ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1268 จากไป
เจียงจื่อหยวนไม่รอให้ผู้อาวุโสตันชิงพูดจบ นางก็พูดแทรกขึ้นมาทันที
“ศิษย์น้องหลินพูดได้ถูกต้อง ช่วงนี้สภาพของข้านั้นไม่ดีจริงๆ ดังนั้น…จึงอยากจะกลับบ้านสักระยะหนึ่ง หากปรับสภาพจิตใจได้แล้วข้าจะกลับมา”
ผู้อาวุโสตันชิงคิดไม่ถึงว่านางจะมีแผนเช่นนี้ จึงชะงักตัวเล็กน้อย
“จื่อหยวน หากมีอันใดทำให้เจ้าลำบากใจ เจ้าก็รีบบอกกับอาจารย์นะ ถ้ามีอันใดช่วยได้ อาจารย์จะช่วยเต็มที่”
แม้ว่าเจียงจื่อหยวนจะมีนิสัยใจแคบ แต่ท้ายที่สุดแล้วนางก็เป็นศิษย์ที่เขาภูมิใจมาหลายปี แต่ผู้อาวุโสตันชิงก็ไม่ต้องการที่จะดุด่านางอย่างแรง
หลายปีมานี้ เขาทุ่มเทเวลาและกำลังไปที่เจียงจื่อหยวนอยู่ไม่น้อย ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดว่าต่อให้นางไม่สามารถมีอันดับสูงส่งเท่าหรงซิว น่าจะเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในหมู่คนส่วนใหญ่
แต่เมื่อเห็นนางในตอนนี้ เขาก็รู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง
เจียงจื่อหยวนส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วฝืนยิ้มออกมา
“ขอบคุณในความหวังดีของอาจารย์ แต่ครั้งนี้…ข้าทำให้อาจารย์ผิดหวังแล้ว ทั้งหมดนั้นเป็นความผิดของข้าเอง แต่ว่าท่านวางใจเถอะ หลังจากที่ข้ากลับบ้านไปแล้ว ข้าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”
เมื่อผู้อาวุโสตันชิงเห็นว่านางตัดสินใจแล้ว ดังนั้นจึงรู้ว่าต่อให้เขาโน้มน้าวไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้เพียงตอบรับ
“ก็ได้ เจ้าอยากกลับมาเมื่อไรก็ได้ อาจารย์จะรอเจ้าอยู่เสมอ”
วันนี้นางเสียกิริยาต่อหน้าทุกคนอย่างร้ายแรง อีกทั้งยังแพ้ให้กับหลินจือเฟย จากไปสักพักคงจะดีกว่า
รอจนกระทั่งความวุ่นวายทั้งหมดจางหายไป นางค่อยกลับมาก็ยังไม่สาย
เจียงจื่อหยวนยิ้มออกมาอย่างซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณอาจารย์มากเจ้าค่ะ เช่นนั้นวันนี้ศิษย์ขอตัวลา”
ผู้อาวุโสตันชิงถอนหายใจออกมา แล้วพยักหน้า
จากนั้นเจียงจื่อหยวนหมุนตัวแล้วเดินออกมา
ทุกคนต่างมองหน้ากัน
“นี่จะ…จากไปเช่นนี้เลยน่ะหรือ? ยังไม่ทันเรียนจบเลยนะ…”
“ก็แพ้ให้กับหลินจือเฟยแล้ว จะมาสนใจเรื่องเรียนอยู่เหตุใด? หากข้าเป็นนาง ข้าก็จะไป”
“ไม่ใช่ว่าเพราะแพ้ไม่ได้หรอกมั้ง…คนที่มีเบื้องหลังก็ดีแบบนี้แหละ อยากไปตอนไหน อยากจะกลับตอนไหน ก็ได้ทั้งนั้น!”
คำพูดที่ไม่น่าฟังเข้ามาในโสตประสาทของเจียงจื่อหยวน
มือที่อยู่ภายใต้แขนเสื้อกำหมัดกรอด การควบคุมสีหน้าได้อย่างยากลำบาก
เมื่อนางเดินมาถึงด้านหน้าของหลินจือเฟย ฝีเท้าของนางก็ชะงักไปเล็กน้อย
หลินจือเฟยเหมือนจะรู้ตัว จึงเงยหน้าขึ้นมา
เจียงจื่อหยวนยิ้มขึ้นมาอย่างกะทันหัน แต่แววตาของนางนั้นยังดูเย็นชาเช่นเดิม
“ศิษย์น้องหลิน คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะปกป้องนางขนาดนี้ แม้กระทั่งออกตัวแทนนางอย่างเต็มใจ…หากนางรู้เข้าละก็ จะต้องซาบซึ้งใจอย่างมากแน่นอนใช่หรือไม่?”
น้ำเสียงของนางนั้นจริงใจเป็นอย่างมาก ราวกับกำลังชื่นชมหลินจือเฟยอยู่จริงๆ
แต่ถ้าลองคิดดีๆ มันจะทำให้รู้สึกว่ามีอันใดบางอย่างผิดปกติ ในคำพูดของนางยังแฝงด้วยความคลุมเครืออยู่หลายส่วน
หลินจือเฟยเหลือบสายตามองขึ้นเล็กน้อย ภายในรูม่านตาแฝงด้วยรอยยิ้มหัวเราะเยาะอยู่สามส่วน
“ผาแดนสวรรค์เป็นหนึ่งในยี่สิบแปดกรมของพระราชวังเมฆนครสวรรค์ การปกป้องพระชายาถือเป็นเรื่องสมควรทำ เพียงแต่ว่า…หากศิษย์พี่หรงซิวรู้ว่าศิษย์พี่เจียงจื่อหยวนพูดเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างใดบ้าง?”
เจียงจื่อหยวนหน้าเปลี่ยนสีทันที!
“เจ้า!”
“ที่นี่คือสำนักหลิงเซียว ไม่ใช่เซียนสุ่ยหลิง หลังจากนี้ไปศิษย์พี่เจียงจื่อหยวนก็ระวังคำพูด ระวังกิริยาเสียหน่อยจะดีกว่านะขอรับ”
เจียงจื่อหยวนกลับหัวเราะออกมาด้วยความโมโห
“ได้! ศิษย์น้องหลิน วันหลังข้าจะมาขอคำชี้แนะจากเจ้าอีก!”
เมื่อพูดจบ นางก็สาวเท้าเดินออกไปในทันที
เมื่ออยู่ภายในสำนักนางไม่สามารถทำอันใดหลินจือเฟยได้ แต่หลังจากออกไปแล้วผาแดนสวรรค์จะต้องถูกเซียนสุ่ยหลิงขยี้!
รอนางกลับไปก่อน นางทำให้พวกเขาได้เห็นดีแน่!
…
หลังจากเจียงจื่อหยวนกลับไปแล้ว ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กลับเข้าสู่ความปกติอย่างรวดเร็ว
เจียงจื่อหยวนแค่คนเดียว ไม่คุ้มค่าพอที่จะให้พวกเขาเสียเวลาและพลังหรอก
ศิษย์ของสำนักหลิงเซียวเข้าใจเป็นอย่างดี ไม่ว่าเมื่อไร ความแข็งแกร่งของตนเองนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
การประลองชี้แนะนั้นยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
แต่ว่าในครั้งนี้ คนที่ต้องการมาประลองกับหลินจือเฟย ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
เดิมทีทุกคนคิดว่าเขาเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น แต่ใครจะรู้เล่าว่าเขาซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้จนลึกและไม่ยอมเปิดเผยออกมา!
ครั้งนี้หากใครต้องการประลองกับเขา ก็จำเป็นจะต้องคิดทบทวนให้ดี
หลังจากเกิดการวุ่นวายอยู่หนึ่งรอบ สุดท้ายคู่ต่อสู้ของหลินจือเฟย ก็คือหลัวเยี่ยนหมิง
และเป็นไปตามคาด หลังจากที่หลัวเยี่ยนหมิงต่อสู้กันอย่างดุเดือด เขาก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป
ในตอนนั้นทุกคนจึงได้ตระหนักว่า พรสวรรค์ของหลินจือเฟย แข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้มาก!
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงอดเดาะลิ้นไม่ได้
“เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้หลินจือเฟยไม่ได้สะดุดตา แต่คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะโดดเด่นขนาดนี้…ฮวาเฟิง เจ้าเก็บของชิ้นโตมาได้น่ะ!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเองก็รู้สึกดีใจอย่างมาก รอยยิ้มของเขาสั่นไหว
“หึๆ! นั่นน่ะสิ! ในหมู่ศิษย์ใหม่ผู้มีพรสวรรค์ด้านค่ายกลนั้น หากว่าเขาคือที่สอง จะไม่มีใครกล้าเป็นที่หนึ่งอย่างแน่นอน!”
ประเด็นสำคัญเลยก็คือ นิสัยของเขายังคงนิ่งเงียบ เขาจึงไม่จำเป็นจะต้องกังวลเรื่องใดๆ
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเลิกคิ้วขึ้น
“นั่นไม่ใช่…”
เขายังพูดไม่ทันจบ แต่เมื่อครุ่นคิดแล้ว จึงเกินคำพูดที่เหลือลงคอกลับไป
ผู้อาวุโสซูเฟิงถามต่อ
“เจ้าพูดว่าอันใดน่ะ?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงส่ายหน้าแล้วหัวเราะขึ้น
“ไม่มีอันใด! ศิษย์คนนี้ของเจ้า เจ้าต้องสั่งสอนให้ดีนะ อย่าปล่อยให้เสียทีเด็ดขาด!”
ผู้อาวุโสซูเฟิงหัวเราะเสียงดัง
“ข้าจะปล่อยให้ตกรอบได้อย่างใดเล่า? วางใจเถอะ ศิษย์ของข้าคนนี้ เป็นคนไม่ออกนอกลู่นอกทาง! อีกทั้งเขายังให้ความสนใจค่ายกลเป็นอย่างมาก ช่วงนี้ก็กำลังศึกษาอยู่ชิ้นหนึ่ง จริงสิ เจ้าก็เก่งเรื่องนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือ? หากมีเวลา เจ้าก็ไปชี้แนะเขาหน่อย เป็นอย่างใด?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงหัวเราะเสียงดัง แล้วตกลงทันที
…
สวนอสูร
ยามราตรีคืบคลาน
ฟ้าดินปั่นป่วน
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้ยืนอยู่กลางอากาศ จับตามองยอดเขาตาเขม็ง รอที่จะลงมืออยู่ตลอดเวลา!