ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1248 ถึงคราหรงซิวลงมือ
ตอนที่ 1248 ถึงคราหรงซิวลงมือ
ผู้อาวุโสโอวหยางจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์
แค่ซั่งอวี้เซินช่วยฉู่เยว่ก็น่าโมโหพอแล้ว และนี่ยังตะโกนสั่งเขาให้ไปหาอีก
นี่มันเรื่องบ้าอันใดกัน?
แต่เมื่อมองดูสถานการณ์บนท้องฟ้าแล้ว เขาก็พอเข้าใจว่ามันต้องเป็นเรื่องเร่งด่วนแน่ๆ ผู้อาวุโสโอว
หยางกำหมัดแน่น
“คราวนี้ข้าจะช่วยเจ้า แต่ข้าจะกลับไปคิดบัญชีกับเจ้าทีหลัง!”
พอพูดจบ ในที่สุดเขาก็ขยับตัวแล้วพุ่งทะยานขึ้นไปบนอากาศ!
บนยอดเขา ร่างของฉู่หลิวเยว่ถูกบดบังด้วยทัณฑ์สวรรค์นับไม่ถ้วน จนมองแทบไม่เห็นเงาร่างของนาง
ท้องฟ้ายามรัตติกาลนั้นมืดสนิท ทัณฑ์สวรรค์ทั้งหมดที่ลอยอยู่บนฟ้า พลันทิ้งตัวลงไปยังพสุธาอย่างพร้อมเพรียง
แต่เห็นได้ชัดว่าจิตวิญญาณของอาวุธศักดิ์สิทธิ์นั้น ยังไม่ได้ถูกหล่อหลอมอย่างสมบูรณ์ และจะต้องอันเชิญทัณฑ์สวรรค์ออกมามากกว่านี้!
ผู้อาวุโสโอวหยางยืนอยู่บนอากาศแล้วประสานมือไว้ข้างหน้าเขา
ลมปราณอันน่าอัศจรรย์ปกคลุมไปทั่วร่างของเขาในทันที!
หึ่ง!
เขายกมือขึ้นชี้ท้องฟ้า
และไม่นานก็มีเสียงคำรามดังออกมาจากหมู่เมฆ!
ทัณฑ์สวรรค์สีเงินสายหนึ่งปรากฏขึ้น!
แค่โผล่ออกมาสายหนึ่ง ประเดี๋ยวเหล่าทัณฑ์สวรรค์ที่เหลือก็หลั่งไหลออกมาเอง
หลังจากนั้น ท้องนภากว้างก็ถูกเหล่าวิถีแห่งสวรรค์หลายสายทำให้สว่างไสวขึ้นอีกครา
เมื่อเห็นเช่นนั้น ในที่สุดซั่งอวี้เซินก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
หากช้ากว่านี้อีกนิด ก็เกรงว่ามันจะสายเกินไป
ยิ่งใกล้ขั้นตอนสุดท้าย ก็ยิ่งไม่สามารถผ่อนแรงได้!
เขาก้มหน้ามองด้านล่าง พลางบ่นพึมพำอย่างอดไม่ได้
“…เจ้าเด็กนี่ โดนเข้าไปตั้งหลายวิถี เหตุใดยังยืนหยัดอยู่ได้กันล่ะ…”
มิใช่ว่าตอนนี้ฉู่เยว่เป็นเพียงจอมยุทธ์ระดับเจ็ดหรอกหรือ?
ถึงวิถีเหล่านี้จะพุ่งเข้าใส่อาวุธศักดิ์สิทธิ์นั่น แต่เขาที่ยืนจับมันอยู่ ก็น่าจะได้รับผลกระทบบ้างสิ
นอกจากนี้เขายังเป็นนายคนใหม่ของกระบี่ชื่อเซียว ที่ต้องคอยชี้นำพลังปราณเหล่านี้และหล่อหลอมจิตวิญญาณของกระบี่อีก
ซึ่งมันกลืนกินพลังกายและจิตวิญญาณ และถือเป็นเรื่องเลวร้ายอย่างยิ่ง
หากเป็นผู้ฝึกตนคนอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกันล่ะก็ คงได้ล้มลงไปนอนอยู่กับพื้นแล้ว
แต่ฉู่เยว่กลับยืนหยัดได้ตั้งแต่แรกเริ่มจนกระทั่งตอนนี้
ได้ยินว่าก่อนหน้านี้เขาที่เป็นเพียงจอมยุทธ์ระดับเจ็ด สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ระดับแปดได้…
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไอ้แก่เมิ้งจะสนใจเขาถึงขนาดนี้…”
ตอนแรกเขาไม่ได้สนใจฉู่เยว่นัก และคิดแค่ว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงตัวปัญหาที่แอบฉลาดและมีไหวพริบเฉยๆ
แต่ตอนนี้เขาตระหนักได้แล้วว่า ฉู่เยว่ผู้นี้ มีดีกว่าที่คิดเสียอีก!
…
เสียงมังกรคำรามดังกึกก้อง
แรงกดดันอันรุนแรงนี้ทำให้ฉู่หลิวเยว่แทบจะหายใจไม่ออก
นางดึงพลังปราณดั้งเดิมในกายออกมาใช้อย่างบ้าคลั่ง แล้วดึงกระบี่ออกมาทีละนิด!
ก่อนจะเห็นบางส่วนของกระบี่ที่เล็ดลอดออกมาจากฝัก กระบี่ด้ามนี้เป็นสีเงิน
กว้างประมาณสามนิ้ว ปลายกระบี่โค้งจรดเข้าหากันเป็นทรงแหลมและหนา
แค่มองก็สัมผัสได้ถึงความคมและลมปราณอันเย็นเฉียบที่แผ่ออกมาจากมันได้ชัดเจน!
ฉู่หลิวเยว่ใจเต้นระส่ำ ในหัวมีเพียงเสียงโลหิตไหลเวียนดังอื้ออึงไม่หยุด
แม้จะยังดึงมันออกมาได้ไม่หมด แต่ฉู่หลิวเยว่ก็แน่ใจแล้วว่ากระบี่ชื่อเซียวเล่มนี้ มีพลังมากกว่ากระบี่หลงหยวนหลายร้อยเท่า!
มันคือพลังอันยิ่งใหญ่ที่ไม่มีผู้ใดทัดเทียมได้!
ทัณฑ์สวรรค์สีเงินหลายสายเคลื่อนตัวไปมาบนท้องฟ้า
แต่ทันทีที่ทัณฑ์สวรรค์อันเต็มไปด้วยลมปราณอันแข็งแกร่งเหล่านั้นผ่าลงมา พลังของมันก็จะถูกกลืนหายไปทันทีหรือถูกทำลายล้างในพริบตา
ต่อหน้ากระบี่ชื่อเซียว แม้แต่ทัณฑ์สวรรค์ก็ยังมิอาจต้านทานได้
ฉู่หลิวเยว่จำไม่ได้จริงๆ ว่ามันดูดกลืนวิถีเหล่านั้นไปมากเท่าใดแล้ว
อย่างใดก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป นางกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังควบแน่นอยู่ในตัวของกระบี่ชื่อเซียว
และสายสัมพันธ์อันละเอียดอ่อนของมันกับนาง ก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
กระทั่ง…ตอนนี้ ที่นางเริ่มสัมผัสได้ทีละนิดว่า หลังจากที่ทัณฑ์สวรรค์ผ่าลงบนกระบี่ชื่อเซียวแล้ว พลังของพวกมันถูกดูดกลืนไปมากแค่ไหน!
อาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อ สามารถรวบรวมพลังของวิถีแห่งสวรรค์ได้อย่างไร้ที่สิ้นสุด และสามารถหล่อหลอมวิญญาณศาสตราได้!
และนี่แสดงให้เห็นว่ามันแข็งแกร่งมากเพียงใด!
…
ในเวลานี้ หลายคนบนภูเขาหมื่นเมรัยกำลังมุ่งความสนใจไปที่กระบี่ชื่อเซียว
และบริเวณตาน้ำพุที่อยู่ไม่ไกลจากฉู่หลิวเยว่ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงแปลกๆ ขึ้นเช่นกัน
ผิวน้ำที่เคยแน่นิ่งเริ่มเกิดระลอกคลื่นทีละน้อย ทัณฑ์สวรรค์สีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนใต้ผิวน้ำ พุ่งเข้ามารวมกันอย่างชุลมุน
พร้อมกับร่างสีแดงที่แหวกว่ายอยู่ในนั้น
มันคือถวนจื่อ!
ทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่รอบๆ มันยังคงวนเวียนไปมา
และลมปราณบนตัวมันเองก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างเงียบเชียบเช่นกัน!
…
กระบี่ชื่อเซียวกลืนกินทัณฑ์สวรรค์บนท้องฟ้าเร็วขึ้นและเร็วขึ้น
ไม่นานหลังจากนั้น ผู้อาวุโสโอวหยางก็ค้นพบว่าจำนวนทัณฑ์สวรรค์บนท้องฟ้าลดลงเรื่อยๆ
จนอดไม่ได้ที่จะหันไปเอ็ดว่า
“เหตุใดการหลอมเจ้าศาสตราวุธแห่งจิตวิญญาณนี่ถึงได้สิ้นเปลืองเพียงนี้!”
เขาแทบจะเรียกทัณฑ์สวรรค์ออกมาไม่ทันให้มันแล้ว!
ซั่งอวี้เซินเองก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาของมันเช่นกัน พลันขมวดคิ้วมุ่น
กระบี่ชื่อเซียวนั้นแกร่งกล้ามากกว่าที่เขาคาดไว้ และจะต้องใช้ทัณฑ์สวรรค์กระหน่ำลงไปในตัวมันมากกว่านี้ ถึงจะควบคุมมันได้สำเร็จ
แต่ตอนนี้เขาใกล้จะเกินขีดจำกัดของตัวเองแล้ว และทางฝั่งโอวหยางเองก็คงไม่ต่างกัน
บางที…ต่อให้พวกเขาทั้งสองคนพยายามสุดความสามารถแล้ว แต่มันก็ยังไม่พออยู่ดี!
แต่ทันใดนั้นเอง ร่างสูงโปร่งของคนผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศอย่างเงียบๆ
หรงซิวเงยหน้ามองดูท้องฟ้า
สีหน้าของเขาสงบนิ่งอย่างมาก
จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นเบาๆ
เปรี้ยง!
ทัณฑ์สวรรค์หลายสายก่อตัวขึ้นหลังกลุ่มเมฆภายในพริบตา!
ก่อนที่วิถีเหล่านั้นจักกระหน่ำลงมาตรงๆ อย่างไม่ลังเล!
ประหนึ่งฝนกระบี่สีเงินที่สาดเทลงมาอย่างแรง!
ผู้อาวุโสโอวหยางและซั่งอวี้เซินต่างหันกลับมามองด้วยความตกใจ
“มารดาเจ้าเถิด หรงซิวแข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน!?”
ซั่งอวี้เซินอดไม่ได้ที่จะค่อนแคะ
ผู้เฒ่าโอวหยางเองก็พยายามกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างใด!”
ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี นี่หรงซิวได้ทะลวงเข้าสู่อาณาเขตเซียนเทพแล้วหรือ!?
ทว่าขณะเดียว ในที่สุด ฉู่หลิวเยว่ก็ดึงกระบี่ชื่อเซียวออกจากฝักได้จนหมด!