ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1261 เตรียมพร้อม
เมื่อสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของฉู่หลิวเยว่ ทั้งสองตัวจึงมองมาทางนี้
อาฉยงมองมาที่นางอย่างเป็นกังวล
ฉู่หลิวเยว่ใช้สายตาปลอบโยน
“วางใจเถอะ ข้าไม่เป็นไร”
ขณะที่พูด นางก็ลูบศีรษะของมัน
ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้เหตุใดนางไม่เคยคิดถึงมาก่อนนะ…
ตอนที่นางอายุสิบแปดนางได้ทำพันธสัญญา ตอนนั้นถวนจื่อเป็นแค่ไก่ฟ้าเก้าสีตัวหนึ่ง แต่ในตอนนั้นมันก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในราชวงศ์เทียนหลิ่งแล้ว
หลังจากนั้นทำพันธสัญญาได้สำเร็จ เสด็จพ่อยังจัดงานเฉลิมฉลองให้นางโดยเฉพาะอีกด้วย
ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ถวนจื่อก็อยู่กับนางมาโดยตลอด
อีกทั้งเรื่องที่มาเยือนอาณาจักรเสิ่นซวี่ก็เป็นเรื่องหลังจากตอนนั้น
ตามหลักการแล้วในตอนนั้นถวนจื่อก็น่าจะอยู่กับนางด้วย
เวลาผ่านมานานขนาดนี้แล้ว แต่ถวนจื่อยังไม่เคยพูดอันใดเกี่ยวกับมันเลย…
“ถวนจื่อ”
ฉู่หลิวเยว่ตะโกนขึ้นในใจ แต่ไม่มีเสียงตอบรับ นางถึงเพิ่งนึกได้ว่าถวนจื่อยังอยู่ที่เขาหมื่นเมรัย ไม่อยู่กับนางในตอนนี้
นางขมวดคิ้วขึ้น
ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ต้องรอให้ผ่านพ้นหนึ่งเดือนนี้ไป ถึงจะสามารถสอบถามให้ชัดเจนได้
นางนั่งมึนงงอยู่สักพักหนึ่ง จากนั้นก็ล้มลงไปนอนอีกครั้ง
ในครั้งนี้นางหลับไปอย่างมึนงง
…
คืนนั้นฉู่หลิวเยว่ใช้เวลาเต็มไปด้วยความสับสน คนที่อยู่ด้านนอกก็สงบใจไม่ลงเช่นกัน
เขาหมื่นเมรัย
บนยอดเขานั้น ด้านข้างตาน้ำ มีเงาร่างของคนหลายคนยืนอยู่
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน ยืนอยู่ตรงกลางที่สุด ด้านข้างคือ ผู้อาวุโสโอวหยางและซั่งอวี้เซิน
“นี่คือเรื่องดีงามที่พวกเจ้าทำงั้นหรือ?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนกวาดสายตามองไปรอบๆ จากนั้นก็ถามขึ้นมา
แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยได้ยินมาก่อนแล้ว แต่ตอนที่มาเห็นสถานการณ์จริง ในใจของเขาก็อดที่จะปะทุความโกรธออกมาไม่ได้
คนเหล่านี้สามารถก่อเรื่องได้จริงๆ!
การลงโทษครั้งก่อนหน้านี้มันคงเบาไปสินะ!
“อะแฮ่ม”
ผู้อาวุโสโอวหยางกระแอมไอขึ้นมาหนึ่งเสียง
“ประเด็นหลักเลยก็คือแม้ว่าหินและต้นไม้บริเวณโดยรอบจะถูกทำลายไปจนหมด แต่ตาน้ำนั้นไม่เป็นอันใด…”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนแค่นหัวเราะออกมาเสียงเย็น
“หากเกิดอันใดขึ้นกับตาน้ำแล้วละก็ เจ้าคิดว่าข้ายังจะพูดคุยกับเจ้าอยู่ที่นี่หรือ?”
ผู้อาวุโสโอวหยางหุบปากฉับอย่างกระดากอาย
ซั่งอวี้เซินกลับยังมีท่าทางผ่อนคลายเช่นเดิม
“เฮ้อ ปั๋วเหยี่ยนอ่า ไม่ว่าอย่างใดเรื่องนี้มันก็ผ่านไปแล้ว ต่อให้พวกเราพูดต่อไปมันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว? ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องที่สมควรลงโทษก็ลงโทษไปแล้ว พวกเราทุกคนในที่นี่ก็ไม่มีใครหลบหนีเลยไม่ใช่หรือ? พวกเรามาเริ่มกันเลยเถอะ ต้องรีบฟื้นฟูสถานที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเหลือบสายตามองเขาเป็นคำเตือน
“จะไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว”
แม้ว่าเขาหมื่นเมรัยจะถูกปิดแล้ว แต่หากจะต้องการฟื้นฟูสถานที่แห่งนี้ ก็ทำได้เพียงแค่ตอนกลางคืนเท่านั้น
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรอเวลานี้โดยเฉพาะ
หลังจากพูดจบ ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนก็เดินไปทางตาน้ำ พร้อมใช้สายตาสำรวจอย่างละเอียด
ตอนกลางวันตาน้ำจะไหลตามปกติ เมื่อถึงตอนกลางคืนมันจะกลายเป็นความเงียบสงบ
ระลอกคลื่นคลื่นใต้ผิวน้ำสงบนิ่ง สายฟ้าสีเงินรวมตัวกันและพัวพันเป็นสายหนึ่ง
“บอกแล้วไงว่าตาน้ำไม่มีปัญหาอันใด”
ซั่งอวี้เซินหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง
“เจ้าไม่เชื่อคำพูดของข้ากับโอวหยางหรือ? ตอนนั้นพวกเราก็ระมัดระวังกันอย่างมากนะ!”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนถอนสายตาออก
“ผลกระทบของตาน้ำนี้ยิ่งใหญ่เกินไป ดังนั้นจึงจะต้องระวังเอาไว้ก่อน”
ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาสามารถก่อเรื่องได้ใหญ่ขนาดนี้ แน่นอนว่าตอนนั้นเขาจะต้องระมัดระวังอยู่หลายส่วนเลยทีเดียว
ผู้อาวุโสโอวหยางพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“พูดได้ไม่เลว ปั๋วเหยี่ยน เพื่อของสิ่งนี้ สำนักของพวกเราทุ่มเทแรงกายใจไปไม่รู้ตั้งเท่าไร พวกเราไม่กล้าทำให้มันเกิดปัญหาอย่างแน่นอน และเหมือนว่าเวลานั้น จะใกล้เข้ามาถึงแล้วสินะ?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนส่ายหน้า
“เดิมทีมันใกล้จะจบแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ฉู่เยว่ได้ก่อเรื่องขึ้นมา จึงทำให้สายฟ้ามีจำนวนลดลง และยืดเวลาออกไป”
“โชคดีที่ตอนนั้นเขาเอาไปไม่เยอะ เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้แล้ว”
ผู้อาวุโสโอวหยางถอนหายใจออกมา
“จะว่าไปแล้ว ฉู่เยว่คนนี้ก็ก่อเรื่องเก่งจริงๆ…ยังดีที่ครั้งนี้โยนเขาไปในสวนอสูรแล้ว ดังนั้นคงจะสามารถขัดเกลานิสัยของเขาได้สักหน่อย!”
ไม่อย่างนั้นหากเขามีนิสัยที่กำเริบเสิบสานอยู่ตลอดจะทำอย่างใด?
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพยักหน้า
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น”
ในมือของฉู่เยว่ถือสมบัติล้ำค่าเอาไว้ สามารถดึงดูดความอิจฉาและริษยาของผู้คนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หากเขาไม่พัฒนาฝีมือของตัวเองโดยเร็ววัน ก็จะไม่มีใครรู้ว่ามันจะเกิดอันใดขึ้น
ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าจะเป็นผู้ปกป้องคนใด ก็ไม่สามารถปกป้องเขาได้ตลอดชีวิต
สุดท้ายตัวเขาเองจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ถึงจะสำคัญที่สุด!
“ไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าเด็กคนนั้นที่อยู่ในสวนอสูรจะเป็นอย่างใดบ้าง…”
ผู้อาวุโสโองหยางพูดขึ้น แล้วหันหน้าไปมองทางสวนอสูร
“ในค่ำคืนแรก เขาคงนอนไม่หลับละมั้ง?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนหัวเราะขึ้นมา
“เขามีกษายะหางวายุอยู่ด้วย ไม่ต้องกังวลมากเกินไปหรอก”
หากไม่ใช่เพราะเขารู้ว่าอีกฝ่ายมีอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่ในครอบครอง เขาก็ไม่กล้าส่งฉู่เยว่ไปที่สวนอสูรหนึ่งเดือนหรอก
ทันใดนั้นเองเหมือนว่าตรงตาน้ำจะส่งเสียงอันใดบางอย่างออกมา
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนรีบก้มหน้าลงไปมองทันที แต่กลับเห็นเพียงระลอกคลื่นที่กระจายออกมา
เขาจ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่ง จนมั่นใจแล้วว่ามันไม่เกิดสิ่งผิดปกติใดๆ ถึงได้ถอนสายตากลับมา
“เริ่มกันเลยเถอะ!”
ทั้งสามคนต่างแยกย้ายกันไปคนละที่ และซ่อมแซมในจุดที่ตนเองรับผิดชอบ
ภายในตาน้ำ มีสายฟ้ากะพริบอยู่หลายสายอย่างเงียบๆ
ริ้วสีแดงชาด อยู่ภายใต้น้ำลึกราวกับหมึก มันสว่างวาบและหายไป!
…
ช่วงเวลาค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ฉู่หลิวเยว่ตื่นขึ้นมา ท้องฟ้าก็สว่างมากแล้ว
อาฉยงเฝ้าอยู่ด้านนอกถ้ำ อีกทั้งตัวเล็กตัวนั้นก็ไม่อยู่ เหมือนว่าจะออกไปด้านนอกแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว อาฉยงก็หันกลับมามอง
ฉู่หลิวเยว่ยืนขึ้น แล้วเดินออกไปด้านนอก
นางขยับร่างกายเล็กน้อย จนเกิดเสียงกระดูกลั่นขึ้นมา
นางมองไปทางด้านหน้า มุมปากของนางนั้นขยับขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“ที่แห่งนี้ยังเหมือนกับเมื่อก่อนเลย เป็นสถานที่บำเพ็ญเพียรได้ดี”
อาฉยงเหลือบสายตามองนางอย่างสงสัย ในแววตามีประกายคำถาม
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะขึ้นมาแล้วพูดว่า
“อาฉยงตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าจะปิดด่านฝึกแล้ว รบกวนเจ้าช่วยคุ้มกันที”
อาฉยงพยักหน้า
ฉู่หลิวเยว่จึงรู้สึกมั่นใจขึ้นมากแล้วหมุนตัวเดินเข้าไปในถ้ำ
ใช่แล้ว…นางเตรียมตัวจะเลื่อนขั้นเป็นจอมยุทธ์ระดับเจ็ดขั้นสูงสุด!
หลังจากสามารถฟื้นฟูชีพจรเทียนจิงได้สำเร็จ ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของนางก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
อีกทั้งหลังจากเข้าสำนักหลิงเซียวมา ที่แห่งนี้มีพลังแห่งสวรรค์และโลกเข้มข้น เหมือนกับเสือติดปีก
กอปรกับนางเคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้ว ดังนั้นต่อให้ไม่มีใครให้การชี้แนะ เดิมทีนางก็สามารถเลื่อนขั้นได้อย่างราบรื่น
ตอนนี้นางต้องการเพียงอย่างเดียวคือสถานที่ที่เงียบสงบ
สัตว์อสูรที่อยู่ภายในสวนอสูร บางส่วนก็เคยถูกเลี้ยงดูมา และยังมีบางส่วนที่เหล่าผู้อาวุโสและศิษย์ล่ากลับมาจากด้านนอกด้วย
อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็มีเป็นจำนวนไม่น้อย
ถ้าแค่ฉู่หลิวเยว่เพียงคนเดียว นางไม่กล้าที่จะเลื่อนขั้นในสถานที่และในเวลานี้เด็ดขาด
แต่ว่าตอนนี้อาฉยงอยู่ที่นี่แล้ว นางจึงสามารถวางใจได้มาก
อสูรศักดิ์ศิษย์ล้วนกลัวซึ่งกันและกัน โดยปกติแล้วมันจะไม่ก้าวก่ายกัน แล้วอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข
นางบำเพ็ญเพียรอยู่ในถ้ำของอาฉยง เดิมทีแล้วจะไม่มีทางมีปัญหาอันใด
นางนั่งขัดสมาธิ ไหล่ทั้งสองข้างตกลงโดยธรรมชาติ มือทั้งสองประสานกันอยู่ที่หน้าตัก
หลังจากนั้นนางก็หลับตาลง และเริ่มดูดซับพลังแห่งสวรรค์และโลกด้วยความเร็ว!
พลังงานเหล่านั้น ต่างแย่งชิงกันเข้าไปในร่างกายของนาง!