ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่ 2-3 - ตอนที่ 89-2 คนน่าสะอิดสะเอียด
“ข้าเองก็ไม่รู้” ไล่ฉินเหนียงปล่อยแขนเสื้อลง เม้มปากแล้วบอกว่า “รู้เพียงบิดาและพี่สาวแท้ๆ ของคุณชายล้วนตายไปเพราะสิ่งนี้”
“โอ๋?” เว่ยฉางอิ๋งเคยได้ยินเสิ่นจั้งเฟิงเอ่ยถึงมานานแล้วว่าเหตุที่เว่ยซินหย่งมีความแค้นกับจิ่งเฉิงโหวนั้นเกี่ยวข้องกับเว่ยจีและเว่ยซินไถ เพียงแต่รายละเอียดภายในที่แน่ชัดกลับไม่เคยรู้เลย ไม่คิดว่าเว่ยซินหย่งจะบอกเรื่องนี้แก่ไล่ฉินเหนียงด้วยสาเหตุเรื่องสายแร่หยก นางจึงเกิดความสนใจขึ้นมา แล้วถามว่า “เป็นเรื่องใดกัน?”
ไล่ฉินเหนียงบอกว่า “ว่าไปเรื่องก็ยาวนัก …สายแร่หยกนี้เป็นผู้อาวุโสกู่ซึ่งป็นลุงแท้ๆ ข้างแม่ของคุณชายค้นพบ ยี่สิบกว่าปีก่อน ด้วยผู้อาวุโสกู่ต้องการหาเงินทองไปแต่งภรรยา จึงได้ตามคนมาเก็บยาสองสามชิดในอำเภอเถาฮวาเมืองกว้านโจว ด้วยหวังว่าจะนำกลับไปขายที่เมืองหลวง ปรากฏว่าหลังจากที่ผู้อาวุโสกู่มาที่กว้านโจวได้ไม่นาน ก็ไม่ระวังทำถุงเงินหาย แม้ว่าจะอาศัยพึ่งพาสหายจนไม่ถึงกับต้องพเนจรอยู่ข้างถนน แต่ก็ไม่มีปัญญาจะกลับเมืองหลวงแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะซื้อหายาสมุนไพรกลับไปที่เมืองหลวงด้วย ผู้อาวุโสกู่ไม่ยินยอมจะกลับไปอย่างขอทาน จึงกัดฟันเข้าไปในภูเขา คิดจะเข้าไปหาเก็บตัวยาที่มีราคาด้วยตนเอง ในช่วงเวลาที่สหายไม่อยู่ในกว้านโจวและไม่ได้มาคอยควบคุมเรื่องการกินอยู่ของเขา ปรากฏว่าหลังจากขึ้นเขาไปเขากลับเก็บตัวยาที่พิเศษใดมาไม่ได้ แต่กลับค้นพบหินหยกที่ท้องลำธาร และเมื่อเดินตามลำธารมาก็ได้พบกับสายแร่หยกเข้า”
เว่ยฉางอิ๋งแอบถอนใจคิดว่าเจ้าคนแซ่กู่นี่ก็ช่างโชคดีเหลือใจ ต่อให้เขาต้องการหาเงินทองแล้วเสี่ยงอันตรายเข้าไปในที่ค่อนข้างมีอันตราย แต่พวกคนที่เกิดและเติบโตในอำเภอเถาฮวาแห่งนี้และเข้าไปในภูเขาก็มีจำนวนไม่น้อย และลำธารบนเขาก็ไม่มีทางจะมีมากกว่าต้นไม้เป็นแน่ หลายปีมานี้กลับเป็นเจ้าคนแซ่กู่ผู้นี้ไปเก็บหินหยกมาได้ แล้วจากนั้นก็ยังไปพบสายแร่หยกด้วย ทำให้เรื่องนี้ล้วนไม่เคยแพร่งพรายออกมา
แล้วได้ยินไล่ฉินเหนียงพูดต่อไปว่า “เพียงแต่ผู้อาวุโสกู่มีชาติกำเนิดที่ยากแค้นแม้คิดจะหุบสายแร่นี้ไว้เพียงผู้เดียว แต่ก็กลับไร้กำลังพอ หากยังฝืนไปขุดเองก็เกรงว่าจะกลับเป็นการทำร้ายตนเองเสียเปล่าๆ เมื่อคิดไปมาแล้ว จึงทำได้เพียงนำหินหยกสองก้อนที่เก็บจากลำธารมาได้ไปซ่อนเอาไว้ แล้วยืมเงินจากสหายเพื่อกลับบ้านที่ เมืองหลวง คิดว่าจะไปหารือกับบิดามารดาและญาติๆ เสียก่อน ทว่าหลังจากที่เขากลับไปเมืองหลวงแล้ว กลับพบว่าน้องสาวของตน ซึ่งก็คือฮูหยินกู่มารดาแท้ๆ ของคุณชายถูกคนของจือเปิ่นถังรับไปเป็นอนุแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังตั้งท้องด้วย ผู้อาวุโสกู่จึงเกิดความคิดขึ้นว่าเขาจะอาศัยเรื่องนี้ไปขอพึ่งบารมีตระกูลเว่ยให้ช่วยเหลือ”
“เพียงแต่ แม้ว่านายท่านเว่ยบิดาของคุณชายจะเป็นคนในตระกูลสูงศักดิ์ แต่ด้วยเป็นบุตรของอนุ และเวลานั้นท่านจิ่งเฉิงโหวผู้เฒ่าก็สิ้นไปแล้ว จึงทำให้คนที่พอจะใช้สอยได้มีไม่มาก และไม่มีอำนาจบารมีใดๆ ด้วย”
เว่ยฉางอิ๋งคิดในใจว่าเว่ยจีผู้นั้นเป็นบุตรที่เกิดจากอนุแสนรักในวัยชราของท่าน จิ่งเฉิงโหวผู้เฒ่า แม้ว่าจิ่งเฉิงโหวผู้เฒ่ามิได้รักเขาถึงขั้นที่จะถ่ายทอดตำแหน่งของตนให้เขา แต่เพียงคิดก็รู้ว่าจะต้องปกป้องและตามใจเขาอย่างมาก แต่เว่ยจีกลับมิได้มีความก้าวหน้าอันใดเพราะการสนับสนุนจากบิดา …เห็นชัดว่าความสามารถของเว่ยจีห่างไกลจากเว่ยซินหย่งบุตรชายของเขาลิบลับ
ไล่ฉินเหนียงเอ่ยต่อไปว่า “นายท่านเว่ยไร้เรี่ยวแรงจะไปครอบครองสายแร่หยก แต่ก็ไม่กล้าให้จิ่งเฉิงโหวรู้เรื่องนี้ เพื่อมิให้ถูกจิ่งเฉิงโหวมาชิงเอาไป จึงได้วางแผนไปเป็นขุนนางในศาลาว่าการกว้านโจว เพื่อจะได้จัดการทุกอย่างได้ในระยะยาว ทว่าด้วยเหตุผลนานาจึงทำไม่สำเร็จเรื่อยมา แต่กลับค่อยๆ ทำให้จิ่งเฉิงโหวเกิดสงสัยขึ้นมา!”
“แล้วไปพัวพันกับท่านอาหญิงในตระกูลของข้าได้อย่างไรเล่า?” เว่ยฉางอิ๋งเอ่ยถามเหมือนมีความคิดบางอย่าง
ไล่ฉินเหนียงพลันมีสีหน้าโกรธเคืองและรังเกียจออกมา กล่าวว่า “เมื่อจิ่งเฉิงโหวเกิดสงสัยขึ้นมา ตัวเขาเองต้องยุ่งกับกิจในวัง จึงไม่อาจไปคอยจับตานายท่านเว่ยด้วยตนเองได้ เขาจึงสั่งเว่ยชิงเซียวบุตรชายคนรองของเขาให้ไปคอยจับตาดูบ้านของนายท่านเว่ยเอาไว้ …เมื่อนับไปแล้วเว่ยชิงเซียวผู้นั้นก็เป็นลูกผู้พี่ฝั่งบิดาแท้ๆ ของคุณชายและคุณหนู …แต่กลับหน้าเนื้อใจเสือ เป็นเดรัจฉานก็ไม่ปาน!”
เมื่อได้ยินนางด่าออกมาดังนี้ เว่ยฉางอิ๋งก็พอจะเดาได้แล้วว่าเว่ยชิงเสียทำสิ่งใดลงไป
ปรากฏว่าไล่ฉินเหนียงก็เอ่ยไปอย่างชิงชังรังเกียจว่า “เขาจับตาดูบ้านของนายท่านเว่ยได้ไม่กี่วัน เมื่อเห็นว่าคุณหนูมีหน้าตางดงาม ก็กลับลงมือ… ครานั้นคุณชายอายุได้ห้าขวบ และคุณหนูเพิ่งเจ็ดขวบ!”
เว่ยฉางอิ๋งเองก็อดจะมีสีหน้าเปลี่ยนไปไม่ได้ “เว่ยชิงเซียวผู้นี้ช่างไร้ยางอายถึงเพียงนี้?!”
นางคล้ายเคยได้ยินมาว่า ในบ้านเรือนใหญ่โตมีคนจำนวนมากมีเรื่องโปรดปรานที่ไม่อาจบอกกล่าวกับผู้คนได้ และไม่อาจเอ่ยถึงอย่างละเอียดได้ นั่นเพราะหากไปเอ่ยถึงก็จะรู้สึกสะอิดสะเอียนนัก เกรงว่าคนทั่วไปจะรับฟังไม่ได้
ชื่นชอบเด็กหญิงเล็กๆ ก็เป็นหนึ่งในนั้น…
ทว่าความชื่นชอบชนิดนี้ โดยมากแล้วก็จะไปซื้อหาบุตรสาวมาจากชาวบ้านทั่วไปหรือไม่ก็ไปเอาเด็กหญิงในชนชั้นต่ำมาสนองตัณหา และจะไม่ยื่นมือยื่นไม้มาถึงตัวบุตรีในตระกูลเลื่องชื่อ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเป็นลูกผู้น้องแท้ๆ ของตนเอง!
เว่ยฉางอิ๋งรู้สึกแต่เพียงว่าสะอิดสะเอียนจนเกินจะรับไหว …เมื่อเทียบกับเว่ยชิงเซียวผู้นี้แล้ว เซินสวินซึ่งเป็นองค์รัชทายาทองค์ก่อนก็ยังนับว่าเป็นคนดีคนหนึ่งเลย!
อย่างน้อยๆ เว่ยฉางเจวียนที่ถูกเซินสวินบีบคั้นจนตายก็ยังถึงวัยออกเรือนแล้ว อย่างน้อยสตรีที่เซินสวินบังคับย่ำยีก็ล้วนเป็นหญิงสาวมิใช่เด็กหญิงเล็กๆ!
ลูกผู้น้องหญิงที่อายุเพียงเจ็ดขวบ นี่จะต้องเป็นเดรัจฉานปานใดจึงลงมือได้?
ไล่ฉินเหนียงยิ้มเย็นพลางว่า “ข้าจะหลอกฮูหยินไปทำสิ่งใด? เรื่องนี้เป็นความเจ็บปวดฝังใจของคุณชาย เดิมทีคุณชายเคยสาบานเอาไว้ว่าจะไม่บอกแก่ผู้ใด! เพียงแต่คุณชายรู้ว่าฮูหยินไม่เชื่อใจเขา กลัวว่าฮูหยินจะทำให้ลำบาก จนทำให้ไม่อาจล้างแค้นใหญ่หลวงนี้ได้ เขาจึงได้ส่งหู่หนูซึ่งเป็นเด็กรับใช้ของเขาแอบเดินทางมาเพื่อบอกกล่าวเรื่องนี้กับข้า ให้ข้าสามารถตอบคำฮูหยินได้! หากฮูหยินไม่เชื่อก็สามารถเขียนจดหมายไปสอบถามกับคุณชาย เพียงแต่ฮูหยินโปรดคิดดู นี่ก็หาใช่เรื่องที่เชิดหน้าชูตาอันใด เหตุใดคุณชายต้องกุเรื่องขึ้นมาทำลายชื่อเสียงพี่สาวเพียงคนเดียวของตนเอง?”
แม้จะไม่เคยได้พบกับเว่ยซินไถมาก่อนเลย แต่เว่ยฉางอิ๋งก็ยังเอ่ยอย่างเด็ดขาดว่า “เรื่องนี้สักพักค่อยว่ากัน …วันหน้าหากมีโอกาส ข้าจะต้องไม่ให้เว่ยชิงเซียวผู้นี้ได้ตายดีแน่!” คนโสมมน่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้ ชื่นชอบเด็กหญิงเล็กๆ ยังไม่พอ กระทั้งยังมาลงมือกับลูกผู้น้องที่ยังเล็ก …อย่าว่าแต่เป็นท่านอาร่วมตระกูลที่มีสายเลือดห่างไกลกันเลย ต่อให้เป็นท่านอาแท้ๆ ของตน เว่ยฉางอิ๋งก็ยังรู้สึกว่าคนชนิดนี้ควรจะตายไปได้ไวๆ เป็นดี!
ไล่ฉินเหนียงไม่คิดว่านางจะตอบมาดังนี้ จึงตะลึงไปสักพัก ความแข็งกร้าวโอหังที่ปรากฏขึ้นมาในดวงตาเมื่อครู่นี้พลันจางหายลงไปบ้าง แล้วบอกว่า “ความแค้นของคุณชาย คุณชายจะต้องหาทางแก้แค้นเอง เพียงแต่ข้าต้องขอขอบคุณในน้ำใจนี้ของฮูหยินแทนคุณชายด้วย”
เว่ยฉางอิ๋งเอื้อมมือขึ้นมาคลึงขมับ กล่าวว่า “เช่นนั้นเว่ย…ท่านปู่ตระกูลข้าผู้นั้นเป็นเช่นใด? ข้าได้ยินคนบอกว่าท่านปู่ตระกูลข้าผู้นั้นเสียไปในเวลาไล่เลี่ยกับท่านอาหญิง เรื่องที่บอกมาในยามนั้นคือบิดาและบุตรสาวป่วยและตายไปพร้อมกัน”
“ตอนที่คุณหนูถูก… เสียงร้องไห้โวยวายยามนางดิ้นร้นทำให้นายท่านเว่ยรู้เข้า จึง…” ไล่ฉินเหนียงหัวเราะหยันไปคำหนึ่ง กล่าวว่า “เมื่อจิ่งเฉิงโหวรู้เรื่อง เพื่อปกป้องชื่อเสียงของบุตรชายคนรอง จึงให้ทำให้นายท่านเว่ยและคุณหนูป่วยและตายไปเสีย หากมิใช่เพราะผู้อาวุโสกู่เห็นท่าว่าไม่ดีแล้ว จึงอาศัยจังหวะที่จิ่งเฉิงโหวยังไม่มาและหนีไปเสียก่อน และในระหว่างที่กำลังเร่งรีบนั้นก็ได้ทิ้งจดหมายฉบับหนึ่งเอาไว้ในที่ที่ คุณชายชอบไปเล่นบ่อยๆ หาไม่แล้ว คุณชายก็คงจะไม่มีวันรู้ความจริงไปชั่วชีวิต!”