ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1260 ความทรงจำของถวนจื่อ
ตั้งแต่ที่นางรู้ว่านางสูญเสียความทรงจำไปบางส่วน ฉู่หลิวเยว่ก็เริ่มคิดหาวิธีต่างๆ เพื่อให้ตนเองมีความทรงจำกลับขึ้นมา
ก่อนหน้านี้นางลองมาหลายวิธีแล้ว และยังเคยเผชิญความทรมานมาหลายรูปแบบ แต่ส่วนใหญ่แล้ว มันมักจะไร้ผล
ไม่ว่านางจะคิดอย่างใดก็คิดไม่ออก
นางจำไม่ได้ว่านางเข้ามาที่อาณาจักรเสิ่นซวี่ได้อย่างใด
นางไม่รู้ว่านางได้อันดับหนึ่งของงานประลองชิงอวิ๋นได้อย่างใด
นางไม่รู้ว่านางเคยทำอันใดที่สำนักหลิงเซียวมาบ้าง และเหตุใดนางถึงลืมทุกอย่างไปจนหมดสิ้น!
มีหลายครั้งที่นางคิดว่าสิ่งที่นางทำนั้นไม่มีประโยชน์เลยด้วยซ้ำ
ในเมื่อม่านหมอกยังคงปกคลุมอยู่ ทำให้นางไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ต้องไปดูมันก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ?
แต่ว่าในตอนนี้นางก็ตระหนักขึ้นได้ว่า ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์เลยเสียทีเดียว
สิ่งที่อยู่เบื้องหลังม่านหมอกจะต้องเป็นภาพเหตุการณ์ที่นางไม่อยากจะลืมแน่นอน
เหมือนกับในตอนนี้ นางสามารถนึกเรื่องภายในสวนอสูรขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน
แม้ว่าความทรงจำจะขาดหาย และไม่ชัดเจนก็ตาม แต่…
สำหรับนางแล้วยังคงเป็นสิ่งที่ล้ำค่าอย่างมาก
“อาฉยง!”
ฉู่หลิวเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ซ่อนน้ำตาเอาไว้ในดวงตา จากนั้นก็กอดมันแน่นๆ ก่อนจะปล่อยมือออกแล้วถอยหลังออกไปสองสามก้าว พร้อมสำรวจรอบตัวมัน แล้วยิ้มออกมาอย่างสดใส
“อาฉยง เจ้าโตขึ้นแล้ว!”
เมื่อหลายปีก่อนพวกนางพบมันครั้งแรกที่สวนอสูร มันไม่ได้ตัวใหญ่กว่าลูกอสูรสันหลังเหล็กที่ยืนอยู่ด้านข้างเลย
คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะกลายเป็นตัวโตเต็มวัยแล้ว อีกทั้งยังมีลูกแล้วด้วย!
อาฉยงลูบกลางฝ่ามือของนางด้วยความสนิทสนม พร้อมลุกขึ้นยืน ในแววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและยินดี
ความจริงแล้วในตอนแรกมันยังไม่ค่อยแน่ใจถึงตัวตนของฉู่หลิวเยว่ ดังนั้นจึงมีท่าทีระแวดระวังอยู่หลายส่วน
แต่ในตอนนี้มันสามารถวางใจได้แล้ว!
“อ๊าว?”
ในที่สุดลูกอสูรสันหลังเหล็กที่ถูกเมินเฉยเป็นเวลานานก็หาโอกาสสามารถพูดแทรกขึ้นได้แล้ว มันมองสลับไปมาระหว่างฉู่หลิวเยว่และแม่ของตัวเอง ในแววตาเต็มไปด้วยความสับสนและไม่เข้าใจ
เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้มันรู้สึกมึนงงไปเล็กน้อย
ตัวมันสิถึงเป็นลูกของแม่ แต่เหตุใดแม่ของมันถึงดีต่อมนุษย์คนนี้เช่นนี้ และเหมือนว่าจะดีกว่าตอนที่อยู่กับมันเสียด้วย?
เมื่อฉู่หลิวเยว่เห็นท่าทางที่โกรธและอิจฉา นางจึงอดหัวเราะเสียงดังไม่ได้
“วางใจเถอะ ข้าไม่แย่งแม่ของเจ้าหรอก!”
ในแววตาของลูกอสูรสันหลังเหล็กยังมีความสงสัยอยู่เต็มเปี่ยม
ไม่แย่ง?
แต่เหตุใดแม่ของมันจึงดีต่อนางขนาดนี้?
อีกทั้งเมื่อครู่นี้นางเพิ่งกอดกับแม่ของมันมาไม่ใช่หรือ!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่แม่ตีมันเป็นครั้งแรก เพราะนางอีกด้วย!
มันโกรธมาก และผลลัพธ์ที่ผ่านมาก็ร้ายแรง!
มันขยับเข้าใกล้แม่ของมัน พร้อมทำท่าออดอ้อน แล้วมองอย่างมีความหวัง
ให้นางไป
ให้นางไป
ให้นางไปสิ…โครม!
ร่างของมันถูกแม่ของตัวเองเตะกระเด็นออกไปอีกครั้ง
“อ๊าว!”
มันไม่สามารถผ่านวันเวลาเหล่านี้ไปได้แล้วฮือ!
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดอย่างปลอบโยน
“อาฉยง ตอนนี้เจ้าเป็นแม่แล้ว แต่นิสัยไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย…ดีร้ายอย่างใดเขาก็เป็นลูกของเจ้านะ…”
“อ๊าวอ๊าว!”
นั่นสิ!
แม้กระทั่งมนุษย์คนนี้ยังพูดเช่นนี้ แม่น่ะใจร้ายเกินไปแล้ว!
อาฉยงเหลือบสายตามองมัน
มันก็รีบปิดปากอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าพูดอันใดขึ้นมาอีก
ตอนนี้มันเข้าใจแล้ว มนุษย์คนนี้เป็นศัตรูตามธรรมชาติตั้งแต่กำเนิดของมัน!
เสียดายที่แม่ของมันให้ความสนใจกับมนุษย์คนนี้มากเกินไป วันนี้ไม่มีทางทำอันใดอีกฝ่ายได้แน่
หลังจากนี้หากมีโอกาสโจมตีแล้วค่อยว่ากัน!
ในที่สุดมันก็เห็นว่าเด็กน้อยสงบลงแล้ว อาฉยงจึงมองไปทางฉู่หลิวเยว่
เด็กน้อยจะเข้าใจได้อย่างใด ว่าถ้าไม่มีผู้หญิงคนนี้ ก็คงไม่มีโอกาสได้กลับมาอยู่ตรงนี้อีกแล้ว และก็คงไม่มีมันออกมาด้วย?
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มออกมา
“ไปกันเถอะ! ข้าขอไปดูบ้านของเจ้าในตอนนี้หน่อย!”
…
กลางดึก
พระจันทร์ลอยเด่นกลางท้องฟ้า
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้นั่งอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่งและมีค่ายกลหนึ่งวางอยู่ตรงหน้า เขาเงยหน้าขึ้นมอง
ดึกขนาดนี้แล้ว…ไม่รู้ว่าตอนนี้ฉู่เยว่จะเป็นอย่างใดบ้าง?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็มองไปทางเทือกเขาสลับซับซ้อน
ในค่ำคืนอันเงียบสงบ นอกจากจะมีเสียงลมพัดแผ่วเบา ก็ไม่มีเสียงอื่นเลย
ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง
“น่าแปลก…”
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้ลูบเคราของตัวเอง
“ตามหลักการแล้วเมื่อมีมนุษย์เข้ามาในสวนอสูร จะต้องดึงดูดการโจมตีของสัตว์อสูรจำนวนไม่น้อย และเป็นไปไม่ได้ที่มันจะเงียบขนาดนี้…”
ซึ่งสถานการณ์แบบนี้มันแปลกประหลาดมากจริงๆ
แต่เขาก็มั่นใจได้ว่า ไม่ได้เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับฉู่เยว่
ไม่เช่นนั้นค่ายกลจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตั้งนานแล้ว
“หรือว่าเขาสามารถหาที่หลบซ่อนที่ปลอดภัยเจอแล้ว?”
ทันใดนั้นเองเขาก็ตบมือขึ้น
“อ่า ลืมไปได้อย่างใดว่านางยังมีอสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญญาอีกตัว!”
ได้ยินมาว่าตัวนั้นคือกษายะหางวายุที่มีเลือดบริสุทธิ์อย่างมาก!
เมื่อมีอสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญญาใต้อานัสหนึ่งตัว สัตว์อสูรทั่วไปจะไม่เข้าไปหาเรื่องเขาอย่างแน่นอน
เรียกได้ว่าลดความยุ่งยากให้กับฉู่เยว่ไปได้มากเลยทีเดียว…
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“หวังว่าพรุ่งนี้…ก็จะสามารถสงบสุขได้เช่นนี้!”
แต่ภายในสวนอสูรแห่งนี้ ยังมีอสูรที่ไม่กลัวกษายะหางวายุตัวนั้นอยู่!
…
ในค่ำคืนนี้มีการช่วยเหลือจากอาฉยง ทำให้ฉู่หลิวเยว่สามารถพักผ่อนได้อย่างสบายใจ
แต่พวกมันอาศัยอยู่ในหุบเขา หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่และอาฉยงพูดคุยกันสั้นๆ แล้ว นางจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อนที่โขดหินคนละลูก ใช้แขนแทนหมอน และวางแผนจะหลับไป
อาฉยงรู้ว่าวันนี้นางเหนื่อยมาก จึงไม่ได้รบกวนอันใดอีก พร้อมเฝ้าอยู่ข้างกายนางด้วยความสงบ
แต่ฉู่หลิวเยว่ไม่สามารถนอนหลับสนิท
ในความฝัน ภาพเหตุการณ์ที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ส่วนใหญ่นั้นมีความเกี่ยวข้องกับสวนอสูร แน่นอนว่า มีอาฉยงด้วย
จะว่าไปแล้ว ระหว่างพวกนางก็มีวาสนากัน
ครั้งแรกที่ฉู่หลิวเยว่มายังสวนอสูร สัตว์อสูรตัวแรกที่นางพบก็คือมัน
ในตอนนั้นมันกำลังถูกสัตว์อสูรตัวอื่นไล่ฆ่า กำลังหนีหัวซุกหัวซุน และได้มาเจอกับฉู่หลิวเยว่พอดี
นางจึงช่วยมันหนี และยังตั้งชื่อให้มันอีกด้วย
แต่ว่าไม่ได้ทำพันธสัญญา
ฉู่หลิวเยว่นึกขึ้นได้ว่า
ในตอนนั้นนางทำพันธสัญญากับถวนจื่อแล้ว…
ทันใดนั้นเองนางก็เบิกตากว้าง!
…ถวนจื่อก็เคยมาที่อาณาจักรเสิ่นซวี่แล้ว!
คาดไม่ถึงว่านางจะไม่เคยถามมันเลยว่า มันจำอันใดได้บ้าง?