ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1243 พลัง
ตอนที่ 1243 พลัง
ฉู่หลิวเยว่ไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อนเลย
ทัณฑ์สวรรค์มากมายหลายสายกระหน่ำฟาดฟันลงมาอย่างบ้าคลั่งราวมิอาจควบคุมได้!
เสมือนกระบี่สีเงินขนาดใหญ่ที่พุ่งทะลวงออกมาจากกลุ่มเมฆ แล้วฟาดฟันลงมาจากฟากฟ้า!
ราวกับเห็นภาพวันโลกาวินาศของโลกที่กำลังแตกสลาย!
ลำแสงพร่างพราวสว่างจ้า พร้อมเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นหวั่นไหว!
แรงกระแทกอันทรงพลังนี้ เกือบซัดฉู่หลิวเยว่กระเด็น!
นางปักกระบี่หลงหยวนลงกับพื้นทันที! แล้วจับยึดมันไว้แน่น! เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองถูกพัดออกไป!
อาภรณ์บนกายโบกสะบัดไปตามแรงลมอย่างแรง พร้อมกับเสียงหวีดหวิวที่ดังก้องอยู่ในหูของนาง!
ท่าทีขององค์ไท่จู่แลดูจริงจังและเคร่งขรึมมากกว่าเดิม!
เพราะตั้งแต่วินาทีที่ทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นปรากฏขึ้น เขาก็รู้ว่าได้ทันทีว่า การต่อสู้ในวันนี้จักต้องลำบากกว่าครั้งไหนแน่ๆ!
และเกรงว่าครานี้…มันอาจจะเป็นการอันเชิญทัณฑ์สวรรค์ที่ทรงพลังที่สุดและมีจำนวนมากที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมาเลยก็ได้!
หลังจากทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้ห้ำหั่นลงมาแล้ว ก็จะมีกลุ่มใหม่ปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว!
องค์ไท่จู่ใช้พลังปราณทั้งหมดไปกับการควบคุมทัณฑ์สวรรค์ที่บ้าคลั่งเหล่านั้น จนพลังใกล้จะหมดอยู่รอมร่อ!
ครานี้ดูเหมือนมันจะยากกว่าเดิมเสียแล้ว!
แต่ในขณะที่ฉู่หลิวเยว่รู้สึกว่าพลังอันน่าสะพรึงกลัวนั้น กำลังจะฉีกกระชากใบหน้าของนางให้แหลกสลาย ในที่สุดกระบี่ชื่อเซียวก็เริ่มเคลื่อนไหว!
ลำแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งออกจากในฝัก! พลันทอแสงเจิดจ้า!
ถึงแสงสีเงินของทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นจะสว่างไสวเพียงใด แต่ก็มิอาจบดบังรัศมีของแสงสีทองที่เพิ่งปรากฏขึ้นมาได้
ฉู่หลิวเยว่เห็นเต็มสองตาว่าลายเส้นสีทองบนฝักทอประกายแสงออกมา!
“นังหนู! ลุยเลย!”
องค์ไท่จู่ตะโกนสุดเสียง!
ฉู่หลิวเยว่กระเด้งตัวขึ้นจากพื้น! สองมือเรียวจับด้ามกระบี่ชื่อเซียวไว้แน่น!
แสงสีเงินจำนวนมากพุ่งใส่ฝักจนเกิดระเบิดแสงสีเงินเจิดจรัส!
ด้ามกระบี่นั้นเย็นเฉียบ ทว่าพลังของทัณฑ์สวรรค์กลับร้อนผ่าวจนแทบแผดเผา!
สองพลังที่ต่างกันสุดขั้วผสมผสานเข้าด้วยกัน!
ฉู่หลิวเยว่กัดฟันอดทน แล้วบีบกระชับดาบไว้แน่นอย่างเอาเป็นเอาตาย!
พลันมีลมปราณอันคุ้นเคยสอดแทรกผ่านเข้ามาในจิตใจของนาง
มันคือจิตวิญญาณของกระบี่ ที่สถิตอยู่ในกระบี่หลงหยวน!
หากต้องการแปลงมันให้กลายเป็นวิญญาณศาสตรา กระบี่ชื่อเซียวจะต้องทนต่อการโจมตีของทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้ให้ได้!
แต่ไม่รู้เพราะอันใด เมื่อทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นเคลื่อนผ่านตัวของฉู่หลิวเยว่ พวกมันกลับค่อยๆ ปลีกตัวออกไป
และมันทำให้แรงกดดันรอบตัวนางลดลงไปมาก
ในขณะที่ทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นฟาดฟันลงมา ผนึกที่อยู่บนฝักก็จะค่อยๆ หลุดลอก
ลายเส้นบนฝักที่หม่นแสงและนิ่งสนิทไร้การเคลื่อนไหวมานานนับพันปี พลันฉายแสงสีทองดั่งในอดีตออกมาทีละน้อย!
มือเรียวทั้งสองข้างกำด้ามกระบี่ไว้แน่น และปล่อยให้พลังปราณอันรุนแรงรอบตัวนางพุ่งสูงขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด หากแต่ตัวนางยังคงไม่ไหวติง!
แล้วอัดฉีดพลังปราณดั้งเดิมสายหนึ่งเข้าสู่กระบี่ชื่อเซียวอย่างเงียบเชียบ!
…
เวลาผ่านไปอย่างยากลำบาก
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว หากแต่พลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวนั้น กำลังทำให้มือทั้งสองข้างของฉู่หลิวเยว่ปวดชาแลไร้ความรู้สึก พลังในกายของนางปั่นป่วนและพุ่งพล่านอย่างควบคุมไม่ได้
ทว่าทัณฑ์สวรรค์บนท้องฟ้า ยังคงฟาดผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง!
เสมือนไร้จุดสิ้นสุด!
ฉู่หลิวเยว่ฝืนลืมตาขึ้น แล้วเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบน
ท่ามกลางแสงสีเงินเจิดจ้าบนท้องนภานั้น นางแทบมองไม่เห็นอันใดเลยสักอย่าง
หมายความว่าวิถีจากสวรรค์นั้น จักห้ำหั่นลงมาอย่างไร้ที่สิ้นสุด!
นางกัดฟันกรอดและพยายามกระตุ้นพลังปราณดั้งเดิมในกายของตนอย่างเต็มที่!
ยิ่งพลังปราณดั้งเดิมหลั่งไหลเข้าสู่กระบี่ชื่อเซียวมากขึ้นเท่าไร ลายเส้นสีทองบนฝักก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
นางสัมผัสได้ชัดเจนว่าสายใยอันลึกซึ้งระหว่างนางกับกระบี่ชื่อเซียว กำลังเพิ่มพูนความแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
แค่อดทนให้เสร็จสิ้นกระบวนการ ก็เป็นอันสำเร็จ!
ขณะเดียวกัน จู่ๆ ก็มีคลื่นความผันผวนแปลกๆ ก่อตัวขึ้นด้านหลังของนาง
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมอง ท่ามกลางแสงเจิดจ้าที่แวบผ่าน ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นองค์ไท่จู่ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้นราวหมดแรง!
ร่างเงาของเขาเจือจางมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับจะถูกลมพัดหายไปเมื่อใดก็ได้!
ใบหน้าของเขาซีดเผือดมากขึ้น ตอนแรกใบหน้านั้นแลดูกระฉับกระเฉง แต่ตอนนี้กลับดูแก่ชราขึ้นกว่าเดิมราวทวีคูณ
ฉู่หลิวเยว่เครียดหนัก…
“องค์ไท่จู่!”
นางตะโกนด้วยความวิตก
“ท่านเป็นอย่างใดบ้าง!?”
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของนาง องค์ไท่จู่ก็รีบหยัดตัวขึ้นยืน
“ไม่…ไม่เป็นไร…แค่มีทัณฑ์สวรรค์มากเกินไป มันกินพลังปราณของข้าไปมาก…”
พอได้ยินน้ำเสียงโรยราอ่อนแรงของเขา ฉู่หลิวเยว่ก็กังวลมากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงองค์ไท่จู่จะไม่มีกายหยาบ แต่เขาแข็งแกร่งมาก นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นเขาหมดแรงเช่นนี้
แล้วจะไม่ให้นางเป็นกังวลได้อย่างใด
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!
ทัณฑ์สวรรค์ด้านบนยังคงผ่าลงมาไม่หยุด!
หากแต่ลมปราณขององค์ไท่จู่นั้น แค่มองก็รู้แล้วว่ามันเหลือน้อยเพียงใด!
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองดาบกระบี่ชื่อเซียวอย่างรวดเร็ว
ลายเส้นบนฝักสว่างขึ้นเพียงหนึ่งในสามเท่านั้น!
จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้!
ฉู่หลิวเยว่คิดหาวิธีอย่างใจเย็น
ดูจากสภาพขององค์ไท่จู่ในตอนนี้แล้ว แทบเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยืดหยัดได้จนจบ
กระบี่ชื่อเซียวเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของจุนเจ๋อ และเพื่อหลอมวิญญาณของกระบี่ให้กลายเป็นวิญญาณศาสตราแล้ว พวกเขาจำต้องรองรับแรงกระแทกจากทัณฑ์สวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วนนี่
หากใช้แค่พลังขององค์ไท่จู่ฝ่ายเดียวคงไม่มีทางสำเร็จแน่!
และฉู่หลิวเยว่ไม่อยากให้องค์ไท่จู่เสี่ยงเพื่อสิ่งนี้!
“องค์ไท่จู่ โปรดหยุดเรียกทัณฑ์สวรรค์เดี๋ยวนี้!”
ฉู่หลิวเยว่ตัดสินใจอย่างรวดเร็วและตะโกนบอกเขา!
แน่นอนว่าองค์ไท่จู่ปฏิเสธ
“ไม่ได้!”
อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของจุนเจ๋อนี้ถือเป็นสมบัติอันล้ำค่าอย่างยิ่ง หากนังหนูสามารถครอบครองมันได้ ย่อมเป็นโอกาสอันดีงามสำหรับนาง
มีหลายคนที่ต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ยังมิอาจได้พบเห็นมัน แต่ยามนี้นางกลับเป็นผู้โชคดีที่ได้โอกาสนั้นแล้ว
แล้วจะให้เขายอมล้มเลิกได้อย่างใด?
แม้จะต้องใช้พลังเฮือกสุดท้ายจนหมด แต่เขาก็จะช่วยนางให้ถึงที่สุด!
จากนั้นองค์ไท่จู่ก็ตั้งสมาธิแน่วแน่ พลันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพุ่งทะยานออกไป!
ท่ามกลางท้องฟ้าอันมืดมิด ปรากฏทัณฑ์สวรรค์ออกมานับไม่ถ้วน!
สายลมกระโชกประทังเข้ามา ราวจะพัดพาร่างของเขาให้มลายสิ้น
ฉู่หลิวเยว่มองดูภาพนั้นจากเบื้องล่างด้วยความทุกข์ใจ
นางรู้ดีว่าตอนนี้ องค์ไท่จู่ใกล้ถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว
และถ้าไม่หยุดมัน ผลที่ตามอาจร้ายแรงเกินคาด!
…นี่ไม่ใช่เศษเสี้ยวความทรงจำขององค์ไท่จู่ แต่เป็นจิตวิญญาณที่แท้จริงของเขา!
หากวันนี้เกิดอันใดขึ้นกับเขาล่ะก็ เขาได้หายไปจากโลกจริงๆ แน่!
ภายในอกของฉู่หลิวเยว่ร้อนผ่าว ราวกับถูกแผดเผาด้วยเปลวเพลิง นัยน์ตาของนางแดงระเรื่อ!
“ได้โปรดกลับมาเถิด องค์ไท่จู่!”
องค์ไท่จู่ยืนนิ่งอยู่กลางอากาศ แผ่นหลังของเขาเหยียดตรง
เขาไม่ได้มองย้อนกลับไป
ท่ามกลางบรรยากาศอันมืดมิดและแสงพรางพร่าว เขายืนอยู่ตรงนั้นราวตัดขาดจากโลกภายนอก พร้อมเจตจำนงอันแน่วแน่ที่แผ่ซ่านออกมา!
เมื่อเวลาผ่านไป ลมปราณขององค์ไท่จู่ก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ
บนท้องนภาเริ่มไม่มีทัณฑ์สวรรค์ระลอกใหม่ปราฏขึ้นแล้ว
องค์ไท่จู่ใจหายวาบ ด้วยสภาพของเขาในตอนนี้ ถึงเขาจะสละชีวิตตัวเอง แต่ก็ยังไม่พอสำหรับการอันเชิญทัณฑ์สวรรค์!
เปรี้ยง!
วิถีสุดท้ายห้ำหั่นลงมา!
พร้อมกับใบหน้าอันซีดเซียวขององค์ไท่จู่
สุดท้ายเขาก็หันกลับมามองฉู่หลิวเยว่ด้วยสีหน้าละอายใจ พลางเอ่ยด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา
“เพราะข้ามัน…ไร้ประโยชน์…”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายศีรษะพัลวัน
“ท่านทำเต็มที่แล้ว หลิวเยว่ซาบซึ้งอย่างยิ่งเจ้าคะ!”
ขณะเดียว ลายเส้นที่เหลือบนกระบี่ชื่อเซียวก็พลันสว่างวาบ!
ฉู่หลิวเยว่หลับตาปี๋
และเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ภายในดวงตาดำขลับราวหยกเนื้อดีคู่นั้น ราวมีกระแสน้ำวนและเปลวไฟไที่กำลังลุกไหม้!
นางกระชับกระบี่ชื่อเซียวในมือแน่น แล้วลุกขึ้นยืนทันที!
ร่างกายส่วนใหญ่ของนางได้รับผลกระทบจากพลังปราณที่น่าสะพรึงกลัว และแทบจะหมดสิ้นเรี่ยวแรง
ยามนี้นางจึงต้องอาศัยแรงกายแรงใจเฮือกสุดท้ายเพื่อจับยึดกระบี่ชื่อเซียวไว้
องค์ไท่จู่ถอนหายใจยาว “น่าเสียดาย…คราวนี้ความพยายามของข้าก็ไร้ผลอีกแล้ว…”
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับพูดว่า
“ไม่ใช่เสียหน่อย”
องค์ไท่จู่ชะงัก
“เจ้ายังมีวิธีอื่นอีกหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลง พลันหันไปมองยังทิศทางหนึ่ง
ทัณฑ์สวรรค์…
มีอีกที่หนึ่ง ที่ยังพอจะมีอยู่!