ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1270 ฉู่เยว่อันตรายแล้ว
โครม!
ทันใดนั้นพลังมหาศาลก็กระจายออกมานอกถ้ำอย่างกะทันหัน!
หัวใจของผู้อาวุโสอวี๋อวี้เต้นระส่ำ
การเคลื่อนไหวนี้…
เป็นการทะลวงด่านจอมยุทธ์ระดับแปดของฉู่เยว่จริงหรือ?
เขาฝึกฝนมาหลายปี เคยเห็นผู้บำเพ็ญเพียรทะลวงประตูด่านก็เป็นจำนวนไม่น้อย หนึ่งในนั้นก็ยังมีคนที่มีพรสวรรค์โดดเด่นมาก
แต่ว่าเขากลับไม่เคยเห็นใครที่มีระลอกคลื่นแผ่กระจายอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้มาก่อนเลย!
แม้ว่าผู้บำเพ็ญเพียรบางคนตอนที่ทะลวงด่านจอมยุทธ์ระดับเก้า ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงขนาดนี้เลย!
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้กำหมัดกรอด จนอยากจะพุ่งตัวออกไปด่าคนเสียแล้ว!
ก่อนที่จะเข้ามา เขาได้พูดกับฉู่เยว่อย่างชัดเจนแล้วว่าให้บอกระดับที่แท้จริงของตนเอง!
ตอนนั้นเขาก็คิดว่าอีกฝ่ายได้พูดออกมาแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่า เขายังจะปิดบังซ่อนเร้นอยู่อีก!
รอจนถึงเวลานั้นเขาจะต้องมอบบทเรียนให้กับเจ้าเด็กฉู่เยว่อย่างแน่นอน!
โฮก...
เสียงคำรามเสียงหนึ่งดังขึ้นด้วยความยินดี เสียงนั้นดังมาจากยอดเขาอีกลูกที่ไม่ไกลจากตรงนี้!
เมื่อเสียงนั้นดังขึ้น เหมือนกับกลไกลึกลับบางอย่างถูกเปิดขึ้น นั่นไม่รู้ว่าเหตุใด จึงทำให้คนรู้สึกตกใจอย่างมาก ราวกับน้ำไหลบ่า ทุกคนยังไม่มีเวลาได้ตอบสนอง น้ำเหล่านั้นก็ไหลพวยพุ่งออกมาแล้ว!
“ฟ่อ…”
อีกทางหนึ่งมีเสียงร้องดังขึ้นหนึ่งเสียง
จากนั้นก็มีเสียงสัตว์อสูรนานาชนิดดังขึ้นจากทั่วทุกสารทิศ!
ก่อนหน้านี้สัตว์อสูรเหล่านั้นรอคอยอย่างเงียบเชียบ แต่ทว่าในตอนนี้มันยังรอคอยต่อไปไม่ไหวแล้ว พวกมันแยกเขี้ยวสีสว่างออกมา!
ภายในเสียงคำรามเหล่านั้นแฝงไปด้วยความโลภมากและความปรารถนาที่จะเอาชนะ!
การต่อสู้ที่แท้จริงยังไม่เริ่มต้นขึ้น แต่กลางอากาศกลับได้กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นแล้ว!
แผ่นหลังของผู้อาวุโสอวี๋อวี้มีเหงื่อเย็นๆ ผุดออกมา
ภายใต้ท้องฟ้าที่มืดมิด เงาร่างที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร ต่างมุ่งหน้าไปทางเขาลูกนั้น!
มุ่งหน้าไปทางส่วนกลางของยอดเขา!
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้แค่ก้มหน้าลงไปมอง ก็รู้สึกหนังศีรษะชาหนึบแล้ว
นี่มันมีจำนวนมากเกินไปแล้ว!
การทะลวงด่านของฉู่เยว่ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวที่รุนแรงมากเกินไป นอกจากสัตว์อสูรที่อยู่บริเวณใกล้เคียงแล้ว สัตว์อสูรที่อยู่ในระยะไกล แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นเหล่านี้ มันก็ทยอยมุ่งหน้ามาทางนี้
ถ้าไม่คิดหาหนทางจัดการให้ท่วงทันเวลา สัตว์อสูรจำนวนมากที่มารวมตัวกันจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น!
ร่างกายของผู้อาวุโสอวี๋อวี้รู้สึกตึงเกร็ง ในสมองคิดหาหนทางอย่างบ้าคลั่ง หวังว่าจะสามารถหาหนทางแก้ปัญหาได้โดยเร็ว
แต่ว่า…มันจะง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน?
ตอนนี้ก็มีเพียงสองวิธีเท่านั้น
ทางหนึ่ง ขัดจังหวะการทะลวงด่านของฉู่เยว่ และรีบพาเขาออกจากที่แห่งนี้โดยเร็วที่สุด
ส่วนอีกทางหนึ่ง ขับไล่สัตว์อสูรเหล่านี้ให้ออกไป ช่วยฉู่เยว่ให้พ้นจากสถานการณ์วิกฤต
แต่ไม่ว่าจะเป็นทางไหน มันก็ดูเป็นไปไม่ได้ทั้งหมด
ตอนที่ผู้บำเพ็ญเพียรกำลังจะทะลวงด่าน ต้องการสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ
หากมีการรบกวนใดที่ทำให้ล้มเหลว ผลลัพธ์ที่ร้ายแรงที่สุดคือตลอดชีวิตนี้จะไม่สามารถก้าวผ่านระดับนี้ได้อีกตลอดกาล
หากเขาทำเช่นนั้น แล้วเป็นการทำลายฉู่หลิวเยว่ขึ้นมาละ จะทำอย่างใด?
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ข้างกายของฉู่เยว่มีอสูรสันหลังเหล็กตัวโตเต็มวัยตัวหนึ่งคอยคุ้มกัน
เพื่อปกป้องเขา มันยอมที่จะสละลูกน้อยของตนเองไปแล้ว หากมันสัมผัสได้ว่ามีมนุษย์คนหนึ่งพยายามจะเข้าใกล้ มันจะต้องระเบิดพลังแบบนั้นอีกแน่นอน แค่คิดทำให้รู้สึกกลัวแล้ว
ส่วนวิธีที่สอง…
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้รู้ตัวดีว่าเขาไม่มีความสามารถขนาดนั้น
ต่อให้ลาดตระเวนอยู่ที่นี่มาหลายปี แต่เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสัตว์อสูรจำนวนมาก!
ด้วยสถานการณ์แบบนี้ ในที่สุดผู้อาวุโสอวี๋อวี้ก็หยิบตราหยกสีเขียวขึ้นมา จากนั้นก็ส่งข้อความขอความช่วยเหลือ!
…ฉู่เยว่ตกอยู่ในอันตราย ขอกำลังเสริม!
…
นี่ก็ดึกมากแล้ว ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ อยู่บนเขาหมื่นเมรัยก็ตั้งใจว่าจะซ่อมแซมในส่วนอื่นๆ ต่อ
แต่เมื่อเขาหยุดยืนนิ่งอยู่สักพัก ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสอันใดได้บางอย่าง หน้าก็เปลี่ยนสีไปทันที
ผู้อาวุโสโอวหยางและอีกคนก็มองเห็นท่าทีแปลกประหลาดของเขา จึงถามขึ้นมาว่า
“มีอันใดหรือ?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนไม่ได้พูดอันใด แต่กลับหยิบตราหยกสีเขียวของตนเองขึ้นมา
ตัวอักษรแถวหนึ่ง ค่อยๆ ปรากฏขึ้น!
รูม่านตาของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนหดเล็กลง
เมื่อสัมผัสได้ถึงลมปราณรอบตัวเขาที่เปลี่ยนแปลง ผู้อาวุโสโอวหยางและอีกคนก็มองหน้ากัน ในใจรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาหลายส่วน
“ถ้ามีธุระเล็กน้อย พวกเจ้าไปกันก่อนเลย”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพูดทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค จากนั้นก็เดินหมุนตัวจากไป
“เอ๋ นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่เนี่ย?”
ผู้อาวุโสโอวหยางอดถามขึ้นไม่ได้
น้อยครั้งมากที่เขาจะเห็นผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนมีสีหน้าเช่นนี้
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนชะงักไปเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า
“ทางสวนอสูรเกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อย ข้าจะต้องไปดูสักหน่อย”
“สวนอสูร?”
นั่นไม่ได้หมายความว่าฉู่เยว่เกิดเรื่องหรอกหรือ?
“แต่ผู้อาวุโสอวี๋อวี้ก็อยู่ที่นั่นมาตลอดเลยไม่ใช่…”
ผู้อาวุโสโอวหยางยังพูดไม่ทันจบ เขาก็เงียบเสียงไปทันที
เห็นได้ชัดว่าข้อความนี้เป็นคนเหล่านั้นที่ส่งมา นั่นหมายความว่า พวกเขาไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ในตอนนี้ได้อีกต่อไปแล้ว!
“พวกเราจะไปด้วย!”
ซั่งอวี้เซินรีบพูดขึ้นในทันที
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนส่ายหน้า
“พวกเจ้าอยู่ที่นี่ต่อก็พอแล้ว ท้ายที่สุดแล้วที่สวนอสูรก็มีค่ายกลขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีอวี๋อวี้และคนอื่นๆ ในตอนนี้น่าจะไม่เกิดอันใดขึ้น แต่ว่า…ถ้าพวกเจ้ามาด้วยเมื่อไรจะเป็นเป้าหมายขนาดใหญ่เกินไป ทำให้ดึงดูดสายตา”
เรื่องที่ฉู่เยว่ถูกขังอยู่ในสวนอสูร มีแต่พวกเขาไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่อง
หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ความพยายามของพวกเขาในหลายวันนี้จะต้องสูญเปล่าแล้ว
ผู้อาวุโสโอวหยางและซั่งอวี้เซินต่างมองหน้ากัน และรู้สึกเห็นด้วย
“หากมีปัญหาอันใดละก็ พวกเราจะรีบไปทันที”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพยักหน้า เขาสะกิดปลายเท้า แล้วพุ่งตัวจากไปด้วยความเร็ว
พรึ่บ…
ทันใดนั้นเองเสียงน้ำก็ปะทุขึ้นจากตาน้ำ
ผู้อาวุโสโอวหยางก็เริ่มตื่นตัวขึ้นในทันที
“นี่มันเกิดอันใดขึ้น?”
ซั่งอวี้เซินรีบสาวเท้าก้าวขึ้นไปด้านหน้า แล้วมองดูโดยรอบอย่างละเอียด ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ไม่มีอันใด เหมือนว่ามีก้อนหินที่อยู่ด้านข้างหลุดแล้วหล่นลงไปเท่านั้น”
ผู้อาวุโสโอวหยางไม่เชื่อจึงเดินขึ้นมาดูด้วยตนเอง จากนั้นถึงได้วางใจลงได้
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับช่วงเวลาสำคัญในตอนนี้ ห้ามมีข้อผิดพลาดใดๆ เลยเด็ดขาด”
…
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ผู้อาวุโสวั่นเจิงที่กำลังจัดยาอยู่ก็ได้รับข่าวจากผู้อาวุโสอวี๋อวี้
เมื่อเขาเห็นประโยคจากตราหยกสีเขียว เขาก็รีบลุกขึ้นอย่างตกใจ จนของที่อยู่บนโต๊ะล้มระเนระนาด
สมุนไพรล้ำค่าที่เขาเพิ่งจัดเสร็จล้มกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ผสมกองเป็นกองเดียว
แต่ผู้อาวุโสวั่นเจิงไม่สนใจเรื่องเหล่านี้แล้ว เขารีบสาวเท้าเดินออกไปทันที
“ข้าควรจะเฝ้าอยู่ที่นั่น ไม่ออกไปไหน!”
ทันใดนั้นเองเงาร่างของเขาก็หายไปจากด้านนอกประตูท่ามกลางราตรี
…
โครม!
ระลอกคลื่นกระจายออกจากบริเวณถ้ำมา!
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ม่านพลังที่อยู่บนท้องฟ้าก็เกิดการสั่นไหว
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้รีบพุ่งตัวขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อ ทำให้เกิดรูบนม่านพลังนั้น
เงาร่างหนึ่งพุ่งตัวมาด้านในอย่างรวดเร็ว
คนผู้นั้นคือผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน
“ฉู่เยว่เป็นอย่างใดบ้าง?”
เมื่อเขาเห็นผู้อาวุโสอวี๋อวี้ ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนก็ถามขึ้นทันทีอย่างอดทนรอไม่ได้
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้ยังไม่ทันได้ตอบคำถาม จากนั้นเขาก็เห็นคนอีกคนหนึ่งบินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ศิษย์ข้า! ศิษย์ข้า!”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงตะโกนขึ้นมาอย่างเป็นกังวล
หลังจากเข้ามาแล้ว เขาก็เห็นผู้อาวุโสอวี๋อวี้ เขาจึงรีบคว้ามือของอีกฝ่ายแล้วถามขึ้น
“ศิษย์ของข้าล่ะ? ป่านนี้เขาเป็นอย่างใดบ้าง?”
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้กลืนน้ำลายลงอย่างยากลำบาก แล้วชี้ลงไปด้านล่าง
“อยู่นั่น…”