ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1238 ขัดขวาง
ตอนที่ 1238 ขัดขวาง
“กษายะหางวายุหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองถวนจื่อด้วยใบหน้าเรียบเฉย พลางระบายยิ้มราวมิใช่เรื่องน่าตกใจ
“ไม่แปลกที่ศิษย์พี่หญิงเจียงจักคุ้นตา ศิษย์พี่หญิงหลิ่วเองก็มีอยู่ตัวนึง มิใช่หรือขอรับ?
เจียงจื่อหยวนชะงัก ก่อนจะค่อยๆ ขมวดคิ้วทีละนิด
ไม่สิ ไม่ใช่
ที่นางบอกว่ากษายะหางว่ายุตัวนี้ดูคุ้นๆ นั้น มิใช่เพราะมันคือกษายะหางวายุเสียหน่อย!
นางเองก็เคยเห็นกษายะหางวายุของหลิ่วอินถงมาแล้ว ถึงจะเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน แต่ความจริงแล้วก็ยังมีความต่างด้านพลังแห่งสายเลือด ซึ่งมันต่างจากตัวที่อยู่ตรงหน้านางมาก
นางสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองได้อย่างชัดเจน!
เมื่อเทียบกันแล้ว เจ้าตัวที่อยู่ตรงหน้านาง ดูคล้ายกับตัวที่นางสู้ด้วยเมื่อครานั้นไม่มีผิด!
ตอนแรกนางไม่ได้สังเกต แต่พอได้ยืนดูใกล้ๆ และพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ยิ่งมองก็ยิ่งคล้ายกันมาก
เมื่อเกิดความคิดเช่นนี้แล้ว ก็ดูเหมือนว่ามันจะหยั่งรากลึก จนไม่สามารถลบออกจากสมองได้
“ไม่ มันไม่เหมือนกับของเจ้า”
นางกล่าวเช่นนั้นพลางจ้องมองฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์
นางรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลแปลกๆ
ด้วยนิสัยของหรงซิวแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จู่ๆ เขาจะมาใส่ใจคนแปลกหน้าโดยไร้เหตุผล ยิ่งเรื่องยอมให้อีกคนพักอาศัยด้วยกันยิ่งแล้วใหญ่
เว้นเสียแต่ว่า…เขาจะรู้จักคนผู้นั้นมานานแล้ว!
หรือไม่ก็เป็นคนที่มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับเขา!
เจียงจื่อหยวนมองดูชายหนุ่มตรงหน้าอย่างระมัดระวัง พยายามค้นหาแม้กระทั่งสัญญาณของความลังเลและอาการร้อนตัวบนใบหน้าของเขา
แต่กลับไม่มี
ตั้งแต่หัวจรดเท้า เด้กคนนี้ยังคงทำตัวปกติไร้การเสแสร้ง เมื่อเผชิญหน้ากับการซักถามของนาง เขาก็หัวเราะออกมา เผยให้เห็นบรรยากาศซุกซนและเป็นกันเองของเด็กหนุ่ม
“อสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญญาของข้า มิใช่สิ่งที่ใครจักเทียบเคียงได้”
น้ำเสียงและรอยยิ้มนั่นแฝงไปด้วยความภาคภูมิใจ และเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในคำพูดของตน
ท่าทีเช่นนี้ ยากนักที่จะทำให้ผู้คนสงสัย
“ถ้าศิษย์พี่หญิงเจียงชอบ ก็เข้ามาดูใกล้ๆ ได้ขอรับ สีสันเช่นนี้งดงามนัก และหาได้ยากเช่นกัน”
เจียงจื่อหยวนไม่เชื่อคำโปรดนั่น และจ้องมองกษายะหางวายุตัวนั้นอยู่พักหนึ่ง
มันนั่งยองๆ บนไหล่ของเด็กหนุ่ม ประหนึ่งลูกขนกลมๆ สีแดง ครั้นมองจากจากระยะไกลแล้ว ดูราวกับลูกไฟกลมๆ อย่างใดอย่างนั้น
พอสัมผัสได้ถึงสายตาของเจียงจื่อหยวน มันก็หันมาสบตานางแวบหนึ่ง พลันก้มหัวมุดปีกตัวเองราวหวาดกลัว
เจียงจื่อหยวนถึงตระหนักได้ว่า กษายะหางวายุตัวนี้แตกต่างจากตัวที่อยู่ในความทรงจำของนางนิดหน่อย
แม้แต่สีตาและสีขนของมัน ก็ดูจะเข้มกว่าเจ้าตัวนั้นด้วย
หรือว่านาง…จะเข้าใจผิดจริงๆ?
ฉู่หลิวเยว่ตบลำตัวของถวนจื่อเบาๆ
“ไปเถอะ!”
ถวนจื่อเงยหน้าขึ้นทันควัน ดวงตาของมันเป็นประกายวาววับ มันถูตัวกับใบหน้าของฉู่หลิวเยว่อย่างอ้อร้อ พลันพุ่งตัวไปยังตาน้ำพุอย่างรวดเร็ว
แต่เพราะยังมีคนแวะเวียนเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ทำให้ถวนจื่อประมาณตนแล้วทิ้งตัวลงบนโขดหินที่อยู่ติดกับตาน้ำพุแทน
เมื่อสายน้ำพวยพุ่งออกมา มันก็ค่อยๆ ก้มหัวลงไปดื่มน้ำอย่างสงบ
ช่วงนี้ฉู่หลิวเยว่กับถวนจื่อมักจะมาที่นี่แทบทุกครั้งที่ว่าง ฉะนั้นมันจึงไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้คนรอบๆ ได้เห็นฉากนี้ และไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจแต่อย่างใด
ฉู่หลิวเยว่หันไปมองเจียงจื่อหยวนอย่างสื่อความหมาย
“ศิษย์พี่หญิงเจียงยังมีเรื่องข้องใจอีกหรือไม่? หากไม่ ข้ากับเพื่อนของข้าจักไปฟากนู้นแล้วนะขอรับ”
เจียงจื่อหยวนลังเลอยากจะพูด เดิมทีนางอยากดึงอีกฝ่ายมาเค้นถามอย่างละเอียด แต่สุดท้ายก็ได้แต่กลืนคำพูดเหล่านั้นลงไป
“เซียวเซียว เราไปกันเถอะ”
ครั้นพูดจบ นางก็หันหลังกลับและจากไป
เหลี่ยงเซียวเซียวตกใจแล้วรีบดึงนางไว้
“นี่ ไยจักพรวดพราดออกไปล่ะ? พวกเราเพิ่งมาถึงที่นี่เองนะ!”
เจียงจื่อหยวนย่นคิ้ว
“จู่ๆ ข้าก็รู้สึกไม่สบายขึ้นมา อยากกลับไปพักเสียหน่อย”
เหลี่ยงเซียวเซียวยิ่งแปลกใจ
ไม่สบายหรือ?
เมื่อครู่ยังดีๆ อยู่เลยมิใช่หรือ จับพลัดจับผลู ไฉนถึงไม่สบายขึ้นมาล่ะ?
หรือเป็นเพราะ…สิ่งที่ฉู่เยว่พูดเมื่อครู่ก่อน เลยพลอยทำให้นางไม่สบอารมณ์?
พอคิดไปคิดมา เหลี่ยงเซียวเซียวก็เชื่อว่าน่าจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ นางจึงกล่าวว่า
“ก็ได้ เช่นนั้นข้าจะพาเจ้ากลับเอง”
แต่เจียงจื่อหยวนกลับส่ายหัวเนือยๆ
“ไม่ต้องหรอก เจ้าอยู่ที่นี่ต่อเถอะ อย่าหมดสนุกเพราะข้าเลย”
เดิมทีเหลี่ยงเซียวเซียวเองก็ไม่อยากกลับ เพราะวันนี้ของทุกเดือนจะเป็นวันที่พวกนางได้ปล่อยตัวปล่อยใจมากที่สุด
หากกลับไปทั้งๆ แบบนี้ คงน่าเบื่อสุดๆ ไปเลย!
“แล้วเจ้าจะไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
“วางใจเถอะ เรื่องขี้ปะติ๋วเช่นนี้ทำอันใดข้าไม่ได้หรอก”
จากนั้น นางก็ปฏิเสธความหวังดีจากชายหนุ่มหลายคนที่ต้องการไปส่งนาง และจากไปเพียงลำพัง
เหลี่ยงเซียวเซียวมองดูแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่ค่อยๆ หายไปจากครรลองสายตาแล้วยักไหล่
แม้นางกับเจียงจื่อหยวนจะเป็นเพื่อนรักกัน และมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอด แต่ก็มีหลายครั้งที่เจียงจื่อหยวนทำตัวปิดกั้นนาง
และนางเองก็ไม่ได้โง่ เหตุใดจะดูไม่ออกว่าอีกฝ่ายคิดอันใดอยู่?
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่นางจะต้องใส่ใจมากนัก
เหล่าคนหนุ่มสาวที่เกิดมาในตระกูลชนชั้นสูงอย่างพวกนาง รู้ดีที่สุดว่าอันใดควรพูด อันใดไม่ควรพูด
ถึงศักยภาพของนางจะไม่สูงเท่าอีกฝ่าย แต่นางสายตาดีเป็นเลิศ
เหลี่ยงเซียวเซียวรีบดึงสายตากลับมา แล้วเข้าไปร่วมวงสนทนากับคนอื่นๆ
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองถวนจื่อที่กระเหี้ยนกระหือรืออยากเข้าไปในตาน้ำพุ แล้วฝังตัวอยู่บนภูเขาหมื่นเมรัยตลอดไป
ปัจจุบันถวนจื่อมาที่นี่ทุกคืน และหลังจากผ่านไประยะหนึ่ง นางก็เห็นการเปลี่ยนแปลงบนตัวมันได้อย่างชัดเจน
ไม่รู้ว่าหากมันสามารถอยู่ที่นี่ได้ตลอดหนึ่งเดือน กระทั่งหลังจากปลดผนึงพลังแห่งสายเลือดได้อย่างสมบูรณ์แล้ว มันจักเป็นเช่นไร?
…
หลังจากที่เจียงจื่อหยวนออกจากภูเขาหมื่นเมรัยแล้ว นางก็รีบมุ่งหน้ากลับไปยังที่พักของตน
ครั้นเข้าไปด้านในแล้ว นางก็ปิดประตูอย่างระมัดระวังแล้วนั่งลงที่โต๊ะทำงาน
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็กางแผ่นกระดาษออกและเริ่มเขียนจดหมาย
กระทั่งเขียนเสร็จในเวลาต่อมา
นางพับจดหมายอย่างระมัดระวัง และยัดมันลงในตัวหุ่นนกสัมฤทธิ์ที่เตรียมไว้
พลางถ่ายพลังเข้าไปในตัวนก จนมันเริ่มสยายปีกแล้วบินออกไปข้างนอก!
ภายใต้ความมืดมิดยามค่ำคืน ร่างของนกสัมฤทธิ์หายวับไปอย่างรวดเร็ว
เจียงจื่อหยวนยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาและประสานมือเท้าคางลงกับโต๊ะด้านหน้า พลันขมวดคิ้วมุ่น
นางสงสัยเรื่องตัวตนที่แท้จริงของฉู่เยว่
ไหนจะทัศนคติของหรงซิวที่มีต่อเขาอีก ช่างน่าสงสัยจริงๆ
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน นางก็ตัดสินใจเขียนจดหมายกลับไปที่เผ่าเซียนสุ่ยหลิงเจียง และขอให้พ่อของนางช่วยค้นหาความจริง!
หากนางพบว่าฉู่เยว่ปิดบังอันใดไว้ล่ะก็ นางจะรีบเปิดโปงอีกฝ่ายทันที!
…
ณ ภูเขาจิ่วเหิง
ท่ามกลางความเงียบงัน ปรากฏคลื่นความผันผวนขึ้นในชั้นอากาศ
ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่หน้าเรือน
อีกฝ่ายแต่งกายด้วยชุดคลุมสีดำ รูปร่างสูงโปร่ง แผ่นหลังเหยียดตรงอย่างสง่าผ่าเผย
เขาคือหรงซิว!
และดูเหมือนว่าเขาเพิ่งจะกลับมาจากที่ไหนสักแห่ง
เข้าเตรียมยกเท้าและก้าวขาเข้าไปด้านใน แต่ก็พลันต้องหยุดชะงัก แล้วหันกลับไปมอง!
ภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมิด เขามองเห็นเพียงภูเขาลูกเล็กๆ ที่เรียงตัวราวระลอกคลื่น
แต่ทันใดนั้น ดวงตาเรียวคมดุจปักษาของเขาพลันเผยจิตสังหารออกมา!
พริบ!
เขาสะบัดแขนเสื้อ คลื่นพลังปราณทมิฬสายหนึ่งพุ่งออกไป!
และวนกลับมาพร้อมกับนกสัมฤทธิ์หนึ่งตัวอย่างว่องไว
หรงซิวมองไปที่นกสัมฤทธิ์นั่น พลันหรี่ตาลงอย่างอันตราย
ตูม!
มีเสียงระเบิดดังขึ้น!
นกสัมฤทธิ์แตกสลายเป็นผุยผงในทันที!
พร้อมกับจดหมายฉบับหนึ่ง ที่ร่วงลงมาจากตัวของมัน
หรงซิวยกมือขึ้น จดหมายฉบับนั้นหล่นลงไปในมือของเขา
เขายกมันขึ้นมาเปิดอ่าน ทว่าเพียงขยับปลายนิ้ว จดหมายนั่นก็สลายกลายเป็นฝุ่นไปเสียแล้ว!
เขารีบหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวราวหิมะออกมา แล้วบรรจงเช็ดมือให้สะอาด
พลันมีก้อนเปลวเพลิงสีทองลุกโชนขึ้นมา แล้วเผาผ้าผืนนั้นจนมอดไหม้!
เขาหมุนตัวกลับและเดินเข้าไปในเรือนที่พัก
…………………………………………………….