ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1242 ผ่าลงมา
ตอนที่ 1242 ผ่าลงมา
นางกระชากมันอย่างแรง!
แต่กระบี่ชื่อเซียวยังคงลอยนิ่งไม่ไหวติง
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงแล้วจ้องมันอย่างพินิจพิเคราะห์
กระบี่เล่มนี้…ก็มิได้ขึ้นสนิม แต่เหตุใดถึงดึงไม่ออก?
นางกัดฟันแน่น พลันออกแรงมากขึ้นแล้วลองดึงอีกครั้ง!
แต่กระบี่ชื่อเซียวก็ยังไม่ขยับเลยสักนิด
ราวกับว่าตัวกระบี่ฝั่งยึดแน่นอยู่ในฝัก ไม่ว่าฉู่หลิวเยว่จักพยายามมากเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถดึงมันออกมาได้
หลังจากล้มเหลวอยู่หลายครั้ง สุดท้ายองค์ไท่จู่ก็เอื้อนเอ่ยขึ้นมาว่า
“นังหนูเอ๋ย จงอย่าเพิ่งถอดใจ หากเจ้าไม่ตีเหล็กอีกครา เจ้าก็ใช้ศาสตราวุธแห่งจิตวิญญาณนั่นไม่ได้”
ฉู่หลิวเยว่พลันได้สติอีกครั้ง
“กระไรนะ?! เช่นนั้นก็หมายความว่า ถ้าข้าไม่ชุบกระบี่เสียก่อน ข้าก็ใช้กระบี่เล่มนี้ไม่ได้หรือ?”
องค์ไท่จู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อืม…เหมือนจะเป็นอย่างนั้น…ใช่แล้ว ข้าลืมบอกเจ้าไปเลยว่า เพราะจิตวิญญาณของกระบี่หลงหยวนถูกย้ายไปยังกระบี่นั้นแล้ว ฉะนั้น…จากนี้ไป กระบี่หลงหยวนก็ไม่มีประประโยชน์แล้ว”
ฉู่หลิวเยว่ใจกระตุกวูบ พลางเรียกกระบี่หลงหยวนออกมาทันที
กระบี่เล่มยาวสีนิลกาฬปรากฏขึ้นในมือของนาง ทั้งเย็นเฉียบและหนักแน่น
นางถ่ายพลังปราณของตัวเองลงไป แต่กระบี่หลงหยวนกลับไม่ตอบสนอง!
“นี่มัน…”
“อาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อนั้นทรงพลังมาก และสามารถบดขยี้กระบี่หลงหยวนได้อย่างง่ายดาย ถ้าไม่ใช่เพราะมีข้าสถิตอยู่ในนั้น หลังจากทำการย้ายดวงจิตแล้ว กระบี่หลงหยวนคงจะถูกทำลายในทันที”
องค์ไท่จู่ถอนหายใจ
“อาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อ ควบคุมง่ายเสียที่ไหนกัน”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
แล้วนี่ นางต้องทำอย่างใด?
กระบี่หลงหยวนก็ใช้ไม่ได้ ส่วนกระบี่ชือเซี่ยวนั้น แม้แต่ฝักยังดึงไม่ออก!
ขนงเรียวขมวดมุ่นระคนปวดหัว
เมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็เหลือเพียงทางนั้นทางเดียวแล้วสินะ?
“ฮิ ฮิ นังหนูเอ๋ย ความจริงแล้วมันมิได้ยากอันใดเลย อย่างใดเสียก็มีข้าอยู่ทั้งคน ข้าช่วยเรียกทัณฑ์สวรรค์ให้เจ้าได้ ส่วนเจ้าก็ชุบชีวิตกระบี่เล่มนั้น ง่ายจะตายไป?”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
ดูเหมือนองค์ไท่จู่จะมั่นใจในตัวนางเกินไปหน่อย…
แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว นอกจากวิธีนี้ ก็เหมือนจะไม่มีวิธีอื่นแล้ว
นางใช้ความคิดอยู่พักหนึ่ง
“เช่นนั้นก็ขอรบกวนองค์ไท่จู๋ เป็นพลังให้ข้าด้วย!”
…
ฉู่หลิวเยว่เดินออกจากห้องและขึ้นไปบนยอดเขา
เพื่ออันเชิญทัณฑ์สวรรค์ออกมา สถานที่แบบนี้จึงเป็นที่ที่เหมาะสมที่สุด
แต่สิ่งที่น่ากังวลอย่างเดียวก็คือ หากกระทำการเสียงดังเกินไป ก็อาจจะไปเตะตาใครหลายคนเข้า
แต่ตอนนี้นางไม่ได้สนใจเรื่องนั้นมากนัก
อีกทั้งด้านนอกของภูเขาจิ่วเหิ่งก็ยังมีค่ายกลที่หรงซิวสร้างไว้ปกคลุมอยู่ มันน่าจะช่วยปกปิดกิจกรรมลับๆ ของพวกเขาได้บ้าง
ฉู่หลิวเยว่พบพื้นที่ว่างราบเรียบแห่งหนึ่งบนยอดเขา ก่อนจะนำศิลาดวงดาวออกมา และวางกระบี่ชื่อเซียวไว้บนนั้น
พลันมีร่างเงาโปร่งแสงพุ่งออกมาจากมัน ซึ่งก็คือองค์ไท่จู่
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองเขาแล้วหรี่ตาลงอย่างจับผิด
“องค์ไท่จู่ ไยข้าถึงรู้สึกว่าร่างกายของท่าน…ดูแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม?”
เมื่อก่อนร่างเงาของเขานั้นแทบไม่มีลมปราณใดๆ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปอย่างมาก
องค์ไท่จู่ทำท่านึกคิด แล้วพยักหน้า
“ถูกของเจ้า ข้าเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน”
ยิ่งอยู่กับฉู่หลิวเยว่นานเข้า ลมปราณของเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
เมื่อพบกันครั้งแรก เขาแทบจะมีสภาะราววิญญาณเร่ร่อนอันไร้ตัวตน แต่ตอนนี้เขากลับแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน
เขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่
ทว่าตั้งแต่ที่จิตวิญญาณของกระบี่หลงหยวนเข้าไปอยู่ในกระบี่ชื่อเซียว เขาก็พบว่าเหมือนตัวเองจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องพึ่งพามันอีกต่อไป!
ฉู่หลิวเยว่เริ่มมั่นใจในสิ่งที่ตนเดาไว้ก่อนหน้านี้
สิ่งนี้น่าจะเป็นดวงวิญญาณขององค์ไท่จู่ แต่เพราะถูกสะกดไว้นานหลายพันปี มันจึงลดทอนพลังของเขาและทำให้เขาจำเรื่องต่างๆ ไม่ได้
แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังคิดว่า เขาในตอนนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของจิตใต้สำนึกของตัวเอง
ฉู่หลิวเยว่ระดมความคิด พลันมีความคิดหนึ่งแวบผ่านเข้ามาในหัว
ถ้าดวงวิญญาณขององค์ไท่จู่ยังอยู่ล่ะก็…เช่นนั้น หากนางกระตุ้นจิตวิญญาณของกระบี่ชื่อเซียวแล้วควบคุมมันได้ ก็มีโอกาสที่องค์ไท่จู่จะฟื้นคืนชีพอีกครั้งใช่หรือไม่?
นางสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วตั้งสติ
เอาเป็นว่า ไว้รอชุบชีวิตกระบี่เล่มนี้เสร็จแล้วค่อยจัดการเรื่องทั้งหมดอีกทีก็ยังไม่สาย!
…
“นังหนู เจ้าถอยออกไปหน่อย”
องค์ไท่จู่ลอยตัวอยู่ในอากาศด้วยสีหน้าขึงขัง
ฉู่หลิวเยว่ถอยหลังออกไปห้าก้าว ดวงตาของนางจับจ้องเพียงกระบี่ชื่อเซียวที่วางอยู่บนศิลาดวงดาว!
องค์ไท่จู่ชูมือขึ้นทั้งสองข้าง ลมปราณรอบตัวเขาเริ่มพุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง!
แรงกดดันมหาศาลแผ่ขยายไปสู่บริเวณโดยรอบ!
และไม่นานเหล่ากลุ่มเมฆสีดำ ก็มารวมตัวกันบนท้องฟ้า!
ดวงจันทร์ที่เคยส่องสว่างถูกบดบังด้วยกลุ่มเมฆหนา ทั่วทั้งโลกพลันมืดลงในพริบตา!
ความเงียบงันปกคลุมไปทั่วขุนเขาแห่งนี้
มีเพียงเสียงลมพัดหวีดหวิวแลเสียงแซกแซของต้นไม้ใบหญ้า!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกอึดอัดราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นกุมหัวใจของนางไว้ สองรูหูได้ยินเพียงเสียงหัวใจเต้นระรัวดังก้อง
กลุ่มก้อนเมฆาร้องคำราม! เมฆดำทะมึนเคลื่อนเข้ามาอย่างรวดเร็ว!
ในที่สุด ก็มีทัณฑ์สวรรค์อันเจิดจ้าสายหนึ่ง พุ่งทะยานออกมาจากด้านหลังก้อนเมฆ!
ตามมาด้วยวิถีที่สอง! และวิถีที่สาม!
ฉู่หลิวเยว่อ้าปากค้าง
…มันโผล่ออกมาเร็วกว่าที่นางคิดไว้เสียอีก!
หากต้องการขัดเกลาจิตวิญญาณของอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อ ก็จะต้องทนรับแรงกระแทกจากวิถีจำนวนมากให้ได้!
ซึ่งการต่อสู่ในครานี้ ต่างจากตอนที่นางหลอมกระบี่เทพเมฆาสำริดในตอนนั้นลิบลับ!
…
ขณะเดียวกันนั้น หรงซิวที่เพิ่งล้มตัวนอนลง ก็พลันลืมตาขึ้น!
เขาสะบัดผ้าห่มออกแล้วกระโดดลงจากเตียง มือเรียวผลักประตูออกไป แล้วมองไปทางยอดเขา!
ทัณฑ์สวรรค์หลายสายลอยอยู่บนท้องฟ้า และกำลังเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง!
ดวงตาคมดุจเหยี่ยวหรี่ลงเล็กน้อย แล้วยกมือขึ้น!
แสงสายหนึ่งพุ่งออกมาแล้วกระจายตัวกลายเป็นกลุ่มแสงจำนวนนับไม่ถ้วน พวกมันพุ่งออกไปแล้วตกลงบนค่ายกลด้านนอกภูเขาจิ่วเหิง!
เขาเสริมความแข็งแกร่งให้ค่ายกลอีกชั้นหนึ่ง เพื่อปกปิดทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในอย่างสมบูรณ์!
…
แต่ฉู่หลิวเยว่หาได้สัมผัสถึงพลังของเขาไม่ เพราะในยามนี้ นางสนใจเพียงทัณฑ์สวรรค์ที่กำลังจะผ่าลงมา!
ในช่วงเวลาสั้นๆ ทัณฑ์สวรรค์หลายสายที่เคลื่อนไหวไปมาราวกับงูสีเงินหลายสิบตัว ก็รวมตัวกันในกลุ่มเมฆสีดำ!
และที่สำคัญก็คือ พวกมันเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าจะหยุดง่ายๆ!
“ย้อนกลับไปตอนที่ข้าหลอมกระบี่หลงหยวน ข้าเรียกทัณฑ์สวรรค์ออกมาแทบนับครั้งไม่ถ้วน ทว่าตอนนี้เป็นกระบี่ชื่อเซียว อาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อ ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดความโกลาหลมากเพียงใด…”
องค์ไท่จู่กล่าวเสียงเรียบ ขณะเรียกทัณฑ์สวรรค์ออกมาเรื่อยๆ
เปลือกตาของฉู่หลิวเยว่กระตุกอย่างแรง
ระดับของกระบี่ชื่อเซียวนั้นสูงกว่ากระบี่หลงหยวนสองเท่า ช่องว่างระหว่างพวกมันกว้างใหญ่ราวกับท้องนภา!
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดช่องว่างนั้น!
ศิลาดวงดาวสีนิลสะท้อนแสงของทัณฑ์สวรรค์บนท้องฟ้า จนเกิดประกายแสงแพรวพราวดุจดวงดารา
ในที่สุด เมื่อประกายแสงเหล่านั้นปกคลุมไปทั่ว กระบี่ชื่อเซียวก็ค่อยๆ ลอยขึ้นไปบนอากาศ!
มันลอยอยู่เหนือศิลาดวงดาวอย่างเงียบเชียบ พลางแผ่กระจายลมปราณอันน่าพิศวงออกมา!
มันยังไม่ได้เริ่มต้นด้วยซ้ำ แต่หัวใจของฉู่หลิวเยว่กลับรู้สึกเหมือนถูกพลังงานบางอย่างกดทับอย่างรุนแรง จนแทบหายใจไม่ออก
ไม่รู้เลยว่าหากทัณฑ์สวรรค์ฟาดผ่าลงมาแล้ว จักเกิดเหตุการณ์แบบใดขึ้น…
ขณะที่ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัว ก็พลันมีเสียงครืนดังมาจากท้องฟ้า!
เปรี้ยง!
ทัณฑ์สวรรค์อันเจิดจ้าสายหนึ่งพุ่งลงมาทันที! และตรงไปที่กระบี่ชื่อเซียว!
แสงสว่างอันสุกสกาวนั้นทำเอาฉู่หลิวเยว่มองไม่เห็นสิ่งใด
หลังจากนั้นก็มีเสียงคำรามจากฟากฟ้าดังขึ้นเรื่อยๆ!
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!
พร้อมกับทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นที่ห้ำหั่นลงมาไม่หยุดหย่อน!