ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1245 ขอยืมมาใช้
ตอนที่ 1245 ขอยืมมาใช้
สิ่งแรกที่ซั่งอวี้เซินทำก็คือสร้างค่ายกลขวางรอบตัวเขาไว้! สกัดกั้นพลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวทั้งหมดจากการระเบิด!
แต่ถึงกระนั้น จุดที่ทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นระเบิดก็อยู่เหนือศีรษะของเขา ซึ่งถือว่าใกล้มาก และยากที่จะหลีกเลี่ยงรัศมีของมันได้
ลมปราณอันน่าสะพรึงสายนั้นพุ่งเข้าใส่เขาโดยตรง กระแทกทรวงอกของเขาจนแทบสำลัก และทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น!
แต่เขาก็ยังฝืนตัวลุกขึ้น แล้วเงยหน้าขึ้นมองทันที!
และตอนนั้นเอง เขาถึงได้เห็นว่ามันเกิดอันใดขึ้นกันแน่
…เหล่าทัณฑ์สวรรค์ที่แต่เดิมควรฟาดฟันลงมา ถูกกระบี่ที่พุ่งมาจากไหนไม่รู้สกัดไว้!
บนตัวของมันเปล่งแสงสีเงินวาววับ สาดส่องไปทั่วทุกพื้นที่!
ตูม!
พลันมีเสียงบางอย่างดังขึ้น
ซั่งอวี้เซินก้มมองลงไป ก่อนจะเห็นว่าอาวุธโบราณของตนที่กว่าจะหล่อหลอมขึ้นมาได้นั้นแตกสลายเสียหมดรูป เพราะเขาเสียสมาธิจนควบคุมทัณฑ์สวรรค์ไม่ได้ แถมยังปล่อยอุณหภูมิของกระบี่เปลี่ยนแปลงฉับพลันอีก
ซั่งอวี้เซินขมวดคิ้วมุ่นด้วยความโมโห เขาโยนของทุกอย่างลงพื้นอย่างบ้าคลั่ง พลันร้องตะโกนอย่างเหลืออด
“ไอ้เวรหน้าไหนมันกล้าทำเช่นนี้!?”
เสียงตะโกนดังกระหึ่มราวเสียงฟ้าร้อง แพร่กระจายไปทั่วภูเขาหมื่นเมรัยในทันที!
ฉู่หลิวเยว่หยุดชะงัก พลันรู้สึกผิดในใจ
เดิมทีนางตั้งใจจะนำกระบี่ชื่อเซียวมาที่นี่ แล้วรอจนกว่าทัณฑ์สวรรค์จะลงไปรวมตัวกันอยู่ในตาน้ำพุ แล้วค่อยจุ่มกระบี่ลงไปหลอมรวมกับพวกมัน
แต่ใครจะรู้…ว่ามันจักกลับตาลปัตรถึงเพียงนี้?
ทันใดนั้น สายตาอันเฉียบคมของซั่งอวี้เซินก็สังเกตเห็นร่างเงาของฉู่หลิวเยว่!
“นั่นใคร!? โผล่หน้าออกมาเดี๋ยวนี้!”
เขาตวาดลั่นพลางพุ่งตัวออกไปด้วยความโกรธ และตั้งใจจะจับกุมคนผู้นั้นให้ได้!
เมื่อเห็นอีกฝ่ายรุดหน้ามาขนาดนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็รู้ว่านางไม่อาจซ่อนตัวจากเขาได้แน่ๆ ดังนั้นนางจึงรีบลุกขึ้นยืน
“ศิษย์มีนามว่าฉู่เยว่ คารวะท่านผู้อาวุโสขอรับ!”
และนั่นทำให้ซั่งอวี้เซินมองเห็นรูปร่างหน้าตาของคนที่อยู่ตรงหน้าเขาได้ชัดๆ
เด็กหนุ่มคนนี้ ดูๆ แล้วอายุไม่เกินสิบหกสิบเจ็ดหนาว รูปร่างสูงผอม หน้าตาหล่อเหลาแลสะอาดสะอ้าน
ใบหน้าของเขาซีดเซียวเล็กน้อย มุมปากเปื้อนคราบเลือดประปราย เห็นได้ชัดว่าเพิ่งประสบปัญหาบางอย่างมา
ซั่งอวี้เซินตวาดอย่างฉุนเฉียว
“ในยามวิกาลเช่นนี้ เจ้ามิรู้หรือว่าศิษย์ในสำนักทุกคน มิได้รับอนุญาตให้เข้ามาในเขาหมื่นเมรัย!?”
ฉู่หลิวเยว่ตอบกลับในใจว่านางรู้อยู่แล้ว และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นาง “ก่อเรื่อง” เช่นนี้
นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และมองข้ามไหล่ของชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้านางไป พลันเห็นว่ากระบี่ชื่อเซียวที่ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ กำลังกลืนกินทัณฑ์สวรรค์ที่ผ่าตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังมีทัณฑ์สวรรค์อยู่มากมายหลายสาย บ่งบอกว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งมากเพียงใด
นางแอบรู้สึกโล่งใจขึ้นมานิดหน่อย ก่อนจะรีบก้มหน้ายอมรับความผิดแต่โดยดี
“ท่านผู้อาวุโสสอนสั่งศิษย์แล้วขอรับ! แต่เป็นศิษย์เองที่มิได้ใส่ใจ และเพราะรีบร้อนเกินไป จึงเผลอก้าวเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจ…”
“ไม่ต้องแก้ตัวใดๆ แล้ว!”
ซั่งอวี้เซินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ยามนึกถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของตนที่ยังหลอมไม่เสร็จ แต่กลับถูกทำลายไปแล้ว
เขาอยู่ในสำนักหลิงเซียวมานานหลายปี แต่ไม่เคยพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้เลยสักครั้ง!
ศิษย์คนหนึ่ง! บุกเข้ามาในภูเขาหมื่นเมรัยเช่นนี้ อีกทั้งยังขัดขวางกระบวนการหลอมอาวุธของเขา และสกัดกั้นทัณฑ์สวรรค์ของเขา!
ช่างไม่รู้จักรักตัวกลัวตายเสียจริง!
“สำหรับข้าแล้วเจ้าทำผิดกฎ! เจ้า! รีบเรียกสิ่งของของเจ้ากลับมาเสีย! จากนั้นก็ไปเรียกอาจารย์ของเจ้ามา แล้วกล่าวขอโทษต่อข้าโดยตรง!”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักพลันรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ก่อนหน้านี้กระบี่ชื่อเซียวพุ่งตัวออกไปเอง ถ้าจะให้นางเรียกมันกลับมาตอนนี้ เกรงว่าจะไม่ง่ายอย่างที่คิด
พูดก็พูดเถอะ เดิมทีนางคิดจะมาเอาทัณฑ์สวรรค์บนยอดเขาหมื่นเมรัยอยู่แล้ว กว่าจะเจอโอกาสเช่นนี้นั้นไม่ง่าย แล้วจะให้นางจากไปง่ายๆ เช่นนั้นได้อย่างใด?
ส่วนเรื่องไปเรียกท่านอาจารย์มานั้น…
ไม่รู้ว่าหากผู้อาวุโสวั่นเจิงได้ยินข่าวนี้แล้วจะมีท่าทีเช่นไร?
ฉู่หลิวเยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเผยร้อยยิ้มแทนคำขอโทษและความจริงใจออกมา
“ผู้อาวุโสขอรับ สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นเพียงเรื่องบังเอิญจริงๆ ขอรับ! แต่ถึงกระนั้น ศิษย์ก็มีความผิด และเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าผลที่ตามมาร้ายแรงเพียงใด ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็มิอาจช่วยให้พ้นผิดได้ แต่ทว่า… ท่านโปรดรอสักครู่ได้หรือไม่ขอรับ?”
ซั่งอวี้เซินเลิกคิ้ว พลางจ้องนางตาเขม็งแล้วขึ้นเสียงใส่
“รอหรือ? รออันใด!?”
ฉู่หลิวเยว่ชะงัก ก่อนจะเหยียดปลายนิ้วออกไป แล้วชี้ไปที่ด้านหลังเขา พร้อมเอ่ยเสียงเบาว่า
“ระ…รอให้…อาวุธโบราณของศิษย์หลอมเสร็จเสียก่อน…”
ซั่งอวี้เซินแค่นหัวเราะด้วยความความโกรธ
เขาไม่เคยเห็นศิษย์ประเภทนี้มาก่อน!
ทั้งทำผิดกฎ ทั้งไม่ให้เกียรติเขา!
หัวจะหลุดจากบ่าอยู่แล้ว ยังจะกล้าเสนอเงื่อนไขอีกหรือ!?
“เหอะ!”
เขากวาดตามองฉู่หลิวเยว่ตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ได้สิ! เจ้าหนู เจ้ายังเด็กนัก หากแต่ใจใหญ่เกินตัว! อาวุธโบราณของเจ้ายิ่งใหญ่มาแต่ใดกัน แม้แต่ทัณฑ์สวรรค์ของข้า มันยังแย่งชิงไปได้! เจ้า…”
แต่จู่ๆ เขาก็เงียบเสียงลง สายตาที่จ้องมองฉู่หลิวเยว่เปลี่ยนไปในทันที
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกแปลกๆ อย่างอธิบายไม่ถูก และอดไม่ได้ที่จะถามว่า
“ท่านผู้อาวุโส ไฉน…ท่านถึงมองข้าเช่นนั้นขอรับ?”
ซั่งอวี้เซินหรี่ตาลงฉับพลัน
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเจ้าชื่ออันใดนะ?”
ฉู่หลิวเยว่ตอบตามความจริง
“ฉู่เยว่ขอรับ”
“เป็นเจ้านี่เอง!”
มุมปากของซั่งอวี้เซินกระตุกถี่ยิบ
ครู่ก่อนเขามัวแต่เกรี้ยวกราดจนไม่ได้ฟังตอนที่ฉู่หลิวเยว่แนะนำตัว
และหลังจากมองดีๆ แล้ว เขาถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาขึ้นมาบ้าง
…ฉู่เยว่! เขาคือเด็กที่คุยกับปั๋วเยี่ยนเมื่อตอนกลางวันมิใช่หรือ
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ
โดยทั่วไปแล้วตอนนี้ผู้อาวุโสของสำนักหลิงเซียวล้วนรู้จักนางกันหมด
แต่คนผู้นี้น่าจะเพิ่งเคยเจอนางครั้งแรก
และ…นางเองก็รู้สึกไม่คุ้นหน้าคนผู้นี้เลยสักนิด ราวกับก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยพบกันเลย
“ถ้าจำไม่ผิด เมื่อก่อนเจ้าเคยถูกขังอยู่บนเขาเฝิงหมินโทษฐานบุกขึ้นไปบนเขาหมื่นเมรัยใช่หรือไม่? เพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาไม่นาน เจ้ากลับมาอีกแล้วหรือ!?”
ซั่งอวี้เซินกล่าวยืดยาว พลันนึกอันใดขึ้นมาได้ แล้วหันกลับไปมองทันควัน
“เดี๋ยวนะ! เจ้าสิ่งนั้น…คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่นำกลับมาจากแอ่งบุหรงมรกตมิใช่หรือ!?”
ดูเหมือนว่าวัตถุอันทรงพลังที่ฉู่หลิวเยว่นำมาและสามารถสกัดทัณฑ์สวรรค์ที่เขาใช้หลอมอาวุธได้…จะเป็นเจ้าสิ่งนั้น!?
“แหะๆ ท่านผู้อาวุโสช่างหลักแหลมนักขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มแหยๆ พลางกล่าวอย่างเชื่องช้า ทว่าตรงไปตรงมามาก
“การที่ศิษย์มาที่นี่ในครานี้ ความจริงแล้วมิใช่เพื่อจุดประสงค์อื่น! หากแต่เป็น…ศิษย์แค่อยาก…ขอยืมทัณฑ์สวรรค์สักหน่อยขอรับ…”
…………………………………………………….