทหารนับพันหาง่าย นายทัพหนึ่งคนยากขอ ตระกูลเว่ยก็เป็นตระกูลฝ่ายบุ๋น แม้ในตระกูลจะอ่านท่องตำราพิชัยยุทธจนคล่องแคล่ว แต่หากว่ากันถึงทหารที่มีความเชี่ยวชาญล้ำเลิศแล้วกลับหาออกมาไม่ได้แม้สักครึ่งคน” เสิ่นจั้งเฟิงทอดถอนใจ “ทว่าฉางซานกงรู้ถึงความสามารถของโม่ปินอวี่ในชัยชนะครั้งใหญ่ในเฟิ่งโจวแล้ว การที่เขากวาดล้างกองโจรต่างๆ ตั้งแต่เขาเหมิงซานเหนือมาตลอดทางจนถึงเขาเหมิงซานใต้ก็ไม่เคยพ่ายแพ้เลยแม้สักครั้ง แม้แต่กองโจรเขาเหมิงซานซึ่งเป็นกองโจรอันดับหนึ่งของเขาเหมิงซานก็ยังต้องพ่ายแก่เขาเช่นนี้ด้วย แต่กลับยังคงสามารถควบคุมชื่อเสียงมิให้ขจรขจายออกไปเร็วเกินไป นี่ยิ่งถือเป็นการพิสูจน์คุณค่าในตัวเขา! เพียงแต่ข้ากลับไม่เข้าใจ ฉางซานกงชื่นชอบผู้มีความสามารถ หากท่านอาหกของภรรยาข้าคอยเก็บซ่อนโม่ปินอวี่เอาไว้ ไม่ให้ฉางซานกงรู้ถึงคุณค่าที่แท้จริงของเขานั่นก็ยังแล้วไป แต่ในเมื่อเขาก็แสดงความสามารถของเขาออกมาแล้ว เหตุใดกลับไม่กลัวว่าฉางซานกงจะปล่อยเขาไป แล้วไปหว่านล้อมโม่ปินอวี่โดยตรงแทน? ต่อให้โม่ปินอวี่และรุ่ยอวี่ถังเคยมีความแค้นเรื่องของซ่งหานพ่อลูกมาก่อน และครั้งที่เขาหนีออกมาจากเฟิ่งโจวก็ยังสังหารองครักษ์ที่ตระกูลเว่ยส่งไปเฝ้าเขาไว้ด้วย ทว่าเมื่อเทียบกับความสามารถของเขาแล้ว ข้าคิดว่าฉางซานกงจะต้องไม่ถือสา กลับกันจะยิ่งชดใช้ให้เขาเสียอีก”
สิ่งที่เว่ยฮ่วนสามารถมอบให้โม่ปินอวี่ได้ มีหรือจะด้อยกว่าสิ่งที่เว่ยซินหย่งจะมอบให้? เหตุผลเช่นนี้ เกรงว่าแม้แต่เด็กเล็กๆ ก็ยังรู้
ส้างกวานสืออีไตร่ตรองไปมา กล่าวว่า “ข้าน้อยไม่เคยพบกับเว่ยซินหย่งและ โม่ปินอวี่มาก่อน เรื่องนี้จึงพูดยากนัก ทว่าเว่ยซินหย่งจะต้องมีวิธีบางอย่างที่สามารถทำให้โม่ปินอวี่เชื่อเขาอย่างสุดใจ จนต่อให้ฉางซานกงอ้อมเขาไปแล้วไปหว่านล้อม โม่ปินอวี่โดยตรงก็จะไม่อาจทำสำเร็จได้!” เขานิ่งเงียบไปพักใหญ่ กล่าวว่า “เว่ยซินหย่งเกิดและเติบโตในเมืองหลวง จู่ๆ ก็มารับราชการในอำเภอเฉาอวิ๋นเมื่อสามปีก่อน ทว่าในระหว่างที่เดินทางมารับราชการก็สั่งสมโจรโฉดที่เขาเฟิ่งฉีเอาไว้ ทั้งยังพาตัวโม่ปินอวี่ไปด้วย”
“ทว่าตามที่สาวใช้ผู้นั้นว่าเมื่อครู่นี้ เป็นเพราะชัยชนะครั้งใหญ่ในเฟิ่งโจวจึงทำให้ค้นพบความสามารถของโม่ปินอวี่ ก่อนหน้านั้นล้วนไม่มีคนรู้ว่าในเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ในตอนเหนือของเฟิ่งโจว มีผู้ที่มีความสามารถมาแต่กำเนิดเช่นนี้” ส้างกวานสืออีเอ่ยอย่างมีความคิดในใจว่า “ฉะนั้นเหตุที่เว่ยซินหย่งเลือกว่าจะไปอำเภอเฉาอวิ๋นในเวลานั้น ดูไปแล้วก็ไม่เหมือนกับว่าจะใช้โม่ปินอวี่เป็นข้ออ้างในการเดินทางไปครานี้ หากแต่เป็นเมื่อเดินทางไปถึงใกล้ๆ เฟิ่งโจวก็บังเอิญรู้เรื่องนี้เขาพอดี ทว่า… ความจริงที่อยู่เบื้องหลังชัยชนะครั้งใหญ่ในเฟิ่งโจวก็ยังไม่เคยแพร่งพรายออกมาภายนอกจนถึงบัดนี้ แล้วเหตุใดตอนนั้นเว่ยซินหย่งจึงได้รู้เรื่องแล้ว? ข้าน้อยจำได้ว่า จากเมืองหลวงมาถึงอำเภอเฉาอวิ๋นนี้ แม้จะสามารถเดินทางมาจากเฟิ่งโจวได้เช่นกัน ทว่าความจริงแล้วหากไม่เดินทางมาจากเฟิ่งโจว ก็กลับมีอีกสองทางที่ใกล้กว่า ในเมื่อเว่ยซินหย่งเดินทางจากเฟิ่งโจวไป ก็จะต้องมีเป้าหมายใดแน่”
คำถามนี้ เกรงว่าแม้แต่เว่ยฉางอิ๋งก็ยังตอบไม่ได้ …สามปีก่อน ครั้งนางไปตามนัดแทนน้องชาย และได้พบกับเว่ยซินหย่งในหุบเขานอกตัวเมือง แม้ดูแล้วคล้ายว่าจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ ทว่าในใจกลับตื่นเต้นจนเกินบรรยาย นางจึงไม่ได้คิดถึงข้อสงสัยนี้แต่อย่างใด ว่าคนในรุ่ยอวี่ถังที่รู้ว่าโม่ปินอวี่เป็นผู้ที่มีความชอบที่แท้จริงในชัยชนะครั้งใหญ่ในเฟิ่งโจวก็มีเพียงไม่กี่คน แต่เหตุใดเว่ยซินหย่งไม่เพียงแค่รู้เรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่สถานที่ที่โม่ปินอวี่ถูกกักบริเวณไว้เขาก็ยังรู้ดีประหนึ่งนิ้วในมือตน?
เว่ยฉางอิ๋งไม่รู้ จูเสียนสาวใช้ที่นางส่งมาถ่ายทอดคำพูดก็ยิ่งพูดให้ง่ายลงไปอีก เสิ่นจั้งเฟิงจึงยิ่งตอบออกมาไม่ได้ เขาขมวดคิ้วอยู่นาน ส่ายหน้า กล่าวว่า “หากโม่ปินอวี่เป็นคนของท่านอาหกของภรรยาข้ามาตั้งนานแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องให้เขาไปที่ทางเหนือของเฟิ่งโจว และการกวาดล้างเขาเหมิงซานในครานี้ก็เพียงพอจะพิสูจน์ ความสามารถของเขาแล้ว ผู้ที่มีความสามารถที่แท้จริง ต่อให้ก่อนนี้ไร้ชื่อเสียงใดๆ ไม่มีเบาะแสใดๆ ให้เห็น ก็ยังสามารถหาโอกาสเพื่อพิสูจน์ตนได้ไม่ยาก”
ส้างกวานสืออีพยักหน้า “คุณชายสามกล่าวถูกต้องขอรับ ข้าน้อยก็คิดเช่นนี้ ฉะนั้นข้าน้อยจึงขอเดาว่า ปีนั้นเว่ยซินหย่งเดินทางไปที่อำเภอเฉาอวิ๋น และจงใจเดินทางผ่านเฟิ่งโจว นอกจากเพราะจะไปพบท่านฉางซานกง เกรงว่าก็เพื่อพวกโจรโฉดที่เหลืออยู่ในเขาเฟิ่งฉีกลุ่มนั้น”
ความจริงแล้วเป็น ‘ปี้อู่’ ที่จงใจไปจัดหากองโจรเขาเฟิ่งฉีออกมา… ซึ่ง ‘ปี้อู่’ นี้ก็คือองครักษ์ลับของตระกูลเว่ยที่เว่ยฮ่วนไปช่วงชิงมาจากเว่ยเจิ้งหย่าซึ่งเป็นบุตรชายผู้ล่วงลับของจิ่งผิงกงและเป็นหลานชายของเขาด้วย เว่ยฮ่วนอาศัยโจรโฉดกลุ่มนี้มากำจัดคนใน ‘ปี้อู่’ ที่ภักดีแต่เว่ยเจิ้งหย่า
โดยเฉพาะเมื่อสามปีก่อน เว่ยฮ่วนสั่งให้กองโจรนี้ไปปล้นสะดมขบวนรถที่ส่งของจากเมืองหลวงกลับไปที่เฟิ่งโจว ซึ่งเป็นขบวนของเว่ยเซิ่งอี๋ บุตรชายคนรองบุตรอนุของตน แล้วอาศัยโอกาสนี้แสดงท่าทีโมโหโกรธายกใหญ่ ไม่เพียงสั่งให้ซ่งหานเจ้ากรมธรุการพาทหารและทหารรับจ้างไปกวาดล้าง แล้วยังเอาเรื่องบ่าวที่เกิดในบ้านซึ่งอยู่ในขบวนถูกฆ่าตาย และเรื่องที่ตระกูลเว่ยต้องเสียหน้าจดหมดเพราะขบวนรถของตระกูลเว่ยแห่งเฟิ่งโจวถูกปล้นสะดมอยู่นอกตัวเมืองเฟิ่งโจวมาเป็นข้ออ้าง เพื่อบีบให้เว่ยเจิ้งหย่ารับปากว่าจะส่ง ‘ปี้อู่’ กลุ่มใหญ่มาช่วยกวาดล้างกองโจร
เพียงคิดก็รู้แล้วว่าผลลัพธ์เป็นเช่นใด เว่ยฮ่วนยินดีเป็นยิ่งนักที่สามารถกำจัดคนสนิทของเว่ยเจิ้งหย่าไปได้จนเกือบหมด…
เรื่องน่าอัปยศของการต่อสู้ภายในตระกูลเช่นนี้ แม้เว่ยฉางอิ๋งจะรู้แต่นางย่อมไม่บอกแก่เสิ่นจั้งเฟิง
ทว่าเรื่องการต่อสู้ภายในตระกูลเว่ยนี้ เสิ่นจั้งเฟิงก็มิได้รู้มาจากภรรยาเสียทั้งหมด นั่นเพราะตระกูลเสิ่นก็ให้เป็นห่วงเป็นใยกับการเคลื่อนไหวต่างๆ ของบ้านฝั่งดองอยู่ไม่น้อย อีกประการหนึ่งเมื่อเป็นหกตระกูลสูงศักดิ์ในเขตทะเลที่สั่งสมความสูงศักดิ์และมั่งคั่งมาหลายชั่วอายุคน บ้านใดจะไม่มีเรื่องไม่ดีงามเล็กๆ น้อยๆ บ้างเลย? สถานการณ์ต่างๆ ในการต่อสู้ภายในตระกูลเว่ยนี้ ก็หาใช่ว่าตระกูลอื่นจะไม่เคยประสบมาก่อน
ก่อนเกิดเรื่องขึ้น บางทีอาจคิดไม่ถึง แต่เมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้วและได้เห็นว่าเว่ยฮ่วนสามารถควบคุม ‘ปี้อู่’ เอาไว้ได้อย่างสบายๆ ทั้งยังป่าวประกาศทั้งน้ำตาอีกว่าพวกหรงโหดร้ายเลือดเย็นเช่นนั้นเช่นนี้ที่วางแผนทำร้ายหลานๆ แท้ๆ ของตน …ทุกคนจึงพากันตาสว่างกันขึ้นมาแล้ว
…จะว่าไปกลอุบายนานาที่เว่ยฮ่วนทำลงไปในเรื่องนี้นั้น เสิ่นเซวียนก็ยังเคยนำมาวิเคราะห์และสอนสั่งแก่เสิ่นจั้งเฟิงอย่างละเอียดมาก่อนเช่นกัน
เพียงแต่เสิ่นจั้งเฟิงรู้ก็ส่วนรู้ แต่กลับไม่สะดวกจะบอกกับส้างกวานสืออีที่เพิ่งจะรับเข้ามา ว่าท่านปู่ของภรรยาตนวางแผนร้าย ทำร้ายหลานชายของตนเองเพื่อช่วงชิงทั้งคนและอำนาจมาจากมือเขา …ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปิดเรื่องนี้เอาไว้
ทว่าส้างกวานสืออีก็ไม่ได้หัวช้าเลย …เว่ยซินหย่งเดินทางมาจากเฟิ่งโจว ระหว่างทางเข้าไปคารวะเว่ยฮ่วนก็ไม่เป็นอันใด แต่ตอนไปกลับยังพาโจรโฉดกลุ่มหนึ่งไปด้วย เรื่องนี้ก็กลับแปลกแล้ว
เวลานี้ที่ที่ไม่สงบสุขในใต้หล้ามีอยู่มากมายนัก หากเว่ยซินหย่งเพียงต้องการโจรโฉด นอกจากแถบชานเมืองแล้ว จะมีที่ใดบ้างที่ไม่มี?
พวกโจรที่ยังอยู่ครบไม่ได้รับความเสียหาย ก็ไม่แน่ว่าเว่ยซินหย่งจะหว่านล้อมมาไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็มีฐานะเป็นบุตรหลานตระกูลสูงศักดิ์ผู้หนึ่ง สำหรับชาวบ้านจำนวนมากและพวกโจรที่มีชาติกำเนิดต้อยต่ำแล้ว ยามได้มาเจอเขาก็ยังต้องเกรงกลัวอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีอีกหลายคนนักที่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีแหล่งพักพิง…
แล้วเขากลับเดินทางอ้อมไปเฟิ่งโจวเพื่อไปรับกองโจรนี้ จึงถูกตระกูลเว่ยตีจนยับเยิน …โดยเฉพาะเมื่อเขายังเป็นคนของตระกูลเว่ยเองด้วย!
หากกองโจรกลุ่มนี้ดูไม่แปลก ก็แปลกแล้ว!