ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1266 อย่ามาพูดจาซี้ซั้ว
ฟ้าดินมืดมิด
พายุและเมฆาสลาตันพัดผ่านไป
สถานการณ์แบบนี้ ทำให้สัตว์อสูรที่อยู่ในสวนอสูรเริ่มก่อความวุ่นวายขึ้น
และในตอนนั้นพวกมันก็เริ่มมุ่งหน้าไปทางยอดเขาที่ฉู่หลิวเยว่อาศัยอยู่
เสียงลมพายุสาดซัด ลมหนาวโชยมา
แต่อย่างใดก็ตาม ฉู่หลิวเยว่ที่กำลังทะลวงด่านอยู่ในถ้ำ กลับไม่รับรู้ถึงสถานการณ์ภายนอกเลยแม้แต่น้อย
…
หลังจากทะลวงด่านจอมยุทธ์ระดับเจ็ดขั้นสูงสุดเรียบร้อยแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่หยุดชะงักแม้แต่น้อย นางกลืนกินพลังแห่งสวรรค์และโลก จากนั้นก็หลอมรวมเข้ากับพลังที่ลอยพุ่งออกมาจากไข่มุกธารา จนในที่สุดมันก็ซึมเข้าไปในทุกตารางนิ้วของกระดูกทั่วร่างกายของนาง!
ร่างกายของนางเปรียบเสมือนกับหลุมดำ ไม่ว่าจะถ่ายเทพลังไปมากเท่าไร ก็สามารถกักเก็บเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่านี่ก็เป็นข้อดีหลังจากทะลวงจอมยุทธ์ระดับเจ็ดขั้นสูงสุดแล้ว
นางสามารถโคจรพลังได้เร็วยิ่งขึ้น
ฉู่หลิวเยว่หลับตาทั้งสองข้างสนิท ภายในสมองโปร่งโล่ง มีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น…ต้องการจะทะลวงสู่จอมยุทธ์ระดับแปด!
ด้านนอกถ้ำ อาฉยงที่รับหน้าที่เป็นยามเฝ้าก็นั่งอยู่ที่พื้นอย่างไม่สบายใจ
มันหันไปมองโดยรอบ
เดิมทีในตอนนี้เป็นเวลาเย็นย่ำ กอปรกับฉู่หลิวเยว่ที่กำลังจะทะลวงด่าน บนท้องฟ้ามีเมฆฝนรวมตัวกัน แสงสว่างมืดลง มีหลายสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนอีกต่อไป
เมื่อมองลงไป ก็จะเห็นเพียงแต่เทือกเขาสลับซับซ้อนที่มืดมิด
เสียงแผ่วเบาดังแว่วออกมาจากทั่วสี่ทิศแปดทาง
ในแววตาของอาฉยงมีประกายความระแวดระวัง
…
ตอนที่ผู้อาวุโสอวี๋อวี้มาถึง เขาก็มองเห็นฉากนี้เข้าพอดี
เงาร่างของอสูรสันหลังเหล็กตัวโตเต็มวัยขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง ยืนอยู่หน้าปากถ้ำ ทั้งสง่างามและดูระมัดระวังอย่างที่สุด!
ปฏิกิริยาของมันว่องไวอย่างมาก ตอนที่ผู้อาวุโสอวี๋อวี้เพิ่งจะมาถึง มันก็สามารถสัมผัสได้ถึงลมปราณของเขาแล้ว จึงเงยหน้าขึ้นมามอง!
หัวใจของผู้อาวุโสอวี๋อวี้กระตุกวูบ
สายตาของอสูรสันหลังเหล็กตัวนั้นมองมาที่ตนเอง ในแววตาเปี่ยมไปด้วยความระมัดระวังและตั้งตนเป็นปรปักษ์!
ราวกลับหากเขาสาวเท้าก้าวเข้าไปด้านหน้าอีกเพียงหนึ่งก้าว มันก็จะเข้ามาต่อสู้ทันที!
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้ขมวดคิ้วเป็นปม
อสูรสันหลังเหล็กตัวนี้…เป็นอันใดไปหรือ?
เขาก็อยู่ภายในสวนอสูรแห่งนี้เป็นเวลานานแล้ว สัตว์อสูรส่วนใหญ่ล้วนคุ้นเคยกับกลิ่นของเขาแล้ว ในสถานการณ์ปกติ เวลาที่ทั้งสองฝ่ายเจอหน้ากันจะค่อนข้างเกรงใจกัน น้อยมากที่จะก่อเรื่อง
แต่ว่าในครั้งนี้ เมื่ออสูรสันหลังเหล็กเห็นเขา กลับแสดงท่าทางเช่นนี้ ซึ่งมันน่าแปลกใจอย่างมาก
ดูไปแล้ว มันเหมือนแม่ที่กำลังปกป้องลูกน้อยเลย…
แต่การเคลื่อนไหวนั้นมาจากด้านในถ้ำ ซึ่งหมายความว่าคนที่อยู่ด้านในถ้ำในตอนนี้น่าจะเป็นฉู่เยว่!
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้รู้สึกไม่เข้าใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าทำอันใดบุ่มบ่าม
เหล่าสัตว์อสูรที่อยู่ในสวนอสูรแห่งนี้ ปกติแล้วจะสามารถควบคุมได้ แม้ว่ามันจะไม่มีพันธสัญญา และยังมีความหยิ่งทระนง ป่าเถื่อนอยู่ในกระดูก การจะต่อกรกับพวกมันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน!
แต่ว่าในตอนนี้กลับมีเสียงแปลกประหลาดดังขึ้นโดยรอบ
กลิ่นลมปราณอันเป็นเอกลักษณ์ของลิงอุรังอุตังก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้หันไปมองรอบด้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ภายในป่าแห่งนี้มีสัตว์อสูรจำนวนไม่น้อย และพวกมันกำลังจะมุ่งหน้ามาทางนี้!
เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของพวกมันคือถ้ำแห่งนี้!
เรื่องนี้จึงทำให้เขามั่นใจในการคาดเดาของตนเองมากขึ้น ฉู่เยว่จะต้องอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้แน่นอน และเขากำลังเตรียมตัวจะทะลวงด่าน!
คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่านี่คือข้อห้ามที่ใหญ่ที่สุดของสวนอสูรคือการทะลวงด่าน!
ตอนที่ผู้บำเพ็ญเพียรต้องการจะทะลวงด่านมักจะโคจรพลังแห่งสวรรค์และโลก
ยิ่งทะลวงด่านระดับสูงมากเท่าใด การเคลื่อนไหวก็จะยิ่งใหญ่มากเท่านั้น
เช่นเดียวกันกับในตอนนี้ เกิดปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ มีทั้งลมพายุและสายฟ้า!
แต่อย่างใดก็ตามภายในสวนอสูรมีสัตว์อสูรระดับสูงจำนวนมาก แม้กระทั่งอสูรศักดิ์สิทธิ์ยังมี
พวกมันต่างกระหายในพลังธรรมชาติ หากเป็นในเวลาปกติก็ช่างเถอะ พวกมันค่อนข้างจะมีความยับยั้งชั่งใจ
แต่แรงดึงดูดของผู้บำเพ็ญเพียรที่ต้องการจะทะลวงด่านนั้นมีมากเกินไป ซึ่งในตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่พวกเขาจะอ่อนแอที่สุด!
คนอย่างพวกเขา ในสายตาของสัตว์อสูรมันก็คือก้อนไขมันก้อนหนึ่ง!
ในเวลาแบบนี้สัตว์อสูรจำนวนมากก็ต้องการที่จะแย่งชิง “ไขมันก้อนนั้น” การต่อสู้ที่ดุเดือดก็จะเริ่มต้นขึ้น!
ในตอนนี้ฉู่เยว่กำลังทะลวงด่านในสถานที่แห่งนี้ กำลังทำให้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายที่สุดโดยไม่รู้ตัว!
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้ร้อนใจขึ้นมา
แต่ในขณะเดียวกันนั้นเองปฏิกิริยาของอสูรสันหลังเหล็กตัวนั้น กลับทำให้เขารู้สึกสงสัยมากยิ่งขึ้น
หรือว่า…มันกำลังปกป้องฉู่เยว่?
ความคิดนี้แวบเข้ามา แต่ผู้อาวุโสอวี๋อวี้ก็ต้องส่ายหน้าในทันที
จะเป็นไปได้อย่างใด!
อสูรสันหลังเหล็กตัวโตเต็มวัยคืออสูรศักดิ์สิทธิ์ มีนิสัยก้าวร้าวรุนแรง เย็นชาและไม่เป็นมิตร มันจะระมัดระวังตัวจากเผ่ามนุษย์เป็นพิเศษ
เขาอยู่ที่สวนอสูรมานานขนาดนี้ แม้กระทั่งจะเข้าใกล้มันก็เป็นเรื่องยาก
ยิ่งไปกว่านั้นฉู่เยว่เป็นเพียงเด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาแค่ไม่กี่วันเท่านั้นไม่ใช่หรือ?
แต่เมื่อเห็นท่าทางของอสูรสันหลังเหล็ก นอกจากคำอธิบายเช่นนี้ เขาก็คิดเรื่องอื่นไม่ออกแล้ว…
เมื่อคิดไปคิดมา ผู้อาวุโสอวี๋อวี้ก็ตัดสินใจรอดูสถานการณ์ไปก่อน
หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นจริงๆ แล้วละก็ เขาค่อยลงมือก็น่าจะยังไม่สาย
…
ระลอกคลื่นภายในสวนอสูรเพิ่มสูงขึ้น คนด้านนอกยังไม่มีทางรู้
บริเวณไหล่เขา คำพูดของหลินจือเฟย ทำให้เจียงจื่อหยวนถอยจนไม่มีทางถอยแล้ว
สายตาของคนโดยรอบจำนวนนับไม่ถ้วนมองมาทางนี้ ความรู้สึกในแววตาแตกต่างกัน
ในใจของเจียงจื่อหยวนเต็มไปด้วยความโกรธที่มีต่อหลินจือเฟย
นี่เขาตั้งใจพูดมันขึ้นมา!
“ได้! เช่นนั้นข้าจะตอบรับคำท้าของเจ้า!”
เจียงจื่อหยวนพูดขึ้นมาเสียงสูง
หลินจือเฟยหัวเราะ
“เช่นนั้นก็ขอคำชี้แนะจากศิษย์พี่เจียงจื่อหยวนด้วยนะขอรับ”
เมื่อพูดจบทั้งสองคนก็แยกย้ายกันไปเตรียมตัวเพื่อเริ่มต้นการประลอง
ทุกคนที่อยู่รอบข้างต่างมองหน้ากันไปมา แววตาปกปิดความตื่นเต้นและสงสัยได้ไม่มิด
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงและคนอื่นๆ ก็สามารถสังเกตถึงสถานการณ์ทางด้านนี้แล้ว พวกเขาจึงเดินเข้ามาดู
“ฮวาเฟิง ศิษย์ที่เจ้าเพิ่งรับเข้ามาใหม่ นับว่าโอหังอวดดีมากเลยทีเดียว”
ผู้อาวุโสตันชิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าราบเรียบ
“เขาเพิ่งเข้าสำนักมาไม่ถึงสามเดือน ก็มีความกล้าได้กล้าเสียถึงขั้นนี้แล้ว จะต้องมอบรางวัลให้แล้ว”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงไม่มีทางฟังไม่ออกว่าคำเหล่านี้เป็นคำเยาะเย้ยและถากถาง แต่เขากลับไม่โกรธ และหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ฮ่าๆ! แม้ปกติแล้วจือเฟยจะเป็นคนพูดไม่เยอะ แต่ความจริงแล้วเขาก็เป็นคนที่เรียบง่ายมากทีเดียว ในเมื่อต้องการที่จะแข็งแกร่ง ก็จะต้องเป็นผู้ที่มีความกล้าท้าทายผู้ที่แข็งแกร่งไม่ใช่หรือ! แต่ว่าความจริงแล้วเจ้าเด็กคนนี้น่ะ เป็นคนหนักแน่นมาโดยตลอด หากไม่ใช่เรื่องที่เขามั่นใจ ปกติแล้วเขาจะไม่ลงมือทำ แต่เหตุการณ์ภายในวันนี้…ฮ่าๆ ข้าก็รู้สึกสงสัยมากเช่นกัน ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะกันแน่!”
ผู้อาวุโสตันชิงมีสีหน้ามืดครึ้ม ในใจเยาะเย้ย
หลินจือเฟยคนนั้นมีนิสัยหยิ่งผยอง แม้กระทั่งในตอนนี้ยังเป็นได้ขนาดนี้แล้ว
เด็กที่เพิ่งมีรายชื่อในอันดับการประลองชิงอวิ๋น จะมาเป็นคู่ต่อสู้ของเจียงจื่อหยวนได้อย่างใด?
เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา
“คนหนุ่มต้องรับความลำบาก รับการพ่ายแพ้ให้มากหน่อย ถึงจะเป็นเรื่องดี”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน และเปลี่ยนเรื่องพูดในทันที
“ความจริงแล้ว เรื่องเหล่านั้นล้วนไม่สำคัญ ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นเพียงแค่การแข่งขันเล็กๆ เท่านั้น ทุกคนสามารถมาแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันได้ การที่จะพัฒนาฝีมือของตนเองนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่สุด สำหรับเจียงจื่อหยวน…ตันชิง ข้าเห็นว่าวันนี้นางมีท่าทีเหม่อลอยอยู่ตลอด แบบนี้คงจะไม่ดีละมั้ง?”
ผู้อาวุโสตันชิงขมวดคิ้วขึ้น
ในจุดนี้เขาเองก็เห็นเช่นกัน
จากที่เขารู้จักเจียงจื่อหยวนมา นางน่าจะกำลังเจอปัญหาอันใดบางอย่างอยู่
กอปรกับคำพูดเมื่อครู่นี้ของหลินจือเฟย สีหน้าของนางจึงดูย่ำแย่ยิ่งกว่าเก่า
“ความจริงแล้ว ทุกคนล้วนมีช่วงเวลาที่เหนื่อยล้า เดิมทีมันเป็นเรื่องที่ปกติ แต่ไม่ว่าตอนไหน คำพูดบางคำ…ก็ไม่ควรพูดออกมาซี้ซั้ว!”