ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1244 แย่งชิงทัณฑ์สวรรค์
ตอนที่ 1244 แย่งชิงทัณฑ์สวรรค์
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมอง
ที่ด้านนอกของภูเขาจิ่วเหิง ค่ายกลสีทองเรืองรอง ส่องแสงระยิบระยับท่ามกลางค่ำคืนอันเงียบเชียบและมืดมิด
หัวใจของนางกระตุกวูบ พลันหันไปมองบริเวณตีนเขา
ก่อนจะเห็นเงาร่างของใครบางคน บินโฉบเข้ามาอย่างไว!
เขาคือ หรงซิว!
เขาพุ่งขึ้นมาเร็วมาก และเพียงพริบตา ร่างที่อยู่ไกลออกไปก็มาปรากฏอยู่ต่อหน้านางแล้ว!
ทั้งสองคนต่างมองหน้ากัน
ฉู่หลิวเยว่บอกเขาว่า
“ข้าจะไปที่ภูเขาหมื่นเมรัย”
หรงซิวพยักหน้าตอบรับเบาๆ
“ข้าจะไปกับเจ้า”
แค่สบตากันคราหนึ่ง พวกเขาก็สามารถเข้าใจความคิดของกันและกันโดยไม่ต้องอธิบายใดๆ
ฉู่หลิวเยว่พลันรู้สึกอบอุ่นในใจ ริมฝีปากบางซีดเซียวยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“เจ้าไม่ถามหรือว่าข้าจะไปทำอันใด?”
หรงซิวเลิกคิ้ว
“นั่นไม่สำคัญ ขอแค่เจ้าอยากไป ข้าก็ไปด้วยกันกับเจ้า”
เขาพูดพลางเหลือบมองมือบางของฉู่หลิวเยว่ที่กำลังกอบกุมกระบี่ชื่อเซียวไว้แน่น
“มากับข้าสิ”
สิ้นเสียงของชายหนุ่ม เขาก็โบกสะบัดข้อมือเบาๆ และทันใดนั้นก็มีคลื่นความผันผวนปรากฏขึ้นบนค่ายกลเหนือยอดเขา!
ช่องทางออกถูกเปิดในทันที!
และเพียงขยับตัว ร่างของเขาก็พุ่งออกไปจากช่องทางนั้นแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่ตามเขาไปติดๆ!
หลังจากที่คนทั้งสองจากไปแล้ว ช่องทางออกของค่ายกลก็ปิดตัวลงอย่างรวดเร็ว และปกคลุมทุกอย่างไว้ดังเดิม
เมื่อมองจากภายนอกแล้ว ทุกอย่างยังดูปกติและเงียบสงบราวไม่มีอันใดเกิดขึ้น
…
ภายในยามวิกาลเช่นนี้ ทั่วทั้งสำนักวิชาล้วนเงียบสงัด
ทั้งสองคนออกมาจากภูเขาจิ่วเหิง และมุ่งหน้าตรงไปยังภูเขาหมื่นเมรัย
ดูเหมือนหรงซิวจะคุ้นเคยกับที่นั่นมาก เขาตรงดิ่งไปที่นั่นและแทบไม่หยุดพักระหว่างทางเลย
และเพราะกังวลว่าคลื่นความผันผวนจากกระบี่ชื่อเซียวจะดึงดูดความสนใจเข้า เขาจึงสร้างค่ายกลขึ้นมาห่อหุ้มฉู่หลิวเยว่เอาไว้ เพื่อเก็บซ่อนลมปราณของนาง
จากนั้นไม่นาน พวกเขาก็มาถึงบริเวณเชิงเขาหมื่นเมรัย
ในคืนที่แสนจะมืดมิดเช่นนี้ พวกเขาแทบจะมองไม่เห็นค่ายกลที่อยู่บนเขาด้วยซ้ำ และถ้ามองจากภายนอก ก็จะเห็นเพียงยอดเขาที่เรียงตัวราวเกลียวคลื่น และเงาดำหนาทึบของแมกไม้บนเขา
บริเวณโดยรอบมีเพียงความเงียบงัน
ทว่าฉู่หลิวเยว่กลับใจเต้นระรัวจนได้ยินเสียงตึกตักชัดเจน
ทันใดนั้น กระบี่ชื่อเซียวที่อยู่ในมือของนาง ก็ปล่อยคลื่นพลังแปลกๆ ออกมา
นางก้มหน้าลง ก่อนจะเห็นว่าทัณฑ์สวรรค์หลายสายที่เคยเกี่ยวพันตัวกระบี่ในตอนนั้น แทบจะสลายไปหมดแล้ว
และลายเส้นสีทองอีกครึ่งหนึ่งที่เคยส่องแสงเจิดจรัส ก็เริ่มหรี่แสงลงทีละนิด ราวเป็นสัญญาณเตือนว่ามันกำลังจะดับสูญ
นั่นเป็นเพราะทัณฑ์สวรรค์ที่ห้ำหั่นลงมาก่อนหน้านี้มีจำนวนน้อยเกินไป จึงไม่สามารถหลอมรวมจิตวิญญาณของกระบี่ให้เป็นวิญญาณศาสตราได้อย่างสมบูรณ์ ลายเส้นนั้นจึงสว่างเพียงครึ่งเดียว และติดแหง็กอยู่ครึ่งๆ กลางๆ แบบนั้น ไม่สามารถขยับขึ้นหรือลงได้
หากไม่รีบแก้ไขให้ทันเวลาล่ะก็ อย่าว่าแต่หลอมกระบี่ล้มเหลวเลย หากแต่สิ่งทุ่มเทไปก่อนหน้านั้น ก็จะไร้ค่าไปด้วย!
ฉะนั้น นางจะยอมแพ้ตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด!
ฉู่หลิวเยว่ตวัดสายตาขึ้นมองค่ายกลที่อยู่ด้านหน้า
แรงกดขี่อันทรงพลังแพร่กระจายออกมาจากด้านใน!
หลังจากเกิดเรื่องขึ้นกับนางเมื่อครานั้น ผู้อาวุโสของสำนักวิชาก็ได้ทำการเสริมความแข็งแกร่งให้ค่ายกลบนเขาหมื่นเมรัย
และจากสมรรถภาพของนางในตอนนี้ หากจะให้บุกเข้าไปคงเป็นไปไม่ได้
แต่โชคดีที่ยังมีหรงซิวอยู่!
ตากลมจ้องมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้าค่ายกลและยกมือขึ้น
ลำแสงสีทองหลายสายพุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา และก่อตัวเป็นค่ายกลรูปร่างแปลกๆ ขึ้นกลางอากาศ
ค่ายกลสีทองขนาดเล็กนั่น ลอยไปยึดติดกับค่ายกลขนาดใหญ่อย่างอ่อนโยน
หึ่ง!
ช่องทางเข้าปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว!
ฉู่หลิวเยว่หันขวับไปมองหรงซิวด้วยท่าทีตกใจอย่างปิดไม่มิด แต่เมื่อเห็นสีหน้าเรียบเฉยและดวงตาที่แลดูสงบนิ่งของเขา ก็ทำให้ฉู่หลิวเยว่ฉงนใจจนอดไม่ได้ที่จะถาม
“หรงซิว ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าทำอันใดแบบนี้ใช่หรือไม่?”
เคล็ดวิชาแบบนี้ช่างแยบยลนัก!
ริมฝีปากบางของหรงซิวยกโค้งขึ้นเล็กน้อย เขาจ้องมองนางพลางยิ้มเยาะเบาๆ
“ข้าเรียนมาจากเจ้าทั้งนั้น”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
เมื่อก่อนนางเคยทำเช่นนี้ในสำนักวิชาด้วยหรือ?
ครั้นได้ยินหรงซิวกล่าวเช่นนั้น ไฉนถึงดูเหมือนนางพาเขาเสียคนเลยเล่า…
“ขึ้นไปเถอะ ไว้ค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลัง”
หรือจะเป็นแบบเดียวกับเรื่องสวนสมุนไพรแห่งนั้น ที่จู่ๆ นางก็นึกขึ้นมาได้เอง
หรงซิวพูดพร้อมก้าวเข้าไปในค่ายกล!
ฉู่หลิวเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วสาวเท้าเข้าไปด้านในพร้อมกับกระบี่ในมือ!
…
หลังจากเข้ามาด้านในแล้ว ปฏิกิริยาแรกที่ฉู่หลิวเยว่ทำก็คือ เงยหน้ามองขึ้นไปบนยอดเขา
และตามที่คาดไว้ บนยอดเขานั้นมีร่างเงาของใครบางคนยืนอยู่
กล่มเมฆสีดำเคลื่อนตัวเข้ามารวมกันเหนือท้องนภา ทัณฑ์สวรรค์ทอแสงเจิดจ้าพลันฟาดผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง!
ดูเหมือนว่าเขากำลังหลอมอาวุธอยู่
ท่ามกลางเหล่าทัณฑ์สวรรค์ที่ผ่าลงมานั้น บางสายก็ผ่าลงมาตรงหน้าเขา และบางสายก็ตกลงไปในตาน้ำพุ
แม้จะอยู่ห่างกันมาก แต่ฉู่หลิวเยว่ยังคงสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าอัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่ในวิถีเหล่านั้น!
นางเลียริมฝีปากที่ซีดเซียวและแห้งแตกของตนเบาๆ
นี่สิ…
นี่สิคือสิ่งที่นางต้องการที่สุดในตอนนี้!
ทว่าดูๆ แล้วคนผู้นั้นก็เป็นถึงผู้อาวุโสของสำนักวิชา หากนางพรวดพราดเข้าไปโดยมิได้ขออนุญาต ก็คงจะดูไม่เหมาะสมสักเท่าไร
อย่างใดก็ตาม ในขณะที่ฉู่หลิวเยว่กำลังระดมความคิดหาเหตุผลในการเจรจากับคนผู้นั้น จู่ๆ กระบี่ชื่อเซียวที่อยู่ในมือของนาง ก็บินออกไปปะทะกับมวลพลังที่ห้ำหั่นลงมาตรงหน้า!
ฟิ้ว!
กระบี่ชื่อเซียวพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง จนเห็นเพียงเส้นแสงสีทองที่วาดผ่านไปในอากาศ!
และบินขึ้นไปถึงยอดเขาได้ในพริบตา!
ฉู่หลิวเยว่ผงะตกใจ ก่อนจะรีบตามมันขึ้นไป!
แค่นางหยุดใช้ความคิดเพียงประเดี๋ยวเดียว กระบี่ชื่อเซียวก็ฉวยโอกาสหนีออกไปจากอุ้งมือของนางแล้ว!
แถมยังตรงดิ่งไปยังยอดเขาอีก!
ไม่สิ!
มันมุ่งหน้าไปหาทัณฑ์สวรรค์ต่างหาก!
ฉู่หลิวเยว่เร่งความเร็วเต็มที่ไล่เพื่อตามมันให้ทัน แต่ไม่ว่านางจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็มิสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อ!
ไม่นาน กระบี่ชื่อเซียวก็พุ่งเข้าใส่วิถีเหล่านั้นท่ามกลางสายตาตกตะลึงของฉู่หลิวเยว่!
และเหมือนว่าทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง พลันเปลี่ยนทิศทางแล้วพุ่งใส่กระบี่ชื่อเซียวอย่างแรง!
ตูม ตูม ตูม!
เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า!
เปลวไฟลุกโชนขึ้นมาทันตา!
มันสว่างเจิดจ้าจนฉู่หลิวเยว่แทบลืมตาไม่ขึ้น และทำได้เพียงหรี่ตาลงแล้วเพ่งมองภาพตรงหน้า!
ทัณฑ์สวรรค์ที่เดิมทีควรจะผ่าลงพื้น ถูกกระบี่ชื่อเซียวสกัดไว้กลางทาง!
ซั่งอวี้เซินที่กำลังง่วนอยู่กับการหลอมกระบี่ พลันสังเกตเห็นคลื่นพลังปราณแปลกๆ ที่ก่อตัวขึ้นมา!
เขาหันไปมองตามทิศทางของมันทันควัน แต่กลับเห็นเพียงวัตถุสะท้อนแสงบางอย่าง แวบผ่านตาเขาไปเท่านั้น!
จากนั้น ทัณฑ์สวรรค์จำนวนมากที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของเขา ก็พลันระเบิดขึ้นมา!
ตูม!